ชายชราไฝดำกล่าวเสียงดัง “หกทองแดงพอซื้อเกี๊ยวไส้ผักได้สองชาม เ้ามากินเกี๊ยวผักของข้าเถิด ข้าจะแถมน้ำแกงให้เ้า”
สตรีนางนั้นมีดวงตาดุดัน กล่าวด้วยสายตาไม่พอใจว่า “เกี๊ยวของเ้ามีอะไรอร่อยกัน ข้าทำกินเองก็ได้ อีกอย่างเ้าไม่ใส่น้ำมันในน้ำแกงเลยสักนิด เพียงเอาไปต้มกับน้ำจืดๆ เท่านั้น หากอยากดื่มน้ำกลับไปต้มดื่มเองก็ได้ ยังต้องจ่ายเงินสามทองแดงด้วยหรือ”
เดิมทีลูกค้าหลายคนของร้านเกี๊ยวยังไม่คิดเช่นนั้น แต่เมื่อได้ยินคำพูดของสตรีนางนั้นก็พากันก้มหน้าลงมองน้ำแกงในชาม นี่เป็เพียงน้ำแกงธรรมดาไม่ผสมน้ำมันมิใช่หรือไร
ชายชราไฝดำโกรธจนไม่อยากสนใจสตรีนางนั้นอีก ได้แต่ใช้ตะกร้อลวกเกี๊ยวตีไปที่หม้อจนเกิดเสียงดังเคร้งคร้าง
เมื่อเหอตงเฟิงกลับมาถึงบ้านก็บอกเื่ขนมไหว้พระจันทร์ตระกูลหลี่กับเพื่อนบ้านทั้งสองที่กำลังกวาดพื้นอยู่ เพียงไม่นานเื่นี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งท้องถนน
“ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ชิ้นละสิบทองแดง ข้าจะไปดูเสียหน่อยว่ามันมีหน้าตาอย่างไร”
“ขนมไหว้พระจันทร์ในร้านขนมของตำบลเพิ่งจะขายชิ้นละสามทองแดง แถมยังใส่ไส้พุทราจีนด้วย ที่ดีหน่อยก็ขายห้าทองแดง ทั้งยังผสมถั่วเหอเถา หรืออย่างแพงที่สุดก็หกทองแดงเป็ไส้ลำไยและไส้เม็ดบัว แล้วขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ใส่ไส้อะไรเล่า”
เหล่าคนว่างงานพากันวิ่งมาที่ปากทางเข้าตำบล เพื่อมาดูขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ที่กล่าวว่า มีหนึ่งไม่มีสองในแผ่นดิน
“บ้านของพวกเราอยู่ที่หมู่บ้านหลี่ ในหมู่บ้านมีเพียงครอบครัวเราที่แซ่หลี่ ถามหาง่ายมากขอรับ”
“ผู้ที่จะสั่งจองขนมไหว้พระจันทร์รสหวานวันนี้ หนึ่งชิ้นวางเงินมัดจำสามทองแดงและต้องลงนามในสัญญาทั้งสองฝ่าย พรุ่งนี้พวกเราพี่น้องจะนำมาส่งที่ตำบล”
สองพี่น้องตระกูลหลี่ยิ้มแย้มตอบคำถามลูกค้าที่มาสอบถามทุกคนโดยไร้ความรำคาญ เมื่อพบกับลูกค้าที่ด่าว่าราคาแพงเกินไปก็ไม่โมโห หากจะทำการค้าต้องคุมอารมณ์ให้ดีจึงจะร่ำรวย
ในเกวียนมีอุปกรณ์เครื่องเขียนเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เด็กชายทั้งสองเขียนหนังสือได้ ใช้เวลาไม่นานก็ร่างสัญญาเสร็จและส่งมอบให้ลูกค้า
เดิมทีคิดว่าขนมไหว้พระจันทร์รสหวานชิ้นละสิบทองแดงแพงเกินไป คงจะไม่มีคนซื้อ ผู้ใดจะทราบว่าจะมีลูกค้าเก่าบางคนมาสั่งจอง ทั้งยังมีลูกค้าใหม่ที่มาตามข่าวอีกด้วย
“เทศกาลไหว้พระจันทร์มีเพียงปีละครั้ง ครอบครัวเราจึงทำขนมไหว้พระจันทร์หรูหราออกมาขายกันสักครั้งขอรับ”
“ครั้งนี้ต้องมากินขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ที่มีหนึ่งไม่มีสองในแผ่นดินให้ได้นะขอรับ”
เพียง่เช้าก็มีผู้สั่งจองขนมไหว้พระจันทร์รสหวานไปแล้วหลายร้อยชิ้น
สองพี่น้องตระกูลหลี่เก็บของด้วยใบหน้าแย้มยิ้มเตรียมกลับบ้าน แต่กลับพบว่าชายชราที่โดยสารเกวียนมาด้วยในวันนี้วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา โบกมือพลางะโลั่นว่า “ข้าขอซื้อขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นหนึ่ง”
ที่แท้หลานชายของชายชราเห็นลูกของเพื่อนบ้านกินขนมไหว้พระจันทร์รสหวาน จึงร้องห่มร้องไห้อยากกินบ้าง หากไม่ให้กินก็ลงไปนอนดิ้นโวยวายกับพื้น ทำให้เขาร้อนใจจนไม่สนใจเื่เงินทองแล้ว
หลี่ฝูคังกล่าวด้วยรอยยิ้มลำพองใจ “ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานขายหมดแล้วขอรับ”
ชายชราพ่นลมออกจากปากถลึงตาใส่อย่างโกรธเกรี้ยว “เหตุใดพวกเ้าไม่เหลือไว้ให้ข้าสักชิ้นหนึ่งเล่า ข้าบอกไว้แล้วว่าจะซื้อไปให้หลานชายกิน”
หลี่เจี้ยนอันเห็นชายชราอารมณ์เสีย จึงรีบร้อนพูดขึ้นโดยพลัน “พรุ่งนี้เช้าพวกเราสองพี่น้องจะมาขายอีกขอรับ”
จากนั้นเกวียนก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากตำบลจินจี ระหว่างทางกลับหมู่บ้านหลี่ก็รับเด็กๆ และสตรีมาอีกสี่คน ได้เงินมาอีกสามทองแดง
พี่น้องตระกูลหลี่ยังไม่ทันขับเกวียนเข้าหมู่บ้าน สตรีสองคนที่ไปซื้อไข่ไก่ในตัวตำบลก็กลับมาใส่ไฟเล่าเื่ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานของพวกเขาให้คนในหมู่บ้านฟังแล้ว
“ขนมไหว้พระจันทร์ของบ้านหลี่แพงจริงๆ ชิ้นละสิบทองแดงเชียว”
“ขนมไหว้พระจันทร์นี่ทำจากทองหรือเงินกันเล่า เหตุใดจึงได้แพงเพียงนี้”
คนชราในหมู่บ้านที่นั่งตากแดดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านเห็นเกวียนลาอันโดดเด่นเคลื่อนตัวเข้ามา จึงพากันกล่าวว่า “พวกเ้าขายขนมไหว้พระจันทร์ที่ตำบลชิ้นละสิบทองแดงจริงหรือ”
“มีคนซื้อหรือไม่”
“วันนี้กลับมาเร็วเชียว กิจการดีหรือไม่”
หลี่เจี้ยนอันผลิยิ้มอย่างเขินๆ กล่าวตอบด้วยเสียงไม่ดังนัก “กิจการพอใช้ได้ขอรับ”
หลี่ฝูคังที่นั่งอยู่ข้างหลี่เจี้ยนอันเชิดคางขึ้น ดวงตาเปล่งประกายแวววาว เขาที่ยามปกติพูดมากแต่วันนี้กลับปิดปากเงียบ
“เด็กๆ ทั้งห้าของบ้านหลี่มีความสามารถจริงๆ”
“หลี่ซานไม่อยู่บ้าน จ้าวซื่อก็ตั้งครรภ์ แต่เด็กๆ ทั้งห้าของบ้านหลี่ยังทำการค้าและดูแลทรัพย์สินของบ้านได้ดีขนาดนี้เชียว”
“เจี้ยนอัน ฝูคัง พวกเ้ายังไม่ได้บอกเลยว่า ขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นละสิบทองแดงของบ้านเ้ามีคนซื้อหรือไม่”
เสียงของชายชราในหมู่บ้านดังขึ้นที่ด้านหลังเกวียน หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังไม่ได้ตอบ เมื่อถึงบ้านแล้วก็ไม่จำเป็ต้องปิดบังซ่อนเร้นอะไรอีก รีบนำข่าวดีนี้ไปบอกคนในครอบครัวทันที
หลี่หรูอี้กำลังนับจำนวนขนมไหว้พระจันทร์รสหวานที่ทำเสร็จแล้วอยู่ในห้องที่ลานด้านหลัง หลายวันมานี้เตาทั้งสี่ถูกจุดเพื่อใช้ทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตลอด่เวลาฟ้าสาง นอกจากที่ให้คนในบ้านกินแล้วก็มีทั้งหมดหนึ่งพันหนึ่งร้อยห้าสิบชิ้น
จากสภาพอากาศในตอนนี้ ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานสามารถเก็บไว้ได้ยี่สิบวัน ขนมไหว้พระจันทร์ที่เพิ่งทำเสร็จจะต้องตากไว้ให้น้ำมันแห้งเสียก่อน
กลิ่นหอมของแป้งอันเข้มข้นตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง เพื่อป้องกันไม่ให้หนูมาขโมยกิน จึงต้องนำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานทั้งหมดไปใส่ไว้ในตะกร้าไผ่ใบใหญ่ แล้วนำตะกร้านั้นไปแขวนไว้กลางอากาศ
หลี่ฝูคังวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น เขาวิ่งผ่านตะกร้าไผ่สิบใบที่แขวนอยู่กลางอากาศ เข้าไปหาหลี่หรูอี้ที่กำลังคำนวณเงินทุนอยู่ “น้องห้า เ้าพูดถูกแล้ว คนในตำบลมีเงินมาก ยอมจ่ายสิบทองแดงเพื่อซื้อขนมไหว้พระจันทร์รสหวานของบ้านเราจริงๆ วันนี้ตอนเช้าก็มีลูกค้าสิบสามคนมาจองขนมไหว้พระจันทร์ของพวกเรา รวมทั้งหมดห้าร้อยสามสิบชิ้นแล้ว”
หลี่หรูอี้รู้สึกยินดียิ่งนัก รีบถามไปว่า “จ่ายเงินค่ามัดจำหรือไม่”
“จ่ายแล้ว เงินกับใบรับของอยู่ที่พี่ใหญ่” หลี่ฝูคังถูมืออย่างตื่นเต้น “น้องห้า ประเดี๋ยวตอนบ่ายพวกเราจะไปที่อำเภออีก เ้าว่าปริมาณการสั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์รสหวานที่อำเภอจะถึงหนึ่งพันหรือไม่”
“คงถึงกระมัง” หลี่หรูอี้ได้ยินเสียงหัวเราะเบิกบานของพี่ชายทั้งสามดังแว่วมาจากด้านนอก หลายวันมานี้พวกเขากังวลว่า ราคาของขนมไหว้พระจันทร์แพงเกินไปจะไม่มีคนซื้อ ตอนนี้ความจริงมาปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว จึงหัวเราะออกมาได้อย่างวางใจ
หลี่เจี้ยนอันรีบเดินเข้ามาถาม “น้องห้า พวกเราต้องทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานอีกหรือไม่”
“แน่นอน” หลี่หรูอี้ยื่นมือไปตบตระกร้าไผ่ที่แขวนอยู่ด้านหน้า พูดยิ้มๆ ว่า “ดูจากปริมาณการจองในวันนี้แล้ว ่เทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้พวกเราน่าจะขายขนมไหว้พระจันทร์รสหวานได้ห้าพันชิ้น”
หลี่ิ่หานกล่าวอย่างตื่นเต้น “ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานห้าพันชิ้นก็ห้าสิบตำลึง!”
“ระวังด้วย กำแพงมีหูประตูมีตา” หลี่อิงฮว๋ายื่นมือไปปิดปากหลี่ิ่หานพลางกระซิบบอก “เ้าอย่าลืมเงินทุนด้วย น้ำมันงา น้ำมันพืช น้ำตาล งาดำ แป้งขาว ล้วนต้องใช้เงินทั้งสิ้น”
แป้งขาวหนึ่งชั่ง น้ำมันงาสองชั่ง น้ำมันพืชหนึ่งชั่ง น้ำตาลหนึ่งชั่ง งาดำหนึ่งชั่ง รวมเป็เงินทุนสามสิบทองแดง ทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานได้สิบสองชิ้น หากไม่คิดค่าฟืน ค่าแรง รวมถึงค่าทำเตา จะได้กำไรทั้งหมดเก้าสิบทองแดง
ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานทำกำไรได้มากถึงสามเท่า
หลี่หรูอี้แบมือพลางส่ายหน้า “น้ำมันงาหมดแล้วเ้าค่ะ ทำไม่ได้แล้ว” จากนั้นจึงกล่าวต่อไปว่า “พี่สาม พี่สี่ ไปซื้อน้ำมันงาที่ตำบลมาอีกแปดสิบชั่งเถิด แล้วก็ซื้อน้ำตาลอีกสิบชั่ง งาดำอีกสิบชั่ง”
“น้องห้า วันนี้ให้พวกเราไปเอง พรุ่งนี้ค่อยให้พวกเขาไป” หลี่เจี้ยนอันเห็นหลี่อิงฮว๋ากับหลี่ิ่หานมีใบหน้าหดหู่จึงกล่าวอธิบาย “ผู้ดูแลร้านธัญพืชบอกกับข้าว่า จะลดราคาน้ำมันงาให้ข้าชั่งละสองทองแดง พวกเขาไม่รู้จักพวกเ้าคงไม่ลดให้พวกเ้าหรอก”
หลี่หรูอี้กล่าวกำชับไปว่า “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านขับเกวียนกันไปเถิด ระหว่างทางก็ไม่ต้องรับคนแล้ว”
หลี่ฝูคังะโโลดเต้นตามหลี่เจี้ยนอันออกไป พากันขับเกวียนออกไปจากบ้านอีกครั้ง
จ้าวซื่อเห็นบุตรชายคนโตและบุตรชายคนรองออกจากบ้านไปอีก ไม่นานก็ได้รู้จากปากบุตรีสุดที่รักว่า่เทศกาลไหว้พระจันทร์นี้อาจขายขนมไหว้พระจันทร์รสหวานได้ประมาณห้าพันชิ้น จึงรู้สึกดีใจจนใจเต้นตึกตัก ไม่อาจทำใจสงบปักผ้าต่อไปได้อีก
ตอนนี้เองมีเสียงแหลมของสตรีนางหนึ่งดังแว่วมาจากลานด้านนอกว่า “อาหญิงอยู่หรือไม่”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้