สตรีตรงหน้าผู้นี้...
จ้าวเยี่ยนมองแผ่นหลังของเหนียนยวี่ ในดวงตาสีดำสงบนิ่งราวสายน้ำไหลวนแปลกประหลาด
ราวกับกำลังพยายามพิสูจน์อะไรบางอย่าง ฉับพลันนั้นจ้าวเยี่ยนก้าวเดินไปข้างหน้า แล้วคว้าข้อมือของเหนียนยวี่ ดึงนางเข้าไปในอ้อมแขนของเขาด้วยกำลังทั้งหมด
การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เหนียนยวี่มิทันตั้งตัว ความรู้สึกััแนบชิดของร่างกาย ทำให้เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว คิดอยากจะผลักร่างของเขาออกไปโดยไม่รู้ตัว
ทว่าท่าทีต่อต้านของนาง กลับยิ่งเป็การจุดไฟในใจจ้าวเยี่ยน กระตุ้นความปรารถนาที่จะได้ใกล้ชิด เขามองสำรวจใบหน้าเหนียนยวี่ ั้แ่ครั้งแรกที่เห็นนาง ยามนั้นนางยังแต่งตัวเฉกเช่นบุรุษเพศ ร่างกายผอมบาง หน้าตาอัปลักษณ์ ทว่านั่นก็ผ่านมานานแล้ว ใบหน้าของนางในยามนี้ยิ่งมองก็ยิ่งดึงดูดขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือลักษณะที่จ้าวอี้ชอบงั้นหรือ?
ดวงตาของจ้าวเยี่ยนมืดมนขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้น จ้าวเยี่ยนยกมือขึ้นบีบคางเหนียนยวี่ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปหาเหนียนยวี่ เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ลมหายใจรดใบหน้านาง เขา้าจะทำกันแน่?
ชาติก่อน เขากับนางคุ้นเคยแนบชิดสนิทสนมกันทุกตารางนิ้ว และนางรู้ดีว่าเขา้าจะทำอะไรในเวลานี้
ยามที่ริมฝีปากกดลงมาใกล้ เหนียนยวี่หันหน้าหนี ริมฝีปากของชายหนุ่มหยุดชะงักใกล้มุมปากของนาง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
ทำท่าทีปฏิเสธเยี่ยงนี้อีกแล้ว ทว่าปฏิเสธแล้วอย่างไร มิรู้เพราะเหตุใด ในใจเขาจึงมักจะมีเสียงร้องเรียกให้พิชิตสตรีตรงหน้าผู้นี้เสมอ แม้นางจะขัดขืน ทว่าหากเขา้าสิ่งใดแล้ว เขาย่อมเอามันมาให้ได้ ไม่คำนึงสิ่งใดทั้งนั้น!
มือจ้าวเยี่ยนจับกรามของเหนียนยวี่แน่น เขาบีบใบหน้าของนางให้หันมา จนกรามของนางขึ้นสีแดงเรื่อ
เหนียนยวี่จ้องชายตรงหน้า มองดูความอยากอันบ้าคลั่งที่พรั่งพรูขึ้นในดวงตาของเขา นางยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน
แม้แต่ในชาติก่อน เขาหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนผู้ที่ปฏิบัติต่อสตรีอย่างอ่อนหวาน นิ่มนวล เอ่ยวาจาไพเราะ แม้ว่าจะหลอกลวงโกหก ท่าทีสง่างามของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนไป ทว่าวันนี้ เขากับใช้กำลังกับหญิงสาวงั้นหรือ?
เพราะเหตุใด?
เป็เพราะความใกล้ชิดของนางกับมู่อ๋องจ้าวอี้ ผนวกกับความแปลกแยกที่ทำให้เขารู้สึกว่าถูกคุกคามงั้นหรือ?
ท้ายที่สุดแล้ว ถึงอย่างไรชายผู้นี้ก็ยังสนใจอำนาจขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ!
สายตาของเหนียนยวี่ ทำให้จ้าวเยี่ยนยิ่งรู้สึกหงุดหงิดขึ้นไปอีก เขาสูดหายใจลึก มิอาจระงับอารมณ์ยามที่เอ่ยคำนี้ได้ “ยวี่เอ๋อร์ ในสายตาของเ้า เปิ่นหวางน่ารังเกียจขนาดนั้นเชียวหรือ?”
เหนียนยวี่ไม่ตอบ
รังเกียจหรือ?
แค่น่ารังเกียจเท่านั้นหรือ?
คนผู้นี้ นางเกลียดเสียจนอยากจะสับเขาเป็หมื่นชิ้น ทำให้เขารู้ชัดว่าความเกลียดของนางที่มีต่อเขา ไม่มีทางเลือนหายไปได้จนกว่าชีวิตจะหาไม่
ความเงียบของเหนียนยวี่ ทำให้คิ้วของจ้าวเยี่ยนขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิม
เหนียนยวี่ปิดตาและเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “ท่านอ๋องหลีปล่อยเหนียนยวี่ได้หรือไม่?”
หากยังััมากกว่านี้ นางเองก็รู้สึกทนไม่ไหวแล้ว
จ้าวเยี่ยนชะงักงัน รู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดของทั้งสองร่าง เขาไม่อยากปล่อยไปเลย แม้นางจะมีท่าทีเหินห่างรังเกียจ เขาก็ไม่คิดอยากจะปล่อย
มีบางอย่างที่อธิบายไม่ได้กวนใจเขา ่เวลาหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าตัวเองสนใจเหนียนยวี่ผู้นี้เพราะผลประโยชน์จากองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ หรือเพราะสตรีตรงหน้าผู้นี้กันแน่
ในใจของจ้าวเยี่ยนรู้สึกสับสน
ไม่เพียงแต่เขาไม่้าปล่อย ทว่าเขายังไม่คิดแม้แต่จะปล่อย
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว จ้าวเยี่ยนหรี่ตาลง และก้มเอนตัวลงไปอีกครั้ง เขาคิดอยากจะดื่มด่ำริมฝีปากแดงตรงหน้า จูบ่ชิงความเ็าที่มุมปากของนาง
เหนียนยวี่ไม่คาดคิดมาก่อนว่า ชายผู้นี้จะไม่ล้มเลิกความคิดของตนเอง เขาคิดจริงๆ หรือว่าเหนียนยวี่จะยอมให้เขาควบคุมอยู่เช่นนี้
ด้วยสายตาอันเฉียบคม เหนียนยวี่ยกเท้าขึ้นและเหยียบลงบนหลังเท้าของจ้าวเยี่ยนอย่างหนักหน่วง หากเป็สตรีธรรมดาทั่วไป ฝีเท้าที่เหยียบลงไปเช่นในยามนี้นั้นจะไม่เจ็บหรือคันสักนิด ทว่าชาติที่แล้วเหนียนยวี่เองก็เป็ผู้ฝึกตนมาก่อน แม้ร่างกายในชาตินี้จะไม่มีแรงเท่าชาติก่อน ทว่าฝีมือและทักษะกลับยังไม่ต่างจากเดิมสักนิด
จ้าวเยี่ยนไม่ระวังการกระทำของเหนียนยวี่แม้แต่น้อย ความเ็ปที่แล่นขึ้นมาจากหลังเท้า ทำให้จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว หายใจไม่ออก
เหนียนยวี่!
จ้าวเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะด่าทอนางในใจ นางไม่ยอม?
แต่ยิ่งนางปฏิเสธมากเท่าใด เขาก็ยิ่งไม่ยอมให้นางสมหวังมากขึ้นเท่านั้น
ความหมกมุ่นในใจของเขายิ่งแรงกล้าขึ้น แขนยาวที่โอบรัดเอวของเหนียนยวี่พลันรัดแน่นขึ้นมาทันที คิดอยากจะกักขังเหนียนยวี่ไว้ให้ลึกขึ้น ใบหน้าหล่อเหลารูปนั้นกดลงมาอีกครั้ง ครานี้ การกระทำของเขายิ่งดูบ้าบิ่นคลั่งไคล้ยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
ครั้นจ้องมองริมฝีปากของนาง เขายิ่งอยากทำให้นางรู้จักราคาของการปฏิเสธเขา ทว่าเขาคาดไม่ถึงเลยว่าท่าทีต่อต้านปฏิเสธที่เหนียนยวี่มีต่อเขานั้นกลับสลักลึกลงไปในกระดูกดำเสียแล้ว
เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจของชายหนุ่มที่เดินเข้ามา เหนียนยวี่ง้างมือขึ้น ฉับพลันนั้น เสียง 'เพี๊ยะ' ดังก้องไปทั่วลานเซียนหลานที่เงียบสงบ
จ้าวเยี่ยนตกตะลึง เขานึกไม่ถึงว่าเหนียนยวี่จะหาญกล้าบังอาจเช่นนี้!
นางตบเขา!
เค้าลางสับสนในใจของเขาก่อนหน้านี้ ยามนี้ราวกับถูกราดด้วยถังน้ำมัน จนเกิดเสียงดังปัง พร้อมกับเกิดไฟลุกไหม้ในจิตใจทันใด
่เวลาที่จ้าวเยี่ยนงงงวย เหนียนยวี่เห็นโอกาสเหมาะเจาะ ผลักเขาออกไปทันที นางและจ้าวเยี่ยนต่างถอยห่างกันออกไปไม่กี่ก้าว จ้าวเยี่ยนก้มตัวลงไปที่โต๊ะหินด้านหลังเขา อารมณ์ไหลวนในดวงตา ในความสับสนยุ่งเหยิงนั้นมีเปลวไฟลุกไหม้ ก่อตัวโหมกระหน่ำ
เหนียนยวี่รู้ดียิ่งนักว่า หากอารมณ์โกรธเกรี้ยวของชายผู้นี้ถูกจุดขึ้นแล้ว จะไม่มีทางเมตตาอีกต่อไป
ครั้งหนึ่ง เพราะความโกรธของเขา เมืองทั้งเมืองจึงกลายเป็เถ้าถ่านต่อหน้าเขา ทว่าท้ายที่สุด ชื่อของผู้ร้ายที่ทำลายเมืองยังคงเป็นาง 'เหนียนยวี่' ที่แบกรับ
ผู้คนต่างรู้ว่า เทพเ้าาชื่ออวี่นั้นกล้าหาญเก่งกาจการต่อสู้ และการสังหารหมู่ครั้งนั้นทำให้นางได้รับฉายาว่าเป็เทพเ้าาชื่ออวี่ผู้กระหายเื โหดร้าย เยือกเย็นและโเี้
หึ ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าทั้งหมดนั้นเพียงเพื่อมาแบกรับความผิดแทนบุรุษผู้เสแสร้งผู้นี้
ทว่านางในยามนั้น แม้ว่าจะแบกรับความผิดแทน ทว่ากลับรู้สึกหวานอมขมกลืน!
โง่เง่าขนาดไหน!
เหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลกในใจ สตรีนางหนึ่งตาบอดเื่ความรัก ในความรักที่นางเคยประสบพบเจอ ไร้ค่ายิ่งกว่าฝุ่นธุลี ทว่ายอมทุ่มเทจ่ายไปถึงเพียงนั้น สุดท้ายแล้วนางได้อะไรคืนกลับมา?
ใช้ประโยชน์จากนางครั้งแล้วครั้งเล่า...ข้อกล่าวหาเจ็ดสิบสองข้อ...การสมคบคิดและการสังหารที่วางแผนกันมาอย่างดี
“เหนียนยวี่!” จ้าวเยี่ยนจ้องมองเหนียนยวี่เขม็ง สายตาดุร้ายเช่นนั้น เขามิเคยเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจนเยี่ยงนี้มาก่อน "เ้าบังอาจยิ่งนัก!"
เหนียนยวี่ชะงักไปเล็กน้อย บังอาจหรือ?
“ท่านอ๋องหลี...”
“คุณหนูยวี่...”
เหนียนยวี่กำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นกลับมีเสียงของชายหนุ่มผู้หนึ่งเอ่ยตัดบทนาง และเ้าของเสียงนั้น...
เหนียนยวี่มองไปทางประตู บุรุษชุดดำหันหน้าก้าวเดินมาทางนี้ หน้ากากสีเงินส่องประกายระยิบระยับท่ามกลางแสงแดด
ฉู่ชิง?
ที่แท้ก็เป็เขา!
ทว่าเหตุใดเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่?
เมื่อก่อนเขามาเยือนลานเซียนหลานแค่ยามค่ำคืน ทว่าวันนี้...
ยามที่เหนียนยวี่กำลังยืนครุ่นคิดความคิดของตัวเองอยู่นั้น ฉู่ชิงได้เดินมาใกล้นางแล้ว ดูเหมือนว่าครั้นฉู่ชิงเข้ามา ความดุร้ายของจ้าวเยี่ยนเมื่อครู่นั้นพลันนิ่งสงบลงไป ทว่าใบหน้ายังคงผิดแปลกไม่เป็ธรรมชาติ
ในใจจ้าวเยี่ยนเองก็มีคำถามเช่นกัน ฉู่ชิงมาลานเซียนหลานทำไม?
“ท่านอ๋องหลี รบกวนแล้ว” ฉู่ชิงกล่าวพลางโค้งคำนับจ้าวเยี่ยน น้ำเสียงของเขาไม่แข็งกร้าวหรือถ่อมตัวจนเกินไปนัก เขาเพียงเหลือบมองจ้าวเยี่ยน จากนั้นเบนสายตาหันไปหาเหนียนยวี่ “คุณหนูยวี่ เปิ่นกว่าน[1] มาตามรับสั่งขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ให้มารับท่านไปส่งที่ตำหนักองค์หญิงใหญ่”
[1] เปิ่นกว่าน คำแทนตัวเองของขุนนาง