ด้านเมิ่งอ้ายเยว่นั้นหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้ากลับจวนตระกูลเมิ่งในทันที เดิมทีนางไม่อยากจะกลับไปเหยียบสถานที่แห่งนั้นอีก แต่ทว่านางเพิ่งทะลุมิติมาที่นี่เป็ครั้งแรก และยังไม่มีหนทางไป อย่างไรย่อมต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน แล้วค่อยหาหนทางอีกครั้ง
นางมุดลอดช่องสุนัขเข้ามาอย่างยากลำบาก เมื่อเข้ามาแล้วก็รีบหันมองซ้ายขวาเมื่อพบว่าไม่มีคนมาเห็นจึงโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
อยู่ๆ นางก็คิดถึงเด็กหนุ่มนามว่าอาอี้ขึ้นมา และยังเสียดายเงินหนึ่งพันตำลึงที่เขาเสนอให้ไม่น้อยเลย แต่ทว่าคุณธรรมในจิตใจของนางมันแรงกล้ามากกว่าตัวเงิน นางจึงไม่อยากตกปากรับคำเขา
สายเืคนดีของนางนี่มันช่างเข้มข้นดีจริงๆ
หญิงสาวส่ายหน้าไปมาพลางยิ้มเล็กน้อยแล้วรีบกลับเรือนพักทันที ระหว่างทางทางนางแวะซื้อของกินหลายอย่างมาฝากอาหมี่สาวใช้ด้วย อย่างไรเสียคนที่นางพอจะพึ่งพาและไว้ใจได้เห็นทีก็จะมีแต่อาหมี่เสียแล้ว ผูกมิตรกับอาหมี่เอาไว้เสียหน่อย เพียงเท่านี้ก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขแล้ว
เมิ่งอ้ายเยว่กลับมาถึงจวนในตอนบ่ายแก่ๆ เมื่อมาถึงก็พบว่าอาหมี่กำลังรอนางอย่างร้อนใจ เมื่อเห็นว่านางกลับมาแล้วก็รีบวิ่งเข้ามาหา เมิ่งอ้ายเยว่ที่เห็นว่าอาหมี่ดูมีท่าทีลุกลี้ลุกลนก็เริ่มสงสัย
"อาหมี่ มีอันใดหรือ?"
"คุณหนู ท่านกลับมาเสียที เมื่อครู่เถียนฮูหยินส่งคนมา แต่บ่าวหาทางบ่ายเบี่ยงตามที่ท่านสั่งแล้วเ้าค่ะ บ่าวใแทบตาย ดีที่คุณหนูกลับมาทันเวลา"
เมิ่งอ้ายเยว่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง แล้วจึงดึงตัวอาหมี่เข้ามาในห้อง
“อาหมี่ ข้าซื้อของกินมาฝากเ้าด้วย ต่อไปนี้ข้าสัญญาว่าจะไม่ทุบตีและด่าทอเ้าอีกแล้ว และจะหาของอร่อยๆ มาให้เ้ากินบ่อยๆ ดีไหม?”
อาหมี่มองเ้านายตนเหมือนเห็นผี เมื่อคลายความใได้แล้ว นางก็ยิ้มให้เมิ่งอ้ายเยว่พร้อมกับพยักหน้าถี่ๆ
“เ้าค่ะ บ่าวเองก็จะตั้งใจรับใช้คุณหนูเช่นเดียวกัน”
สองนายบ่าวยิ้มให้กัน เมิ่งอ้ายเยว่กินขนมไปด้วยและป้อนอาหมี่ไปด้วย เมื่อกินอิ่มแล้วนางก็ไปนอนพัก รอจนเวลาเย็นย่ำจึงออกมาเดินเล่นรับลมที่ด้านนอก ระหว่างที่กำลังเดินเล่นรับลมเย็นอยู่นั้น นางก็ได้พบกับเมิ่งลี่หรูและเมิ่งซานเข้าพอดี สองพี่น้องก็ออกออกมาเดินเล่นเช่นเดียวกัน เมิ่งลี่หรูที่เห็นนางก็มองมาด้วยแววตาไม่เป็มิตร ราวกับมีแค้นล้ำลึกต่อกันมาแปดร้อยชาติเสียอย่างนั้น
"เหอะ พี่ใหญ่ท่านดูเอาเถอะ คนบางคนคงแกล้งป่วยเพื่อหวังจะเรียกร้องความสนใจจากท่านโหว แต่น่าเวทนานัก เพราะสุดท้ายท่านโหวก็ไม่เหลียวแล! ยามนี้ออกมาเดินเหินได้แล้วหรือ คงเพราะรู้ตัวว่าแผนล่อจับพยัคฆ์ไม่ได้ผลสินะ หึ! นับวันเ้ายิ่งทำตัวน่าไม่อายหนักข้อขึ้นทุกวัน น่าขายหน้าชะมัด ข้าละอับอายจนไม่อยากจะนับญาติกับเ้า"
เมิ่งซานเองก็เอ่ยผสมโรงคำพูดน้องสาวตนทันที
"นั่นสิ ชาติกำเนิดต่ำตมไม่พอ จิตใจยังต่ำตมไปด้วยอีก น่ารังเกียจนัก ไม่เจียมกะลาหัวเอาเสียเลย ตนเองเป็เพียงลูกชาวนาที่ท่านแม่เอามาชุบเลี้ยงเป็คุณหนู กลับยังคิดจะเทียบเคียงลี่หรูน้องรักของข้าเสียได้!"
สองพี่น้องเอ่ยวาจาดูแคลนเมิ่งอ้ายเยว่อย่างสนุกปาก แต่เมิ่งอ้ายเยว่กลับยืนนิ่งๆ ไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองหรือโมโหเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังทำราวกับว่าสองพี่น้องบัดซบคู่นี้เป็เพียงอากาศธาตุเสียอย่างนั้น เมิ่งลี่หรูและเมิ่งซานหันมาสบตากันหนหนึ่งด้วยความแปลกใจ เป็เมิ่งลี่หรูที่เอ่ยถามเพราะทนไม่ไหว
"อ้ายเยว่ เ้าไม่ได้ยินหรือว่าพวกข้ากำลังด่าเ้าอยู่น่ะ!"
เมิ่งอ้ายเยว่หันมามองเมิ่งลี่หรูแล้วจึงเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง
"อ้าว ที่แท้กำลังด่าข้าหรือ ให้ตายเถอะ ข้าก็คิดว่าพวกเ้าสองพี่น้องกำลังด่ากันเองเสียอีก?"
"นี่เ้า!"
"อย่าหาว่าข้าสอนเลยนะ เดิมทีข้าไม่อยากจะมีปัญหากับพวกเ้า เพราะข้ารู้ตัวว่าข้าเป็เพียงผู้อาศัย ชาติกำเนิดก็ต่ำต้อย แต่แล้วมันอย่างไรเล่า ชาติกำเนิดมันวัดค่าความเป็คนไม่ได้หรอกนะ เพราะคนบางคนก็สูงแค่ชาติกำเนิด แต่จิตใจกลับต่ำเสียยิ่งกว่าโคลนตมเสียอีก เห้อ ข้าต้องไปนอนแล้ว ขอตัวนะ บายจ๊ะ"
เอ่ยจบนางก็คิดจะเดินกลับเรือนตน แต่เมิ่งลี่หรูมีหรือจะยอมปล่อยนางไป สองพี่น้องคิดจะยกเท้าถีบนางจากด้านหลัง แต่เมิ่งอ้ายเยว่เหมือนกับมีตาทิพย์ นางไหวตัวทัน และยังเบี่ยงกายหลบไปอีกทางอย่างรวดเร็ว สองพี่น้องที่ถีบได้เพียงอากาศจึงล้มหน้าคะมำลงไปกับพื้นหญ้าทันที เมิ่งอ้ายเยว่ที่เห็นเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นทาบอก พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขัน
“อ้าว ชอบกินหญ้าก็ไม่บอก ค่อยๆ กินไปนะ พอดีข้าง่วงเลยไม่ว่างอยู่กินด้วย ไปนอนดีกว่า”
เอ่ยจบเมิ่งอ้ายเยว่ก็เดินกลับเรือนตนไปทันที เมิ่งลี่หรูและเมิ่งซานกัดฟันกรอด รีบกลับเรือนหลักไปฟ้องมารดาตนทันที เถียนฮูหยินที่ได้ยินว่าลูกรักสองคนถูกรังแกจึงเรียกเมิ่งอ้ายเยว่มาด่า แต่เด็กนั่นกลับทำเหมือนทองไม่รู้ร้อน ฟังเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา เถียนอูหยินด่าจนรู้สึกเหนื่อยหอบ จวนเจียนจะเป็ลมแล้วเป็ลมอีกเมิ่งอ้ายเยว่ก็ยังทำตัวเหมือนปลาเค็มนอนตาย สุดท้ายกลายเป็เถียนฮูหยินเสียเองที่ยอมแพ้ เมิ่งอ้ายเยว่เองก็ไม่สนใจ สิ่งที่นางถนัดที่สุดคือการฟังคนด่า เพราะตอนทำงานอยู่ออฟฟิศนางก็โดนเ้านายด่าไม่เว้นแต่ละวัน แค่เถียนฮูหยินบ่นเท่านี้นางสบายมาก
นางไม่เถียงเพียงปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามด่าจนหมดแรงไปเอง ส่วนนางเก็บแรงไว้นอนก็พอ
บ่นไปสิ คนที่คอแห้งไม่ใช่นางเสียหน่อย!
เมื่อรู้ว่าด่าไปก็ไร้ผลเถียนฮูหยินจึงไล่นางกลับเรือนไปเสีย หลังจากกลับมาถึงเรือนของตนเมิ่งอ้ายเยว่ก็ทิ้งกายลงนอนบนเตียงอย่างรวดเร็ว นางมีปณิธานในใจแน่วแน่มาโดยตลอดว่าการนอนนั้นจะทำให้คนเราสมองปลอดโปร่ง อาหมี่ที่เห็นว่าเ้านายตนพอกลับมาถึงเรือนก็ดูเหนื่อยล้าจึงรีบเข้ามาเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
“คุณหนู ท่านอย่าคับแค้นใจเลยนะเ้าคะ ดูสิ ท่านดูอ่อนล้ามากเลย เถียนฮูหยินคงทำท่านเหนื่อยใจอีกแล้วใช่หรือไม่?”
เมิ่งอ้ายเยว่ที่นอนหลับตาอยู่เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็เอ่ยตอบสาวใช้อย่างเกียจคร้าน
“ไม่หรอก ข้าไม่เป็อันใด ข้าเพียงง่วงเท่านั้น”
อาหมี่พยักหน้าหนหนึ่ง ก่อนจะนั่งเฝ้าเ้านายตนเองนอนหลับไม่ยอมจากไปไหน
วันคืนในจวนตระกูลเมิ่งนับว่าไม่ดีเท่าใดนัก เดิมทีนางยังคิดว่าเถียนฮูหยินจะต้องรู้เป็แน่ว่านางหนีออกจากจวนไปเที่ยวเล่น แต่ผ่านมาสองวันแล้วกลับไม่มีเื่ใดเกิดขึ้น เช่นนั้นก็คงไม่มีปัญหาแล้ว
นางจำได้ว่าวันนี้คือวันที่ตนจะต้องไปพบกับอาอี้ตามนัดแล้ว นางจึงรีบล้างหน้าและเปลี่ยนชุดใหม่เพื่อไปพบเขา
“คุณหนู ท่านจะไปอีกแล้วหรือเ้าคะ?”
“ข้ามีนัดกับคนผู้หนึ่ง ไว้เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับ เ้าไม่ต้องกังวล หากมีคนมาถามหาข้าก็บอกว่าข้านอนหลับ ไม่้าให้คนเข้ามารบกวน”
อาหมี่พยักหน้าอย่างจำใจ เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เมิ่งอ้ายเยว่ก็มุดช่องลอดสุนัขออกมาจากจวนตระกูลเมิ่งเหมือนเช่นคราวก่อน
โรงน้ำชาหงหลัว
เมิ่งอ้ายเยว่เดินมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าโรงน้ำชาหงหลัวด้วยท่าทีเก้ๆ กัง อาอี้ไม่ได้บอกนางว่าเขาจองห้องแบบไหนเอาไว้ นางจึงยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง จวบจนกระทั่งมีชายหนุ่มผู้หนึ่งเข้ามาหานาง และบอกว่าจะพานางไปพบอาอี้ นางจึงยิ้มให้เขาอย่างเป็มิตร คาดว่าคนผู้นี้คงจะเป็บ่าวรับใช้ของอาอี้กระมัง
เมื่อเข้ามาในโรงน้ำชาหงหลัว เมิ่งอ้ายเยว่ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก โรงน้ำชาแห่งนี้ใหญ่โตกว้างขวาง การตกแต่งก็หรูหรายิ่งนัก นอกจากจะเป็สถานที่สำหรับนัดพบปะพูดคุยของผู้คนแล้ว ยังมีทั้งการแสดงและละครให้ชมเพื่อความบันเทิงอีกด้วย
นางเดินตามคนรับใช้ของอาอี้ขึ้นมาบนชั้นสอง และมองทุกสิ่งรอบตัวด้วยความสนใจ
ด้านซือหม่าอี้เฉินนั้นยามนี้เขากำลังนั่งจิบชาชั้นดีอย่างสบายอารมณ์ ฟ่านกงกงที่ยืนรับใช้อยู่ข้างๆ รู้สึกปวดขมับตุบๆ นิสัยเอาแต่ใจและทำตามใจชอบของฝ่าานั้นแก้ไม่หายเสียที อีกทั้งวันนี้ยังไม่รู้ว่านึกพิเรนท์อันใดขึ้นมา จึงสั่งให้เขาไปหาเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ มาชุดหนึ่ง เมื่อเขาเอ่ยถามก็ได้คำตอบว่า
ข้าเป็ฮ่องเต้จนเบื่อแล้ว อยากลองเป็ยาจกสักวันหนึ่ง ไหนเ้าลองเรียกข้าว่าไอ้ยาจกดูสิ เร็วๆ เข้า ข้ารอฟังอยู่!
ฟ่านกงกงถึงกับกุมขมับจนแทบบ้า ฮ่องเต้น้อยของเขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจจนเสียคน หลี่ไทเฮาเองก็ทรงรักใคร่เป็อย่างมาก ตอนที่ยังเป็เพียงองค์ชายก็เอาแต่ใจจนข้ารับใช้ท้อแท้
ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงคนจากด้านนอกบอกว่าเมิ่งอ้ายเยว่มาถึงแล้ว ซือหม่าอี้เฉินจึงบอกว่าให้นางเข้ามาได้ เมิ่งอ้ายเยว่เปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว วันนี้นางแต่งกายเรียบง่ายแต่น่ามองอย่างยิ่ง ซือหม่าอี้เฉินถึงกับครุ่นคิดในใจ ดูๆ ไปแล้ว เขาในตอนนี้เหมือนกับชายตกอับที่ลอบมาพลอดรักกับคุณหนูผู้สูงศักดิ์เลย
น่าตื่นเต้นที่สุด!
“พี่สาว ท่านมาแล้วหรือ รีบมานั่งเร็วเข้า”
ซือหม่าอี้เฉินยิ้มให้เมิ่งอ้ายเยว่เล็กน้อย แล้วจึงบอกให้นางเข้ามานั่ง เมิ่งอ้ายเยว่เองก็ทำตามอย่างว่าง่าย
"น้องชาย เ้ารอนานหรือไม่ ขออภัยที่ข้ามาช้า ข้าไม่ค่อยได้ออกจากจวน จึงไม่คุ้นชินเส้นทางเท่าใดนัก เห้อ ข้าคอแห้งมาก ขอดื่มน้ำสักครู่"
ว่าจบนางก็เทชาใส่ถ้วยและยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดถ้วย ซือหม่าอี้เฉินเองก็ไม่ได้ว่าอันใดกลับลอบมองนางอย่างสนใจเสียด้วยซ้ำ ด้านเมิ่งอ้ายเยว่ที่หายคอแห้งแล้ว ก็เงยหน้ามาส่งยิ้มให้ซือหม่าอี้เฉิน ก่อนจะต้องขมวดคิ้วมุ่น
เหตุใดวันนี้น้องชายหน้าหยกถึงสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ เช่นนี้เล่า
อ่า นางเข้าใจแล้ว เขาจะต้องเอาชุดราคาแพงไปจำนำเพื่อเล่นการพนันหมดแล้วเป็แน่ เห้อ หนุ่มน้อยสุดหล่อทำไมเ้าถึงหมกมุ่นในอบายมุขได้ถึงเพียงนี้!
ไม้เรียวในมือพี่สาวสั่นมาก!
เมิ่งอ้ายเยว่มีท่าทีครุ่นคิด เมื่อเห็นสภาพของเขาเช่นนี้นางก็ตัดสินใจได้แล้วว่าจะไม่สอนเขาเด็ดขาด นางล้วงหยิบตั๋วเงินสามร้อยตำลึงจากถุงเงินของตนไปวางลงตรงหน้าเขา ซือหม่าอี้เฉินที่เห็นเช่นนั้นก็เลิกคิ้วมองนางด้วยความสงสัย
“พี่สาว นี่คือ?"
"ยังจะถามอีก อาอี้ ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไม่สอนเ้าทำเื่ไม่ดีเด็ดขาด ขนาดเ้าเล่นไม่เก่งยังเอาเสื้อผ้าไปจำนำจนหมด หากข้าสอนเ้าจนชำนาญขึ้นมา ข้าว่าเ้าคงขายจวนทิ้งแน่นอน ข้าไม่อยากสอนเ้าให้เสียคน น้องชาย นับว่าเ้าโชคดีที่ได้เจอพี่สาวคนนี้ พี่สาวไม่เอาเปรียบเ้าแน่นอน เ้ากลับตัวกลับใจเถอะนะ เลิกทำตัวไม่ได้เื่เสียที เชื่อพี่สาว พี่สาวอาบน้ำร้อนมาก่อนเ้า"
ฟ่านกงกงที่ได้ยินเช่นนั้นก็หนังตากระตุกพรึบๆ พลางเหล่มองเ้านายตนไม่หยุด
แต่ทว่าซือหม่าอี้เฉินกลับไม่โกธร อีกทั้งยังรู้สึกชอบใจเสียอีก ชีวิตที่ผ่านมาเขาเจอแต่พวกประจบประแจงเพื่อหวังผลประโยชน์ ผู้คนทั้งใต้หล้าต่อให้เห็นว่าเขาแต่งตัวสภาพน่าเวทนาเพียงไร สุดท้ายแล้วก็ยังต้องก้มหัวให้เขาอยู่ดี เพราะว่าเขาคือเ้าแผ่นดิน
แต่เมิ่งอ้ายเยว่กลับมองว่าเขาน่าสงสาร ซ้ำยังไม่คิดเอาเปรียบเขา
ปลาตัวนี้ช่างน่าสนใจดีจริงๆ!
เขาบิดกายไปมาอย่างเกียจคร้านแล้วจึงหันมาเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงยียวน
“พี่สาว ข้าอยู่ที่จวนก็อาบน้ำร้อนทุกวัน ท่านมั่นใจได้เช่นไรว่าอาบก่อนข้า บางคราข้าอาจจะอาบก่อนท่านก็ได้”
เมิ่งอ้ายเยว่” ....”
นางถึงกับหมดคำจะพูด มันคือสำนวนเปรียบเปรยของคนมีอายุที่เอาไว้สอนพวกเด็กๆ แต่เขากลับไม่เข้าใจ เห้อ!
"น้องชาย เอาเป็ว่าเ้าเชื่อข้าเถอะ เอาอย่างนี้ เป็ข้าที่ให้ความหวังเ้าและไม่ยินดีสอนเ้าเอง ข้าจะถือว่าตนเองเป็คนผิดที่ทำให้เ้าเสียเวลา เช่นนั้นข้าขอเลี้ยงน้ำชาและขนมเ้าเพื่อเป็การไถ่โทษดีหรือไม่?"
นางพยายามเอาใจหนุ่มน้อยตรงหน้าอย่างสุดกำลัง ซือหม่าอี้เฉินไม่ตอบ แต่กลับมองหน้าเมิ่งอ้ายเยว่ด้วยแววตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เขามองจนนางรู้สึกขนลุกขึ้นมาเสียดื้อๆ
หรือว่าเขาจะโมโหนางเข้าให้แล้ว?
ไม่ได้การ ทำเด็กหน้าหล่อโมโหอาจจะมีบาปติดตัวเอาได้!
"อาอี้ เ้าอย่าโมโหไปเลยน่า พี่สาวหวังดีกับเ้านะ พี่สาวไม่อยากให้เ้ายุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดี งั้นเอาอย่างนี้ เ้าอยากไปที่ใด พี่สาวจะพาเ้าไปทุกที่ แต่ให้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้นนะ เ้าห้ามดื้อเล่า"
ซื่อหม่าอี้เฉินยกถ้วยชาขึ้นดื่ม แล้วจึงปรายตามองนางอย่างเ้าเล่ห์
"จริงหรือ ไปทุกที่ได้เลยหรือ?"
"อืม"
"เช่นนั้นก็ไปกันเลย"
เอ่ยจบซือหม่าอี้เฉินก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะคว้าจับแขนของนางให้ลุกขึ้นเดินตามเขาออกไป เมิ่งอ้ายเยว่ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบแกะมือเขาออกทันที หากยอมให้เขาจับมือถือแขนนางออกไปแบบนี้ย่อมไม่ดีแน่ อย่างไรชายหญิงก็ไม่ควรชิดใกล้กันมิใช่หรือ?
แต่เด็กอายุสิบแปดตรงหน้านางในยามนี้ มันก็หล่อเหลาน่าเข้าใกล้จริงๆ
ถุย!กับเด็กหนุ่มๆ ยังไม่เว้นนะยัยป้านี่!
เมิ่งอ้ายเยว่พยายามไล่ความคิดไม่ดีในหัวออกไป แล้วรีบเอ่ยถามซือหม่าอี้เฉินทันที
"ช้าก่อน น้องชายเ้าจะไปที่ใด บอกข้ามาก่อน"
ซือหม่าอี้เฉินหันกลับมามองเมิ่งอ้ายเยว่ แล้วจึงเอ่ยตอบนางด้วยอารมณ์สุนทรีย์
"หอนางโลม"
"ห๊ะ?"
เมิ่งอ้ายเยว่สมองมึนงงไปชั่วขณะ ไม่นานนางก็ตั้งสติได้ นี่มันเื่บ้าบอใดกัน นางเพิ่งสั่งสอนเขาไปหยกๆ ว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข แต่นี่เขากลับเปลี่ยนทิศเบนเข็มไปยังหอนางโลมแทน?
ให้ตายเถอะ ทำไมนางจะต้องมาเจอลูกลิงจอมเสเพลในตำนานด้วยนะ ปวดสมองไปหมดแล้ว!
