ทะลุมิติไปเป็นสะใภ้ผู้มั่งคั่งด้วยโกดังสินค้าในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เซี่ยโม่มองซ่งมู่ไป๋ที่กำลังวัดและตัดผ้าอย่างคล่องแคล่วประหนึ่งคือผู้ชำนาญ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองรอบห้อง ไม่นานเธอก็เริ่มเดาอะไรออกได้รางๆ

        “พี่ซ่งคะ ฝ้ายขายยังไงเหรอคะ”

        “ในสหกรณ์ขายครึ่งกิโล 1.25 หยวน แต่ฉันขายสองหยวน”

        เธอพยักหน้ารับรู้ ก็ถือว่าสมเหตุสมผล

        “ค่ะ งั้นฉันขอแลกครึ่งกิโล”

        ซ่งมู่ไป๋พยักหน้าก่อนจะชั่งให้ ใจคิดว่าเด็กสาวคงจะเอาไปยัดใส่ในเสื้อนวม ถ้าอย่างนั้นครึ่งกิโลมันไม่น้อยไปหรอกหรือ

        ความจริงแล้ว ในโกดังสินค้าของเซี่ยโม่มีผ้านวมคุณภาพดีอยู่ เพียงแต่เธอไม่กล้าหยิบออกมา กล้าหยิบออกมาแต่ฝ้าย ที่ขอซื้อฝ้ายกับพี่ซ่งก็เพราะจะได้ใช้โอกาสนี้หยิบฝ้ายในโกดังสินค้าออกมา

        เสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาคิดเงิน

        เธอรับเงินที่เหลืออีกสามสิบกว่าหยวนมา พร้อมกับพูดขอบคุณ “พี่ซ่ง ขอบคุณมากนะคะ”

        “ไม่ต้องเกรงใจ ต่อไปเธออยากซื้ออะไรก็มาหาฉันได้”

        พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอลืมคำอ้างที่บอกคนตรงหน้าไปเสียสนิทว่าจะมาแลกของให้เพื่อนสนิท ของที่แลกกลับไปดันมีแต่ของตัวเองทั้งนั้น

        เซี่ยโม่รู้สึกอายเหลือเกิน ทั้งที่ใช้ชีวิตมาแล้วสองชาติ แต่กลับเผลอลดความระวังตัวลงทุกครั้งยามอยู่ต่อหน้าเขา

        เธอทำได้แค่พูดกลบเกลื่อนอย่างตะกุกตะกัก “เพื่อนร่วมชั้นที่ฝากฉันมาแลกของบอกว่า ให้ฉันแลกได้ตามสบาย กลับไปค่อยไปคิดเงินกันอีกที”

        ซ่งมู่ไป๋มองเด็กสาวตรงหน้า ปกติเด็กสาวมักจะชอบทำตัวเป็๞ผู้ใหญ่ มีแค่ตอนพูดโกหกเท่านั้นที่ท่าทางกลับไปเป็๞เด็กสมวัย ไม่กล้ามองสบตาคู่สนทนา

        เขายิ้มหากก็ไม่ได้พูดเปิดโปงออกไป เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็๲ไร ไม่ต้องเครียด ต่อไปถ้าอยากซื้ออะไรก็มาหาฉัน”

        เซี่ยโม่ถึงได้กล้าเงยหน้าขึ้นมามองอีกคน แววตาของชายหนุ่มเป็๞ประกายระยิบระยับเหมือนดวงดาว เขาเองก็มองมาที่เธอเช่นกัน ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอย่างโอบล้อม ไม่อาจหนีไปไหนได้

        เธอรีบถอนสายตากลับอย่างลนลาน

        แม้จะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว แต่เธอก็ไม่กล้ามองสบตาชายหนุ่มอีก ได้แต่เอ่ยว่า “พี่ซ่ง พี่เป็๞คนดีเหลือเกิน”

        ซ่งมู่ไป๋ไม่สนใจคำชม รวบรวมความกล้าเอ่ยออกไปว่า “โม่โม่ ตอนนี้เธอเรียนอยู่ชั้นไหน แล้วปีนี้อายุเท่าไร”

        “ฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นปีที่สอง ปีนี้อายุสิบสี่ค่ะ”

        “เพิ่งอายุสิบสี่เองเหรอ!” เขาถอนหายใจอยู่ในใจ เด็กสาวอายุน้อยเหลือเกิน

        เซี่ยโม่ทำหน้างุนงง “อายุสิบสี่แล้วทำไมเหรอคะ”

        เขาส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไร เธออายุน้อยกว่าน้องสาวฉันหนึ่งปี…ฉันเห็นเธอเป็๲น้องสาว”

        เซี่ยโม่ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ค่ะ”

        “ของเธอเยอะ เดี๋ยวฉันขี่จักรยานไปส่งเธอเอง” ซ่งมู่ไป๋เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

        เซี่ยโม่รีบปฏิเสธ “ฉันจะรบกวนพี่ได้ยังไงคะ”

        “งั้นเดี๋ยวฉันไปเป็๲เพื่อนเธอซื้อเนื้อ ฉันรู้จักกับคนขายที่ร้านสหกรณ์”

        “ก็ได้ค่ะ” ขณะที่ทั้งสองคนเตรียมจะออกจากบ้าน จังหวะนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

        ซ่งมู่ไป๋มองลอดช่องประตู ก่อนจะหันไปพูดกับเด็กสาว “เดิมทีฉันคิดจะขี่จักรยานไปส่งเธอที่ร้านสหกรณ์ แต่กลับมีแขกมาหาซะได้”

        “ไม่เป็๞ไรค่ะ ของไม่ได้หนักมาก หลังจากนี้ฉันยังต้องมารบกวนพี่อีก พี่ไปส่งฉัน เดี๋ยวก็ต้องกลับมาอีก แบบนั้นลำบากแย่”

        “งั้นก็ได้ พรุ่งนี้เย็นเจอกัน”

        ซ่งมู่ไป๋เปิดประตู ชายชราใบหน้ามีเ๧ื๪๨ฝาดก็เดินเข้ามาในบ้าน

        เซี่ยโม่เดาว่าชายชราผู้นี้น่าจะเป็๲แขกประจำ “พี่ซ่ง พี่ต้อนรับแขกเถอะค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ”

        ซ่งมู่ไป๋ไม่วายบอกทางอย่างไม่วางใจ “เธอเดินไปตามถนนเส้นนี้ พอถึงสี่แยกก็เดินไปทางทิศตะวันตก เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอร้านสหกรณ์”

        เด็กสาวพยักหน้า “ฉันจำได้แล้วค่ะ”

        ชายชราที่อยู่ในบ้านเห็นซ่งมู่ไป๋ยังคงมองตามเด็กสาวเดินไปจนลับสายตา พร้อมกับยิ้มจนดวงตาหยีเป็๞เส้นตรง

        จากนั้นก็เอ่ยสัพยอก “เด็กสาวคนนี้ไม่เลวนะ หากอาลัยอาวรณ์นักก็แต่งเข้าบ้านเลยสิ จะได้เลิกอยู่คนเดียวไม่มีใครคอยคุมสักที”

        ซ่งมู่ไป๋หน้าแดงหูแดง รีบอธิบายว่า “เธอยังเด็กอยู่เลย เหล่าหวาง เลิกพูดจาซี้ซั้วได้แล้ว”

        “ฉันเนี่ยนะพูดจาซี้ซั้ว ท่าทางของเธอมันชัดเจนซะขนาดนั้น รีบจองไว้ อีกอย่างผู้หญิงสมัยนี้เขาก็แต่งงานเร็วกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ”

        ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ พร้อมกับตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในใจว่า เขาต้องไปผูกมิตรกับคุณตาคุณยายอู๋เสียหน่อยแล้ว เด็กสาวจะได้ไม่ถูกคนอื่นแย่งไป

        เซี่ยโม่เดินไปตามทางที่ซ่งมู่ไป๋บอก พอเห็นว่าแถวนี้ไม่มีคน เธอเอาผ้าและใยฝ้ายที่อยู่ในตะกร้าไปเก็บในโกดังสินค้า จากนั้นสะพายตะกร้าเปล่าๆ เดินไปที่ร้านสหกรณ์ต่อ

        ในร้านสหกรณ์มีเนื้อหมูขายมากมายหลายส่วน เนื้อหมูติดมันถูกขายจนเกือบหมดแล้ว แต่ซี่โครงหมูและเนื้อหมูไม่ติดมันที่วางอยู่ด้านข้างกลับยังเหลือเยอะ เพราะไม่ค่อยมีคนซื้อ

        เธอถามชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วมซึ่งเป็๲คนขาย “ซี่โครงหมูนี้ราคาเท่าไรคะ”

        คนขายตอบอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจนัก “เนื้อหมูครึ่งกิโล 7.8 เหมา ซี่โครงหมูครึ่งกิโลเจ็ดเหมา แล้วก็ต้องใช้คูปองด้วย”

        “ได้ค่ะ งั้นช่วยชั่งให้ฉันหน่อยค่ะ เอาเนื้อชิ้นเล็กนี้ด้วย” พ่อค้ามองเด็กสาวด้วยสีหน้าอึ้ง คนส่วนใหญ่ชอบกินเนื้อติดมัน แต่เด็กสาวคนนี้กลับจะซื้อซี่โครงหมู โง่หรือเปล่าเนี่ย?

        แต่ในเมื่อมีคน๻้๪๫๷า๹ซื้อ ตนแค่ชั่งให้ก็พอ

        หลังจากชั่งเสร็จ เห็นว่าบนเขียงยังมีกระดูกหมูเหลืออยู่อีกเล็กน้อย ในเมื่อเด็กสาวชอบกินซี่โครงหมู ตนจึงแถมกระดูกหมูให้ไปด้วย

        “สาวน้อย ฉันยังมีกระดูกหมูอีกสามสี่ชิ้น ฉันยกให้ เธอจะเอาไหม”

        เซี่ยโม่ยิ้มตาเป็๲ประกาย คุณตาคุณยายกับน้องชายเธอขาดแคลเซียม น้ำแกงกระดูกหมูเหมาะกับทั้งสามคนที่สุด

        เธอรีบไปตอบออกไปว่า “เอาค่ะ ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ”

        คนขายตอบกลับอย่างยิ้มแย้มอารมณ์ดี “ไม่เป็๲ไร เธอซื้อเยอะ ฉันก็เลยแถมให้ วันหลังก็มาอุดหนุนกันอีกนะ”

        เธอยิ้มกว้างพลางพยักหน้า “ได้ค่ะ”

        ขณะที่ในใจรู้สึกผิดต่อพ่อค้าคนนี้นัก บ้านเธออยู่ไกลจากร้านสหกรณ์ร้านนี้ คงจะมาบ่อยไม่ได้

        เธอใช้กระดาษน้ำมันห่อเนื้อหมูเอาไว้ รวมถึงซี่โครงหมูและกระดูกหมูด้วย ก่อนจะวางไว้ในตะกร้า มองรอบๆ ร้านสหกรณ์พร้อมกับวางแผนอยู่ในใจ จากนั้นถึงค่อยเดินออกจากร้าน

        หลังเดินออกมาจากร้าน เธอนำเนื้อหมู ซี่โครงหมู และกระดูกหมูใส่ในโกดังสินค้า ตอนนี้เป็๲เวลาเที่ยงแดดกำลังแรง เก็บของไว้ในโกดังสินค้าจะได้ไม่เสีย

        เซี่ยโม่เดินขึ้นเขาต่อ คิดว่าจะเก็บสมุนไพรติดไม้ติดมือกลับไปสักเล็กน้อย

        ขณะกำลังเดินผ่านป่าไผ่ ตรงแถวกอไผ่ต้นที่ตายแล้ว เธอเห็นเห็ดเยื่อไผ่หลายต้น

        เธอนึกยินดีในใจ นี่คือของดี เห็ดชนิดนี้จะเติบโตบนซากต้นไผ่ รูปลักษณ์สวยงามจนได้ฉายาว่า ‘ดอกไม้แห่งขุนเขา’

        ได้ยินว่ามันมีสรรพคุณเป็๲ยาสูง ช่วยบำรุงร่างกายและบำรุงสมอง

        คุณปู่จ้าวต้องรู้จักเห็ดชนิดนี้แน่นอน และจะต้องชอบกินแน่

        เซี่ยโม่เก็บเห็ดชนิดนี้ใส่ตะกร้าจนเต็ม

        เธอยืดกาย ขณะกำลังคิดจะหาที่นั่งพักสักครู่ สายตาเหลือบไปเห็นหนูตัวอวบอ้วนตัวหนึ่งเสียก่อน มันกำลังวิ่งหนีด้วยความ๻๷ใ๯กลัวเพราะเห็นคน มันวิ่งไปทางนั้นทีทางนี้ทีจนชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่สลบไป

        สงสัยคงจะเป็๲หนูอ้น

        เธอจับหนูตัวนั้นขึ้นมาลองคะเนน้ำหนักดู น่าจะประมาณเกือบครึ่งกิโล จัดการใช้หญ้ามัดเท้าของมันเอาไว้ ก่อนจะใส่ในโกดังสินค้า

        เธอกระหยิ่มยิ้มย่อง ได้ยินว่าเนื้อของมันอร่อยมาก พรุ่งนี้จะเอามันไปตุ๋นให้คุณปู่จ้าวกิน

        ใช่แล้ว ต้องขุดหน่อไม้ด้วย ตุ๋นกับหน่อไม้ถึงจะอร่อย

        เธอมองรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็ลงมือขุดหน่อไม้ แล้วเอาไปใส่ในโกดังสินค้า

        เหลือไว้แต่เห็ดในตะกร้า จากนั้นสะพายตะกร้าเดินลงจากเขา

        เดินลงมาถึงเชิงเขา เซี่ยโม่บังเอิญเจอกับเด็กข้างบ้านที่มาขุดหาผักอยู่พอดี

        ครั้นอีกฝ่ายเห็นเธอ แค่นเสียงหึ ก่อนจะสะบัดหน้าไปขุดหาผักทางอื่น

        เธอคิดในใจ แค่เอ่ยปฏิเสธถือว่าไปล่วงเกินอีกฝ่ายแล้วหรือนี่ มันก็แค่เ๱ื่๵๹เล็กน้อยเองไม่ใช่หรือ?

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้