“ท่านพ่อ ข้าอยู่นี่เ้าค่ะ” เจินจูรีบเดินเข้าไป
“ท่านย่าเ้าเรียกให้เข้าไป มีเื่จะคุยกับเ้า” หูฉางกุ้ยศีรษะตกลงกล่าวด้วยเสียงไม่สบายใจ
“อ้อ”
ดูเหมือนว่าจะถูกหวังซื่อตำหนิเข้าสินะ นางแอบแลบลิ้นในใจ
หวังซื่อนั่งอยู่บนขอบเตียงอิฐใบหน้ามืดครึ้ม เจินจูยิ้มแล้วก้าวไปข้างหน้าคลอเคลียข้างกายนาง “ท่านย่า ทำไมใบหน้าเคร่งขรึมนักล่ะ? อย่าโกรธเลย โกรธมากแล้วไม่ดีต่อสุขภาพท่านนะเ้าคะ”
“เฮ้อ” หวังซื่อถอนหายใจ สายตาอึมครึมทอดไปข้างหน้า ราวกับกำลังคิดถึงอดีตอยู่ เสียงเอื่อยเฉื่อยเล็กน้อย “่ที่ข้ากับปู่ของเ้าเพิ่งแต่งงานกัน ได้พบกันในตอนที่สถานการณ์ทั่วหล้ากำลังผันผวน ทิศใต้มีภัยน้ำท่วมรุนแรง ผู้ประสบภัยนับไม่ถ้วนเดือดร้อนจนไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ได้ ส่วนราชสำนักที่คอยช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้ประสบภัยก็เข้ามาช่วยเหลือล่าช้า ทำให้ประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยากแต่ละพื้นที่พากันลุกฮือขึ้น และในตอนนั้นยังมีความวุ่นวายที่เกิดจากภัยาทิศใต้และทิศเหนือทำให้ประชาชนตื่นตระหนกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก ท่านป้าใหญ่ของเ้าก็เกิดออกมา่เวลานั้น ขณะนั้นเป็ตอนที่ครอบครัวลำบากยากแค้นที่สุด เพื่อหลบหลีกความวุ่นวาย ท่านปู่ของเ้าพาพวกเราหลบเข้ามาในูเาลึก อาศัยเสบียงอาหารไม่มากเก็บผักป่าประคับประคองชีวิต น่าเสียดายที่ย่าทวดของเ้าอดทนผ่านไปไม่ไหว ถูกฝังอยู่ในูเาลึกระหว่างเดินทาง คนทั้งหมดกว่าจะทนมาถึงความวุ่นวายจากภัยาสิ้นสุดลงได้ไม่ง่ายเลย น้องชายของปู่เ้าปีนั้นเพิ่งอายุสิบสองปี กลับป่วยหนักแล้วจากไป ปู่ทวดของเ้ารับความกระทบกระเทือนนี้ไม่ไหวทำให้ตรอมใจป่วยหนักขึ้นทุกวัน ไม่นานก็ตามจากไปด้วยอีกคน”
หวังซื่อแสดงสีหน้าหนักใจ ั์ตาโศกเศร้า ความวุ่นวายจากภัยาครั้งนั้น คร่าเอาชีวิตอ่อนแอไปนับไม่ถ้วน หูเฉวียนฝูมีท่านอาผู้เป็ลูกพี่ลูกน้องของพ่ออาศัยอยู่ในเมือง ถูกลูกหลงจากการก่อจลาจล ที่มีการจุดไฟเผาของประชาชนไปทั่ว แม้แต่บ้านและครอบครัวทั้งหกคนก็เสียชีวิตจมอยู่ในกองทะเลเพลิง สกุลหูตอนนี้จึงไม่มีแม้แต่ญาติชิดใกล้สักคนเดียว
เื่เหล่านี้เจินจูได้ยินเป็ครั้งแรก ที่แท้นางยังมีท่านปู่ผู้เป็น้องชายท่านปู่อีกนี่ น่าเสียดายเป็คนที่ไร้วาสนา จากไปั้แ่อายุยังน้อยนิดนัก
“ท่านป้าใหญ่ของเ้าติดตามมากับพวกข้าได้รับความยากลำบากมากมาย มี่หนึ่งป่วยจนอีกนิดชีวิตก็จะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว เจ็บป่วยจนร่างกายเหลือแต่กระดูก สุขภาพแย่มากมาตลอด ภายหลังอาศัยอาหารจำพวกเนื้อของท่านปู่หวังหงเซิงของเ้าส่งมาให้นิดหน่อยเป็ครั้งคราว จึงบำรุงร่างกายดีขึ้นมาได้เล็กน้อย เพราะสาเหตุเหล่านี้ ข้ากับท่านปู่เ้าเลยให้ท้ายป้าใหญ่ของเ้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ นางในตอนนี้เลยกลายมาเป็คนเช่นนี้” ความรู้สึกของหวังซื่อยิ่งตกต่ำลง
“เมื่อวาน นางหยิบเงินสิบห้าเหลียงจากในมือพ่อเ้าไป คงกลัวว่าเื่จะถูกเปิดเผยจึงอ้างว่าที่บ้านมีธุระด่วนเลยรีบกลับไปแต่เช้าตรู่” กล่าวถึงตรงนี้ หวังซื่อทอดสายตาออกไปมองหูฉางกุ้ยนอกประตูอย่างเกลียดเหล็กไม่เป็เหล็กกล้า [1] เล็กน้อย “ท่านพ่อเ้าก็ทึ่มนัก ถุงเงินตกลงบนพื้นก็ปล่อยให้ท่านป้าใหญ่ของเ้าแย่งเอาไปได้ หากในนั้นมีร้อยแปดสิบเหลียง เช่นนั้นก็ไม่ใช่ทำหล่นหายไปหมดเลยหรือ? ไม่ได้ เจินจู ต่อไปพวกเ้าห้ามให้เขาพกเงินมากมายเพียงนั้น ท่านพ่อเ้าซื่อเกินไป เมื่อไรถูกคนหลอกเข้าให้คงไม่มีทางรู้ได้เลย”
“ที่แท้เป็เช่นนี้นี่เอง” เจินจูหัวเราะ มิน่าเล่าที่ท่านป้าใหญ่ถึงหนีไปแต่เช้าตรู่ คิดว่านางคงกลัวว่าหากครอบครัวตนเองรู้เื่นี้เข้าจะไปหานางแล้วทวงกลับคืนมากระมัง
“ท่านย่า ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ทรัพย์สินเงินทองเป็ของนอกกาย ท่านป้าใหญ่จะเอาไปก็เอาไปสิ ล้วนเป็คนครอบครัวเดียวกัน แต่ท่านย่าต้องตำหนิท่านป้าใหญ่สักหน่อย เงินสิบห้าเหลียงจะมีค่าได้มากสักเท่าไรกันเชียว? จ่ายไปหมดก็ไม่มีแล้ว ต้องมองการณ์ให้ไกลหน่อย ตอนนี้ที่บ้านมีช่องทางหาเงินทำไมต้องกระทำการหลบๆ ซ่อนๆ เช่นนี้ด้วย ให้ครอบครัวพวกนางมาเรียนรู้การเลี้ยงกระต่ายด้วยกัน เช่นนี้ไม่ใช่ว่าครอบครัวนางสามารถเพิ่มรายได้ได้แน่นอนกว่าหรือเ้าคะ” พี่สาวน้องชายกันเองแท้ๆ สามารถช่วยได้หน่อยย่อมต้องช่วยเหลือ แต่หูชิวเซียงทำเช่นนี้ไม่ใช่ว่าทำให้ท่านพ่อนางผิดหวังหรือ?
“ย่ารู้แล้ว” หวังซื่อสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางตบมือเจินจูเบาๆ “ท่านป้าใหญ่เ้าผู้นี้ไม่ได้มีจิตใจเลวร้ายอะไร มองเพียงแค่ผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่คิดวางแผนเพื่ออนาคต หากนางมาครั้งหน้าย่าจะกล่าวโน้มน้าวเตือนสตินางเอง”
เอาเงินไปด้วยวิธีไม่เป็ธรรม ล้วนเป็เพียงการมองผลประโยชน์ระยะสั้นเท่านั้น บุตรสาวของตนเองจะมีจิตใจชั่วร้ายอะไรได้ เพราะผู้เป็บิดามารดามักขยายข้อดีของลูกและเพิกเฉยข้อบกพร่องของลูก [2] หวังซื่อเองก็ไม่ยกเว้นการถือปฏิบัติตามประเพณีด้วยเช่นกัน เจินจูยิ้มไม่กล่าวอะไร
“เจินจู สิบห้าเหลียงนั่นถือว่าย่าให้ป้าใหญ่ของเ้า อีกเดี๋ยวให้ฉางกุ้ยไปเอาเงินที่บ้านเก่าสกุลหู” หวังซื่อจัดการอารมณ์ตนเองให้เป็ปกติแล้วกล่าว
“ไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเ้าค่ะ ท่านย่า ข้าได้รู้สาเหตุที่ท่านพ่อไม่สบายใจก็พอแล้ว ที่บ้านไม่ได้ขาดเหลือเงินเล็กน้อยนั่น” เจินจูรีบกล่าว
“ไม่ได้ ป้าใหญ่ของเ้าหยิบเงินของครอบครัวเ้าไปไม่ถูกต้อง ข้าคืนให้พวกเ้าแทนนางก่อน รอครั้งหน้าตอนนางมาบ้านข้าค่อยให้นางคืนเงิน” หวังซื่อสีหน้ายืนกราน ที่บ้านพึ่งพาครอบครัวบุตรชายคนเล็กทำให้สถานการณ์ครอบครัวดีขึ้นได้ดังเช่นทุกวันนี้ จะว่าอย่างไรก็ไม่มีทางให้บุตรชายคนเล็กเ็ปใจเพราะความผิดหวังได้
“…”
เนื้อที่เข้าถึงปากจะคายออกมาได้อย่างไร? นางไม่อยากจะเชื่อ
่บ่าย ฝนยังคงตกลงมาซู่ซ่า
ดินบริเวณขอบสระน้ำชุ่มฉ่ำเป็โคลนเลน เพิ่มภาระให้ชาวบ้านที่มาขุดสระขึ้นโดยปริยาย
หลี่ซื่อถามเจินจูด้วยความลังเลว่ารอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยขุดไม่ได้หรือ?
เจินจูเองก็ลังเลใจเช่นกัน แต่กู้อู่บอกว่าสามหรือห้าวันจะส่งพันธุ์รากบัวกับพันธุ์ไม้มาให้ หากพันธุ์รากบัวส่งมาแล้วแต่สระกลับยังขุดไม่เสร็จ เช่นนั้นจะทำอย่างไร? ยุคสมัยนี้รากบัวเป็ผลผลิตมีค่าสูง พันธุ์รากบัวย่อมมีราคาไม่ถูก หากล่าช้า พันธุ์รากบัวนี่จะไม่เสียเปล่าหรือ
เจินจูกล่าวทั้งหมดให้หลี่ซื่อฟัง แล้วให้นางต้มน้ำขิงขึ้นหนึ่งหม้อ อีกเดี๋ยวให้ชาวบ้านที่ทำงานเหล่านี้ดื่มคนละถ้วย ช่วยขับไล่ความหนาวเย็น
หลี่ซื่อได้ฟังจึงใ พันธุ์รากบัวจะส่งมาถึงพรุ่งนี้หรืออาจจะเป็วันมะรืน หากเป็เื่รีบเร่งเช่นนี้ก็ไม่สามารถรอให้ฝนหยุดได้จริงๆ จึงไปห้องครัวต้มน้ำขิงขึ้นทันที
ส่วนเจินจูมาหน้าบ้านะโเรียกให้หลิ่วฉางผิงเข้ามาหา และบอกสาเหตุที่ไม่อาจหยุดงานได้ให้เขาฟัง หลิ่วฉางผิงตบหน้าอกรับประกันทันที ถึงแม้พรุ่งนี้ฝนจะตกอยู่ก็จะขุดสระออกมาให้ได้อย่างแน่นอน
โชคดีที่ฝนมีทีท่าว่าจะน้อยลง หลังดื่มชาขิงร้อนคนละถ้วยแล้วทุกคนจึงขุดหลุมแบกดินกันต่อ
ก่อนเลิกงานฟ้ามืด สระน้ำก็ได้เป็รูปเป็ร่างขึ้น พรุ่งนี้แต่งเติมอีกนิดๆ หน่อยๆ น่าจะสามารถทำงานเสร็จได้
ตอนเย็นทั้งครอบครัวกำลังทานอาหารมื้อเย็น
“ท่านพี่ วันนี้ท่านอาจารย์ของพวกเราชมข้าด้วยล่ะ ฮิๆ” ผิงอันทานไปด้วยกล่าวไปด้วยอย่างยิ้มตาหยี
“โอ้ ชมอะไรเ้าหรือ?”
ครอบครัวชนบทไม่มีกฎเกณฑ์ทานข้าวไม่พูดคุยนอนไม่สนทนา [3] เจินจูก็ไม่อยากถือเอากฎเกณฑ์เ่าั้มาปฏิบัติในครอบครัวตนเองเช่นกัน อย่างไรเสียในยุคปัจจุบัน หากบนโต๊ะอาหารไม่มีคนพูดคุยกันสิถึงจะเป็เื่แปลกประหลาด
หลัวจิ่งทานข้าวอย่างสุขุมเยือกเย็น สำหรับบทสนทนาเป็กิจวัตรประจำวันบนโต๊ะทานอาหารของครอบครัวหู เขาปรับตัวให้ชินได้นานแล้ว ส่วนใหญ่เป็น้องชายพูดคุย พี่สาวตอบ บิดามารดาขานรับเป็บางครั้ง พอถึงตอนที่ถามเขา เขาก็ตอบกลับไปเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไร เขาถูกบิดามารดาเอาอกเอาใจั้แ่เด็กนิสัยเดิมดื้อรั้นเล็กน้อย เป็ธรรมดาที่ไม่ใช่คนเอาแต่ยึดติดอยู่กับประเพณีและไม่รู้จักยืดหยุ่น
“ชมว่าความจำข้าดี เนื้อหาที่ท่านอาจารย์สอนทุกวัน สอนรอบเดียวข้าก็จำได้แล้ว” ใบหน้าเล็กที่อิ่มเอิบขึ้นทุกวันของผิงอันเชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างลำพองใจ
“ใช่ไหมเล่า ผิงอันของพวกเราเฉลียวฉลาดจริงๆ แม้แต่ท่านอาจารย์ยังชมเลย ไม่เลวๆ” เจินจูอดหยอกใบหน้าเล็กรูปไข่ของเขาอย่างขบขันไม่ได้ “แต่ท่องจำอย่างเดียวไม่ได้นะ เ้าต้องเข้าใจความหมายในนั้นด้วย ตำราต้องศึกษาให้มากอ่านให้มากและคิดให้มาก ถึงจะสามารถนำไปพลิกแพลงใช้ได้ อย่าเอาแต่ใช้วิธีท่องจำแบบไม่เข้าใจ สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็หนอนหนังสือ [4] ”
“ท่านพี่ ทราบแล้ว ข้าไม่ใช่หนอนหนังสือเสียหน่อย” ผิงอันมุ่ยปากขึ้น
หูฉางกุ้ยกับหลี่ซื่อถูกเขาเย้าแหย่จนหัวเราะเสียงดัง บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลมกลืนและอบอุ่น
ยามกลางคืนหลังล้างหน้าแปรงฟันแล้ว เจินจูคลุมผ้านวมใหม่อย่างอบอุ่นและผมยุ่งเป็กระเซิง นางขดกายเข้าผ้าห่มกลิ้งอยู่สองตลบด้วยความสบาย
มีห้องของตัวเองแล้วจะเข้าจะออกมิติช่องว่างก็สะดวกสบาย ไม่ต้องคอยระมัดระวังรอบด้านตลอดเวลา
เจินจูกลอกตาหนึ่งรอบแล้วคิดเข้าสู่มิติช่องว่าง อากาศหอมหวนยังคงพลิ้วตามลมอ่อนๆ
หญ้าสงบจิตข้างเท้าละเอียดอ่อนนุ่มและเหนียวทนทาน ครั้งก่อนหลังจากนางเกี่ยวไปครั้งหนึ่งก็เว้นระยะเวลาไปนาน หญ้าสงบจิตถึงโผล่หน่ออ่อนขึ้นมา จนถึงปัจจุบันนี้งอกเงยขึ้นชุ่นกว่า [5] จากสีม่วงเข้มเมื่อก่อนเปลี่ยนเป็สีม่วงอ่อนในขณะนี้ เจินจูถึงได้เข้าใจว่าแม้จะอยู่ในมิติช่องว่าง วัฏจักรการเจริญเติบโตของหญ้าสงบจิตก็จำเป็ต้องใช้เวลานานระยะหนึ่งเช่นกัน
เจินจูจนปัญญา ดูท่าแล้วหากคิดจะรวบรวมให้เพียงพอเพื่อทำหมอนหนึ่งใบ จำเป็ต้องรอคอยอีกนานมาก
ที่ไม่ไกลออกไป ในพื้นที่นาเล็กๆ ใบเผือกเขียวเป็มันสูงใหญ่แผ่เต็มหนึ่งผืน
เผือกเตรียมเก็บเกี่ยวได้แล้ว เดิมทีเจินจูรู้สึกกลุ้มใจกับหญ้าสงบจิตอยู่แต่พริบตาเดียวผ่านไปก็ท้องฟ้าแจ่มใสหลังฝนตก [6]
เผือก ของดีเลยนะ เผือกเชื่อมน้ำตาล [7] เผือกหิมะ [8] ลูกชิ้นเผือก ขนมเผือก... ทั้งหมดนี้ล้วนเป็ของที่นางชอบทาน เผือกที่ปลูกในมิติช่องว่างหอมนุ่มเหนียวและเนื้อละเอียดเป็พิเศษ อีกทั้งผลใหญ่อิ่มเอิบ หนึ่งหัวที่ปลูกในมิติช่องว่างเกือบจะสามารถเทียบเท่าได้กับสองหัวใหญ่ของเผือกภายนอก
แค่ใบต้นเผือกอย่างเดียวก็ครองพื้นที่มากเกินไปแล้ว เจินจูมองฟางที่กองสูงอยู่ข้างกระท่อม อดปวดหัวนิดหน่อยไม่ได้ พยายามใช้เลี้ยงไก่ เลี้ยงกระต่าย แม้กระทั่งเลี้ยงล่ออยู่บ่อยๆ ก็แล้ว แต่ฟางพวกนี้ยังใช้ไปได้ไม่มากเท่าไรเลย แน่นอนว่าเป็เพราะนางไม่กล้าให้มากเกินไป ส่วนใหญ่เป็การผสมให้เป็ครั้งคราวไม่แน่นอน ทุกครั้งจะให้กินสามถึงห้าก้าน พอเก็บเกี่ยวผลผลิตอื่นๆ ในที่นาขึ้นมาใหม่ ไม่นานฟางก็เพิ่มขึ้นมาอีกไม่น้อย กลับไปกลับมาอยู่เช่นนี้ ฟางเหล่านี้ไม่เพียงไม่ลดลงแต่นับวันยิ่งกองสูงขึ้นไปอีก
“…”
เอาเถิด พักนี้ยังคงเหลือผักอยู่สองสามชนิดเท่านั้น
วันต่อมาฝนได้หยุดตกลง
ตลอดยามเช้า ขอบข้างสระน้ำล้วนปรับแต่งเสร็จสิ้น ก้นสระก็อัดแน่นเป็ฐานดีแล้ว ทุกคนจึงเริ่มทำความสะอาดโคลนเศษเล็กเศษน้อยที่ร่วงอยู่ในลานบ้าน ่บ่ายค่อยช่วยกันขุดหลุมต้นไม้ไม่กี่หลุมให้ครอบครัวหู งานนี้จึงนับได้ว่าเสร็จสิ้น
“กุบกับๆๆ” เสียงเกือกม้าแววเข้ามาจากหน้าบ้าน ทุกคนพากันหยุดงานในมือลงแล้วหันไปมองหน้าประตู
“อ้าว เ้าของร้านหลิว ท่านมาแล้ว เชิญท่านรีบเข้ามาเร็ว” หลิ่วฉางผิงเหลือบเห็นคนที่มา จึงรีบยิ้มแล้วเข้าไปต้อนรับข้างหน้าทันที “ซวงหลิน เ้าไปข้างหน้าะโเรียกให้ฉางกุ้ยมาที่นี่ที”
หูฉางกุ้ยกำลังยุ่งอยู่กับงานปลูกข้าวโพดบนหลุมที่เติมดินขึ้นใหม่
เจิ้งซวงหลินรีบขานรับแล้ววิ่งไปตามคน
รอหูฉางกุ้ยวิ่งกระหืดกระหอบกลับมา หลิวผิงกำลังยืนอยู่ข้างสระน้ำที่ขุดขึ้นใหม่และพูดคุยกับเจินจูอยู่
“เ้าของร้านหลิวจะบอกว่า สระน้ำนี่ต้องใส่น้ำให้ท่วมและแช่ตากแดดไว้ก่อนถึงจะสามารถใช้ได้หรือเ้าคะ?” เจินจูขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนว่าจะเป็เช่นนี้จริง คล้ายจะจำได้ลางๆ ว่าในโทรทัศน์เคยออกอากาศไว้ แต่นางจำไม่ได้ไปชั่วขณะ ต้องแช่น้ำต้องตากแดดแล้วก็ต้องฆ่าเชื้อโรค เฮ้อ เป็นางที่คิดเื่ราวสะเพร่าเอง
“ซุนเจี้ยนอธิบายมาเช่นนี้ เขาเป็ผู้ที่มีความสามารถในการเพาะปลูกรากบัวได้ดีที่สุดของอำเภอเจิ้นอัน ตอนนี้กำลังช่วยคหบดีจางทางตะวันออกของเมืองดูแลรักษาสระน้ำในสวนดอกไม้อยู่ ข้าส่งคนไปเชิญเขามาโดยเฉพาะ พอเขาได้ฟังว่าเป็สระน้ำที่ขุดขึ้นใหม่ก็ชี้ให้เห็นถึงปัญหานี้ ดังนั้น ให้ข้าไม่ต้องรีบร้อนซื้อรากบัวก่อน เพราะซื้อมาแล้วก็เพาะไม่ได้เป็การชั่วคราว หากบำรุงสระน้ำดีแล้วต่อไปรากบัวถึงจะสามารถเติบโตได้ดี” หลิวผิงยิ้มแล้วอธิบาย
“หากเป็เช่นนี้ ยังต้องผ่านไปอีกสิบกว่าวันถึงจะสามารถเพาะรากบัวได้ เวลาจะไม่ช้าไปหรือเ้าคะ?” นางขมวดคิ้วแน่น สระน้ำล้วนขุดเสร็จแล้ว พลาดเวลาเพาะปลูกไป ไม่ใช่ว่าต้องรอปีหน้าหรือ
เชิงอรรถ
[1] เกลียดเหล็กไม่เป็เหล็กกล้า หรือ 恨铁不成钢 หมายถึง การตั้งความหวัง หรือเข้มงวดกับคนผู้นั้น เพื่อหวังว่าคนผู้นั้นจะได้ดิบได้ดี
[2] บิดามารดามักขยายข้อดีของลูกและเพิกเฉยข้อบกพร่องของลูก หมายความว่า เมื่อลูกของตัวเองทำดีต้องชื่นชมให้มากๆ ต้องมองส่วนที่ดีของลูกให้มาก และเมื่อลูกทำเื่ไม่ดีอย่าได้ต่อว่ามากเกินไป
[3] ทานข้าวไม่พูดคุยนอนไม่สนทนา หรือ 食不言寝不语 หมายความว่า ขณะทานข้าวห้ามพูดคุยจะได้ไม่ส่งผลต่อการย่อยและดูดซึมอาหาร ก่อนนอนไม่สนทนากับผู้คนจะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของการนอนหลับ
[4] หนอนหนังสือ ในที่นี้คือ ผู้คงแก่เรียนที่เอาตัวไม่รอด
[5] ชุ่น หรือ 寸 มีค่าเท่ากับ 1 นิ้ว
[6] ท้องฟ้าแจ่มใสหลังฝนตก หมายถึง การเจอกับสถานการณ์ยากลำบาก แต่อดทนผ่านไปได้ย่อมเหมือนท้องฟ้าแจ่มใสหลังฝนตก
[7] เผือกเชื่อมน้ำตาล หรือ 拔丝芋头 เป็การนำเผือกมาเชื่อมใส่น้ำตาลให้เหนียวข้นมีเส้นใยน้ำตาลยืดออกมา
[8] เผือกหิมะ หรือ 返沙芋头 เป็การนำเผือกไปทอดแล้วนำมาเคี่ยวใส่น้ำตาลทรายขาวให้กลายเป็เกล็ดน้ำตาลติดที่เผือก