อวี้จิ่นเดินไปที่ประตูอีกครั้งสำรวจดูซ้ายขวารอบหนึ่ง เมื่อไม่เห็นว่ามีสิ่งผิดปกติใดแล้ว นางจึงปิดหน้าต่างเสียก่อนกลับมาที่ข้างตัวหลิ่วจิ้ง
“ฮูหยิน ท่านมีแผนการใดหรือไม่เ้าคะ”
หลังจากอิ๋งเหอออกไปแล้ว หลิ่วจิ้งก็ลืมตาขึ้นและรู้สึกพอใจกับวิธีที่อวี้จิ่นจัดการทุกสิ่งเป็อย่างมาก
“ทางรอดทางเดียว ก็คือพวกเราต้องมีเส้นสายของเราเอง”หลิ่วจิ้งเอ่ยความคิดของนางออกไปด้วยระดับเสียงที่อวี้จิ่นสามารถได้ยินเพียงคนเดียว
วิธีนี้นางใคร่ครวญมานานมากแล้ว แต่ติดที่ไม่มีเงิน นางจึงมิอาจดำเนินการตามแผนเสียทีประการแรกต้องมีการข่าวของตนเอง ประการที่สองต้องมีคนที่นางสามารถใช้สอยได้สิ่งเหล่านี้มีเื่ใดบ้างที่ไม่ต้องใช้เงิน
คนที่นางเชื่อใจได้ก็มีเพียงอวี้จิ่นคนเดียว แม้แต่อิ๋งเหอนางก็ยังมิอาจเชื่อใจได้ในต่างบ้านต่างแคว้นที่ไร้ที่พึ่งพา อาศัยแค่ความเชื่อใจโดยไร้ข้อผูกมัดใดๆหลิ่วจิ้งย่อมไม่กล้าลงมือ
“เราจะเริ่มลงมือกันเช่นใดดีเ้าคะ” อวี้จิ่นถามให้ง่ายลง
หลิ่วจิ้งพอใจนักที่อวี้จิ่นเปิดประเด็นมาดังนี้ เห็นทีว่านอกจากองค์หญิงหวงฝู่จิ้งให้นางมาเป็ตัวตายตัวแทนแล้วอีกเื่ที่ทำถูกต้องก็คือส่งอวี้จิ่นมาที่นี่
หลิ่วจิ้งเองก็ไม่คิดว่าทั้งที่อวี้จิ่นมาเพื่อคอยจับตาดูนางในตอนแรกแต่ภายหลังกลับกลายมาเป็กำลังสำคัญของนาง
นางกวักมือให้อวี้จิ่นเอาหูมาใกล้ๆ “พวกเราก็อาศัย ‘งานดีๆ’ ที่นางจ้าวมอบหมายให้พยายามยักยอกเงินจำนวนหนึ่งมา เมื่อมีเงินทุนแล้วพวกเราค่อยคิดหาโอกาสใช้เงินไปต่อเงิน”
“ฮูหยิน ท่านโปรดเชื่อใจอวี้จิ่น ต่อไปอวี้จิ่นจะทำงานถวายชีวิตให้ฮูหยิน”อวี้จิ่นสาบานอย่างแน่วแน่
“ดี ไปนอนก่อนเถิด วันพรุ่งค่อยว่ากัน นับั้แ่นี้ไปควรกินก็กินควรนอนก็นอน จะต้องรักษาให้ร่างกายอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมที่สุดวันหน้ายังมีศึกหนักอีกมากที่พวกเราต้องฟันฝ่าไปให้ได้ อย่าได้ ‘ไม่อยากชาไม่ห่วงข้าว’ จนตัวเองล้มไปเสียก่อน”
“เ้าค่ะฮูหยิน ฮูหยินเองก็โปรดพักผ่อนด้วย” อวี้จิ่นประคองให้หลิ่วจิ้งนอนลงแล้วห่มผ้าให้เรียบร้อยจึงเดินไปนอนที่ห้องข้าง
ราตรีดึกดื่น ทุกคนในจวนแม่ทัพกลับสู่ห้วงฝันอีกครา
หั่วอี้จูงม้าตัวหนึ่งออกจากจวนแม่ทัพด้วยจิตใจสับสนเขาควบม้าออกไปอย่างเร่งรีบจนเด็กรับใช้เฝ้าประตูนึกว่าเขาได้รับคำสั่งเร่งด่วนจากค่ายทหารเสียอีก
หลังออกจากจวนแม่ทัพมาแล้ว จู่ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ใดดึกดื่นค่ำมืดเช่นนี้นอกจากคนเคาะสัญญาณชั่วยามแล้ว ท้องถนนก็ว่างเปล่าไร้ผู้คน
เขานิ่งคิดสักพักจึงบังคับให้ม้ามุ่งหน้าไปยังค่ายทหารที่อยู่ห่างออกไปสิบลี้ หั่วอี้คิดว่ายามนี้มีเพียงที่นั่นที่เขาจะไปค้างแรมได้
พงไพรนอกเมืองมีเสียงแมลงร้องระงมประหนึ่งประกาศอำนาจของพวกมันแก่ผู้คนที่ผ่านไปมา จันทรากลางหาว บางคราเร้นหลบในมวลเมฆบางคราเผยโฉมให้เห็น เฉกเช่นเล่นซ่อนหากับผู้คนที่สัญจร
หั่วอี้หวดม้าให้วิ่งไปอย่างเร่งร้อน ไม่มีอารมณ์สนใจทัศนียภาพข้างกายเอาแต่มุ่งตรงไปข้างหน้า
ม้าของเขาวิ่งไปเกือบสิบลี้โดยไม่หยุดฝีเท้าแม้สักน้อยจนเมื่อเห็นค่ายทหารอยู่ลิบตานั้น ท้องฟ้าก็มืดมิดลงจนหมดนี่เป็ความมืดมิดก่อนฟ้าสาง เป็่เวลาที่มืดที่สุดของวันหนึ่งๆ
มองไปไกลๆ เบื้องหน้าก็คือป้อมปราการที่จงใจสร้างให้สูงตระหง่านทหารยามรักษาการณ์มองเห็นคนผู้หนึ่งกับม้าตัวหนึ่งเร่งควบมาด้วยความเร็วจึงพากันเตรียมตัวและจับตาดูอยู่นานแล้ว
ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเมื่อเห็นว่าคนที่มาคือท่านแม่ทัพทหารยามบนป้อมพากันตื่นในักไม่รอให้ท่านแม่ทัพมาถึงตรงหน้าก็รีบปล่อยสะพานแขวนลง
ท่านแม่ทัพมาเยือนกลางดึก คงมิใช่เพราะเื่การศึกหรอกนะเพิ่งพักมาไม่นาน ทางชายแดนคงไม่มีศัตรูเข้ามารุกรานเร็วเพียงนี้กระมัง
ทหารยามบนป้อมกระวนกระวายใจ เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้ไฟาลุกโชนขึ้นอีก
หั่วอี้ควบม้าวิ่งเข้าไปในค่ายทหารชานเมืองเพียงอึดใจเดียวพอเข้าไปถึงข้างในก็ะโลงจากม้า หยิบเอาไม้กลองมาตีกลองสัญญาณเรียกรวมพล
เห็นทีคงจะมีเื่การศึกเร่งด่วนจริงดังว่า ทหารยามที่อยู่บนป้อมสูงคิดในใจคอยระวังสังเกตสิ่งรอบตัวยิ่งกว่าเดิม
เหล่าทหารที่กำลังหลับฝันล้วนสะดุ้งตื่นด้วยสัญญาณรวมพลเร่งด่วนนายกองเฉินตื่นขึ้นก็รีบรุดลงจากเตียง เขาสวมเสื้อผ้าไปพลางมองดูเวลาไปพลางขณะนี้ยังห่างจากเวลาที่ทหารต้องตื่นนอนตามปกติเกือบหนึ่งชั่วยามเป็ผู้ใดมาลั่นกลองรวมพล เขาเตรียมพร้อมได้รวดเร็วกว่าทหารทั่วไป ว่าแล้วก็รีบวิ่งมาที่สนาม
นายกองเฉินใ ใจเต้นตึกตักทันทีที่เห็นว่าหั่วอี้อยู่ในสนาม ดูจากท่าทางกระหืดกระหอบของท่านแม่ทัพแล้วเขาต้องเร่งเดินทางมาตลอดทางแน่
“ท่านแม่ทัพขอรับ ชายแดนเกิดเื่หรือขอรับ”นายกองเฉินร่วมเป็ร่วมตายกับหั่วอี้มานานปี ย่อมคุ้นเคยกับวิธีทำงานของเขาหากมิใช่การศึกเร่งด่วน ท่านแม่ทัพก็คงไม่มาลั่นกลองสัญญาณรวมพล
ไม่เสียแรงที่เป็กองทหารที่หั่วอี้ปลูกฝังมาทุกคนล้วนมารวมกันเสร็จสรรพอยู่ข้างหลังนายกองเฉินพริบตาเดียวในสนามก็เต็มไปด้วยหัวดำๆ ของเหล่าทหาร
รองนายกองของแต่ละหน่วยย่อยตรวจนับจำนวนคนเรียบร้อยเข้ามารายงานทีละคนตามที่เคยฝึกฝนมาอย่างคล่องแคล่ว “รายงานท่านแม่ทัพทหารในหน่วยย่อยมารวมกันครบจำนวนแล้วขอรับ”
เมื่อหัวหน้าหน่วยย่อยทุกหน่วยรายงานเสร็จแล้วหั่วอี้มองเวลาจากถังถ่ายทรายก่อนพยักหน้าด้วยความพอใจ นับั้แ่เขาลั่นกลองรวมพลทหารใช้เวลารวมตัวกันน้อยกว่าเวลาที่เขากำหนดไว้เล็กน้อย เห็นได้ว่าโดยปกติแล้ว ตอนที่เขาไม่อยู่ทหารทุกนายก็ไม่ได้หย่อนการฝึกซ้อมแต่อย่างใด
“หน่วยย่อยที่หนึ่งมาก่อน หน่วยย่อยที่สองตามหลังหน่วยย่อยที่สามเตรียมพร้อม ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เวลานี้มีเป้าหมายอยู่ที่สิบลี้เริ่มฝึกฝนด้วยการลัดเลาะไปตามเทือกเขาขึ้นไปทางเหนือ” หั่วอี้ยกมือขึ้นเหล่าทหารวิ่งไปข้างหน้าตามสัญญาณมือของหั่วอี้
จนหน่วยย่อยทั้งสิบวิ่งตามลำดับออกไปหมดแล้วค่ายทหารกว้างใหญ่ก็เหลือเพียงทหารยามบนป้อมปราการ นายกองเฉิน และหั่วอี้ ไม่กี่คนเท่านั้น
“ท่านแม่ทัพ นี่คือ?” นายกองเฉินมองหั่วอี้ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ จู่ๆ เขาก็โผล่มากลางดึกพอมาถึงก็สั่งฝึกทหาร จะไม่ให้นายกองเฉินรู้สึกสงสัยในการกระทำของท่านแม่ทัพได้อย่างไร
“หรือกำลังจะมีศึกขอรับ ต้องพากำลังคนเข้าสนามรบหรือขอรับ?” นายกองเฉินถามเื่ที่เขาข้องใจต่อไป
“ไม่มี เพียงแต่ระยะเวลาหนึ่งก็ต้องฝึกทหารเช่นนี้จึงจะทำให้ทหารรักษาความสามารถและประสิทธิภาพการรบในระดับสูงเอาไว้ได้ตลอด”หั่วอี้อธิบายอย่างฉะฉาน
แต่เขากลับไม่รู้ว่าไม่ต้องอธิบายเสียยังดีกว่า มาอธิบายแบบนี้กลับทำให้นายกองเฉินยิ่งเกิดความสงสัยในใจมากขึ้นไปอีก
พวกเขาให้ทหารฝึกซ้อมตามขั้นตอนและตามกำหนดเวลาอย่างที่หั่วอี้กำหนดไว้อยู่แล้วการฝึกหนักเดินทางไกลสิบลี้เช่นนี้ต้องฝึกทุกครึ่งเดือนห้าวันก่อนเขาก็เพิ่งนำทหารฝึกหนักสิบลี้ประจำครึ่งเดือนนี้ไปแล้วเหตุใดวันนี้จู่ๆ ท่านแม่ทัพก็บุกเข้ามาทำการฝึกฝนนี้อีก
หั่วอี้ก็เพียงไม่อาจบอกเล่าความจริงต่อนายกองเฉินได้เมื่อเห็นว่าทหารของพวกเขาตอบสนองได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์จึงได้ดีขึ้นมาบ้าง หั่วอี้รู้สึกว่ายามอยู่ในค่ายทหารทำให้เขาสามารถปลดความเดือดร้อนรำคาญใจในชีวิตประจำวันลงได้ที่แห่งนี้เป็โลกของเขา
หลิ่วจิ้งกลับไม่รู้เลยว่าหั่วอี้เข้ามาจู่โจมกลางดึกอย่างฉับพลันครานี้จะทำให้นางมีชื่อเสียงในค่ายทหารในชั่วข้ามคืน หลายวันผ่านไปมีพวกทหารชอบสอดรู้แอบไปสืบข่าวถึงสาเหตุที่หั่วอี้มาทำการฝึกฝนครั้งนี้นางจึงกลายเป็ปีศาจในดวงใจของเหล่าทหารไปในทันที
มีคำขวัญหนึ่งเล็ดรอดออกมาจากในค่ายทหารว่า “ยั่วโมโหท่านแม่ทัพแต่อย่าหาญไปยั่วโมโหฮูหยินท่านแม่ทัพ”เพราะภายหลังก็จะเอามาลงกับพวกเขาจนรับไม่ไหวเช่นครานี้นั่นเอง
_____________________________
