ชายหนุ่มไม่อาจล้อเล่นกับการปฏิบัติหน้าที่ของตน ไม่ให้โอกาสหวังกุ้ยในการเอ่ยปากพูด เอ้อร์โก่วกดเขาลงไปบนพื้นแล้วเชื้อเชิญให้เขาลิ้มรสของแส้ ทำเอาหวังกุ้ยไม่ทันได้อ้อนวอนขอร้อง ได้แต่ร้องไห้เท่านั้น
สิบแส้ไม่ถือว่ามากเท่าใดนัก ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ฟาดครบสิบแส้แล้ว ตอนที่เอ้อร์โก่วหยุดลง หวังกุ้ยล้มตัวนอนบนพื้น ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะร้องโอดครวญแล้ว
ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะเยือกเย็น บอกให้เขาพยุงหวังกุ้ยขึ้นมา "สิบแส้นี้เพื่อจะบอกให้เ้ารับรู้ว่า ศาลบรรพชนไม่ใช่สถานที่ที่เ้าจะก่อความวุ่นวายได้ หากข้ารู้ว่าผู้ใดกล้าลอบลงมือทำร้ายผู้อื่นในศาลบรรพชน พวกเ้าเองก็เห็นจุดจบของหวังกุ้ยแล้ว"
เชือดไก่ให้ลิงดู หวังกุ้ยคือไก่ตัวนั้น
หมู่บ้านเสี่ยวหนิวคุ้นเคยกับการหารือร่วมกันยามเกิดเื่ใหญ่ กฎบรรพชนโดยมากเป็แค่เพียงกฎที่ประดับเอาไว้เท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า ก็ไม่ค่อยมีผู้ใดให้ความสำคัญกับกฎบรรพชน
การลงโทษโดยฟาดด้วยแส้ในวันนี้ ถือเป็การบอกให้ชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวได้รับรู้ว่ากฎบรรพชนยังคงมีผลบังคับกับพวกเขา ยามคิดจะทำเื่ชั่วช้าต้องคิดให้ดีต้องคิดดูว่าเนื้อหนังของตนทนต่อการลงโทษได้หรือไม่
หลังจากลงโทษหวังกุ้ยเสร็จ ผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าตอนนี้แค่เพียงให้เขาพูดยังเป็เื่ยาก ด้วยเหตุนี้จึงหันไปจัดการเฉินต้าฮวาและซุนหลานฮวาอีกครั้ง
แต่ว่าเมื่อครู่เฉินต้าฮวาเพิ่งถูกหวังกุ้ยตบ เวลานี้ดวงแก้มของนางบวมแดง ทั้งยังฟันร่วงไปหนึ่งซี่ นางจึงกำลังประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง พูดติดๆ ขัดๆ เห็นชัดว่าเมื่อครู่หวังกุ้ยทำร้ายนางเหี้ยมโหดเพียงใด
เมื่อหันไปมองซุนหลานฮวา ดวงหน้าของนางไร้าแ แต่ตัวของนางกลับสั่นเทาถึงขั้นไม่อาจเหยียดตัวตรงได้ ดูเหมือนว่าลูกเตะของหลี่เฉิงเมื่อครู่คงจะหนักเอาการ กระทั่งเวลานี้ความเ็ปก็ยังไม่ทุเลาลง
อื้ม...ดูเหมือนว่าหลี่เฉิงก็ลงไม้ลงมือในศาลบรรพชนเช่นเดียวกัน แต่ไม่ว่าจะเป็ผู้ใหญ่บ้านหรือผู้าุโ ล้วนมองข้ามเื่นี้ ไม่มีผู้ใดพูดถึง
เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว ความเป็จริงทุกอย่างชัดเจนแล้ว
ผู้ใหญ่บ้านอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันไปทางเฉินซิ่วไฉแล้วประสานมือเข้าด้วยกัน "เื่นี้เกี่ยวข้องกับข้า ต่อจากนี้ขอให้ซิ่วไฉเป็คนตัดสิน ข้าไม่คัดค้านแต่อย่างใด"
เฉินซิ่วไฉไม่ได้ปฏิเสธ เขาก้าวไปด้านหน้าสองก้าว เดินผ่านผู้ใหญ่บ้านไปยืนตรงหน้าทุกคน แล้วพูด "เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเ้ามีอะไรอยากจะพูดอีกหรือไม่?"
ไม่ว่าจะเป็ซุนหลานฮวาที่ถูกจับได้ในวันนี้ หรือว่าจะเป็เฉินต้าฮวาที่ถูกสาวถึง ต้นเหตุทุกอย่างล้วนมาจากการนินทาว่าร้าย ความเป็จริงบรรดาผู้าุโทุกคนต่างตัดสินใจได้แล้ว เฉินซิ่วไฉเพียงเอ่ยถามเท่านั้น ไม่ได้คิดจะให้โอกาสพวกเขาในการอธิบาย
ซุนหลานฮวาไม่สนใจความเ็ปที่ท้อง ซุนเถี่ยจู้พยุงนางขึ้น เดินไปข้างหน้า
"ข้ามีเื่อยากจะพูดเ้าค่ะ! หากพวกท่านจะคิดบัญชีอย่างละเอียดล่ะก็ คนในหมู่บ้านมีผู้ใดบ้างที่ไม่เคยพูด? เหตุใดเมื่อข้าพูด จึงทั้งเปิดศาลบรรพชนทั้งเอากฎบรรพชนมาลงโทษข้า ข้าไม่พอใจ!”
เวลานี้ซุนหลานฮวาไม่หวาดกลัวผู้าุโและผู้ใหญ่บ้านแม้แต่น้อยแล้ว นางรู้สึกเพียงว่ามีคนจงใจหาเื่นาง ทั้งที่ทุกคนล้วนพูด เหตุใดพอถึงคราวนางพูดกลับถูกลงโทษรุนแรงเช่นนี้?
ลุงสือโถวหัวเราะเยือกเย็น "พูดกันทั้งหมู่บ้าน? ความหมายของเ้าคือผู้ใหญ่บ้านสร้างเื่นินทาตนเอง? หรือว่าซ่งอวี้เจตนาว่าร้ายชื่อเสียงของตนเอง? เ้าเป็คนพูดจาเหลวไหล แล้วยังจะดึงทุกคนลงน้ำอีก อยากจะให้คนนอกหัวเราะเยาะหมู่บ้านเสี่ยวหนิวของพวกเราหรือ!"
ทางด้านเฉินซิ่วไฉก็พูดด้วยความไม่สบอารมณ์ "หากไม่ใช่เพราะเ้าวิ่งแจ้นไปนินทาว่าร้ายซ่งอวี้ต่อหน้าคุณชายหลี่ ป้ายสีผู้ใหญ่บ้านกับซ่งอวี้ เ้าคิดว่าจะมีเื่วันนี้เกิดขึ้นหรือไม่? เ้าอย่าไม่พอใจเลย พวกเราล้วนได้ยินกันทุกคน ไม่มีผู้ใดปรักปรำเ้า ไม่จำเป็ต้องร้องโอดครวญว่าตนถูกครหา"
พูดตามตรงก็คือ นางอยากจะพูดสิ่งใดเป็การส่วนตัว ไม่มีผู้ใดห้ามปรามนางได้ และไม่มีผู้ใดทำอะไรนางได้ แต่นางกลับรนหาที่ตาย ไม่เพียงวิ่งแจ้นไปพูดต่อหน้าหลี่เฉิง แต่ผู้ใหญ่บ้านก็ยังบังเอิญได้ยินด้วย
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินซิ่วไฉ แม้ซุนหลานฮวาจะไม่พอใจเพียงใด ก็ไม่มีเหตุผลในการโต้เถียง
เฉินซิ่วไฉเลิกสนใจนาง หันไปหารือกับผู้าุโอีกสี่คนที่เหลือครู่หนึ่ง แล้วประกาศคำตัดสิน "ในฐานะที่ซุนหลานฮวาเป็หนึ่งในสมาชิกของหมู่บ้านเสี่ยวหนิว เมื่อนินทาลับหลัง ว่าร้ายความบริสุทธิ์ของผู้อื่น เกือบจะทำให้สามีภรรยาต้องแยกทางกัน ไม่อาจแก้ตัว พวกข้าทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ขับไล่นางออกจากหมู่บ้าน"
ชุ่ยจวี๋ได้ฟังคำตัดสินเช่นนนี้ก็กรีดเสียงร้อง "ข้าไม่เห็นด้วย! เหตุใดต้องลงโทษรุนแรงเช่นนี้ด้วย! วันข้างหน้าหลานฮวาของข้าจะแต่งงานออกเรือนได้อย่างไร! ข้าไม่เห็นด้วย!”
ไม่ใช่แค่เพียงชุ่ยจวี๋เท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย ชาวบ้านหลายคนต่างรู้สึกว่าลงโทษรุนแรงเกินไป "ท่านเฉินซิ่วไฉ ท่านลงโทษนางเบากว่านี้เล็กน้อยได้หรือไม่ มิเช่นนั้นเกรงว่าซุนหลานฮวาคงจะดำเนินชีวิตต่อไปยาก"
เฉินซิ่วไฉโบกมือ "พอได้แล้ว เมื่อห้าปีก่อนตอนแม่นางหรงสิ้นใจ พวกข้าเคยถามความเห็นของทุกคนแล้ว พวกเ้าต่างเห็นด้วย จึงได้บันทึกกฎข้อนี้ลงไปในกฎบรรพชน"
เป็เพราะเคยมีแม่นางหรงเป็ตัวอย่างแล้ว ผู้าุโทั้งห้าจึงเห็นพ้องต้องกันว่าจะขับไล่ซุนหลานฮวาออกจากหมู่บ้าน แต่ว่า...
"แต่ว่าเพื่อคำนึงถึงชื่อเสียงของซุนหลานฮวา ปิดบทลงโทษนี้ไว้ ทุกคนห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด"
นี่ถือเป็การไว้ชีวิตซุนหลานฮวา ไม่ป่าวประกาศบอกผู้คนนอก ไม่ทำลายชื่อเสียงแต่อย่างใด ขอเพียงตบแต่งออกเรือนในสองสามเดือนนี้ พวกเขาก็ไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว
คนฉลาดเข้าใจเจตนาของบรรดาผู้าุโแล้ว พวกเขาต่างคิดในใจว่าผู้าุโช่างเมตตายิ่งนัก ไม่มีความเห็นอื่นแล้ว
หลังจากนั้นคือบทลงโทษของเฉินต้าฮวาและหวังกุ้ย นี่ต่างหากคือเื่ที่น่าปวดหัวที่สุด
มีผู้าุโบางคนคิดว่าซุนหลานฮวาพูดจาเหลวไหล คำพูดของเฉินต้าฮวาก็ไม่อาจเชื่อถือได้ ทั้งยังไม่มีหลักฐาน ดังนั้นจึงไม่สนับสนุนการลงโทษเฉินต้าฮวา แต่ก็มีคนคิดว่าในเมื่อเฉินต้าฮวาไม่กล้าสาบาน เช่นนั้นก็หมายความว่านางมีส่วนในข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้น แม้จะไม่ได้ประพฤติเช่นเดียวกับซุนหลานฮวา ทว่าไม่อาจปล่อยผ่านไปง่ายๆ
ลุงสือโถวฟังแล้วปวดหัวยิ่งนัก จึงหยุดพิจารณาเื่การลงโทษนางเอาไว้ แล้วพูดถึงหวังกุ้ยก่อน
ควรจะลงโทษหวังกุ้ยอย่างไร ในกฎบรรพชนได้บันทึกเอาไว้แล้ว แต่ยากที่จะพิสูจน์
ถึงแม้เื่นี้เฉินต้าฮวาจะเป็คนพูดขึ้นมา แต่สามีภรรยาคือน้ำหนึ่งเดียวกัน คำพูดของนางไม่อาจเอามาเป็หลักฐานได้ อีกทั้งเวลานี้ตอนที่ลุงสือโถวถามอีกครั้ง เฉินต้าฮวาก็แกล้งโง่ บอกว่าเมื่อครู่ตนโมโหจนขาดสติ สามีภรรยาทะเลาะกันจะมีถ้อยคำใดบ้างที่เป็ความจริง
เฉินต้าฮวาไม่ยอมรับ ทั้งยังไม่มีคนเห็น จึงยากที่จะตัดสินเป็ธรรมดา
ซ่งอวี้อยากจะทุบตีเฉินต้าฮวาและหวังกุ้ยให้ตายเหลือเกิน วันข้างหน้าจะได้ไม่มาทำให้ตนรำคาญใจอีก แต่เมื่อลุงสือโถวถามนางว่ามีผู้อื่นเห็นหรือไม่ นางกลับเงียบ
หากตอนนั้นมีผู้พบเห็น แล้วจะเกิดโศกนาฏกรรมกับเ้าของร่างเดิมได้อย่างไร?
หลี่เฉิงไม่อาจทนเห็นแววตาหม่นหมองที่สิ้นหวังของนางได้ เขาจับมือของซ่งอวี้แล้วพูดปลอบเสียงแ่เบา "ให้ข้าจัดการเอง แต่เ้าต้องร่วมมือกับข้าเล็กน้อย"
ซ่งอวี้กะพริบตาปริบๆ พูดด้วยความเหลือเชื่อ "แม้แต่เื่นี้ท่านก็มีวิธีจัดการด้วยหรือ?"
แม้จักรพรรดิตัดสินคดีความ หากไม่มีหลักฐานก็เป็เื่ที่น่าปวดหัวยิ่งนัก หรือว่าหลี่เฉิงจะสามารถสร้างคนเห็นเหตุการณ์ขึ้นมาได้? แต่เื่จริงที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ ทำให้ซ่งอวี้รู้ว่าตนดูถูกสามีคนนี้มากเกินไป
หลี่เฉิงเดินไปด้านหน้าสองก้าว แล้วพูดเสียงดัง "หมู่บ้านเสี่ยวหนิวกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ไม่มีผู้ใดเห็นจริงๆ หรือ? ที่นี่คือศาลบรรพชน คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์กราบไหว้บรรพชนของทุกท่าน หวังว่าทุกท่านจะไม่ขัดต่อคุณธรรมในใจ ช่วยคนผู้นี้ปิดบัง หลี่เฉิงขอขอบคุณทุกท่านด้วย"
เฉินต้าฮวาและหวังกุ้ยต่างโล่งอก ตอนแรกที่เห็นหลี่เฉิงเดินออกมานั้น คิดว่าเขาจะใช้ลูกไม้ใดเสียอีก ที่แท้ก็เพียงแค่นี้
เวลานี้ทั้งสองโล่งอก หากมีคนเห็นคงจะลุกขึ้นพูดนานแล้ว จะเงียบกระทั่งเวลานี้ได้อย่างไร
น่าเสียดาย พวกเขาโล่งอกเร็วเกินไป
จู่ๆ ก็มีเสียงแ่เบาดังขึ้นท่ามกลางฝูงชนที่อยู่ด้านหน้าศาลบรรพชน แต่เวลานี้เงียบสงัดถึงขั้นได้ยินเสียงเข็มหล่น ดังนั้นทุกคนจึงได้ยิน
"ข้า...ข้าเห็น..."
หญิงสาวซูบผอมคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคน ผมของนางแห้งกร้าน เสื้อผ้าของนางเต็มไปด้วยรอยเย็บปะ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าชีวิตลำบากยากแค้น