เธอมีความสัมพันธ์อันดีกับพี่สะใภ้ั้แ่เล็ก ด้วยพี่สะใภ้เป็คนใจกว้าง ระมัดระวัง และไม่คิดเล็กคิดน้อย เธอจึงคิดไม่ตกเลยว่าพี่สะใภ้แสนดีขนาดนี้จะนอกใจได้อย่างไร? หรือเพราะว่าสำหรับเธอแล้ว การที่พี่ชายขาหักมันแย่เกินกว่าจะรับไหว?
เจิ้งหยวนสูดลมหายใจลึก คิดมากตอนนี้ไปทำไม อย่างไรเสีย เื่ราวพวกนั้นก็ยังไม่เกิดขึ้น โลกนี้ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน หรือบางทีพี่สะใภ้อาจมีปัญหาหนักใจที่พูดยาก? ขอเพียงชาตินี้บ้านเธอมีชีวิตดี
พี่ชายสุขสบาย พี่สะใภ้น่าจะไม่ทำเื่เหลวไหลเช่นนั้นอีก แต่หากกล้า
เธอนี่แหละจะไม่ให้อภัยคนแรก!
ครั้นคิดจนปลงตกแล้วมองเฝิงิเยว่อีกรอบก็รู้สึกเจริญตาขึ้น เจิ้งหยวนเอ่ยอย่างไม่แยแส “รู้ก็ไม่เป็ไรหรอก ฉันไม่ได้ทำเื่ไร้ยางอายกับหลินเสี่ยว
หยาง แค่ดูหนังไม่กี่ครั้งเอง คนอื่นบอกเราสองคนดูใจกัน
ฉันก็บอกได้ว่าระหว่างเราเป็เพียงสหาย คบหาเพราะงานอดิเรกเหมือนกัน
เป็มิตรภาพที่บริสุทธ์ใจไม่มีสิ่งใดแอบแฝงแค่นั้น”
เฝิงิเยว่ใกับความสามารถปั้นน้ำเป็ตัวของเจิ้งหยวน แล้วเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “นี่ นี่ พูดแบบนี้ได้เหรอ?”
เห็นดังนั้น เจิ้งหยวนจึงแย้มยิ้มและกล่าวตอบ “ทำไมไม่ได้ล่ะ มีคำกล่าวไว้ อากงพูดอย่างหนึ่ง อาม่าพูดอย่างหนึ่ง พูดกันไปคนละทางสองทาง ก็จะไม่เหลือหลักฐาน แน่นอนว่าฉันพูดคำไหนคำนั้น พรุ่งนี้ฉันจะไปอธิบายกับหลินเสี่ยวหยางที่อำเภอ พอเลิกกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว ขอเพียงเขาไม่พูดออกไป จะมีใครรู้ว่าเราสองคนเคยคบกันล่ะ”
เฝิงิเยว่สีหน้าทึมทื่อ ปล่อยให้คำพูดของเจิ้งหยวนวนเวียนในหัวอยู่ครึ่งค่อนวัน จึงค่อยตระหนักได้ว่าหลักการนี้สมเหตุสมผลแล้วริงๆ แต่เมื่อเธอมองมายังน้องสาวสามีของตนเอง ดวงตาคู่นั้นยังคงเป็ดวงตาดอกท้อ จมูกและปากยังคงเหมือนเดิม แต่ทว่ากลับรู้สึกเหมือนเป็คนละคนเสียอย่างนั้น สำหรับเฝิงิเยว่แล้ว เจิ้งหยวนไม่เคยแต่งเื่โกหกจริงจังขนาดนี้มาก่อน! น้องสามีมีนิสัยตรงไปตรงมา มีอะไรก็มักพูดอย่างนั้น
ไฉนจะหลักแหลมเช่นตอนนี้?
หากเจิ้งหยวนรู้ว่าพี่สะใภ้คิดสิ่งใดอยู่ เกรงว่าคงหน้าชาไปแล้ว เธอฉลาดขึ้นฉับพลันที่ไหนกัน เธอขัดเกลาในตลาดการค้ามาหลายปี ถูกเอารัดเอาเปรียบมากมาย ถึงเรียนรู้ได้ต่างหาก
ก่อนที่เฝิงิเยว่จะถามต่อ “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ยังจะไปอำเภอเหรอ? แผลบนแขนเธอยังไม่หายดีเลย หากใครมาเห็นเข้า เธอจะอธิบายยังไงล่ะ?”
เจิ้งหยวนเอ่ยตอบว่า “มีแผลสิดี จะได้บอกตามตรงว่าพ่อไม่เห็นด้วย”
“ไม่ได้นะ!” เฝิงิเยว่เอ่ยเคร่งเครียด“ถ้าเขาวิ่งแจ้นมาต่อว่าคุณพ่อเล่า?”
เฝิงิเยว่กังวลว่าหลินเสี่ยวหยางจะเืขึ้นหน้า ดึงดังมาหาถึงบ้านเพื่อขอคบหากันอย่างอิสระ อย่างไรเสีย วัยรุ่นเืร้อนสมัยนี้ก็มีเยอะแยะ ทั้งนิสัยยังวู่วามไม่สนสิ่งใด แต่เจิ้งหยวนรู้ดี หลินเสี่ยวหยางไม่ใช่คนพรรค์นั้น เธอขยับยิ้มขมขื่น “หากเขามีความเด็ดเดี่ยวจริงๆ ปีนั้นพวกเราคงไม่…” เธอลดเสียงกะทันหัน รู้ตัวว่าพูดจาสองนัย เลยรีบกลับคำใหม่ “ฉันก็ไม่ชอบพอเขาแล้ว” เว้นวรรคไปนิดก่อนว่าต่อ “ฉันถูกใจที่เขาเชื่อฟังน่ะ” เชื่อฟังมากก็จริง เพียงแต่ว่าเขาเชื่อทุกคน ฟังคำของเธอ แล้วฟังแม่เขาด้วย มันช่างยากจะอธิบายนัก
โชคดีที่เฝิงิเยว่ไม่สงสัยประโยคที่เกือบหลุดของเธอ เพราะใกับคำพูดหลังของเจิ้งหยวนมากกว่า เธอเคยได้ยินแต่ถูกใจหน้าตา ชอบพื้นเพครอบครัวของฝ่ายตรงข้าม หรือไม่ก็พึงใจที่อีกฝ่ายมีความรับผิดชอบและมากความสามารถ เพิ่งเคยได้ยินว่าถูกใจที่เชื่อฟังครั้งแรก
“หยวนหยวนเอ๋ย เธอช่าง…” เฝิงิเยว่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร เธอเงียบไปอึดใจหนึ่งแล้วเปลี่ยนเื่ “งั้นเธอจะไปพบหลินเสี่ยวหยางพรุ่งนี้เหรอ?”
“อะไรนะ? แกยังจะไปพบเด็กแซ่หลินอีกเหรอ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้