ยายฉีถือตะกร้าใส่ไข่ไก่เดินออกจากเรือน ตอนมีคนพบเจอและถามไถ่ระหว่างทางนางก็ตอบไปว่าจะกลับไปเยี่ยมครอบครัว ทว่าแท้จริงแล้วนางไปหาแม่สื่อจ้าว
เมื่อแม่สื่อจ้าวเห็นยายฉีก็ทำเสียงฮึดฮัดไม่ให้ยายฉีเข้าเรือน ทว่าก็ไม่ได้ปิดประตู
ยายฉีรีบยื่นตะกร้าในมือให้แม่สื่อจ้าว แม่สื่อจ้าวกะน้ำหนักของในตะกร้าด้วยมือ เมื่อรู้สึกว่าตะกร้าไม่เบา ทั้งยังได้ยินเสียงเงิน สีหน้าของนางจึงเปื้อนรอยยิ้มขึ้นมา
"แม่สื่อจ้าว เื่ที่ข้าไหว้วานเ้าก่อนหน้านี้ เป็อย่างไรบ้างแล้ว?" ยายฉีเกรี้ยวกราดกับสะใภ้ของตนเอง ทว่ากับแม่สื่อจ้าวนางกลับไม่กล้า ทำได้เพียงส่งยิ้มให้อีกฝ่าย
แม่สื่อจ้าวเพิ่งได้รับผลประโยชน์ เดิมทียิ้มกว้างยิ่งนัก ทว่าเมื่อได้ยินคำถามนี้ก็หุบยิ้มทันที "ยายฉี ชื่อเสียงของข้าเ้าเองก็รู้ดี การแต่งงานของบ่าวสาวในรัศมีสิบลี้ล้วนประสบความสำเร็จเพราะข้า สตรีประเภทใดบ้างที่ข้าไม่เคยพบเจอ? แม้กระทั่งหญิงหม้ายข้าก็เป็แม่สื่อให้จนได้ออกเรือน ทว่าซ่งอวี้คนนี้กลับไม่เข้าใจความหวังดีของผู้อื่น!”
ยายฉีเลิกคิ้วขึ้นขมวด ลางสังหรณ์ไม่ดีก่อตัวขึ้นในใจ
เป็จริงตามคาด แม่สื่อจ้าวทำเสียงฮึดฮัด "เ้าอย่าหาว่าข้าไม่พยายาม เดือนนี้ข้าไปเรือนของนางห้าครั้งแล้ว ทว่าอีกฝ่ายปิดประตูไม่ต้อนรับแขก ไม่ให้ข้าเข้าไป"
ยายฉีได้ยินเช่นนี้ สีหน้าย่ำแย่ยิ่งนัก
เพื่องานแต่งนี้ นางลงทุนลงแรงกับแม่สื่อจ้าวไปไม่น้อย ประเดี๋ยวเอานั่นมาให้เอานี่มาให้ วันนี้ก็มาพร้อมกับไข่ไก่หนึ่งตะกร้า หากสุดท้ายแม่สื่อจ้าวทำไม่สำเร็จของที่ให้ไปก็สูญเปล่าแล้ว
แม่สื่อจ้าวเองก็เป็คนฉลาด แค่เห็นสีหน้ายายฉี ก็อ่านออกทันทีว่าเวลานี้ยายฉีกำลังคิดสิ่งใด นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยือกเย็นในใจ
ั้แ่โบราณตราบจนทุกวันนี้ การให้ของขวัญแม่สื่อถือเป็ธรรมเนียม ตระกูลใดบ้างไม่อยากจะหาคนที่ถูกใจ ทว่าคนที่ถูกใจก็มีเพียงไม่กี่คน ในเมื่อแม่สื่อทาบทามให้แล้ว เช่นนั้นก็ต้องให้ของขวัญกับแม่สื่อเล็กน้อยพอเป็พิธีไม่ใช่หรือ?
สุดท้ายแล้วการแต่งงานเป็เื่ที่ต้องอาศัยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย แม้กระทั่งเทพเซียนบน์ยังไม่อาจมั่นใจเต็มร้อยว่าอีกฝ่ายจะแต่งงานกับเ้าแน่นอน เวลานี้เพียงแค่นางบอกว่าไม่มีความคืบหน้าเท่านั้นก็แสดงสีหน้าย่ำแย่ขนาดนี้แล้ว
แม่สื่อจ้าวดูแคลนยายฉี แววตาของนางไร้ซึ่งรอยยิ้ม
"ยายฉี ข้าว่าในอดีตเ้าเดินหมากผิดแล้วจริงๆ เดิมทียัยหนูซ่งอวี้กับซานหลางของเ้าหมั้นหมายกันั้แ่อยู่ในท้อง แม้จะไม่ให้สินสอดใดๆ ก็แต่งนางเข้าตระกูลได้ ทว่าสุดท้ายตระกูลฉีกลับดึงดันจะถอนหมั้น"
"เวลานี้อยากจะกลับมาแต่งงานกัน เช่นนั้นย่อมยากกว่าเดิม จะไม่ให้ยัยหนูซ่งอวี้ขุ่นเคืองใจเลยหรือ? ยอมให้พวกเ้าทำตามอำเภอใจคิดอยากจะถอนหมั้นก็ถอน คิดอยากจะแต่งก็แต่ง?"
แม่สื่อจ้าวพูดอย่างมีเหตุผล ทั้งยังอธิบายเหตุผลที่อีกฝ่ายปิดประตูไม่ต้อนรับตนครั้งแล้วครั้งเล่าให้ฟัง สิ่งที่นางพูดล้วนสื่อว่าเป็ความผิดของตระกูลฉี เพราะในอดีตตระกูลฉีเป็ฝ่ายผิด ซ่งอวี้จึงแค้นใจชักสีหน้าให้
เมื่อพูดเช่นนี้ สีหน้าของยายฉีก็ไม่ย่ำแย่มากขนาดนั้นแล้ว
นางครุ่นคิดแล้วยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้น "แม่สื่อจ้าวช่างมองเื่ทุกอย่างขาดยิ่งนัก แต่เวลานี้ครอบครัวของข้าอยากจะแต่งงานกับยัยหนูซ่ง แม่สื่อจ้าวช่วยไปพูดให้อีกหน่อยได้หรือไม่"
ขณะพูด ยายฉีกัดฟันแน่น หยิบถุงเงินออกมาด้วยความระมัดระวัง จากนั้นหยิบเงินบางส่วนออกมา
"ครอบครัวของข้าก็ไม่ได้ร่ำรวย ทำเป็พิธีเท่านั้น ให้ค่าเหนื่อยกับเ้า เ้าอย่ารังเกียจ" ทั้งที่ความตระหนี่ในแววตาฉายออกมาอย่างชัดเจน แต่กลับพูดสวยหรู
เวลานี้แม่สื่อจ้าวไม่ได้พูดอะไร นางรีบรับเงินทันที แล้วยิ้มจนตาหยี "พวกเราสนิทสนมกันเพียงใด เ้าวางใจเถอะ ข้าจะทำให้เ้าสมปรารถนา"
คิดไม่ถึงว่ายัยหนูซ่งอวี้จะเนื้อหอมเช่นนี้ ทั้งที่เคยมีสามีแล้วแต่ยังมีคนอยากจะแต่งงานกับนาง ไม่ว่าอย่างไรก็ตามขอเพียงตนได้ประโยชน์ แม้จะเคยแต่งงานสามครั้งก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง นางแค่เป็แม่สื่อพูดให้ทั้งสองฝ่ายได้กันก็พอแล้ว
พอยายฉีออกมาจากเรือนแม่สื่อจ้าวแล้ว นางก็ชักสีหน้าอย่างแรง
เพื่อการแต่งงานครั้งนี้ นางทุ่มเงินและลงแรงไปไม่น้อย หากสุดท้ายไม่ได้แต่งงานกัน เช่นนั้นนางก็ขาดทุนย่อยยับ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ยายฉีก็นึกถึงสะใภ้ของตนเองขึ้นมาทันที หากตอนนั้นไม่ใช่เพราะนางยุแยงให้ถอนหมั้นยัยหนูซ่งอวี้ เวลานี้จะกลายเป็เื่ยากเย็นเช่นนี้ได้อย่างไร
อิงเหนียงที่กำลังพูดคุยกับมิตรสหายใต้ต้นไทรเกรงว่าคงจะคิดไม่ถึงว่าแม่สามีของตนกำลังคิดถึงการตัดสินใจที่โง่เขลาในอดีต กลับไปนางต้องโดนทุบตีและดุด่าอีกครั้งแน่นอน
เื่ที่ยายฉีไปบ้านของแม่สื่อจ้าวนั้น ความจริงแล้วถูกเก็บเป็ความลับ ทว่าไม่อาจเล็ดลอดความระมัดระวังของซ่งอวี้ในเวลานี้ได้ ชาวบ้านที่สนิทสนมกับนางคอยช่วยสอดส่องอยู่ตลอดเวลา
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่ยายฉีเพิ่งออกจากเรือนแม่สื่อจ้าว ซ่งอวี้ก็ทราบเื่แล้ว ป้าหวังคว้าเมล็ดทานตะวันขึ้นมาหนึ่งกำ ไปสืบเื่นี้โดยอ้างว่ามาเที่ยวเล่น
อื้ม สำหรับเื่เล็กๆ เช่นการไปเที่ยวเตร่ถึงหมู่บ้านข้างๆ อย่าได้ถือสาเลย
"อาซ้อจ้าวอยู่หรือไม่?" ป้าหวังร้องะโเรียกแม่สื่อจ้าวอยู่หน้าเรือน ไม่นาน แม่สื่อจ้าวก็เดินมาเปิดประตู
"ป้าหวัง? เ้าถือเป็แขกที่มาหาข้าน้อยมาก วันนี้ลมอะไรหอบมาจึงมีเวลามาเที่ยวหาข้าได้?" เมื่อเจอป้าหวังซึ่งไม่ค่อยมาหา แม่สื่อจ้าวก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
เวลานี้ป้าหวังไม่มีลูกที่ยังโสด ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องเคารพแม่สื่อจ้าวมากนัก แต่เพราะป้าหวังมีหลานชายเป็ซิ่วไฉ ตอนนี้ยังไม่ได้หมั้นหมาย แม่สื่อจ้าวจับจ้องหลานชายคนนี้มานานแล้ว หากนางทาบทามสตรีให้หลานชายที่เป็ซิ่วไฉคนนี้ได้ ไม่แน่ว่าชื่อเสียงของนางอาจจะสูงขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
พอเห็นแม่สื่อจ้าวกระตือรือร้นเช่นนี้ ป้าหวังก็ยิ้มกว้างแล้วพูดขึ้น "เวลานี้ไม่ใช่่เพาะปลูก ข้าอยู่แต่บ้านรู้สึกเบื่อยิ่งนัก จึงมาชวนเ้าพูดคุย พวกเราไม่ได้เจอกันนานแล้ว ทำไมเ้าพูดเื่ที่น่าสนใจให้ข้าฟังเล่า ข้าจะได้ฟังแก้เบื่อ"
คนหนึ่งมีใจอยากจะประจบ อีกคนมีใจอยากจะสืบ อีกทั้งพวกนางก็คุยกันถูกคอ ทั้งยังมักจะคุยเื่ทาบทามสู่ขอต่างๆ
"ป้าหวัง เ้าก็รู้ดี คู่ที่ผ่านมือข้าล้วนประสบความสำเร็จ น้อยนักที่จะไม่ได้แต่งงานกัน เวลานี้หลานชายของเ้าก็ได้เวลาแต่งงานแล้วไม่ใช่หรือ หากเ้ามอบหมายเื่นี้ให้ข้า ข้าจะช่วยเ้าหาสตรีดีๆ เอง"
แม่สื่อจ้าวพยายามนำเสนอตนเองตลอดเวลา แต่ก็กลัวป้าหวังจะจับเจตนาในสิ่งที่ตนพูดได้ จึงพูดเื่ทาบทามสู่ขอที่น่าสนใจให้ฟัง
ป้าหวังเ้าเล่ห์กว่าแม่สื่อจ้าวนัก ขอเพียงพูดถึงหลานชายตนเอง นางก็พูดออกนอกเื่ไปเื่อื่น ตอนหลังถึงขั้นเงียบ กลัวเหลือเกินว่าหากพูดอะไรผิดขึ้นมาจะถูกแม่สื่อจ้าวเอาคำพูดของตนเองมาใช้แล้วนำพาความเดือดร้อนให้หลานชาย
ด้วยความเ้าเล่ห์ของนาง แม่สื่อจ้าวทำได้เพียงคิดสุดฤทธิ์ว่าตนยังมีข้อดีใดที่ยังไม่ได้นำเสนอ? ครุ่นคิดไปมาอยู่ครู่หนึ่งนางก็พูดเื่ยายฉีออกมา
"เ้าจำตระกูลฉีได้หรือไม่? ตระกูลที่หมั้นหมายกับยัยหนูซ่งั้แ่นางอยู่ในครรภ์ แต่ตอนหลังกลับถอนหมั้น" พูดไปพูดมา แม่สื่อจ้าวก็ตัดสินใจพูดจนหมดเปลือก