“พี่ฉิน พี่จะปล่อยกระทิงไปง่ายๆ อย่างนี้เหรอ?” ออกมาจากโรงพยาบาล ฮานซานฉางอดไม่ได้ที่จะถาม
“นายคิดว่าเป็ไปได้เหรอ?” ฉินหลางถามกลับ
“เป็ไปไม่ได้” ฮานซานฉางครุ่นคิด แล้วจึงหัวเราะร่าออกมา สำหรับฮานซานฉางแล้วคืนนี้นับได้ว่าน่าระทึกใจอย่างที่สุดแล้ว ตอนที่กระทิงใช้ปืนชี้หน้าเขา เขาคิดว่าตัวเองจะต้องจบแล้วซะอีก ใครจะคิดว่าฉินหลางจะเก่งขนาดนี้ กลับเป็ฝั่งกระทิงที่โดนจัดการซะเชื่อฟังเลย วิธีการแบบนี้ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ ตอนนี้ฮานซานฉางนับถือฉินหลางทั้งตัวและหัวใจแล้วจริงๆ
และที่สำคัญฮานซานฉางสามารถมองเห็นอนาคตข้างหน้า เมื่อมีฉินหลางเป็ลูกพี่ใหญ่ที่อยู่เื้ั ต่อไปอิทธิพลของเขาจะขยายใหญ่ขึ้นมากๆ
“ถูกต้อง ฉันไม่มีทางที่จะปล่อยกระทิงไปง่ายๆ แบบนี้อยู่แล้ว” ฉินหลางพูดด้วยท่าทีนิ่งเรียบ “ตอนนี้นายยังมีกำลังไม่มาก กระทิงเป็หมากอีกตัวที่นายสามารถใช้ได้ก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สิ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ต้องบีบบังคับเขามาก หมาจนตรอกถ้าโดนบีบมันจะสู้ไม่ถอย”
“หากแต่รูปโป๊พวกนั้น จะสามารถควบคุมกระทิงได้จริงๆ เหรอ?” ฮานซานฉางถามขึ้น
“เพราะอย่างนี้ฉันถึงบอกให้นายเอาปืนมันไปด้วยไง” ฉินหลางพูดเบาๆ “บนปืนกระบอกนี้มีลายนิ้วมือของกระทิงเต็มไปหมด ถ้าเราเอาปืนกระบอกนี้ไปยิงซางคุนและอันเต๋อเซิ่ง หรือใครก็ตาม นายว่าผลจะเป็ยังไง?”
“จะต้องไปคิดบัญชีที่กระทิงเป็แน่!” ฮานซานฉางกล่าวด้วยความดีใจ ขณะเดียวกันก็แอบตะลึงในวิธีการของฉินหลาง ช่างเก่งมากเสียจริงๆ! ขนาดมีปืนดีๆ แบบนี้ กระทิงยังเกือบจะโดนพวกเขาฆ่าตายแล้วเลย
ฮานซานฉางจะรู้ได้อย่างไรว่า ฉินหลางเป็ลูกศิษย์ของตาเฒ่าพิษ ตาเฒ่าพิษเป็ใครมีนิสัยอย่างไร? ไม่เพียงแต่เก่งวิชาการใช้พิษทว่ากับวิธีการยังนับว่าโเี้อำมหิตอย่าหาใครเปรียบ ฉินหลางได้รับการ “สั่งสอน” จากตาเฒ่าพิษอยู่เป็ประจำ อย่างที่เรียกว่าครูดีศิษย์ก็ดีตาม ฉะนั้นเล่ห์เหลี่ยมและวิธีการของเขาจะไม่ดีได้อย่างไร
“พี่ฉิน เ้าซางเป้าล่ะ?” ฮานซานฉางถามต่อ “เขาเป็สมุนคนสนิทของซางคุน ถ้าหากเขาเอาเื่ไปบอกซางคุนล่ะ?”
“พี่ฉาง เื่นี้พี่กังวลมากเกินไปแล้ว เื่นี้เป็เื่กระทิงควรที่จะเป็กังวลมากกว่า ถ้าหากกระทิงไม่อยากให้เื่ฉาวโฉ่ของตนถูกเปิดเผย จะต้องมีวิธีปิดปากซางคุนได้แน่” ฉินหลางกล่าวด้วยความเรียบเฉย “กระทิงสามารถยืนอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันนี้ได้ เราควรเชื่อในศักยภาพของเขา ไม่ใช่หรือไง?”
ฮานซานฉางถอนหายใจอีกครั้ง ตอนนี้ในใจเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีที่เขาไม่ได้เป็ศัตรูกับฉินหลาง
ฮานซานฉางมาส่งฉินหลางที่หน้าประตูโรงเรียน ตอนกำลังจะลงรถ ฉินหลางพูดขึ้นกับฮานซานฉาง “ตรวจสอบกิจการที่เป็ของอันเต๋อเซิ่งอย่างละเอียด เราจะต้องเตรียมการรับ่กิจการพวกนี้ต่อให้เรียบร้อย”
ฟังคำพูดของฉินหลางแล้ว ฮานซานฉางแอบรู้สึกดีใจ ถ้าหากรับ่กิจการของอันเต๋อเซิ่งได้สำเร็จ อิทธิพลของเขาจะต้องใหญ่โตมากขึ้นด้วยเช่นกัน เผลอๆ อีกไม่นานก็จะสามารถเป็พี่ใหญ่ของทั้งเมืองเซี่ยหยาง
หลังจากกลับมาถึงหอพักในโรงเรียน ฉินหลางก็เริ่มศึกษาข้อมูลของอันเต๋อเซิ่งที่อยู่ภายในซองเอกสาร ดูจากรูปถ่าย อันเต๋อเซิ่งดูเหมือนคนที่มีการศึกษา เป็นักธุรกิจที่แลดูมีภูมิฐาน แต่หลังแว่นเ้าหมอนี่ กับมีดวงตาที่เืเย็น โเี้อำมหิตต่างไปอย่างสิ้นเชิง
ฉินหลางไม่กล้าประมาทอันเต๋อเซิ่ง ตาเฒ่าพิษมอบหมายภารกิจนี้ให้เขา ไม่ใช่เพราะ้าให้เขา “ปราบเหล่าร้ายผดุงคุณธรรม”แน่นอน เพราะตาเฒ่าพิษไม่มีทางทำเื่แบบนี้แน่
อยากจัดการกับอันเต๋อเซิ่ง ฉินหลางก็จะต้องสืบพื้นหลังของเขาให้ชัดเจนก่อน
จากสถานการณ์ปัจจุบัน ฉินหลางพบร่องรอยบางอย่างแล้ว บิวตี้คลับก็คือเบาะแส เพียงแต่จากข้อมูลปัจจุบันที่ฉินหลางรับมานั้น บิวตี้คลับเหมือนจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีนักเรียนมัธยมหญิง อย่างน้อยดูผิวเผินแล้วไม่ได้มีปัญหาอะไร อันเต๋อเซิ่งคนนี้ ดูแล้วเป็คนกะล่อนปลิ้นปล้อนจริงๆ
ทว่าฉินหลางมั่นใจมากว่าเขาจะจะต้องหาเบาะแสเจอในไม่ช้าแน่
※※※
คืนวันอาทิตย์ นักเรียนต่างพากันกลับมาโรงเรียนเพื่อทบทวนตอนดึก
ฉินหลางทบทวนบทเรียนด้วยตัวเองเพียงคาบเดียว ก็กลับมายังห้องพักแล้ว เพื่อเริ่มเข้าฌานฝึกวรยุทธ์ต่อ
ไม่นานนัก จ้าวเหว่ยก็กลับมาแล้วเช่นกัน เขาเดินฮัมเพลงเข้ามาในห้อง เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดี
“จ้าวเหว่ย ดูไปแล้ววันหยุดสุดสัปดาห์นี้แลดูนายจะมีความสุขมากเป็พิเศษ” ฉินหลางหยุดการเข้าฌาน ลงจากที่นอนเพื่อพูดคุยกับจ้าวเหว่ย
“คนมีความสุขก็ต้องรู้สึกสดชื่นเป็ธรรมดา!” บนใบหน้าจ้าวเหว่ยฉาบเต็มไปด้วยความสุข
“มีเื่ดีอะไร?” ฉินหลางถามด้วยรอยยิ้ม “เก็บเงินได้รึไง?”
“รู้สึกดียิ่งกว่าเก็บเงินได้เสียอีก!” จ้าวเหว่ยโยนกระเป๋าเป้ลงบนที่นอน ก่อนจะแสดงท่าทีลึกลับ “สหาย ฉันจะบอกข่าวดีนายละกัน คืนวันอังคาร ฉันเตรียมจะพานายไปที่ดีๆ ที่หนึ่ง—หึ…”
“ที่ดีๆ ที่ไหน?”
“บิวตี้คลับ!” จ้าวเหว่ยยังคงหัวเราะหึๆ อยู่ หัวเราะได้ชั่วช้ามากจริงๆ
“บิวตี้คลับ?” ฉินหลางถามจ้าวเหว่ยด้วยความสงสัย เขารู้สึกว่าจ้าวเหว่ยกำลังล้อเขาเล่นอยู่หรือเปล่า เพราะถึงทางบ้านจ้าวเหว่ยจะมีฐานะดีอยู่บ้าง แต่เป็ไปไม่ได้ที่จะให้เงินเขาไปใช้จ่ายในที่แบบนั้น
บิวตี้คลับ มันคือที่ถลุงเงินถลุงทองโดยแท้
“โอเค นายเพิ่งมาไม่นานถึงยังไม่รู้ว่าบิวตี้คลับเป็ที่ๆ ดีขนาดไหน! แต่ว่า ที่นี่ไม่เลวเลยจริงๆ นะ ได้ยินมาว่าสาวๆ ที่บิวตี้คลับส่วนใหญ่จะมีประวัติการศึกษาดี ทั้งสวยทั้งเก่ง แถมบริสุทธิ์อีก…” จ้าวเหว่ยแทบจะน้ำลายไหลแล้ว
“เคยได้ยิน เพียงแต่นายจะไปจริงเหรอ?” ฉินหลางกล่าวถาม
ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าฉินหลางสงสัยเื่อะไร จ้าวเหว่ยเอามือพาดบ่าฉินหลางหัวเราะหึๆ “นี่เป็ของขวัญครบรอบ 18 ปีจากพ่อฉัน ฉันกำลังจะอายุครบ 18 ปีแล้ว จะให้เป็ผู้ชายพรหมจรรย์อยู่ได้ยังไง? เพราะฉะนั้นครั้งนี้พ่อฉันเพิ่มวงเงินในการใช้จ่าย ให้ฉันไปบิวตี้คลับหาผู้หญิงที่บริสุทธิ์หน่อย อายุน้อยหน่อย ให้ฉันได้เปิดซิงและกลายเป็ลูกผู้ชายเต็มตัว ต่อไปจะได้ไม่ต้องจดจ่ออยู่กับเื่นี้อีก ‘วันหน้า’ จะได้ตั้งใจเรียน สร้างอนาคตของตัวเอง!”
“พวกนายพ่อลูกนี่เจ๋งจริงๆ!”
ฉินหลางยกนิ้วโป้งให้จ้าวเหว่ย สไตล์ของพ่อลูกคู่นี้ไม่ยอมใจไม่ได้จริงๆ เพียงแต่ ฉินหลางก็รู้ว่าที่เป็แบบนี้เพราะแม่ของจ้าวเหว่ยเสียไปั้แ่เขายังเด็ก เพราะฉะนั้นสองพ่อลูกคู่นี้จึงเป็เหมือนม้าพยศที่ไม่มีคนคอยควบคุม
“แล้ว นายชวนฉันไปด้วยนี่หมายความว่ายังไง?” ฉินหลางกล่าว “หรือว่านายจะให้ฉันไปเป็สักขีพยาน เจอใครจะได้พูด ฉันเป็พยานได้ จ้าวเหว่ยเปิดซิงมาแล้ว วันที่เท่าไรเดือนอะไรปีอะไรที่บิวตี้คลับ ฉันเห็นเองกับตา?”
“ถูกต้อง ฉันคิดว่าจะให้นายไปเป็พยานจริงๆ แต่การเป็พยานให้กันและกัน จะได้มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน ฉันว่านายน่าจะยังเป็ผู้ชายพรหมจรรย์เหมือนกัน จะได้ไปเปิดซิงพร้อมกันเลย ถึงยังไงซะก็ไม่ได้ใช้เงินฉัน ใช้เงินพ่อฉันไม่เสียดายหรอก อีกอย่าง คนอื่นในหอ ต่างก็โดนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยพันธนาการเข้าทั้งนั้น ไม่มีกล้าไปเป็เพื่อนกับฉันหรอก”
จ้าวเหว่ยพูดให้กำลังใจ “โอกาสแบบนี้พลาดไม่ได้ พลาดแล้วพลาดเลยไม่มีอีกแล้วนะ พ่อฉันบอกแล้ว บิวตี้คลับ ที่แบบนี้ค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่รับประกันความสะอาด สาวๆ ในนั้นก็ต้องตรวจสุขภาพอยู่เป็ประจำ ไม่ต้องห่วงว่ามันจะ ‘ทำพิษ’ ”
“เฮ้อ ในฐานะสหายที่ดี ฉันจะต้องบอกนายสักสองสามคำ” ฉินหลางวางท่าเหมือนคนแก่ที่สั่งสอนด้วยความหวังดี “ก่อนอื่น ต้องขอบคุณในความหวังดี เพียงแต่ฉันยังไม่อยากจะเสียซิงมั่วๆ แบบนี้ มันไม่คุ้มกันเลย ถ้าในสมัยโบราณ การเสียซิงแบบนี้ ไม่เพียงไม่ต้องจ่ายเงิน ตรงกันข้ามยังจะได้อั่งเปาซองใหญ่ด้วย—”
“เช็ดเป็ด ถึงแกจะประหยัดอดออมก็ไม่ควรประหยัดกับเื่แบบนี้นี่หว่า” จ้าวเหว่ยพูดขึ้นขัดคำพูดของฉินหลาง “หรือถ้านายรู้สึกไม่คุ้มละก็ ฉันหาคนติดต่อเศรษฐินีที่ชอบกินเด็กหนุ่มพรหมจรรย์ให้นายก็ได้ รับรองว่านายจะได้อั่งเปาซองใหญ่ๆ จะกลัวก็แต่นายเห็นหน้าฝั่งตรงข้าม แล้วจะรีบหนีเอาสิไม่ว่า”
“เอาเป็ว่า ไปฉลองวันเกิดนายไม่มีปัญหา แต่จะเสียซิงมั่วๆ ไม่ได้” ฉินหลางยังคงยึดมั่นในหลักการของตัวเอง “ที่สำคัญ นายบอกว่ามีคนที่ชอบแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ความรักทางจิติญญากับการใช้ร่างกายัันั้นมันเป็คนละเื่กัน! แต่ถ้านายไม่อยากจริงๆ เพื่อนอย่างฉันก็ไม่บังคับนายหรอก!” จ้าวเหว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “จะกลัวก็แต่ เดี๋ยวถึงเวลาแล้วนายจะทนไม่ไหวเอา—ไม่พูดละ ตอนนี้ฉันยังทนแทบจะไม่ไหวแล้ว ฉันเข้าไปซ้อมมือในห้องน้ำดีกว่า…ตำเดียวดับพันทุกข์!”
“เก็บะุไว้บ้าง ไม่งั้นวันอังคารตอนถึง่สำคัญมันจะไม่ให้ความร่วมมือ!”
“ตำน้อยๆ จิตแจ่มใส ตำมากๆ ทำร้ายร่างกาย อย่าตำจนตัวตายดวงจิตสลาย…แหงนหน้ามองพระจันทร์ ก้มหน้าตำคนเดียว…รีบใช้กระบองสองท่อน ตำๆๆๆ!” ผ่านไปครู่หนึ่ง ในห้องน้ำมีเสียง “บทกวีการตำ” ที่จ้าวเหว่ยแต่งขึ้นเองออกมา
ฉินหลางถอนหายใจพลางส่ายหน้าอย่างเหลืออด พูดในใจ จ้าวเหว่ยนี่เยี่ยมดีจริงๆ เลย แต่อย่างไรก็ตามครั้งนี้จะได้ถือโอกาสไปเปิดหูเปิดตาที่บิวตี้คลับกับเขา จะได้ดูว่าเ้าจิ้งจอกเฒ่าอันเต๋อเซิ่งกำลังทำอะไรอยู่