“ท่านหญิง...”
เมื่อผิงเอ๋อร์ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว นางจึงรีบเข้าไปในห้องทันที ครั้นเห็นสภาพของจ้าวอิ้งเสวี่ย นางจึงเดินเข้าไปใกล้ ทว่าครั้นเดินก้าวเข้าไปด้านข้างของจ้าวอิ้งเสวี่ย และเห็นร่างที่สะท้อนอยู่ในกระจกทองเหลือง ในใจนางอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
ในกระจกทองเหลืองสะท้อนให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็ น่าะเืใจ
นางเคยชินกับการเห็นใบหน้านี้แล้ว ทว่าในยามนี้ ในกระจกเงานั้นกำลังสะท้อนความโศกเศร้าที่ฉายออกมาจากั์ตาของหญิงสาว รวมถึงความสิ้นหวังที่แผ่ออกมาอย่างไม่ขาดสาย ราวกับมีมือใหญ่มาบีบเคล้นคอนาง ทำให้นางหายใจได้อย่างยากลำบาก
ท่านหญิง นาง...
“ท่านหญิง...”
ในที่สุดผิงเอ๋อร์ก็ควบคุมตัวเองได้ น้ำตาพลันไหลรินอาบสองแก้ม ยามที่นางอ้าปากพูด เสียงของนางอดไม่ได้ที่จะสำลัก "ท่านหญิง ท่านจะทำให้ตนเองลำบากไปทำไมเ้าคะ?"
เมื่อก่อนในห้องนี้ไม่มีกระจก ทว่าหลายวันก่อน ท่านหญิงกลับสั่งให้ไปซื้อกระจกมาตั้งไว้ในห้อง หลังจากนั้น ท่านหญิงก็มักจะมานั่งหน้ากระจกและจ้องมองตัวเองอย่างเหม่อลอย
ทุกครั้งที่นางเห็น ในใจนางรู้สึกกังวล แต่นางไม่รู้ว่าจะปลอบท่านหญิงที่น่าสงสารของตนเองอย่างไร
“ผิงเอ๋อร์ ดูนี่...”
จ้าวอิ้งเสวี่ยเปิดปาก ดวงตาของนางจดจ่ออยู่ที่กระจกทองเหลือง นางจ้องมองใบหน้าตนเอง มุมปากยกยิ้มเสี้ยวหนึ่ง ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไม่อาจเรียกได้ว่าเป็รอยยิ้ม “เ้าดูสตรีในกระจกบานนี้สิ เ้าคิดว่านางเหมือนตัวประหลาดหรือไม่?”
“ไม่ ท่านหญิง…” ผิงเอ๋อร์ส่ายหัวตามความรู้สึกในจิตใจของตนเอง หัวใจของนางเต้นแรงอย่างยิ่ง
“ฮ่าๆ ตัวประหลาด...เ้าดูใบหน้านี้สิ หน้าตาเช่นนี้ แม้แต่เดรัจฉานอย่างเหนียนเฉิงก็ยังรังเกียจ แม้แต่เขายังหวาดกลัว นับประสาอะไรกับ...” ขณะที่จ้าวอิ้งเสวี่ยกล่าว แววตานางยิ่งฉายประกายความสิ้นหวัง “นับประสาอะไรกับเขาเล่า? เ้าคิดว่า หากเขาเห็นใบหน้าแบบนี้ของข้า เขาจะรังเกียจ เขาจะหวาดกลัวหรือไม่?”
ยามที่เอ่ยประโยคหลังออกมา จ้าวอิ้งเสวี่ยจับมือผิงเอ๋อร์อย่างตื่นเต้น แววตานางยิ่งทวีความบ้าคลั่ง ด้วยแรงบีบจับนั้น ทำให้มือของผิงเอ๋อร์รู้สึกเจ็บขึ้นมา
ทว่าผิงเอ๋อไม่มีเวลาสนใจความเ็ป นางยังคงเฝ้ามองจ้าวอิ้งเสวี่ยตรงหน้า
เขาหรือ?
เขาที่ท่านหญิงเอ่ย หมายถึงท่านแม่ทัพหลวงใช่หรือไม่?
ท่านหญิง นางรู้สึกกับท่านแม่ทัพหลวง...
“ท่านหญิง...” ผิงเอ๋อร์กุมมือจ้าวอิ้งเสวี่ยอย่างปลอบประโลม นางฉีกยิ้มมุมปาก เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “เขาเป็คนจิตใจดี จะต้องไม่รังเกียจแน่เ้าค่ะ เขาจะต้องไม่กลัวแน่เ้าค่ะ”
“จริงหรือ?” ดวงตาของจ้าวอิ้งเสวี่ยเป็ประกาย แต่เพียงครู่หนึ่ง ประกายในดวงตางดงามพลันหมองลง ประหนึ่งดวงดาวที่เจิดจ้าถูกเมฆลอยมาปกคลุมทันใด อารมณ์เสียใจและความรู้สึกเป็ปมด้อยที่แข็งกล้ากว่าเดิมเข้าแทนที่ “แต่ข้า...หน้าเสียโฉมถึงเพียงนี้? ทั้งร่างกายนี้ยัง...”
ในหัวผุดภาพเมื่อหลายวันก่อน เหนียนเฉิงที่ทับอยู่บนตัวนาง ทุกสิ่งที่เขาทำ ฉับพลันนั้น นางก็รู้สึกคลื่นไส้ที่หน้าอก
"อุบ..." จ้าวอิ้งเสวี่ยอาเจียนออกมา ผิงเอ๋อร์ยิ่งตื่นตระหนกเมื่อนางเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ “ท่านหญิง ท่านหญิง ท่านเป็อะไรหรือไม่?”
จ้าวอิ้งเสวี่ยอาเจียนสักพักใหญ่ ทว่ากลับไม่มีอะไรออกมา ผิงเอ๋อร์วุ่นวายสับสนจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นสภาพของนาง ในที่สุดก็มิอาจวางใจลง “ท่านหญิง บ่าวจะไปตามหมอมานะเ้าคะ...”
“ไม่ ไม่จำเป็...” จ้าวอิ้งเสวี่ยรั้งตัวผิงเอ๋อร์ที่กำลังจะลุกออกไปไว้ ความผิดปกติบนร่างกายสงบลง นางไม่รู้ว่าทำไมนางถึงรู้สึกคลื่นไส้
เดรัจฉานอย่างเหนียนเฉิง...แค่คิดถึงััของเขา หัวใจของนางก็รู้สึกเหมือนสายน้ำในมหาสมุทรกำลังพลิกคว่ำ ความใกล้ชิดแบบนั้น ทำให้นางรู้สึกขยะแขยงถึงที่สุดและรู้สึกราวกับร่างกายจะแตกสลาย...
ความทรงจำที่น่าอัปยศอดสูพวกนั้นสาดซัดเข้ามาราวกับกระแสน้ำ จ้าวอิ้งเสวี่ยจับมือผิงเอ๋อร์แน่นขึ้นทันใด “เตรียมน้ำ ข้าอยากอาบน้ำ”
ในสายตานั้นเผยให้เห็นถึงความร้อนใจและรังเกียจ ราวกับอยากจะสลัดิญญาชั่วร้ายที่หลอกหลอนนาง
“ท่านหญิง…” ผิงเอ๋อร์ชะงักงันไปครู่หนึ่ง และรีบเอ่ยตอบรับทันที “เ้าค่ะ เ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปเตรียมน้ำเ้าค่ะ...บ่าวจะรีบไป”
ผิงเอ๋อร์รีบออกไปด้านนอกทันที ในลานสวนข้างเรือน ฉวี่ชางได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านใน ใบหน้าของเขายิ่งมืดมนขึ้นเรื่อยๆ อยากจะเข้าไป ทว่าเพราะฐานะของตนเอง เท้าก้าวไปข้างหน้า ทว่ากลับไม่กล้าก้าวต่อ ทำเพียงยืนอยู่ตรงนั้น จ้องมองเงาที่หน้าต่างด้วยดวงตาอันซับซ้อน
เสียงการเคลื่อนไหวนี้รั่วไหลไปยังหออี๋ชุนด้านข้าง
เหนียนเฉิงเดินกะเผลกไปที่หน้าต่างเพื่อแอบฟัง ราวกับว่า้าจะฟังเสียงทุกข์ทรมานของจ้าวอิ้งเสวี่ยอย่างละเอียด
“ถุย หญิงสารเลว ให้เ้าทรมานเปิ่นเช่าเยทั้งวัน หึ สบายใจกับบาปกรรมครานี้หรือไม่?”
เหนียนเฉิงถ่มน้ำลาย นึกถึงวันนี้ที่มารดาตนเองมาหาที่หออี๋ชุนพูดคุยเื่พรุ่งนี้ เหนียนเฉิงเลิกคิ้ว ความชั่วร้ายโบยบินพาดผ่านั์ตาคู่นั้นอย่างบ้าคลั่ง ร้องฮึมฮัมอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นจึงเดินกะเผลกกลับไปนอนอย่างสงบ
ในคืนเดียวกัน ณ จวนแม่ทัพเอก
เรือนเล็กชิงหย่า สายลมเย็นๆ พัดผ่าน
สตรีสูงศักดิ์อ่อนโยนและสงบนิ่งล้อมรอบด้วยสาวใช้สองสามคน ยืนอยู่หน้าประตูลานเรือนชิงหย่า
ดูเหมือนนางจะคุ้นเคยนิสัยของบุตรชายตนเองเป็อย่างดี ก่อนเข้าไปในลานเรือน สตรีผู้นั้นทิ้งสาวใช้ของนางให้รออยู่ตรงหน้าประตูและก้าวเข้าไปในลานเพียงคนเดียว ในลานเรือนชิงหย่า ดวงประทีปยังคงส่องสว่าง ยังไม่ทันได้ก้าวเดินเข้าไปในห้อง เสียงฉินลอยออกมาอย่างแ่เบา ไพเราะเสนาะหู ขณะที่สตรีผู้นั้นได้ยินเสียงนั้น รอยยิ้มบนใบหน้านาง ยิ่งแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนเจือรักใคร่เอ็นดู
เฉิงเซิงที่รออยู่นอกห้องอักษร เห็นสตรีผู้นั้นพลันเร่งรีบก้าวเข้าไปหานางทันที “ฮูหยิน...”
สตรีผู้นั้นพยักหน้าให้ และก้าวเดินไปยังห้องอักษร
ในห้อง สตรีผู้นั้นเดินผ่านประตูเข้าไป เสียงฉินพลันหยุดชะงัก หญิงสาวที่กำลังบรรเลงฉิน ครั้นเห็นสตรีอีกคนเดินเข้ามา จึงเร่งรีบลุกขึ้นทันที “ท่านแม่ ดึกดื่นเยี่ยงนี้แล้ว ท่านมาทำไมหรือ?”
“เ้าเองก็รู้ว่าดึกดื่นเพียงนี้แล้ว เ้าเป็สตรี ดึกเยี่ยงนี้ยังมาอยู่กับจื๋อหร่านที่นี่อีก แล้วนี่นับเป็อะไร?” สตรีผู้นั้นหรี่ตามองฉู่เซียงจวิน แม้นคำพูดจะดูตำหนิ ทว่าเมื่อฟังดูแล้วกลับเป็คำพูดที่แฝงไว้ด้วยอารมณ์ตามใจเหลือคณา
ฉู่เซียงจวินเหลือบมองฉู่ชิงที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ พลางขยิบตาอย่างสนุกสนาน “จื๋อหร่านเป็พี่ชายลูก และไม่ใช่ผู้ชายอื่นใด อีกอย่างหลังจากนี้จื๋อหร่านจะแต่งงานแล้ว ลูกคงทำตัวตามใจเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว”
ในน้ำเสียงนั้นมิอาจปกปิดความรู้สึกหดหู่ได้ ทว่าพริบตาเดียว นางจงใจยกมือโบกสะบัดอารมณ์ตนเองทิ้ง มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยอย่างอ่อนหวาน “ดังนั้นลูกจะฉวยโอกาสนี้ ให้จื๋อหร่านอยู่กับลูกเยอะๆ เอาเปรียบพี่สะใภ้ก่อนนางจะเข้ามา!”
ครั้นสตรีผู้เป็มารดาได้ยินดังนั้น ดวงตานางพลันหรี่ลงเล็กน้อย เบนสายตามองไปที่ฉู่ชิง
“ใช่ จื๋อหร่านอยากจะแต่งภรรยาแล้ว ทว่า...” สตรีผู้นั้นเอ่ยถึงตรงนี้ พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดจึงเอ่ยปากขึ้นว่า “จื๋อหร่าน เ้าคิดดีแล้วหรือ? เหนียนยวี่ผู้นั้น...เช่นนั้น แม่จะหาคนที่ใช่ให้เ้าใหม่ เลือกมาเยอะๆ ส่วนองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ...”
“ท่านแม่ ไม่จำเป็” ฉู่ชิงลุกขึ้น ประคองมารดานั่งลง
“ทว่าเหนียนยวี่ผู้นั้น อย่างไรก็เป็แค่บุตรีอนุภรรยา อีกอย่างตอนนี้มีข่าวลือว่า ท่านอ๋องมู่้าจะมาสู่ขอเหนียนยวี่ แม้นไม่ได้มาสู่ขอ ทว่าความสัมพันธ์ของนางกับท่านอ๋องมู่ก็ยังคงไม่ชัดเจน...” สตรีผู้เป็มารดายังคงไม่สบายใจ ั้แ่วันนั้นที่องค์หญิงใหญ่ชิงเหอมาที่จวนและเอ่ยเื่นี้ ในใจนางก็รู้สึกเป็กังวลมาโดยตลอด
แม้นนางไม่อยากให้จื๋อหร่านแต่งงานกับท่านหญิง ทว่าอย่างน้อยนางก็มีภูมิหลังตระกูลที่ใสสะอาด...
“นางบริสุทธิ์!” ฉู่ชิงเงยหน้า ขัดถ้อยคำของมารดา ราวกับว่าเขาไม่้าให้เหนียนยวี่ถูกเข้าใจผิดมากไปกว่านี้
ภาพเงาร่างของเหนียนยวี่ผุดขึ้นในหัวเขา ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนงั้นหรือ?
เหนียนยวี่เป็สตรีฉลาด สำหรับจ้าวอี้ นางน่าจะรู้เื่นี้อยู่ในใจมาตลอด
แต่เขา...
ภายใต้หน้ากาก มุมปากฉู่ชิงยกยิ้มเล็กน้อย เอ่ยดูถูกตัวเองอย่างคลุมเครือ “แม้นเหนียนยวี่จะเป็บุตรีอนุภรรยา ทว่าใบหน้าเช่นนี้ของลูก...ความจริง การแต่งงานครานี้ควรเป็ลูกที่ไม่คู่ควรกับนาง”
“ฮะๆๆ...”