แม่นางน้อยที่ถือโคมไฟอยู่มีนามว่าเหอหว่าน เป็หลานสาวของเศรษฐีเฒ่าเหอ
เศรษฐีเฒ่าเหอรักและทะนุถนอมหลานสาวผู้นี้มาก งานชุมนุมวรรณกรรมกลางสารทฤดูในค่ำคืนนี้ นายผู้เฒ่าเหอไม่พาหลานชายออกจากบ้านเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ปูหนทางให้กับหลานชาย แต่กลับพาเหอหว่านมาข้างกาย สามารถเห็นได้ถึงความโปรดปรานที่มีต่อหลานสาวได้อย่างชัดเจน
ปีนี้เหอหว่านอายุสิบสี่ปีแล้ว ยามนี้แม่นางน้อยทั้งหลายต่างออกเรือนกันเร็ว เมื่อมีประจำเดือนก็สามารถออกเรือนได้แล้ว เหอหว่านที่อายุสิบสี่ปีก็ถึงวัยที่ต้องหาคู่ดูตัว ด้วยเพราะบิดามารดาเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เศรษฐีเฒ่าเหอจึงกลัวเหอหว่านจะไม่ได้รับความเป็ธรรมเื่แต่งงาน จึงพานางมาเข้าร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมกลางสารทฤดูอย่างไม่ลังเล
คืนนี้ชายหนุ่มหน้าตาดีเปี่ยมความสามารถต่างมารวมตัวกัน เดิมก็เป็สถานการณ์ที่ดีสำหรับแม่นางน้อยในการหาสามี ผู้ที่พาแม่นางน้อยในครอบครัวออกจากบ้านไม่ได้มีเพียงเศรษฐีเฒ่าเหอเท่านั้น เพียงแต่แม่นางน้อยบ้านอื่นสงวนตัว ไม่เหมือนเหอหว่านที่วิจารณ์เด็กหนุ่มเ่าั้ว่าเป็อย่างไรบ้างอย่างเปิดเผย
แสดงให้เห็นถึงความสนิทสนมของปู่หลานตระกูลเหอได้เป็อย่างดี เหอหว่านอยู่ต่อหน้าเศรษฐีเฒ่าเหอไม่กลัวการผิดธรรมเนียมอันใด
เศรษฐีเฒ่าเหอรักและเอ็นดูหลานสาว หลานสาวของครอบครัวตนเองล้วนดีไปหมด มีเพียงแววตาการมองคนที่มีปัญหา!
เฉิงชิงไหนเลยจะธรรมดา?
เหล่าแม่นางน้อยต่างชมชอบผู้ที่หน้าตาดี หว่านเหนียง[1]ก็ย่อมมองเฉิงชิงอัปลักษณ์ นี่สิถึงจะเป็เื่ปรกติ
เศรษฐีเฒ่าเหอเองก็ไม่ได้ตาบอด เฉิงชิงใบหน้าเหลืองซีดร่างกายซูบผอม ราวกับเพียงลมพัดผ่านก็สามารถปลิวไปได้ รูปลักษณ์ภายนอกไม่ถือว่าโดดเด่นเมื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มบัณฑิตตรงประตูทางเข้า แต่ก็เป็เพียงเื่ชั่วคราวเท่านั้น เฉิงชิงไม่มีทางที่จะมีรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ตลอดไป เมื่อเติบโตตามอายุ เฉิงชิงย่อมเปลี่ยนเป็เด็กหนุ่มหน้าตาดีโดดเด่นผู้หนึ่ง
ไม่ใช่ว่าเศรษฐีเฒ่าเหอสามารถทำนายได้ เขาเพียงจำได้ถึงหน้าตาอันหล่อเหลาของเฉิงจือหย่วนในปีนั้น และเมื่อเคยเห็นนางหลิ่วที่ประตูทางเข้าบ้านรอง บิดามารดาล้วนหน้าตาโดดเด่นเหนือผู้คน หากเฉิงชิงไม่ได้ถูกเก็บมา ย่อมไม่มีโตมาอัปลักษณ์!
หากโตมาอัปลักษณ์ รูปลักษณ์ภายนอกก็ไม่อาจใช้กินแทนข้าวได้ หลานสาวยังอายุน้อยไม่เข้าใจเหตุผลนี้
“หว่านเหนียง มองคนอย่ามองที่รูปลักษณ์ภายนอก รูปลักษณ์ภายนอกสามารถหลอกลวงคนได้”
เหอหว่านรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ
ท่านปู่อยู่ที่บ้านก็ชมเฉิงชิง เมื่อมาถึงงานชุมนุมวรรณกรรมก็จงใจชี้ให้นางดูว่าผู้ใดคือเฉิงชิง อย่าบอกนะว่าท่านปู่ตั้งใจจะยกนางให้เฉิงชิง?
ใบหน้าของเหอหว่านแดงระเรื่อ
ท่านปู่ทำเช่นนี้ได้อย่างไร เฉิงชิงอายุน้อยกว่านางหนึ่งปี ร่างกายก็สูงไม่เท่านาง ไหนจะเป็คนฉวยโอกาสเช่นนี้ จะเป็สามีของนางได้อย่างไร… ผู้ที่อายุพอๆ กับเหอหว่านล้วนคาดหวังในตัวว่าที่สามีในอนาคต แม้ไม่จำเป็จะต้องเน้นที่พื้นเพครอบครัว แต่ความสามารถของฝ่ายชายย่อมต้องโดดเด่นมากพอที่จะเติมเต็มจินตนาการของแม่นางน้อย
ผู้ใดจะสามารถเกิดความรู้สึกที่ดีต่อคนที่อายุน้อยกว่า เตี้ยกว่า และผอมกว่าตนได้กัน!
เหอหว่านจ้องเฉิงชิงตาเขม็ง ประกายจากสายตาราวกับหวังจะเผาเฉิงชิงให้เป็จุณ
คนผู้นี้พอกลับมาอำเภอหนานอี๋แล้วก็ก่อกวนไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่าหลอกลวงท่านปู่อย่างไร… หากนางยืนกรานไม่เห็นด้วย ท่านปู่คงจะเปลี่ยนความคิดสินะ?
เฉิงชิงจดจ่ออยู่กับการแก้ปัญหาจึงไม่เห็นว่าเศรษฐีเฒ่าเหอมาแล้ว
แม่นางน้อยวัยสิบกว่าปีล้วนมีความคิดมากมาย เหอหว่านคิดว่าจะสลัดนางออกไปเช่นไรดี หากเฉิงชิงล่วงรู้ถึงความคิดเช่นนี้ของเหอหว่านย่อมหัวเราะน้ำตาไหลเป็แน่
น้องสาวตัวน้อย ทุกคนต่างก็เป็สตรีกันทั้งนั้น ข้าจะแต่งเ้าได้อย่างไร?
หากเศรษฐีเฒ่าเหอชื่นชมนางจนถึงขั้นยกหลานสาวให้แต่งด้วย เฉิงชิงก็จะปฏิเสธไม่กล้าแต่งด้วย
ถึงแม้นางตัดสินใจที่จะเป็สตรีปลอมเป็บุรุษไปชั่วชีวิต แต่ก็ไม่คิดถึงขนาดจะหลอกลวงสตรีที่บริสุทธิ์นะ!
ยามนี้ความสนใจของเฉิงชิงล้วนอยู่ที่การแก้ปัญหา
บัดนี้นางแก้ได้สิบแปดข้อแล้ว ยังขาดอีกสองข้อนางก็จะแก้ได้ครบยี่สิบข้อ สามารถรับเงินรางวัลห้าสิบตำลึงเงินได้ด้วยมือนี้ และยังชนะรับโคมไฟกลับไปให้นางหลิ่วและบรรดาพี่สาว
แม้ว่าพวกอวี๋ซานจะสกัดคำถามคำนวณส่วนใหญ่ไปแล้ว แต่ก็ยังมีปลาหลุดรอดแห[2]อยู่ เฉิงชิงมีความหวังอย่างมากที่จะทำรวมกันได้ยี่สิบข้อ
คำถามคำนวณเหล่านี้ในสายตาของบัณฑิตธรรมดาถือว่ายาก แต่ไม่นับว่าเป็อันใดเมื่ออยู่ภายในสายตาของเฉิงชิง การคำนวณก็คือคณิตศาสตร์ ไม่ได้รับความสำคัญในราชวงศ์เว่ย แต่กลับได้รับความสำคัญอย่างมากในสังคมยุคปัจจุบัน ตอนเฉิงชิงเรียนหนังสือ ผลการเรียนก็อยู่ลำดับต้นๆ คณิตศาสตร์ย่อมไม่แย่!
หรือก็คือยามนี้นางรับประกันได้ว่า อย่างน้อยก็สามารถชนะเงินรางวัลห้าสิบตำลึงเงิน
หลังจากแก้ยี่สิบข้อแล้ว นางก็สามารถมุ่งไปยังสามสิบข้อ เงินรางวัลหนึ่งร้อยตำลึงเงินยิ่งดึงดูดคน ทั้งยังสามารถพบราชบัณฑิตเสิ่น
อวี๋ซานด้านหนึ่งก็แค้นนักที่ไม่อาจแก้คำถามคำนวณในมือได้ อีกด้านก็มองเฉิงชิงอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
เขาชิงคำถามมาแล้ว เฉิงชิงอย่าคิดที่จะฉวยโอกาส แต่งบทกวีจับคู่โคลงคู่ไปเสียดีๆ เถิด เฉิงชิงย่อมไม่สามารถแต่งบทกวีได้ หากมีความสามารถด้านบทกวีก็คงจะรีบแสดงออกมานานแล้ว!
นางมีเพียงสองคำที่จะวิจารณ์ใบหน้าคนต่ำทรามของอวี๋ซานได้ นั่นก็คือเด็กน้อย!
เฉิงกุยตอบถูกไปแล้วสิบเจ็ดข้อ
ขาดอีกเพียงข้อเดียวก็จะไล่ตามเฉิงชิงทัน
แม้ว่าผู้ดูแลจะกล่าวแล้วว่าแก้ได้สามสิบข้อจะได้เงินรางวัลกลับไป ทั้งยังได้พบกับราชบัณฑิตเสิ่นโดยไม่จำกัดจำนวนคน ภายใต้ความจงใจของอวี๋ซาน ยามนี้เฉิงชิงและเฉิงกุยต่างก็อยู่ในสถานการณ์ที่สูสีกัน
ไม่รู้ว่าผู้ใดในกลุ่มคนเป็คนกระซิบกระซาบอธิบายตัวตนความเป็มาของทั้งสองคน ยิ่งทำให้กลุ่มคนตื่นเต้นมากขึ้น!
เด็กหนุ่มสองคนนี้ล้วนเป็คนจากบ้านรองตระกูลเฉิง เป็ลูกพี่ลูกน้องทางสายเืใกล้ชิด… ความสัมพันธ์ของครอบครัวยุ่งเหยิงยากจะแก้ไข กำหนดไว้แล้วว่าลูกพี่ลูกน้องคู่นี้ต้องประชันแข่งขันกัน
เฉิงชิงมิอาจรอคำถามคำนวณเพิ่มเติม จำใจหันสายตาไปยังปริศนาโคมไฟและจับคู่โคลงคู่
ตัวนางเองไม่ชำนาญ ดังนั้นเมื่อเริ่มต้นจึงไม่ได้คิดถึงคำถามเหล่านี้
แต่ ‘เฉิงชิง’ ดูเหมือนจะค่อนข้างชำนาญ… ยามเฉิงจือหย่วนอ่านตำราสอนการอ่านให้กับ ‘เฉิงชิง’ แม้จะไม่อ่านสี่ตำราห้าคัมภีร์แต่ก็จะฆ่าเวลาด้วยความรู้อื่น พ่อลูกคู่นี้มักจะทายปริศนาแต่งโคลงคู่ ทั้งยังชอบที่จะศึกษาทางหมาก ฝีมือการเดินหมากของ ‘เฉิงชิง’ จึงไม่เลวเลย
การศึกษาของ ‘เฉิงชิง’ ค่อนข้างเบ็ดเตล็ด จับนั่นยัดนี่มาใส่สมอง เฉิงจือหย่วนก็ตามใจบุตรสาวมาก
เฉิงชิงได้รับความทรงจำของเ้าของร่างเดิม ความรู้ที่เ้าของเดิมได้เรียนรู้ย่อมเป็ของนางด้วย นอกจากการคัดอักษรแล้ว นางไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกสติที่หลงเหลืออยู่ของผู้อื่นควบคุมร่างกายเช่นนั้น ดังนั้นถึง ‘เฉิงชิง’ จะมีลายมือที่สวยงาม แต่ลายมือของนางนั้นยากจะทนดูได้
นางรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถจับคู่โคลงคู่ได้ แต่เมื่อมองเห็นโคลงคู่ ภายในใจของนางก็พลันเกิดความกระตือรือร้น
เฉิงชิงมีความต่อต้านอยู่บ้าง
ประสบการณ์หลายปีทำให้นางเคยชินกับการควบคุมทุกอย่าง หากไม่ใช้ความสามารถของตนเองแล้วต้องไปพึ่งผู้อื่นมากไป เกิดวันใดถูกกำจัดไปจะทำอย่างไรเล่า?
คำถามคำนวณที่พึ่งพาได้รวมกันไม่พอสามสิบข้อแล้ว เฉิงชิงถูกบีบให้ต้องหันสายตาไปหาปริศนาโคมไฟและจับคู่โคลงคู่
หลังจากนั้นเื่ที่ทำให้อวี๋ซานผิดหวังครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น เด็กน้อยเฉิงชิงผู้นี้ไม่เพียงแก้คำถามคำนวณได้เท่านั้น คาดไม่ถึงว่ายังจับคู่โคลงคู่ได้ด้วย!
โคลงคู่เทียบไม่ได้กับงานเขียนอันงดงาม แม้ว่าการสอบเข้ารับราชการจะไม่มีสอบ แต่ก็ต้องมีทักษะเฉพาะหน้าไว้บ้าง ขับร้องบทกวีและแต่งโคลงคู่มักจะถูกพูดถึงร่วมกัน ขับร้องบทกวีอยู่ด้านหน้า แต่งโคลงคู่อยู่ด้านหลัง ถือว่าเป็ทักษะที่มีประโยชน์
เฉิงชิงจับคู่ถูกไปเก้าข้อในรวดเดียว ขนมไหว้พระจันทร์ที่อยู่ตรงหน้านางเปลี่ยนมาเป็ยี่สิบเจ็ดชิ้นแล้ว
ขาดอีกเพียงสามข้อนางก็จะแก้ปัญหาได้ครบสามสิบข้อ ชนะเงินรางวัลหนึ่งร้อยตำลึงเงิน เป็เพราะนางละทิ้งคำถามคำนวณ จึงแสดงให้เห็นถึงทักษะเฉพาะหน้า ฝูงชนโดยรอบต่างก็เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อนางแล้ว
แม้แต่เหอหว่านเองก็อดไม่ได้ที่จะมองเฉิงชิงหลายครั้ง
แม้รูปร่างหน้าตาที่ไม่ดีจะยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือการมองของผู้ชมด้านข้าง
เวลานี้เฉิงกุยตอบถูกเพียงยี่สิบสี่ข้อ บนหน้าผากของเด็กหนุ่มที่สง่างามเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เด็กหนุ่มวัยสิบกว่าปีมีจิตใจอยากเอาชนะมากที่สุด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าคู่แข่งของเขาคือเฉิงชิง!
หากแพ้แก่เฉิงชิงต่อหน้าผู้คนก็จะเป็การขายหน้าเกินไปแล้ว!
อย่าบอกนะว่าต้องให้เขาไปเอ่ยอธิบายทีละคนๆ ว่าเฉิงชิงใช้กลยุทธ์ที่เหนือความคาดหมายพึ่งคำถามคำนวณเพื่อขึ้นนำ?
ยามนี้จิตใจของเฉิงกุยปั่นป่วนแล้ว!
เมื่อจิตใจปั่นป่วนก็ย่อมไม่มีสมาธิ ความเร็วในการแก้ปัญหาจึงช้าลง ถือว่าเป็วงจรอุบาทว์โดยแท้
เฉิงชิงคว้าโอกาสนี้หยิบอีกข้อลงมา เมื่อเห็นขนมไหว้พระจันทร์ที่เรียงต่อกันสูงบนโต๊ะของนางแล้ว อวี๋ซานก็โกรธจนจมูกบิดเบี้ยวแล้ว
ท่ามกลางกลุ่มคน เศรษฐีเหอค่อนข้างพอใจอยู่หลายส่วน
“ปู่มองคนไม่ผิดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หว่านเหนียง เ้าว่าใช่หรือไม่เล่า?”
[1] เหนียง คือคำลงท้ายเรียกสตรี
[2] ปลาหลุดรอดแหอยู่ หมายถึงยังมีหลงเหลืออยู่
