แม่นางฉินตอบ “เป็ไปได้ ข้าเคยได้ยินมาว่านายหญิงวังมีร้านค้าในเมืองหลวงกับในเมืองมากมาย ไม่แน่ว่าอาจเป็ร้านชาด”
หลินฟู่อินแย้งขึ้น “นายหญิงวังคือภริยาของคนในเมืองเราไม่ใช่หรือ เหตุใดร้านของนางจึงตั้งอยู่ไกลเมืองเช่นนั้น? หากเป็ความจริง ย่อมไม่ใช่เื่ง่ายที่จะเปิดร้านในเมืองใหญ่ใช่หรือไม่?”
หลินฟู่อินรู้ว่านายหญิงวังร่ำรวยมหาศาลจากมรดกที่เศรษฐีวังทิ้งเอาไว้ นางอาจเป็เ้าของร้านค้ามากมายทั้งในเมืองและนอกเมือง หลินฟู่อินเอ่ยเื่นี้เพื่อเรียกสติแม่นางฉิน
ทันใดนั้นแม่นางฉินเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก นางมองหน้าเด็กสาวเบื้องหน้าด้วยสีหน้าตื่นตะลึง “หนึ่งในบุตรสาวของเศรษฐีวังออกเรือนอย่างผาสุขโดยไม่บอกกล่าวนายหญิงวัง แม่เลี้ยงของนางสักคำ แต่น้ำใจของนางไม่เคยเสื่อมคลาย นางย่อมซื้อเป็ของฝากญาติพี่น้องของผู้เป็พ่อเป็ธรรมดา”
หลินฟู่อินพยักหน้าพร้อมกล่าวต่อว่า “ข้าเดาว่านายหญิงวังกำลังหาของตอบแทนเพียงเท่านั้น มิใช่นำไปค้าขายต่อ นางคงตั้งใจมอบให้กับท่านป้าและท่านย่าของตระกูลวัง”
“อา? เช่นนั้น… จึงไม่จำเป็ต้องส่งให้จำนวนมากในคราวเดียวใช่หรือไม่?” หลังจากฟังคำของหลินฟู่อิน แม่นางฉินดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ อย่างน้อยนางก็เข้าใจว่าตนยังไม่รอบรู้มากพอ และอย่าได้คิดอะไรมากเกินไปนัก
หลินฟู่อินเติมชาให้หญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าน่ารักมอบรอยยิ้มหวาน “อาจไม่ใช่แค่ท่านป้าหรือท่านย่าของนางเท่านั้น ครั้นมอบให้คนสนิทเพื่อผูกมิตรย่อมเป็การดี”
คำพูดเพียงไม่กี่คำของหลินฟู่อินทำให้แม่นางฉินเผลอตบเข่าด้วยความดีใจ “เป็เื่ดียิ่งนัก! แป้งโม่กุ้ยเฝิ่นใช้ดีขนาดไหนเราย่อมรู้อยู่แก่ใจ หากนายหญิงวังส่งเป็สินน้ำใจให้แก่ภริยาขุนนางเ่าั้ ไม่ช้าแป้งโม่กุ้ยเฝิ่นของเราต้องโด่งดังเป็แน่!”
หลินฟู่อินหัวเราะเสียงใส “เป็เพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้นเ้าค่ะ”
แม่นางฉินตอบรับอย่างมั่นใจ “มองเป็อื่นไม่ได้แล้ว ข้าจะคอยสังเกตว่านายหญิงวังจะส่งคนมาซื้อของไปจากข้าอีกหรือไม่”
หลินฟู่อินพยักหน้าแล้วพูดคุยกับแม่นางฉินอีกไม่กี่คำ ก่อนหญิงสาวจะขอตัวกลับไปจัดการความวุ่นวายที่ร้าน แน่นอนว่าหลินฟู่อินไม่คิดรั้ง และยินดีเดินออกไปส่งนางถึงหน้าประตู
แม่นางฉินเพิ่งจากไปแขกคนใหม่กลับมาเยือน… นายหน้าเมิ่งรีบวิ่งเข้ามาหาหลังยืนรอหลินฟู่อินจัดการธุระอยู่นาน
“โอ้! โอ้! ข้าขออภัยแม่นางหลิน!” นายหน้าเมิ่งแสร้งทำเป็หัวเราะกลบเกลื่อน “ที่จริงข้าควรจัดการให้เรียบร้อยก่อนหน้านี้ แต่นายของข้ามีงานให้ทำที่บ้าน แถมแม่ของข้าดันล้มป่วยอีกครั้ง ข้าหาเวลาปลีกตัวมาพบกับแม่นางไม่ได้จริงๆ วันนี้ข้ามาพบแม่นางหลินอีกครั้งเพื่อมอบสัญญาโฉนดที่ดินให้ แม่นางโปรดตรวจตราดูก่อนเถิด”
หลินฟู่อินมัวแต่ยุ่งกับการทำของว่างตลอดวันสองวันที่ผ่านมา นางลืมเื่ที่ดินที่ซื้อเอาไว้เสียสนิท นี่เป็เื่สำคัญราวกับเป็หัวใจของนาง ในเมื่อทางฝั่งเจียงฮูหยินไม่ได้มาเพื่อขอเงิน และนางเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรตอนนี้
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ เข้ามาคุยกันในบ้านก่อนเถิด” หลินฟู่อินเอ่ยปากเชิญ
นายหน้าเมิ่งปฏิเสธอย่างแรงกล้า แม้หญิงสาวจะสุภาพรู้กาลเทศะ แต่บุรุษฉกรรจ์อย่างเขาไม่ควรเข้าห้องสตรีใดสุ่มสี่สุ่มห้า
“แม่นางหลิน ข้ามาเพื่อส่งมอบสัญญาซื้อขายที่ดิน ข้าจะได้กลับไปบอกพ่อบ้านชราของเจียงฮูหยิน เราจะมอบเงินให้พวกเขาเลยหรือไม่?” นายหน้าเมิ่งถามเสียงสูง
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นไปดูทุ่งนาให้เห็นกับตากันเถิด ท่านเมิ่งแค่พาข้าไป ที่เหลือข้าจัดการเอง” หลินฟู่อินตอบ
ชายหนุ่มได้ยินว่าหลินฟู่อินจะนำเงินไปจ่ายด้วยตัวเองถึงจวนจวงจื่อ เหตุใดทุกฝ่ายจะไม่ยินดี? นายหน้าเมิ่งยิ้มแป้นจนปากแทบฉีก “เช่นนั้นให้ข้าเชิญคุณชายหลี่และคุณชายใหญ่หลิวไปเยี่ยมชมและเป็พยานขณะทำสัญญาให้ท่านดีหรือไม่?”
พยานทั้งสองคือสหายคนสนิทของหลินฟู่อิน ซ้ำความสัมพันธ์ยังใกล้ชิดแน่นแฟ้น ชายหนุ่มผู้นี้ช่างรู้ใจนางดีเสียจริง!
หลินฟู่อินพึงพอใจ
นางกลับมาที่ห้องเพื่อหยิบตั๋วแลกเงิน ก่อนบอกให้หลินเฟินไปกับนายหน้าเมิ่งเพื่อตามหาหลี่อี้และหลิวฉิน
แน่นอนว่าหลี่อี้และหลินฉิวยินดีกับหลินฟู่อินหลังจากได้ข่าว พวกเขารีบจัดการตัวเองให้ว่างและขึ้นรถม้าของตระกูลหลี่ไปยังหมู่บ้านต้าซู่
และแล้วรถม้าก็เดินทางมาหยุดอยู่หน้าจวนจวงจื่อ
จวนจวงจื่อมีรูปลักษณ์แบบบ้านสวนทั่วไป เมื่อนับดูดีๆ แล้วมีห้องพักรวมทั้งหมดสามสิบถึงสี่สิบห้องด้วยกัน
ฝั่งทุ่งนาของบ้านมีพื้นที่กว้างขวาง สามารถปลูกพืชผักได้นานาชนิด เห็นดังนั้นหลินฟู่อินก็มีความสุข
พ่อบ้านเก่าแก่ของสกุลเจียงได้ยินว่าเ้าของบ้านคนใหม่เดินทางมามอบเงินด้วยตัวเอง จึงรีบออกมาต้อนรับ
หลินฟู่อินทักทายอย่างอ่อนน้อมเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้าุโตรงหน้า
พ่อบ้านท่านนี้อายุอานามประมาณหกสิบปีแล้ว กล่าวตรงๆ ก็คือเข้าวัยชราขนาดที่เริ่มมีร่องรอยปรากฏบนใบหน้าชัดเจน ไม่นับรวมถึงเส้นผมที่กลายเป็สีขาวตามธรรมชาติ
พบกันเพียงไม่นานพ่อบ้านชราก็รู้สึกได้ว่าหลินฟู่อินนั้นจิตใจดี เขารู้มาจากนายหน้าเมิ่งว่าเ้าของบ้านคนใหม่นี้ซื้อทั้งบ้านและร้านค้าของผู้เป็นายคนก่อนของเขาอีกด้วย จิตใจของชายชราพลันเบิกบานยิ่งนัก
“แม่นางหลิน นายของข้ากลับบ้านเกิดของท่านแล้ว แต่ข้ามักได้ยินถึงความดีความงามของแม่นางไม่ขาด” พ่อบ้านชรากล่าวด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา “นายท่านรับสั่งให้นายหน้าเมิ่งหาไข่ดอกสนกลับไปด้วย รสชาติของมันถูกปากนายท่านยิ่งนัก จนบางครั้งคนเป็บ่าวเองก็คิดอยากซื้อกลับไปฝากที่บ้านด้วยเช่นกัน”
“เพียงท่านพ่อบ้านบอกข้าว่าหาซื้อได้ที่ไหน?” หลินฟู่อินเอ่ยปาก
“แม่นางจิตใจงดงามยิ่งนัก แต่ข้าจะให้สตรีเป็ผู้ใช้เงินได้อย่างไร?” ชายชรายิ้ม “ง่ายนิดเดียว เพียงเข้าเมืองไปซื้อที่ภัตตาคารหลิวจี้”
“เช่นนั้นข้าจะขอให้ทางร้านตระเตรียมมื้ออาหารให้มากกว่านี้ พ่อบ้านจะได้นำกลับไปฝากให้ภรรยา และแบ่งไว้ทานเองด้วยดีหรือไม่?” หลินฟู่อินไม่ลังเลที่จะมอบน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ
นางรู้ดีว่าเจียงฮูหยินมีทรัพย์สินมากกว่าที่เห็น หากมีโอกาสผูกมิตรกับพ่อบ้านชราที่ดูแลบ้านมาอย่างยาวนาน ยามเจียงฮูหยิน้าค้าขายจะได้นึกถึงนางเป็คนแรก
“ฮ่าๆ ขอบคุณแม่นาง” พ่อบ้านชราไม่ปฏิเสธ จากนั้นหลินฟู่อินจึงมอบเงินเก้าพันตำลึงเงินเพื่อซื้อที่ดินอย่างเป็ทางการ
พ่อบ้านชรายิ้มรับ “เงินนี้ครบถ้วนแล้ว” กล่าวจบก็มองหน้าของเด็กสาวอย่างงุนงง “แม่นางอายุอานามยังน้อย แต่กลับซื้อได้ทั้งบ้านทั้งทุ่งนาเป็ของตัวเอง หายากยิ่งนัก!”
หลินฟู่อินยกมือโบกอย่างถ่อมตน
พ่อบ้านชราเงยหน้ามองทุ่งนาอันอุดมสมบูรณ์ตรงหน้า “เดิมทีข้าตั้งใจรับใช้ผู้เป็นายอีกสองสามปี เสียดายที่ร่างกายเริ่มแก่ตัวและเจ็บออดๆ แอดๆ ขึ้นทุกวัน ข้าคงต้องบอกนายเสียแล้วว่าถึงเวลาข้าเกษียณแล้วกลับบ้านเกิดหลังซื้อขายที่แห่งนี้เสร็จสิ้น แม้ว่าข้าจะรับใช้นายมานานนับศตวรรษ”
จากคำพูดของพ่อบ้านชรา หลินฟู่อินรับรู้ได้ว่าเจียงฮูหยินเป็นายที่ดีขนาดผู้เป็บ่าวยินดีรับใช้ต่อไปอีกหลายปี เพียงแต่ไม่อาจคาดเดาว่าเจียงฮูหยินจะตัดสินใจขายทรัพย์สินตรงนี้ในภายหลัง
เมื่อเห็นว่าพ่อบ้านชรามีสีหน้าเศร้าสร้อย หลินฟู่อินจึงกล่าวปลอบใจ “ท่านพ่อบ้านทำงานหนักมากพอแล้ว ถึงเวลาที่ท่านต้องพักผ่อน นายหญิงของท่านนับว่ามีเมตตา ท่านยินดีรับน้ำใจของนางไว้มิดีกว่าหรือ?”
คำพูดของหลินฟู่อินเหมือนน้ำชะโลมจิตใจของชายชรา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยการทำงานหนักนั้นพยักขึ้นลง สายตาที่มองหลินฟู่อินฉายแววความใจดียิ่งขึ้นไปอีก
“แม่นางหลิน ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดท่านถึงมีกำลังซื้อที่ดินผืนใหญ่เช่นนี้ั้แ่อายุยังน้อย” ชายชราถอนหายใจ
ตอนนั้นเองหลิวฉินก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมพูดกับชายชราว่า “ท่านพ่อบ้าน แม่นางหลินผู้นี้ไม่เพียงแต่ซื้อบ้านเท่านั้น นางตั้งใจจะซื้อภัตตาคารใหญ่อีกแห่งด้วย แต่เรากำลังหาอยู่ว่าภัตตาคารในฝันนั้นอยู่ที่ใด”
หลิวฉินพูดเปรยอย่างไม่ตั้งใจแต่ชายชรากลับฟังอย่างตั้งตกตั้งใจ ดวงตาของเขาเป็ประกายตื่นเต้นก่อนหันไปถามหลินฟู่อินว่า “แม่นางหลิน ท่านจะซื้อภัตตาคารแห่งใดหรือ?”
ใจของหลินฟู่อินเต้นแรงเมื่อได้ยินคำถามนั้น
“ข้าตั้งใจจะซื้อร้านบะหมี่ร้านใหญ่ในชิงเหลียนเพื่อเริ่มกิจการร่วมกับลูกชายคนโตของตระกูลหลิว ข้าตั้งใจเอาไว้เช่นนั้น” หลินฟู่อินตอบ
“โอ้ มิใช่เื่ง่ายเลย!” พ่อบ้านมองหลินฟู่อินสลับกับหลิวฉิน “มีคำโบราณกล่าวว่าวีรบุรุษที่แท้จริงคือคนหนุ่มสาว ท่านทั้งสองอายุยังน้อยแต่มีกิจการเป็ของตัวเอง นับว่ายอดเยี่ยมยิ่งยัก!”
นายหน้าเมิ่งประหลาดใจเช่นกัน แต่เมื่อรู้เื่ราวทั้งหมดเขาก็รู้สึกชื่นชมไม่ต่างกับพ่อบ้านชรา
ผ่านไปครู่หนึ่งพ่อบ้านชราก็เอ่ยปาก “จริงสิ นายของข้ามีที่ดินอยู่ในชิงเหลียนเช่นกัน เสียดายทำเลไม่ดีนัก” ชายชราส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “หากคิดเปิดร้านอาหาร ข้าคิดว่าที่แห่งนั้นคงไม่เหมาะ” ครุ่นคิดอีกสักพักพ่อบ้านชราก็เปลี่ยนใจ “แต่หากที่ของนายหญิงเกี่ยวข้องกับการเปิดภัตตาคารใหญ่ครั้งนี้คงดีไม่น้อย”
หลินฟู่อินรู้สึกมีความหวัง ที่จริงแล้วนางไม่้าที่ดินทำเลดีในชิงเหลียน ขอเพียงที่ตั้งและราคาเหมาะสม ทุกอย่างก็เรียบร้อย
“ท่านพ่อบ้าน ท่านรู้หรือไม่ว่าที่ของเจียงฮูหยินตั้งอยู่ที่ถนนเส้นไหนในชิงเหลียน?” หลิวฉินผู้คุ้นเคยกับชิงเหลียนเอ่ยถาม
มือหนาของชายเฒ่ายกขึ้นลูบเครายาวก่อนหันไปตอบชายหนุ่ม “ถนนไหวฮวา ใกล้กับถนนเหลียนฮวาขอรับ”
หลินฉินตาโตก่อนหันไปหาหลินฟู่อินทันที “ถนนไหวฮวา นับว่าเป็ทำเลที่ไม่เลว”
หลินฟู่อินเชื่อคำพูดของหลิวฉิน
แม้ว่าพ่อบ้านชรา้าขายที่ทางของเจียงฮูหยินให้เสร็จสิ้นในเร็ววันจะได้กลับบ้านเกิดเสียที แต่เพราะหลินฟู่อินเป็สตรีที่นอบน้อมและเป็คนดี เขาจึงไม่อยากให้นางโดนใครเอารัดเอาเปรียบ
ชายชราเอ่ยเตือน “ความจริงแล้ว หากท่าน้าซื้อที่เพื่อเริ่มกิจการอื่นย่อมดี แต่หากท่านคิดทำภัตตาคารอาหารข้าไม่คิดว่าที่นั่นจะขายดีเท่าถนนเหลียนฮวาหรือถนนอวี้จาน”
หลินฟู่อินรับรู้ถึงน้ำใจของอีกฝ่ายดี แต่นางอยากไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง
หลิวฉินกระซิบ “ฟู่อิน ฉางหนิงเคยเขียนจดหมายถึงข้าว่าในชิงเหลียนตอนนี้ ไม่มีผู้ปล่อยขายหรือเช่าภัตตาคารแม้แต่เ้าเดียว”
หลินฟู่อินใจแป้วเล็กน้อย แต่ยังปรับสีหน้าให้กลับมามีรอยยิ้มได้เหมือนเดิมเพื่อหันไปคุยกับชายชรา “ท่านพ่อบ้าน ร้านของเจียงฮูหยินในชิงเหลียนสร้างมานานกี่ปีแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ชายชราใช้เวลาครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ “ร้านของนายหญิงทั้งหมดในชิงเหลียนอยู่ติดกัน นับรวมทั้งหมดแปดร้าน แต่ละร้านมีขนาดใหญ่เป็สองเท่าของร้านที่ใหญ่ที่สุดของนายหญิงในตัวเมือง นายหญิงและนายท่านตัดสินใจกว้านซื้อเก็บเอาไว้เพราะเห็นร้านรวงนั้นเรียงรายติดกัน”
หลินฟู่อินคิดหนัก หากร้านทั้งหมดมีขนาดใหญ่เป็สองเท่าของร้านที่ใหญ่ที่สุดในเมืองของนาง นั่นหมายความว่าร้านใหญ่มากจริงๆ
“ฟู่อิน ตามที่ท่านพ่อบ้านว่า ร้านทั้งแปดของเจียงฮูหยินมีขนาดใหญ่ว่าภัตตาคารเยว่เค่อเสียอีก!” หลิวฉินร้องตื่นเต้น
หลินฟู่อินถามความเห็นอีกฝ่าย “ซื้อสักสี่ร้านพอหรือไม่?”
“หากเ้ามีเงินมากพอข้าแนะนำให้เ้าซื้อไว้ทั้งหมด ร้านค้าติดกันเช่นนี้หายากยิ่งนัก” หลิวฉินตอบ
หลินฟู่อินถามหยั่งเชิง “บ้านท่านเองก็มีเงิน เหตุใดท่านไม่ขอยืมเงินพ่อท่านมาซื้ออีกสี่ร้านที่เหลือเล่า?”
ได้ยินหลินฟู่อินพูดดังนั้น หลิวฉินกลับออกอาการตระหนก “ฟู่อิน เ้าให้ข้าไปยืมเงินท่านพ่ออย่างนั้นหรือ? เ้าก็รู้ว่าพ่อของข้าเป็คนออกปากว่าข้าต้องหาเงินลงทุนด้วยตัวเอง ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เ้าคิดว่าข้าจะทนดูสตรีออกเงินซื้อทุกอย่างด้วยตัวเองได้อย่างนั้นหรือ?”
หลินฟู่อินเงียบไม่ต่างกับนายหน้าเมิ่ง ร้านของเจียงฮูหยินไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่ต้องดูแลแต่เป็ความรับผิดชอบของพ่อบ้านเฒ่า ตามกฎแล้วเขาไม่ควรเข้าไปข้องเกี่ยว
หลี่อี้ที่นิ่งเงียบฟังมาสักพักก็เอ่ยปากพูดกับหลินฟู่อินว่า “ฟู่อิน ถ้าเ้าอยากซื้อ เ้าก็ถามราคาจากท่านพ่อบ้านเถิด หากตกลงซื้อขายกันเรียบร้อย ทุกอย่างเป็ไปได้ด้วยดี ท่านพ่อบ้านผู้นี้จะได้ปลดเกษียณไปพักผ่อนด้วย ท่านพ่อบ้าน ท่านบอกราคาเราได้หรือไม่?”
หลี่อี้พูดขึ้นเพื่อต่อรองราคากับชายชรา แน่นอนว่าคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้ดี “คุณชายไม่ต้องเร่งรีบไป กิจการนี้มิใช่เพื่อเส้นสายในตระกูล ราคาย่อมต่ำกว่าอยู่แล้ว”
หลี่อี้รู้ทันทีว่าพ่อบ้านผู้นี้ไม่ใช่คนคิดคดโกง เขาจึงยิ้มให้อย่างนอบน้อมและไม่พูดอะไรอีก
“ท่านพ่อบ้าน ข้าเห็นด้วยกับคุณชายหลี่ เพียงท่านบอกจำนวนเงินที่เจียงฮูหยิน้าขายร้านนั้นมา พวกข้าจะหาทางซื้อให้ได้”
หลี่อี้ยิ้มบางก่อนเอื้อมมือห้ามหลิวฉิน จากนั้นใบหน้าหล่อหันไปมองหลินฟู่อินแล้วพูดว่า “ฟู่อิน หากเ้าอยากซื้อที่นั่นจริง ข้าพอมีเงินให้เ้ายืม”
“ฟู่อิน ได้ยินหรือไม่? เบาใจเถิด คุณชายหลี่มีเงินเหลือเฟือ ราคาเท่าไรก็ไม่เกี่ยง!” หลิวฉินหัวเราะ
ที่หลิวฉินพูดก็ไม่ผิด หลี่อี้มีศักดิ์เป็ถึงบุตรชายคนโตของตระกูลหลี่ มีกิจการใหญ่โตมากมาย ทั้งยังทำเงินได้มหาศาล
หลินฟู่อินรู้สึกขอบคุณสำหรับน้ำใจของหลี่อี้และความตรงไปตรงมาของหลิวฉิน แต่นางเองก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง เป็ไปไม่ได้เลยที่นางจะเอ่ยปากขอยืมเงินจากคนอื่น
“ท่านพ่อบ้านบอกข้าเถิด ร้านค้าทั้งแปดในชิงเหลียนนั้นราคาเท่าไร?” เสียงใสเอ่ยถามอีกครั้ง
ชายชรายิ้มกว้าง “ไม่ว่าแม่นางจะสนใจซื้อหรือไม่ แต่ข้าก็จะบอกราคาพิเศษก็แล้วกัน” กล่าวจบก็สูดหายใจเข้าเต็มปอด “นายหญิงตั้งราคาไว้ที่สี่หมื่นแปดพันตำลึงเงิน ร้านทั้งแปดมีพื้นที่กว้างขวาง นายหญิงกำชับไว้ว่าต้องขายพร้อมกันทั้งหมดทีเดียว ด้วยจำนวนเงินที่มากขนาดนี้ ไม่มีผู้ใดมาติดต่อขอซื้อนานกว่าสามเดือนแล้ว”
สี่หมื่นแปดพันตำลึงเงิน!
เรียกว่าเป็จำนวนเงินที่เกินกำลังของหลินฟู่อินไปมาก นางมีงบทั้งหมดสองหมื่นตำลึงเงิน แต่ราคาที่เจียงฮูหยิน้านั้นมากกว่าที่นางมีถึงสองเท่า!
หลินฟู่อินชะงักนิ่ง เก้าพันตำลึงเงินที่นางจ่ายซื้อทุ่งนาไปก่อนหน้านี้กลายเป็เศษเงินไปในพริบตา
“แพงเกินไป” หลิวฉินอุทาน
หากมองในมุมของความ้าทางตลาด แน่นอนราคานี้ค่อนข้างสมเหตุสมผล เรียกว่าไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป
แต่เพื่อช่วยหลินฟู่อินต่อรองราคา หลิวฉินจึงต้องแสร้งเล่นละครตบตากับเขาบ้าง
พ่อบ้านชรารู้ดีว่าหลินฟู่อินไม่มีเงินมากพอ อย่างที่บอกไว้ว่านายหญิงเจียงของเขา้าขายร้านทั้งหมดพร้อมกัน สิ่งที่หลิวฉินพูดจึงไม่ได้ทำให้เขาโกรธเคืองแต่อย่างใด “แท้จริงแล้วราคาเท่านี้มิได้แพงขนาดนั้น แต่เพราะจำเป็ต้องขายพร้อมกันทีเดียว คนที่มีกำลังซื้อมากขนาดนั้นจึงหายาก หากนายหญิงของข้าขายแยกทีละร้านคงขายได้ไปนานแล้ว”
เป็คำบอกเล่าที่ถูกเพียงครึ่งเดียว เพราะต่อให้แยกขายที่ละร้านก็คงขายทั้งหมดไม่ได้รวดเร็วเช่นนั้น
จังหวะนั้นเองหลี่อี้ก็พูดขึ้นมาว่า “ท่านพ่อบ้าน ลดราคาลงสักหน่อยไม่ได้หรือ?”
ชายชราสังเกตเห็นว่าหลี่อี้นั้นจริงจังมากขนาดไหน เขารู้ดีว่าบุรุษผู้นี้คือบุตรชายคนโตของตระกูลหลี่ แน่นอนว่าเขายินดีเคารพนอบน้อมต่อบุตรของตระกูลผู้สูงส่ง เขาจึงตอบอย่างจริงจังเช่นกันว่า “หากคุณชาย้า ข้ายอมให้ราคาสี่หมื่นห้าพันตำลึงเงิน นี่คือราคาที่ถูกที่สุดแล้ว หากถูกกว่านี้ให้นายหญิงข้าแยกขายย่อมดีกว่า”
พูดจบชายชราก็ก้มหน้าจิบน้ำชาแล้วไม่พูดอะไรอีก
หลินฟู่อินเ็ปที่ไม่มีเงินเท่าที่้า นางไม่สามารถซื้อร้านทั้งแปดไว้ในได้
นางรู้ดีว่าที่ดินในเมืองติดชายแดนนั้นมีค่ามากขนาดไหน เพราะเป็เมืองกลางที่ต้าเว่ยและเป่ยหรงเดินทางมาพบปะทำการค้าด้วยกัน
การมีที่ทางเป็ของตัวเองในชิงเหลียน เท่ากับว่านางเดินทางตามความฝันมาแล้วครึ่งทาง
โอกาสเช่นนี้ไม่ได้หาง่ายนัก!
หลี่อี้และหลิวฉินหันมองหลินฟู่อินทันที จิตใจของพวกเขาห่อเหี่ยวลงเมื่อสังเกตเห็นความกังวลปรากฏบนใบหน้าของเด็กสาว
หลิวฉินกำหมัดแน่นพร้อมพูดในใจว่า ‘ต่อให้ต้องแบกหน้าไปขอยืมเงินผู้เป็บิดา แต่เพื่อหลินฟู่อินเขาจะต้องหาเงินนี้มาให้ได้!’
ต่อให้ต้องควักเงินตัวเองออกมาจนหมดตัว เขาก็ต้องซื้อร้านอาหารให้หลินฟู่อินให้ได้!
ดวงตาหลี่อี้มุ่งมั่นไม่ต่างกัน
ทรัพย์สินที่เขามีอยู่ทำเงินได้มากกว่าสี่หมื่นห้าพันตำลึงเงิน และสองแสนตำลึงเงินต่อปี มารดาของเขาเป็ผู้ดูแลเื่เงินทั้งหมด หากขอเงินสี่หมื่นห้าพันตำลึงเงินในครั้งเดียวครอบครัวของเขาคงใกันไม่น้อย แต่เพื่อหลินฟู่อินแล้วเขาจะพยายามโน้มน้าวทุกคนเต็มที่
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น บุรุษทั้งสองก็ะโออกมาพร้อมโดยไม่ได้นัดหมาย “ฟู่อิน!”
ใบหน้าน่ารักของหลินฟู่อินขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินชายหนุ่มทั้งสองเปล่งเสียงทุ้มออกมาพร้อมกัน เด็กสาวมองหลี่อี้สลับกับหลิวฉินไปมา “พวกท่านเรียกข้าหรือ? เหตุใจจึงพร้อมใจกันเพียงเพราะเรียกข้าเช่นนี้?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้