หยางหนิงแบกผู้าุโมู่เดินผ่านป่าลึก ผู้าุโลุกดันตัวชะเง้อออกมาจากแผ่นหลังของหยางหนิงขณะชี้มือบอกทางอยู่บ่อยครั้ง และทุกเส้นทางที่ชี้นิ้วไปนั้นกลับล้วนแต่เป็ทางที่มืดมิดยากจะก้าวเดินได้สะดวก หยางหนิงรู้ว่าชายชราทำเช่นนี้เพื่อหลบพวกคนที่มาตามล่าล้างแค้นถึงได้ตั้งใจชี้ไปในถนนหนทางที่ทั้งมืดมิดและซับซ้อน หลายครั้งที่เขาอยากจะสะบัดชายแก่นี้ลงจากหลัง ทว่าเมื่อคิดได้ว่าคนผู้นี้คนเดียวก็สามารถสังหารบุรุษจากวังห้าพิษได้สิบกว่าคนแล้ว ใจเขาก็รู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าลงมือทำอะไรโดยพลการ
แม้ว่าชายชราจะไม่หนัก ทว่าพอผ่านไป่หนึ่งทีไรเขาก็มักจะไอกระแฮ่มออกมา และทุกครั้งที่ไอก็ล้วนแต่มีกลิ่นเหม็นคาวของเืลอยเข้ามาใส่จมูก ทำให้หยางหนิงรู้สึกย่ำแย่ยิ่งนัก
เส้นทางบนูเานั้นคับแคบและโค้งซับซ้อนไปมา อีกทั้งยิ่งเดินก็ยิ่งสูง เดินไปเดินมาก็ล่วงเลยเวลาไปถึงสองชั่วยามแล้ว หยางหนิงรู้สึกเหนื่อยจนยากจะหายใจสะดวก เวลานี้พวกเขาได้เข้ามาถึงส่วนลึกของูเาแล้ว และในขณะที่หยางหนิงคิดอยากจะหยุดพักผ่อนเพียงครู่หนึ่งนั้น อยู่ๆ ผู้าุโก็เอ่ยขึ้นว่า “ทางนั้นมีถ้ำอยู่ใช่หรือไม่?” พลางยกมือขึ้นชี้ไปยังตำแหน่งที่ไม่ค่อยไกลนัก
หยางหนิงชะเง้อไปมองก่อนจะเห็นเพียงว่าด้านหน้านั้นมีเถาวัลย์หนามเกี่ยวพันกันไปมาอยู่กองหนึ่งและบริเวณนั้นก็เหมือนจะมีถ้ำที่มืดสนิทอยู่ถ้ำหนึ่งจริงๆ เมื่อขยับเข้าไปใกล้ ผู้าุโมู่ก็เอ่ยว่า “พักกันตรงนี้สักหน่อยก็แล้วกัน”
หยางหนิงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็อย่างมาก จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นแหวกเถาวัลย์และมองเห็นปากถ้ำที่ค่อนข้างมีขนาดกว้างอยู่ด้านหลัง เมื่อก้าวเดินเข้าไปด้านในก็เห็นว่ามันมืดสนิท เหมือนจะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ เขาจึงวางผู้าุโมู่ลงก่อน ก่อนที่ตนจะนั่งลงตามไป
ผู้าุโมู่เอ่ยต่อว่า “เ้าไปเฝ้าที่ปากถ้ำเอาไว้ หากเห็นความเคลื่อนไหวอะไรก็รีบมาบอกข้าทันที”
หยางหนิงลอบยิ้มเย็นอยู่ในใจ ‘ข้าแบกท่านมาถึงตรงนี้ก็เหนื่อยแทบจะขาดใจแล้ว ตอนนี้ยังให้ข้าไปเฝ้าทางเข้าอีก? รออาการของท่านกำเริบเมื่อไหร่ คอยดูว่าข้าจะจัดการกับท่านอย่างไร’ ทว่าเขาก็ยังคงขยับไปนั่งหน้าปากถ้ำ เวลานี้หยางหนิงรู้สึกคอแห้งมาก ทว่าก็อับจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ผ่านไปสักระยะหนึ่ง เขาก็พียงแต่ได้ยินลมหายใจที่แ่บางของผู้าุโมู่ จึงหันกลับไปเอ่ยถามเสียงเบา “ผู้าุโ ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง? าแไม่เป็อันใดมากใช่หรือไม่?”
ผู้าุโมู่กลับไม่ได้เอ่ยตอบ ราวกับว่าตัวเขาได้หลับไปแล้ว
หยางหนิงเอ่ยเรียกอีกครั้ง ทว่าผู้าุโมู่ก็ยังคงไม่ส่งเสียงตอบรับ ตอนนี้หยางหนิงถึงค่อยยิ้มเย็นออกมา เวลานี้ก็มีแสงที่ค่อนข้างมืดสลัวส่องผ่านมาพอดี จึงทำให้เห็นว่าผู้าุโมู่กำลังขดตัวอยู่ด้านในถ้ำ หยางหนิงจึงลุกขึ้นยืนและค่อยๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้ มือของเขากำเป็หมัดแน่นก่อนจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายศีรษะเบาๆ และลอบคิดว่าชายชราผู้นี้ได้รับาเ็สาหัสแล้ว แม้ว่าตัวเขาจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย แต่อย่างไรเสียชายชราผู้นี้ก็ไม่ได้ลงมือทำร้ายเขาอย่างจริงๆ จังๆ เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่จำเป็ต้องถือเอาโอกาสที่คนได้รับาเ็นี้ทำการลงมือซ้ำเติม
ทว่าชายชราที่ดูชั่วร้ายผู้นี้ก็ทำให้คนมีความรู้สึกรังเกียจชิงชังจริงๆ มีแต่ผีเท่านั้นแหละที่จะเชื่อว่าเขาสามารถพาตนออกไปจากป่าเขาแห่งนี้ได้ ในทางกลับกัน หากชายชราผู้นี้พักฟื้นจนแข็งแรงดังเดิมแล้ว คงจะต้องหาทางลงมือกับเขาเป็แน่ แน่นอนว่าหยางหนิงไม่อยากถูกชายชราผู้นี้ขู่บังคับ เมื่อเห็นว่าเขานอนหลับไม่ขยับตัว จึงคิดว่านี่ถือเป็โอกาสดีที่จะหลบหนีได้
เทือกเขาหัววัวนั้นมีสภาพพื้นดินสูงต่ำไล่เรียงกันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผู้าุโมู่ก็ยังได้รับาเ็อยู่ หากเขาจากไปตอนนี้ ผู้าุโมู่จะต้องตามหาเขาไม่พบอีกเป็แน่
อีกทั้งในใจของหยางหนิงก็ยังคอยคิดถึงความปลอดภัยของเสี่ยวเตี๋ยอยู่ แน่นอนว่าเขาไม่อาจเสียเวลาต่อไปได้อีก
เขาหมุนตัวและย่องเดินออกจากถ้ำไป ทว่าเมื่อย่างเท้าออกจากปากถ้ำนั้นกลับรู้สึกเหมือนมีสิ่งของบางอย่างฟาดลงบนข้อพับของเข่าเขาอย่างแรง ทำให้ขาทั้งข้างของเขารู้สึกเหน็บชา ชั่วขณะได้แต่ยืนข้างอยู่กับที่ ไม่อาจขยับตัวไปไหนได้
เขาเกิดอาการตกตะลึงเป็อย่างมาก ก่อนจะได้ยินเสียงเข้มทุ้มดังมาจากทางด้านหลังของตน “เ้าคิดอยากจะไป?”
“ผู้าุโมู่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว” หยางหนิงมีไหวพริบดีมาก เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงรีบยิ้มและเอ่ยต่อว่า “ข้าเห็นท่านได้รับาเ็ เลยคิดอยากจะไปหาน้ำมาให้ท่านดื่ม อีกทั้งยังไปดูด้วยว่ามีผลไม้ป่าอะไรให้เด็ดกินได้หรือไม่จะได้ช่วยเพิ่มธัญญาหารให้กับตัวท่าน ตอนนี้ท่านเป็คนเจ็บ ไม่มีธัญญาหารบำรุงร่างกายนั้นถือเป็เื่ที่ไม่สมควรยิ่ง”
ชายชรานี้เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าแกล้งนอนหลับ เป้าหมายก็เพื่อที่จะทดสอบดูว่าตัวเขาจะทิ้งตนไปโดยไม่สนใจหรือไม่ ชั่วขณะหนึ่งหยางหนิงก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในจิตใจ เมื่อครู่หากตนถือโอกาสลงมือจริงๆ แล้ว เกรงว่าคงต้องตอบแทนด้วยชีวิตน้อยๆ นี้เสียแล้ว
แม้ว่าผู้าุโมู่จะได้รับาเ็ ทว่าดูจากวรยุทธ์เมื่อครู่ที่เก่งกาจของเขาแล้ว การจะเอาชีวิตหยางหนิงนั้นถือเป็เื่ที่ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ
“ที่แท้เ้าก็กำลังเป็ห่วงข้า?” ผู้าุโมู่หัวเราะออกมาพร้อมเอ่ยต่อว่า “เ้าหนูอย่างเ้าก็ถือว่ากตัญญูไม่น้อยนี่ ข้าคิดว่าเ้าจะทิ้งข้าไปโดยไม่สนใจและถือโอกาสหลบหนีไปเสียอีก”
หยางหนิงยิ้มเอ่ยตอบ “ข้าและท่านผู้าุโได้มีโอกาสมาพบกันในที่กันดารเช่นนี้ถือว่ามีบุญวาสนาต่อกัน ตอนนี้ท่านกำลังได้รับาเ็ หากข้าทิ้งท่านไปก็ถือว่าเป็คนไร้คุณธรรมยิ่งแล้ว ผู้าุโ ท่านคิดกับข้าในแง่ร้ายเกินไปแล้ว”
ผู้าุโมู่ยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ดูเหมือนเ้าหนูอย่างเ้ามีคุณธรรมไม่เบาเลย?” แขนของเขายกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะมีวัตถุสิ่งหนึ่งฟาดลงบนข้อพับเข่าของหยางหนิงอีกครั้ง ความรู้สึกเกร็งแข็งที่ขาของหยางหนิงก็ได้สลายหายไปทันที ขาขวาที่แต่เดิมไม่อาจขยับได้ก็สามารถขยับได้ตามปกติแล้ว ในขณะที่ผู้าุโมู่ก็ได้พูดต่อว่า “เ้ามานี่!”
เวลานี้หยางหนิงอยากจะเอาก้อนหินปาใส่ชายชราผู้นี้เสียจริงๆ ทว่าต่อหน้าเขาก็ยังคงยิ้มอย่างเริงร่าพร้อมเอ่ยว่า “ผู้าุโมู่ วรยุทธ์ของท่านช่างเก่งกาจเสียจริงๆ ผู้น้อยรู้สึกนับถือท่านยิ่งนัก” ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าผู้าุโมู่และย่อตัวลงนั่งพร้อมเอ่ยถามว่า “ผู้าุโมู่มีอะไรจะสั่งหรือ?”
ดวงตาของผู้าุโมู่จ้องตรงไปทางหยางหนิง ในขณะที่หยางหนิงเดิมเป็คนที่มีความกล้าหาญมากนั้น เมื่อประสานสายตาเข้ากับดวงตาที่มองมาคู่นั้น เขาก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายเนื้อสบายตัวไปทั่วร่างกาย แม้แต่แผ่นหลังยังรู้สึกหนาวสั่นอยู่เล็กน้อย
“ข้าเห็นว่าเ้าหนูอย่างเ้ามีคุณธรรมถึงเพียงนี้ จึงคิดอยากจะบอกกับเ้าตามจริง ก่อนหน้านี้ข้าถูกเข็มห้าพิษของเ้าพวกนั้นทำร้ายร่างกาย ตอนนี้ร่างกายก็ได้ถูกพิษเข้าเสียแล้ว” ผู้าุโมู่ค่อยๆ เอ่ยต่อ “ทว่าพิษปริมาณเพียงแค่นี้ไม่สามารถทำอันตรายอะไรต่อข้าได้ ข้าเพียงใช้เวลาไม่ถึงสามวันก็จะสามารถขับพิษในร่างกายนี้ไปได้จนหมด”
ที่แท้ชายชราผู้นี้ก็ถูกพิษ มิน่าเืที่กระอักออกมาถึงได้มีกลิ่นเหม็นคาวด้วย
‘ทำไมไม่ใส่พิษให้ท่านตายไปเสียเลย?’ หยางหนิงสาปแช่งในใจ ทว่าชายชราผู้นี้พูดจาคุยโวโอ้อวดได้หน้านิ่งเสียจริงๆ ถึงกับพูดว่าพิษนี้ไม่อาจทำอันตรายเขาได้ อีกทั้งยังบอกว่าใช้เวลาเพียงแค่สามวันก็จะขจัดพิษออกได้หมด เห็นได้ชัดว่าคำพูดหน้าหลังนั้นมีความขัดแย้งกันในตัว คงมีก็แต่คนที่หน้าหนาเช่นนี้เท่านั้นถึงจะกล้าเอ่ยเช่นนี้ออกมาได้
เพียงแต่ชายชราบอกว่าตัวเขาสามวันก็จะขจัดพิษได้ เช่นนั้นตนไม่ใช่ว่าต้องรอเขาอยู่ที่นี่ถึงสามวันเลยหรือ? หากเสียเวลาบนเขานี้ไปสามวันแล้ว การจะตามขบวนคุ้มกันให้ทันนั้นคงเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้แล้ว
หยางหนิงรู้สึกร้อนใจยิ่งนัก ทว่าสีหน้าของเขาก็ยังคงเป็เช่นเดิมไม่เปลี่ยน
“เ้ากล่าวได้ไม่เลว การที่ข้าได้พบกับเ้านั้นถือเป็วาสนาจริงๆ” ผู้าุโมู่ยกมือขึ้นตบบ่าของหยางหนิงเบาๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่แสนประหลาดออกมา “เ้าเป็คนที่มีคุณธรรมมาก เพราะฉะนั้นข้าคงต้องรบกวนเ้าให้ช่วยข้าเฝ้าปากถ้ำใน่หลายวันนี้หน่อย นอกจากนี้ก็ช่วยข้าหาน้ำหาอาหารมาที เมื่อสามวันผ่านพ้น ข้าจะพาเ้าออกจากเขาเอง”
หยางหนิงรู้สึกหนักอึ้งในใจขึ้นทันที สีหน้าของเขาเองก็มีความหนักใจปรากฏขึ้นจางๆ ก่อนจะเอ่ยตอบว่า “ผู้าุโมู่ อย่าพูดว่าไม่กี่วันนี้เลย ต่อให้เป็หลายปีผู้น้อยก็ยินยอมที่จะอยู่ข้างกายและทำการเรียนรู้จากท่าน เพียงแต่ข้านั้นยังมีธุระต้องจัดการ เกรงว่าจะไม่อาจอยู่ข้างกายฟังคำสั่งสอนของท่านได้ เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะไปหาน้ำและอาหารมาให้ท่านโดยให้มีจำนวนเพียงพอที่จะกินได้ประมาณสามถึงห้าวัน จากนั้นข้าก็จะไปตามหาสหายของข้าต่อ ท่านเขียนที่อยู่ทิ้งไว้ให้กับข้า หากเมื่อใดที่ข้าคิดถึงท่าน ข้าก็จะไปหาท่าน ท่านว่าดีหรือไม่?”
ผู้าุโมู่ส่งเสียงหัวเราะอย่างแปลกประหลาดออกมาทันที เสียงหัวเราะนี้ทำให้หยางหนิงรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วทั้งร่างกาย
เขาดึงมือออกจากไหล่ของหยางหนิง ก่อนที่แววตาจะมองไปที่แขนขวาของตนเหมือนกับกำลังชื่นชมศิลปวัตถุอย่างหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยถามออกมาอย่างช้าๆ ว่า “จริงสิ เ้ามีนามว่าอะไร?”
“ข้าเป็เพียงคนเร่ร่อน ผู้อื่นจึงเรียกข้าว่าเสี่ยวป๋ายทู่” หยางหนิงเอ่ยออกมาด้วยท่าทีจริงจัง
ผู้าุโมู่ยังคงมองไปที่มือของตัวเองก่อนจะเอ่ยว่า “เสี่ยวป๋ายทู่ เช่นนั้นเ้ารู้หรือไม่ว่ามือข้างนี้ของข้ามีชื่อว่าอะไร?”
หยางหนิงบังเกิดโทสะขึ้นในจิตใจ พลางลอบคิดว่าเ้าคนสติฟั่นเฟืองผู้นี้กำลังหยอกล้อเขาเล่นหรืออย่างไร ข้าไม่เคยจะได้ยินว่ามือข้างหนึ่งจะมีชื่อด้วย จึงเอ่ยออกไปอย่างอดไม่ได้ว่า “หรือว่าจะชื่อแม่นางห้า?”
“อะไรนะ?” ชั่วขณะหนึ่งผู้าุโมู่ก็ได้ยินได้ไม่ชัดเจนนัก
หยางหนิงจึงยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ พร้อมเอ่ยว่า “ผู้น้อยไม่รู้ ขอเชิญผู้าุโมู่ชี้แนะด้วย”
ผู้าุโมู่ยิ้มออกมาจางๆ “หลายคนเรียกมือข้างนี้ว่ามือไม้เปื่อยตาย”
“มือไม้เปื่อยตาย?”
“มือไม้ลากผ่าน สรรพสิ่งเปื่อยตาย” ผู้าุโมู่เอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า “ก็เหมือนกับที่เมื่อครู่ข้าตบมือนี้ลงบนไหล่เ้าไม่กี่ครั้ง เส้นชีพจรหลายจุดของเ้าก็ได้รับาเ็แล้ว นับั้แ่นี้เป็ต้นไป เส้นชีพจรเ่าั้ก็จะค่อยๆ หดตัวและเปื่อยเน่าไป ผ่านไปไม่กี่วันก็จะเปื่อยตายไปในที่สุด เสี่ยวป๋ายทู่ เ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อเส้นชีพจรของคนเปื่อยตายไปแล้วจะเป็อย่างไร?”
เวลานี้สีหน้าของหยางหนิงได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการที่ผู้าุโมู่ตบมือลงบนไหล่ตนไม่กี่ครั้งนั้นจะถือเป็การลงมือกับเขาแล้ว เขาอยากที่จะพุ่งตัวไปบีบคอชายแก่นี้เสียจริงๆ ทว่าความจริงแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและเอ่ยว่า “ผู้าุโมู่ ท่านทำอะไรลงไป? ผู้น้อยมีอันใดที่ล่วงเกินท่านไปงั้นหรือ?”
“ชีพจรเน่าเปื่อยนั้น หากเป็เพียงแค่ชีพจรทั่วไปก็จะแค่นอนพิการไม่อาจขยับตัวได้เท่านั้น ทว่าชีพจรที่ข้าแตะต้องนั้นเป็เส้นที่ทะลวงไปทั่วร่างกายของเ้า เมื่อใดที่มันเริ่มเปื่อย...!” ก่อนที่ผู้าุโมู่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาและไม่ได้เอ่ยอะไรต่ออีก
ชีพจรทะลวงทั่วร่าง แค่ชื่อก็ฟังดูเหนือชั้นแล้ว หยางหนิงถอนหายใจออกมายืดยาวก่อนจะเอ่ยว่า “ผู้าุโมู่ ท่าน...ท่านมันกินบนเรือนขี้บนหลังคานี่” แม้เขาจะเอ่ยเช่นนี้ ทว่าในใจก็ยังคงมีความสงสัยอยู่บ้าง พลางลอบคิดในใจว่าแค่ตบลงเบาๆ แค่สองครั้งจะสามารถทำลายชีพจรของเขาได้จริงหรือ ชายชราผู้นี้มักจะขมขู่ผู้คนและพูดจาโอ้อวดจนเป็นิสัยแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะแค่ทำการข่มขู่ให้เกินจริงไปเฉยๆ
“เ้าวางใจเถิด ข้าเพียงอยากให้เ้ารู้ถึงความร้ายกาจของมือไม้เปื่อยตายของข้าเท่านั้น” ผู้าุโมู่ส่งเสียงไอออกมาอีกหลายครั้ง ก่อนจะเอ่ยต่อ “ข้าเห็นว่าเ้ามีพร์ไม่เลว เลยคิดว่าหลังจากที่หายดีแล้วจะสอนวรยุทธ์ล้ำเลิศให้กับเ้า ฝึกให้เ้ากลายเป็ยอดฝีมือ ขอเพียงฝึกวรยุทธ์จนเป็ขั้นสุดยอดแล้ว ใต้หล้านี้ก็ไม่มีสิ่งใดที่เ้านำมาไม่ได้ เสี่ยวป๋ายทู่ เ้ายินดีหรือไม่?”
วรยุทธ์ล้ำเลิศ?
หยางหนิงอยากจะพ่นน้ำลายใส่หน้าชายชราจอมลวงโลกผู้นี้เสียจริงๆ หากเขามีวรยุทธ์ล้ำเลิศจริงๆ มีหรือจะถูกอาวุธลับของคนวังห้าพิษทำร้ายเอาได้?
“เื่นี้...แน่นอนว่ายินดี” หยางหนิงได้แต่เอ่ยเช่นนี้ “ทว่าชีพจรของข้า...!”
“อย่าได้กังวลไป สามวันนี้ข้าจะทำการกดจุดให้เ้าวันละครั้ง สามวันต่อมาเ้าก็จะปลอดภัยไร้กังวลแล้ว” ผู้าุโมู่เอ่ยต่อ “ทว่าสามวันนี้หากเกิดเื่เหนือความคาดหมายอันใดขึ้น หรือว่าเ้าหลงทางในป่าหาข้าไม่พบแล้วล่ะก็ เช่นนั้นก็อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน” เมื่อเอ่ยจบ ร่างกายของผู้าุโมู่ก็สั่นสะท้านไปทั่ว ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นและเอ่ยต่อว่า “เ้า...เ้าไปเฝ้าปากถ้ำเอาไว้...!”
เวลานี้หยางหนิงก็รู้แล้วว่า พิษบนร่างของผู้าุโมู่ค่อยๆ กำเริบเป็ระยะ เมื่อครู่ดูเหมือนผู้าุโมู่จะปกติปลอดภัยดีก็ล้วนแต่เพราะพิษยังไม่กำเริบ เวลานี้เห็นได้ชัดว่าพิษได้กำเริบแล้ว
ตอนนี้ผู้าุโมู่ก็ได้นั่งขัดสมาธิ ฝ่ามือทั้งสองข้างหงายขึ้น ขณะที่ฝ่ามือทั้งสองข้างตั้งขนานกันอยู่หน้าทรวงอก ตอนนี้หยางหนิงได้กลับไปที่หน้าปากถ้ำแล้ว เขาพิงตัวอยู่ข้างกำแพงของปากถ้ำ พลางเริ่มไล่ด่าั้แ่บรรพบุรุษของผู้าุโมู่ ไปจนถึงลูกหลานเขาทั้งโคตรตระกูล
บางทีอาจเป็เพราะหลายวันมานี้ออกเดินทางไม่มีพัก อีกทั้งยังต้องเหน็ดเหนื่อยตลอดค่ำคืนวันนี้ ทำให้หยางหนิงรู้สึกหมดเรี่ยวแรง เมื่อพิงตัวกับกำแพงหินไปได้ชั่วครู่ หยางหนิงก็เผลอหลับลงไปทันที
ในความฝัน มีสาวน้อยวัยประมาณสิบสามสิบสี่ปีกำลังยืนอยู่ท่ามกลางพุ่มดอกไม้ ขณะหันหน้ามายิ้มบางๆ ให้กับเขา ใบหน้าของนางจิ้มลิ้มน่ารัก งดงามเสียยิ่งกว่าดอกไม้ แววตาใสกระจ่างสะท้อนแสงระยิบระยับ ดูงดงามราวกับดวงดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืน