จุนห่าวเข้าใจเื่ราวไม่น้อยผ่านความทรงจำของร่างเดิม เขาเพิ่งจะมาอยู่ในสถานที่ที่เขาไม่รู้อะไรเลย ด้วยสภาพแวดล้อมที่แปลกไป ทำให้เขาอยู่ในจุดที่เสียเปรียบ
จุนห่าวรู้ว่าร่างเดิมก็มีน้ำเต้าไม้เช่นกัน เขาหยิบน้ำเต้าไม้สีม่วงออกมาจากชายเสื้อ วางไว้ที่เบื้องหน้าและมองดูอย่างระแวดระวัง
น้ำเต้าไม้นี้มีสีม่วง ขนาดหนึ่งนิ้ว บนน้ำเต้าไม้ประดับไปด้วยลวดลายที่ไม่รู้จัก น้ำเต้านี้ไม่เหมือนกับน้ำเต้าของเขา และไม่เหมือนกับในความทรงจำของร่างเดิม ดูเหมือนว่าน้ำเต้านี้...จะเป็การประสานกันระหว่างน้ำเต้าของเขาและน้ำเต้าของร่างเดิม แม้ว่าจะไม่ใช่น้ำเต้าอันเดิมของเขา แต่เมื่อจุนห่าวมองดูจี้น้ำเต้านี้กลับมีความรู้สึกผูกพัน เขาััได้ว่าน้ำเต้านี้มีความเชื่อมโยงกับสายเืของเขาเป็แน่
ในแผ่นดินชางหลานมีวิธีอาวุธพิเศษด้วยการหยดโลหิตลงไป จุนห่าวรู้สึกว่าน้ำเต้านี้ไม่ธรรมดา เขาจึงนึกอยากลองหยดโลหิตลงไปที่น้ำเต้าใหม่นี้ แต่เพราะหาของมีคมไม่เจอ เขาจึงกัดนิ้วกลางของตัวเองจนหลั่งไข่มุกโลหิตออกมา เขานำไข่มุกโลหิตหยดลงบนน้ำเต้าไม้ น้ำเต้าไม้ดูดซับจนหมดจดในทันที แต่กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จุนห่าวจึงลองนำน้ำเต้ากดบนปากแผล ราวกับน้ำเต้ามีชีวิต มันยึดปากแผลได้เองและเริ่มดูดเื หลังจากที่มันดูดเื เมื่อจุนห่าวเริ่มรู้สึกเวียนหัว น้ำเต้าถึงจะหยุด ณ ตอนนี้จุนห่าวรู้สึกว่าที่ตัวเองทำไป ช่างไม่คุ้มเอาเสียเลย แล้วน้ำเต้าไม้ในมือก็พลันหายไป
จุนห่าวมองนิ้วกลางข้างซ้ายของตัวเอง าแเมื่อกี้หายไปแล้ว และน้ำเต้าที่ติดอยู่กับปากแผลก็พลันหายไปด้วย จุนห่าวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงกลายเป็แบบนี้ เขาซึ่งมาจากยุคปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะมีความทรงจำของร่างเดิม แต่เขาก็ยังขาดสามัญสํานึกของโลกบำเพ็ญเพียรนี้ หากเป็คนของแผ่นดินชางหลาน จะต้องรู้วิธีอาวุธพิเศษนี้เป็แน่
จุนห่าวพูดกับตัวเอง “น้ำเต้าไปไหนแล้วนะ? ทำไมมันหายไปในอากาศล่ะ? น้ำเต้านี้ดูดเืจากข้าไปตั้งเยอะ สุดท้ายแล้วข้าได้น้ำเต้านี้ไหมเนี่ย! ตอนนี้ดันหาไม่เจอแล้ว นี่ข้าเสียเืไปฟรี ๆ อย่างนั้นหรือเนี่ย?” “ข้าดูดเืเ้าไปนิดเดียวเอง แค่นี้เ้าก็ทนไม่ได้เสียแล้ว เ้านี่ใจแคบจริงๆ” เสียงเด็กน้อยโพล่งออกมาอย่างใสซื่อ
“ใคร...นี่ใครกำลังพูดอยู่ อย่าแกล้งมาเป็ผีหลอกกัน รีบออกมาเร็ว รีบออกมา...ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ” จุนห่าวพูดเสียงเข้ม พูดจบก็ะโลงจากเตียง ตั้งท่าเตรียมจะโจมตี พร้อมมองไปรอบๆ ด้วยดวงตาคมเข้ม
“ทำไมเ้าถึงไม่มีมารยาทกับท่านลุงถึงเพียงนี้ ท่านลุงรอเ้าอยู่นะ” เสียงเด็กน้อยพูดขึ้นพลางหัวเราะระรื่น “เ้าต้องรับมือข้าให้ได้ เ้าต้องหาข้าให้เจอเสียก่อน ถ้าหาไม่เจอพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
พอได้ยินเสียงเด็กน้อยอีกครั้ง จุนห่าวจึงเริ่มใจเย็นลง เขาไม่ได้ััถึงความเหี้ยมจากน้ำเสียงนี้ ออกจะตลกเสียด้วยซ้ำ จุนห่าวปฏิบัติภารกิจอันตรายมาหลายปี เขาจึงมีความไวต่อเสียงเหี้ยมเป็พิเศษ
จุนห่าวผ่อนร่างกายมาพิงกำแพง พูดพลางหัวเราะว่า “เ้าเป็แค่เด็กดื้อ ยังกล้ามาแกล้งเป็ท่านลุง ถ้าเ้าเป็ท่านลุง ข้าก็เป็บรรพบุรุษของเ้าแล้ว”
“นี่เ้า เ้า...” เสียงเด็กน้อยพูดอย่างเดือดดาล “เ้าสิเป็เด็กดื้อ ข้าเป็บรรพบุรุษของบรรพบุรุษของบรรพบุรุษของบรรพบุรุษเ้า...”
“ถ้าเ้าอายุห้าร้อยปีแล้ว ทำไมยังมีเสียงเด็กน้อยเล่า! ข้าว่าเ้าอายุแค่ห้าขวบเท่านั้นแหละ” จุนห่าวกล่าวต่อ เขารู้สึกว่าเ้าสิ่งนี้ ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว และเขาก็รู้สึกสนุกที่จะต่อปากต่อคำกับเ้าสิ่งนี้ด้วย
“เ้าสิอายุห้าขวบ?” เสียงเด็กน้อยพูดอย่างไม่พอใจ “เ้าไม่อยากรู้หรือว่าข้าเป็ใคร เ้าไม่อยากรู้หรือว่าน้ำเต้าของเ้าไปไหนเสียแล้ว”
“ไม่อยาก” จุนห่าวกล่าว
“ทำไมถึงไม่อยากรู้ล่ะ” เด็กน้อยถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “แค่เ้าบอกมาว่าเ้าอยากรู้ ข้าก็จะบอกเ้า เ้าหนุ่มนี่ไม่มีความอดทนเสียจริง เมื่อกี้ข้าแค่จะหยอกเ้าเล่น หลายปีมานี้ข้าไม่ได้ออกมาเลย ในเมื่อข้าได้พูดแล้ว ก็เลยอยากพูดเล่นด้วยสักหน่อย เ้าหนุ่มน้อยทำเอาซะข้าไม่สนุกเลย”
ถูกเด็กน้อยมาเรียกว่าเ้าหนุ่มน้อย จุนห่าวไม่ค่อยสบอารมณ์นัก พูดตามตรง จุนห่าวยังคงอยากรู้เกี่ยวกับเสียงนี้อยู่ แต่เขาเข้าใจสำนวนที่ว่า ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมวได้ จุนห่าวไม่ใช่ชายหนุ่มที่เืร้อนอีกต่อไป ความหุนหันพลันแล่นได้ลดลงไปบ้างแล้ว
“งั้นบอกข้ามาว่าเ้าเป็ใคร” ในเมื่อเสียงเด็กน้อยอยากให้เขาเอ่ยถาม เขาก็ทำตามสักหน่อยละกัน
“เอ... ข้ารู้ว่าเ้าอยากรู้ว่าท่านลุงผู้นี้เป็ใคร” เสียงเด็กหนุ่มพูดอย่างภาคภูมิใจ “งั้นท่านลุงก็จะบอกเ้า เ้าหนุ่มน้อยฟังให้ดีล่ะ ข้าก็คือเทพเ้าเสือขาว จากนี้ไปเ้าเรียกว่า หู่เหยีย [1] ละกัน”
เสียงเด็กน้อยไม่ได้ยินจุนห่าวตอบกลับ จึงกล่าวต่อว่า “เ้าหนุ่มน้อย ได้ยินสมญานามของท่านลุงแล้ว ใใช่ไหมล่ะ”
“ประวัติความเป็มาไม่เบาทีเดียว งั้นข้าจะเรียกเ้าว่า เสี่ยวไป๋ [2] แทนละกัน จำง่ายดี” จุนห่าวเอ่ยขึ้น จุนห่าวพอจะรู้แล้วว่าเสียงนี้เป็ใคร
“ท่านลุงน่าเกรงขามเยี่ยงนี้ ทำไมถึงเรียกว่าเสี่ยวไป๋ล่ะ เรียกข้าว่าหู่เหยียสิ” เสี่ยวไป๋ท้วงติง
“งั้นชื่อเล่นก็คือเสี่ยวไป๋ ชื่อจริงคือไป๋เฉิน” จุนห่าวพูดอย่างหนักแน่น การท้วงติงจึงไม่เป็ผล
“เอาล่ะ ข้าเชื่อเ้าละกัน ใครให้เ้ามาเป็เ้านายข้าแล้วนี่” เสี่ยวไป๋พูดอย่างประนีประนอม มันได้ทำสัญญาิญญากับจุนห่าวแล้ว และยอมรับจุนห่าวในฐานะเ้านาย ตอนนี้มันจึงต้องเชื่อฟังจุนห่าว
ได้ยิน ‘เ้านาย’ สองคำนี้ จุนห่าวยิ่งมั่นใจว่าเขาเดาถูกแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะน้ำเต้าสำเร็จ เสี่ยวไป๋คงเป็อาวุธแห่งิญญาของน้ำเต้าไม้ และสาเหตุที่เขามองไม่เห็น ก็เพราะมันอยู่ในที่ของมัน เขาเริ่มครุ่นคิด ตอนนี้เขาอยู่ในโลกของการบำเพ็ญเพียร ต้องใช้หลักการคิดแบบโลกบำเพ็ญเพียรกับเื่นี้
“เ้าเป็อาวุธวิเศษของน้ำเต้า” จุนห่าวกล่าวอย่างมั่นใจ
“ในที่สุดเ้าก็รู้แล้ว ข้านึกว่าเ้าจะเดาไม่ออกซะละ” เสี่ยวไป๋เอ่ยขึ้น “ข้าคืออาวุธวิเศษของ...เทศะรุกขเทพจื่อถง”
[1] หู่เหยีย คือ เทพเ้าเสือ
[2] เสี่ยวไป๋ คือ เสือขาวน้อย