บทที่ 38 ศิลาทลายั
ภายใต้แสงจันทร์อันหนาวเย็น ป่าูเาที่เงียบสนิท และประตูสุสานที่เรียบง่ายดูค่อนข้างน่าขนลุก
“คุณหนูมู่หรง ประตูสุสานของตระกูลเปิดออกโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจมีอันตรายได้ ข้าอยากเข้าไปดู เ้ารออยู่ที่นี่เถอะ” ฉู่อวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ตัดสินใจเข้าไปในสุสานปราณั
มู่หรงซินเลิกคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงแ่เบา "หึ! คุณหนูเช่นข้าไม่เกรง์...ไม่กลัวนรก ก็แค่สุสาน คนตายจะฟื้นคืนชีพหรืออย่างไร? ข้าก็จะเข้าไปเหมือนกัน"
ฉู่อวิ๋นผู้นี้ ้าทิ้งนางไว้ตามลำพังในสถานที่อันน่าสะพรึงกลัวนี้หรือ? ไม่มีทางเสียหรอก
“เฮ้อ เช่นนั้นก็ได้ ถ้าสถานการณ์มีอะไรเปลี่ยนแปลง เ้าก็ออกไปแล้วกลับไปรายงานต่อเ้าเมืองทันที” ฉู่อวิ๋นถอนหายใจ จากนั้นเดินหน้าต่อไปและค่อยๆ เปิดประตูสุสาน
ทั้งสองเดินช้าๆ เข้าไปข้างใน มองเห็นโถงใหญ่ของสุสานตระกูลซึ่งครองพื้นที่ไปเยอะมาก มีแสงสีทองสว่างอยู่ภายใน มีทางตัดขวาง และสุสานที่ไม่ขึ้นต่อกันจำนวนนับไม่ถ้วน ที่นี่เต็มไปด้วยพลังิญญาอันมั่งคั่ง ปกคลุมไปด้วยหมอกเย็นคอยปรามไว้
ฉู่อวิ๋นเห็นทางเดินและก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง บางครั้งที่เขาผ่านสุสานบางแห่ง มองเห็นโลงศพทองคำสีดำสลักลวดลายโบราณวางขวางอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขมขื่นอยู่บ้าง
“สถานที่แห่งนี้มีพลังิญญามากมายจนแทบจะล้นทะลักออกมา สมแล้วที่เป็สุสานที่บรรพบุรุษของเราเลือกไว้ ข้าต้องช่วยให้สมาชิกตระกูลย่อยที่เสียชีวิตไปได้ฝังในที่แห่งนี้”
กลิ่นอายของสุสานปราณั ไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายอบอุ่นและบำรุงร่างกายเท่านั้น แต่ยังกล่าวกันว่าช่วยให้ตระกูลได้รับพรจากเทพเซียนและเพิ่มศักยภาพด้านพลังยุทธ์ของคนรุ่นต่อๆ ไป
หลังจากเดินสำรวจอย่างรวดเร็วประมาณห้านาที ฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินก็เกือบจะถึงปลายทางของสุสานแล้ว พวกเขาผ่านเส้นทางหินโบราณแคบๆ และมาถึงถ้ำที่ค่อนข้างว่างเปล่า
ผนังถ้ำฝังด้วยหินเรืองแสงสีขาว ซึ่งส่องสว่างทำให้มองเห็นสภาพแวดล้อมที่มีแสงมัวสลัว จนหัวใจเกือบหยุดเต้น
ด้านในสุดของถ้ำมีหินขนาดใหญ่สูงสิบหมี้ ปรากฏแสงสีเขียววูบวาบเต็มบริเวณ
จู่ๆ มู่หรงซินก็หยุดเดิน ดึงฉู่อวิ๋นแล้วพูดเบาๆ "นี่ ดูสิ เหมือนว่าจะมีคนอยู่ข้างใน!"
ฉู่อวิ๋นมองไปในทิศทางที่มู่หรงซินชี้ และแน่นอนว่าเขาเห็นร่างๆ หนึ่งอยู่ตรงหน้าก้อนหิน กำลังประทับฝ่ามือลงบนพื้นผิวหิน พึมพำอะไรบางอย่างในปาก และมีเืไหลออกมา
“เขากำลังทำอะไร? เหมือนเขาจะท่องคำสาปเลย มือก็เต็มไปด้วยเื น่ากลัวนัก” มู่หรงซินตัวสั่นและเดินเข้าไปใกล้ฉู่อวิ๋นโดยไม่รู้ตัว
“คน...คนๆ นี้้าเปิดสุสานของบรรพบุรุษ!” คลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามาในหัวใจของฉู่อวิ๋น ดวงตาของเขากะพริบอย่างเชื่องช้าเ็า พร้อมที่จะพุ่งออกไปทุกเมื่อ
เขารู้ว่าหินก้อนใหญ่นี้เรียกว่าศิลาทลายั ถูกใช้เพื่อปิดผนึกหลุมศพของบรรพบุรุษในสุสานปราณั
ภายในหลุมฝังศพของบรรพบุรุษมีกระดูกของบรรพบุรุษสายไป๋หยางของตระกูลฉู่อยู่ พร้อมทั้งสมบัติล้ำค่าที่ถูกฝังไว้นับไม่ถ้วน หากไม่มีเหรียญสืบทอดของผู้นำตระกูลหลักและผู้นำตระกูลย่อยแล้ว ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะเปิดศิลาทลายั
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีค่ายกลต้องห้ามในสุสานบรรพบุรุษ มีเพียงสมาชิกของตระกูลฉู่เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ มิฉะนั้น พวกเขาจะถูกตอบโต้ด้วยพลังของค่ายกลต้องห้าม จนการฝึกฝนก็ไม่อาจก้าวหน้าได้อีก
“แผ่นหลังของชายคนนี้ดูคุ้นตามาก เขาคือ...ฉู่ป้า? ลูกชายคนโตของผู้าุโหก?” ดวงตาของฉู่อวิ๋นเ็า จากนั้น เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ทันใดนั้นเขาก็เต็มไปด้วยไอสังหาร ปลายนิ้วสั่นระริกด้วยความเกลียดชัง “เขาพยายามจะเปิดประตูใหญ่ หรือว่า...เขามีเหรียญสืบทอดของท่านพ่อข้า!”
ฉู่ซานเหอหายสาบสูญไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ดังนั้นโดยปกติแล้วแม้แต่เหรียญสืบทอดก็ไม่น่าจะหาเจอ
ทำไมฉู่ป้าถึงมีเหรียญสืบทอดที่เขาถือติดตัวไปด้วย?
“การหายตัวไปของท่านพ่อข้าเกี่ยวข้องกับผู้าุโหกด้วยหรือเปล่า?” เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉู่อวิ๋นก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป เขาจ้องมองด้วยความโกรธ ที่แท่นทางด้านขวาของศิลาทลายั มีหินหยกสองก้อนวางอยู่
ชิ้นหนึ่งเป็หยกเขี้ยวอสูรสีม่วง และอีกชิ้นเป็สีคราม
หยกเขี้ยวอสูรสีคราม เป็เหรียญสืบทอดที่ฉู่ซานเหอถือครองไว้ทั้งวันคืน
ยามนี้ ฉู่อวิ๋นโกรธมาก ไฟในดวงตาลุกโหม ดูเหมือนว่าฉู่ซานเหอจะถูกผู้าุโหกซุ่มโจมตีจนเกิดเหตุ!
ขณะที่ฉู่อวิ๋นกำลังประมวลความคิด ศิลาทลายัที่หนักหน่วงก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงครึกโครม ทันใดนั้น ภายในสุสานของบรรพบุรุษก็ปรากฏในครรลองสายตา กลิ่นไอความเรียบง่ายส่องกระทบกับใบหน้าของเขา ทั้งอ้างว้างและเ็า
ฉู่ป้าแบกขวานใหญ่ไว้บนหลัง ยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพูดกับตัวเองว่า “ฮ่าๆ สำเร็จ! ขอเพียงแค่เจอเ้าสิ่งนั้น ข้าก็จะควบคุมลมฝนได้ ใช้หนึ่งฝ่ามือปิดนภาได้ ภายในตระกูลฉู่ ข้าก็จะกลายเป็าา!”
“าากับผีเ้าสิ! มอบชีวิตมา!”
ฉู่อวิ๋นไม่สามารถทนต่อความเกลียดชังที่รุนแรงได้อีกต่อไป ชักกระบี่ออกมาแล้วรีบพุ่งออกไป พลังปราณพุ่งสูง ดวงดาวระยับพร่างพราวเต็มท้องฟ้า ทั่วทั้งถ้ำสาดส่องแสงสีม่วง เ็าและน่าสะพรึงกลัว คมกริบและโดดเด่น
"ควั่บ!"
คลื่นกระบี่แสงดาวถูกฟันออกมาหลายระลอก เช่นเดียวกับคลื่นที่โหมกระหน่ำของน้ำท่วมที่ล้นเอ่อ ทรงพลังอย่างน่าประหลาดใจ ฟันผ่านหลังของฉู่ป้า
“หึ! เป็ผู้ใด?” ฉู่ป้าหันกลับมาเหวี่ยงขวานั์ของตนเองออกไปด้วยพลังอันดุร้ายและเพื่อป้องกันการโจมตีอย่างกะทันหัน
จากนั้น เขามองเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่าเป็ฉู่อวิ๋น เขาจึงพูดเยาะเย้ยว่า "โอ้? เป็เ้านี่เอง เ้าตัวอัปมงคล คิดว่าจะเป็ใครที่ร้ายกาจเสียอีก แต่ในเมื่อเ้ามาถึงที่นี่ ก็อย่าคิดที่จะเดินออกไปเลย!"
“เ้าพูดมา! ทำไมเ้าถึงมีหยกเขี้ยวอสูรของพ่อข้า? เ้าทำอะไรกับเขา?” ฉู่อวิ๋นจ้องมองฉู่ป้าด้วยสายตาที่เ็า ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังปราณ
มู่หรงซินที่ตามมาด้านหลังมีสีหน้างุนงงและพูดว่า "เกิดอะไรขึ้น? จู่ๆ เ้าจะพุ่งออกไปทำไม?!"
เมื่อเห็นมู่หรงซินปรากฎตัว ฉู่ป้าก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า "ฮ่าๆ ไม่คิดว่าพี่อวิ๋นจะเป็คนมีเสน่ห์ มีสาวสวยคอยช่วยเหลือ เ้าอยากพึ่งแม่นางน้อยผ่านเข้าสู่การประลองรอบสองหรือ? ก็สอดคล้องกับเ้าที่เป็ตัวอัปมงคลดี ต่ำต้อย สกปรก”
“หึ! อย่าเปลี่ยนเื่! เ้าทำอะไรกับพ่อข้ากันแน่?!” ฉู่อวิ๋นก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ไอสังหารแผ่ออกมาจากคิ้วของเขา บรรยากาศเย็นลงกว่าเดิม
ฉู่ป้าปิดกั้นทางเข้าสุสานของบรรพบุรุษและพูดอย่างไม่แยแส "โอ้? ไอ้ผู้นำตระกูลย่อยสารเลวนั่นหรือ เขาคงถูกฆ่าไปแล้ว หรือว่าเขาจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของปรมาจารย์ขั้นมหาสมุทรได้กันนะ? ฮ่าๆ !"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บนหน้าผากของฉู่อวิ๋นก็ปรากฏเส้นเืเขียวคล้ำ เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาสูดลมหายใจเข้าแรงๆ และไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้อยู่นาน
แม้ว่าเขาจะคาดเดามานานแล้วว่าฉู่ซานเหออาจเสียชีวิตไปแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินข่าวร้ายกับหูตัวเอง ก็ยังคงรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง ก้อนความเ็ปกัดกินไม่หยุดหย่อน รู้สึกว่าไม่อาจยอมรับมันได้
เขาไม่คิดจริงๆ ว่าคนที่ฆ่าพ่อของเขาจะเป็ญาติทางสายเื!
เขาไม่คาดคิดว่าคนที่ฆ่าพ่อของเขาจะมีสายสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันขนาดนี้!
“เ้า...พวกเ้า! เหตุใดจึงใจเหี้ยมเช่นนี้!” ดวงตาของฉู่อวิ๋นเ็า ความโกรธของเขาปกปิดความเศร้าไว้จนมิด ยามนี้ เขามีเพียงความเกลียดชังอย่างสุดซึ้งและ้าฆ่าคน! ฆ่าฉู่ป้าที่ยืนอยู่ตรงหน้า!
“อย่าหุนหัน คนๆ นี้ไม่ง่ายที่จะรับมือ” มู่หรงซินสับสน แต่ก็เข้าใจสถานการณ์ได้คร่าวๆ จึงเดินไปที่ด้านข้างของฉู่อวิ๋นเพื่อเตือนเขา
ในการประลองเซี่ยหยางครั้งล่าสุด ฉู่ป้าพ่ายแพ้ให้กับฉู่เฟยเท่านั้นและอยู่ในอันดับที่สอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาแข็งแกร่งกว่ามู่หรงซิน ในเวลานั้นระดับพลังยุทธ์ของฉู่ป้าอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับห้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ
ตอนนี้ เขากลับมาหลังจากออกไปฝึกฝนแล้ว มีความเป็ไปได้สูงที่เขาจะทะลุผ่านมาจนถึงระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ
ในเวลานี้ ฉู่ป้าเหลือบมองฉู่อวิ๋นด้วยความดูถูกและหัวเราะ "ในฐานะตัวซวย เ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้ความลับในตระกูลของเรา แต่เห็นแก่ที่เ้ากำลังจะตาย ข้าจะบอกให้”
“ในหลุมศพของบรรพบุรุษ มีสมบัติลับที่สืบทอดมานานร่วมฝังอยู่ด้วย มันทรงพลังเหลือจะคิด ขอเพียงได้มันมา ก็สามารถสั่งการและเป็ผู้นำในตระกูลได้ ฉู่เจิ้นหนานเ้าเฒ่าะนั่นไม่คิดศึกษา ส่วนพ่อเ้าก็ดื้อรั้นยิ่งกว่านั้นเสียอีก”
“โชคดีที่ท่านพ่อข้าฉลาดพอ ขโมยหยกเขี้ยวอสูรสีม่วงมาตอนที่ผู้นำตระกูลไม่อยู่ และยังได้รับหยกเขี้ยวอสูรสีครามจากฉู่ซานเหอมาด้วย ไม่เช่นนั้น วันนี้ข้าคงไม่มีโอกาสเปิดศิลาทลายั"
ฉู่อวิ๋นโกรธจนตัวสั่น เขาะโด้วยเสียงทุ้ม "ที่แท้...พวกเ้าวางแผนกันมานานแล้ว! คืนนี้ เ้าจะต้องตายที่นี่! ชดใช้ให้ิญญาท่านพ่อของข้าบน์!"
เพื่อที่จะขโมยสมบัติลับของตระกูล ผู้าุโหกและฉู่ป้าร่วมมือกับบุคคลภายนอกเพื่อสังหารฉู่ซานเหอ และขโมยเหรียญสืบทอดเพื่อมาที่หลุมศพของบรรพบุรุษ
การกระทำนี้มันเกินไปแล้ว! ใจร้ายเหลือคณา! น่าชังเหลือแสน!
จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็พุ่งเข้าไป ไม่ว่าฉู่ป้าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ แค้นสังหารบิดาครั้งนี้จะต้องได้รับการแก้แค้น!
"ควั่บ!"
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็มาถึงหน้าศิลาทลายั วาดกระบี่ไปในอากาศอย่างรวดเร็วจนเห็นเพียงเงา ราวกับสายฟ้า ราวกับัผู้ถูกกดขี่ที่เป็อิสระจากทะเลและพุ่งเข้าโจมตีท้องนภาอย่างรวดเร็ว!
ดวงตาของฉู่ป้าจ้องเขม็ง เขาไม่กล้าประมาท จึงเหวี่ยงขวานั์ด้วยพลังมหาศาลเพื่อต่อต้าน
“ชิ้ง ชิ้ง!”
เสียงการต่อสู้ไม่สิ้นสุด
ฉู่ป้าเสียเปรียบครั้งแล้วครั้งเล่าและ้ารุกกลับ แต่การโจมตีด้วยความโกรธของฉู่อวิ๋นนั้นรุนแรงมาก ชั่วขณะหนึ่ง ฉู่ป้าถูกบังคับให้ล่าถอยอย่างต่อเนื่องและในทันใดนั้น เขาก็ถอยกลับไปที่หลุมศพของบรรพบุรุษ
“ไอ้สารเลวนี่! เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร? ก่อนที่ข้าจะออกจากเมืองไป่หยาง เห็นชัดเจนว่าเขาเป็เพียงนักรบในระดับแรกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ!” ฉู่ป้าใมาก เขาถูกฉู่อวิ๋นปรามเข้าแล้วจริงๆ !
“ตายซะ! ข้าจะให้เ้าตาย!”
ดวงตาของฉู่อวิ๋นเป็สีแดง การเคลื่อนไหวของกระบี่ยังคงดำเนินต่อไป ปราณกระบี่สีม่วงของเขาเปล่งประกายสดใส เสียงลมที่พัดโหมเหมือนัตัวยาวคำรามขึ้นไปบนเวหา สั่นะเืไปทั่วบริเวณ
“ชิ้ง ชิ้ง!”
ชั่วครู่หนึ่ง สุสานอันมืดมิดของบรรพบุรุษก็เต็มไปด้วยแสงกระบี่ และมีเสียงโลหะปะทะกันอย่างอึกทึก
“พวกเขาเริ่มสู้กันแล้วจริงหรือ? เ้าอันธพาลตัวเหม็นนี่ใจร้อนนัก! นี่!” ในถ้ำ มู่หรงซินไม่สนความถูกต้อง กัดฟันด้วยอยากเข้าร่วมการต่อสู้ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในหลุมศพของบรรพบุรุษ
แต่ทันทีที่นางก้าวเข้ามา นางก็รู้สึกว่าพลังและเืทั่วร่างกายหยุดนิ่ง จุดตันเถียดของนางแข็งเหมือนก้อนหิน ไม่สามารถระดมพลังปราณได้ นางถูกสกัดจนล้มลงกับพื้น
“รู้สึก...แย่มาก...เหตุใดจึงเป็เช่นนี้?!” มู่หรงซินล้มลง เหงื่อกาฬหยดย้อย และรู้สึกทรมานเป็อย่างมาก
ในสุสานของบรรพบุรุษมีค่ายกลต้องห้าม นางไม่ใช่สายเืตระกูลฉู่ ย่อมถูกควบคุมและสูญเสียพลังในการต่อสู้ไป
"ย๊า!"
ในเวลานี้ ฉู่อวิ๋นะโเสียงดัง ในสายตาของเขามีเพียงฉู่ป้าเท่านั้น เขา้าสังหารคนตรงหน้าด้วยกระบี่เศวตรรุ้ง จากนั้นก็ฟันกระบี่อันคมกริบออกไปในอากาศ ปรากฏแสงกระบี่พุ่งผ่านความว่างเปล่า ตรงไปทางฉู่ป้าอย่างเร็วยิ่ง
“หึ! ช่างเป็ทักษะกระจอก! ทุกคนในตระกูลหลักของเราล้วนรู้จักวิชากระบี่ดาวตกเส็งเคร็งนี่ แต่เ้าก็ยังคงใช้มันเป็วิชากระบี่ติดตัว ขยะก็คือขยะ!”
ฉู่ป้าะโด้วยเสียงทุ้ม ระดมพลังปราณเหวี่ยงขวานั์ออกไปอย่างต่อเนื่อง วาดขวานออกไปทั่วทุกมุม ในที่สุดก็หยุดการโจมตีที่แข็งแกร่งของฉู่อวิ๋นได้แล้ว
“ชิ้ง!”
กระบี่และขวานปะทะกัน ทำให้ทั้งสองคนเซออกไป โดยกระเด็นแยกออกจากกันไปทางซ้ายและขวาของสุสาน
ฉู่อวิ๋นใช้กระบี่ปลดปล่อยกระบวนท่าไปทีละครั้ง แต่ก็รู้สึกเหนื่อยหอบเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มีโอกาสสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ
รอบๆ หลุมศพ มีกำแพงหินแกะสลักด้วยลวดลายแปลกประหลาด และภายในมีโครงกระดูกเหี่ยวๆ นั่งอยู่บนที่นั่งหิน ในมือทั้งสองข้างถือกระบี่โบราณที่เป็สนิมยันอยู่กับพื้น
ตรงกลางหลุมศพมีแท่นหินซึ่งมีกระดาษเล่นแสงสีทองเล็กๆ วางอยู่ แสงเรืองรองแผ่กระจาย หมอกปกคลุมขมุกขมัว ทำให้ดูลึกลับมาก
“นี่คือม้วนคัมภีร์โบราณ!” ฉู่ป้าพอเห็นแผ่นกระดาษเล่นแสง แววตาก็ปรากฏความโลภ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้