“จวนสกุลหลิงอะไรกัน ให้ตายสิพวกเ้า เพียงแค่หมอชนบทที่มาจากบ้านนอกเท่านั้น ยังเพ้อหวังคิดจะบินขึ้นสูง ก็ไม่รู้ชั่งน้ำหนักตนเองว่ามีเท่าใด ถุย!”
แม่สื่อที่ถูกไล่ออกมา ด่าไปด่ามาถึงกับร้องไห้ออกมาแล้ว “แม่สื่ออย่างข้าชั่วชีวิตนี้เคยได้รับความน้อยใจเช่นนี้แต่เมื่อใด ไม่ให้เงินก็ช่าง ยังไล่ข้าออกมาอีก? พวกเ้า พวกเ้ารอดูข้าเถอะ!”
แม่สื่อสะบัดแขนเสื้อด้วยความโมโหอย่างไม่ยินยอม ในยามที่หมุนตัวจากไป ไหล่ก็ถูกฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแกร่งทรงพลังกดไว้
“โยว่ เสียใจแล้วหรือ? ขอบอกพวกเ้า สายไปแล้ว!” ยังคิดว่าเป็คนสกุลหลิงไล่ตามออกมาขอโทษ แม่สื่อมองขึ้นมาอย่างโมโห จึงได้เห็นบุรุษหนุ่มที่ดูมีสุภาพมีมารยาทผู้หนึ่ง แต่ว่าดวงตาคู่นั้นของเขากลับหนาวเหน็บเสียดกระดูก ทำให้นางอดสั่นสะท้านไม่ได้ “เ้า เ้าเป็ผู้ใดอีก?”
“หลิงจือเซวียน”
“ข้าคิดว่าเป็ใคร ที่แท้เป็พี่ชายคนโตของหลิงมู่เอ๋อร์ ทำไม หรือตอนนี้เสียใจแล้ว จะขอร้องแทนน้องสาวคนนั้นของเ้างั้นหรือ?”
หลิงจือเซวียนมิได้สนใจท่าทางส่ายหัวที่ลำพองของนาง เพียงแต่ก้าวเข้าไปทีละก้าว ใช้พลังกดดันที่แข็งแกร่งของตนบังคับให้นางถอยหลังไปหลายก้าว จนกระทั่งถูกกักอยู่ที่มุมกำแพง
“เ้า เ้าจะทำอะไร? ข้าขอบอกเ้า ข้าเป็ถึงแม่สื่อที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง เ้าไม่อาจเสียมารยาทกับข้าเป็อันขาด!” แม่สื่อหวาดกลัวจะแย่แล้ว มือทั้งสองแม้จะกำเป็หมัด แต่ร่างกายกับสั่นสะท้านเบาๆ อยู่ตลอด
นางเคยเป็แม่สื่อให้คนตั้งมากมาย คนนิสัยแบบใดที่ไม่เคยพบ? เช่นคนหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้านี้ แต่มีรัศมีหนาวเหน็บที่ทำให้นางแข็งตายได้นั้น มีน้อยยิ่งกว่าน้อย
“ข้าขอเตือนเ้า! อย่าบังอาจวางแผนเอาตัวน้องสาวของข้าอีก ไม่เช่นนั้น ข้าจะแก้แค้นเ้าโดยไม่สนใจว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใด!” หลิงจือเซวียนกัดฟัน หรี่ตา
แม่สื่อใจนขลาดกลัว อยากจะอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อเห็นสายตาข่มขู่ที่เขาส่งมาอีก ก็หวาดกลัวจนจะร้องไห้ออกมาแล้ว
ไอ๊ยะหยา อายุมากขนาดนี้แล้ว กลับถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งรังแกเอาได้? ความยุติธรรมอยู่ที่ใดกัน!
“เ้า จวนสกุลหลิงของพวกเ้ารังแกคนก็ช่างแล้ว ยังจะข่มขู่ข้าอีกใช่หรือไม่? ข้า วันนี้ข้าก็จะพูดให้ชัดเจนไปเลย อย่าได้คิดว่าหลิงมู่เอ๋อร์นางไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง เศรษฐีจางผู้นั้นได้ตั้งใจอย่างเด็ดขาดแล้ว พวกเ้าก็รอเป็อนุให้คนเขาเถอะ”
แม่สื่อทิ้งคำพูดไว้อย่างดุร้าย จากไปอย่างลนลาน หลิงจือเซวียนคิดอยากจะไล่ตามไปสั่งสอน กลับถูกจูฉีที่ตามมาอย่างกะทันหันหยุดไว้
“พี่หลิง แค่แม่สื่อนางหนึ่งเท่านั้น จะมีโทสะเช่นนี้เพื่อสิ่งใด ไม่คู่ควรเลย”
“เหตุใดจึงไม่คู่ควร? ที่พวกเขารังแกคือน้องสาวของข้า คือสกุลหลิงของพวกเรา!” สภาพของหลิงจือเซวียนใกล้จะะเิแล้ว ลูกั์ตาหมุนไม่หยุด ราวกับได้ตัดสินใจบางสิ่งอย่างเด็ดขาดแล้ว
“ท่านก็รู้ว่าข้ามิได้หมายความเช่นนั้น พวกเขารังแกน้องมู่เอ๋อร์ ข้าย่อมรู้สึกไม่ดีเช่นกัน ครึ่งปี ขอเพียงครึ่งปีเท่านั้น ขอเพียงการสอบเคอจวี่ครั้งหน้าท่านสอบได้ตำแหน่งสูง คนพวกนั้นก็จะไม่กล้ารังแกสกุลหลิงอีก พี่หลิง ท่านรออีกสักหน่อยเถิด”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เบื้องหน้าของหลิงจือเซวียนก็สว่างไสว แต่อย่างรวดเร็วเขาก็หัวเราะเยาะหยันออกมา “ไม่ผิด ขอเพียงสกุลหลิงของเรามีอำนาจมีกำลัง คนพวกนั้นก็จะไม่มารังแกอีก แต่ว่าครึ่งปีกลับนานเกินไปบ้าง ความยินดีหรืออันตราย เ้าไม่มีทางรู้ว่าสิ่งใดจะมาก่อน”
หัวคิ้วของจูฉีขมวดบางๆ “พี่หลิง ท่านที่เป็เช่นนี้มิใช่ตัวท่านที่ข้ารู้จักแม้แต่น้อย หากท่านเห็นข้าเป็พี่น้อง ท่านก็ฟังข้า ใจเย็นลงบ้าง”
อย่าพูดถึงว่าจูฉีรู้สึกว่าเขาไม่คุ้นเคย หลิงจือเซวียนก็รู้สึกว่าตัวเขาเองแปลกหน้าอย่างมาก
นับั้แ่ร้านอาหารในอำเภอถูกคนใช้ไฟเผา นับั้แ่โรงหมอถูกคนใส่ความว่าใช้ยาฆ่าคน จนถึงร้านอาหารถูกคนปิดกิจการ หัวใจของเขาราวถูกคนแทงทะลุทีละครั้ง ทีละครั้ง
เขาเป็พี่ใหญ่ แต่กลับไม่อาจปกป้องน้องสาว เป็บุตรชายคนโตของสกุลหลิง แต่กลับต้องให้คนกลุ่มหนึ่งมาเป็ห่วงอนาคตของเขา เขาเหมือนจะสมควรตายเป็หมื่นครั้ง
“ข้าเพียง้าปกป้องสกุลหลิง ปกป้องมู่เอ๋อร์” ปล่อยมือที่ถูกจูฉีจับออก หลิงจือเซวียนไม่แม้จะหันมามอง ก้าวเท้ายาวจากไป
จูฉีรีบเข้าไปในสกุลหลิงทันที ขณะกำลังคิดจะบอกเื่ที่หลิงจือเซวียนอารมณ์ไม่ถูกต้องนักกับทุกคน ก็เห็นทุกคนมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
หยางซื่อกำลังปิดหน้าร้องไห้อย่างเป็ทุกข์ ถังซื่อกลับเอาแต่ถอนใจว่าหลานมีชะตาที่ลำบาก หลังจากเขาใคร่ครวญแล้ว ก็ดึงหลิงมู่เอ๋อร์ไปที่มุมหนึ่ง กล่าวถึงการคาดเดาของตนออกมา
หลิงมู่เอ๋อร์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ใจนหน้าซีด “พี่จู ท่านกับข้าแยกย้ายกันไปหา จะต้องหาพี่ใหญ่ให้พบโดยเร็ว”
“ได้” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของจูฉีเผยความกังวลออกมาบางส่วน
จวนจวิ้นอ๋อง เจาหยางจวิ้นจู่น้อยราวกับนำทรัพย์สินที่ตนมีอยู่ออกมาทั้งหมด ในห้องและบนเตียงล้วนเต็มไปด้วยเสื้อแพรกระโปรงไหม
“มู่เอ๋อร์บอกแล้วว่า จือเซวียนชอบใส่เสื้อผ้าสีขาว แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาชอบให้ผู้หญิงที่ตนชอบใส่สีขาว พวกนี้ไม่เอา” เจาหยางโบกมือ เหล่าสาวใช้รีบหยิบชุดกระโปรงผ้าไหมสีขาวออกไป
“ตัวนี้ละ สีชมพูอ่อนชุดนี้ข้าใส่แล้วเป็อย่างไร?” เจาหยางหยิบชุดกระโปรงผ้าไหมที่ไม่เคยสวมมาก่อนชุดหนึ่งมาทาบบนร่าง แต่ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็รู้สึกไม่เป็ธรรมชาติ “เอ๋ สีมาตรฐานของกุลสตรีตระกูลใหญ่พวกนั้นไม่เหมาะกับบุคลิกอารมณ์จริงๆ ช่างเถอะ ช่างเถอะ ยังคงเป็สีแดงแล้วกัน”
นางชี้ไปที่ชุดสีแดงที่เด่นชัดที่สุดในระยะไกล ไปนั่งที่หน้ากระจกแต่งหน้าด้วยตนเอง “เร็ว รีบประทินโฉมแต่งกายข้า นี่ห่างจากที่นัดกับจือเซวียนไว้แค่หนึ่งเค่อเท่านั้น นี่เป็ครั้งแรกที่เขานัดข้า ไม่อาจสายเด็ดขาด!”
เมื่อครู่เองที่คนรับใช้มารายงาน บอกว่าหลิงจือเซวียนนัดนางไปพบที่ทะเลสาบชานเมืองตะวันตก และกล่าวว่าจะรอนางเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น
ไม่รู้ว่าหลิงจือเซวียน้าพบนางเพราะเื่สำคัญใด ทว่านี่เป็ครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสองคนนัดพบกันเพียงลำพัง เพียงคิดก็ทำให้คนหน้าแดงมากแล้ว
“จวิ้นจู่ช่างเป็หญิงงามจริงๆ เพคะ รออีกครู่เมื่อคุณชายหลิงเห็นแล้ว รับรองว่าจะต้องก้าวเท้าไม่ออกอย่างแน่นอน” สาวใช้หัวเราะเย้าแหย่
“บังอาจนัก ถึงกับกล้าเย้าแหย่เปิ่นจวิ้นจู่แล้ว” แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่เจาหยางกลับก้มศีรษะอย่างเขินอาย ที่แท้นางก็มีด้านของสาวน้อยเยี่ยงนี้เช่นกัน
รีบเร่งม้ามายังทะเลสาบชานเมืองตะวันตก แต่กลับมิได้พบแม้แต่ครึ่งของเงาคน เจาหยางลงจากม้า ดวงตาคู่โตที่มีชีวิตชีวาค้นหาไปทางซ้ายและขวา
“หลิงจือเซวียน?” มือทั้งคู่ของนางวางอยู่ทั้งสองข้างของปากเป็รูปลำโพง ะโอย่างระมัดระวัง
“แปลกจริง ทั้งๆ ที่ตอนนัดข้ารีบร้อนอย่างมาก ตอนนี้เหตุใดจึงไม่พบคน?” ฟันสีขาวราวหอยมุกของเจาหยางกัดริมฝีปากล่าง ทั้งกังวลเล็กน้อยและผิดหวังเล็กน้อยด้วย “คงมิใช่เพราะข้ามาช้าไปก้าวหนึ่ง แล้วเขาจากไปแล้วกระมัง?”
เมื่อคิดถึงจุดนี้ สีหน้าของเจาหยางก็เปลี่ยนทันที รีบหมุนกายจะไปหา ในยามที่หมุนกายอย่างลนลานนั้นเอง ก็พลันตกเข้าไปในอ้อมกอดที่อบอุ่นอันหนึ่ง
“เป็ข้า”
เสียงที่ทุ้มต่ำแต่อ่อนโยนดังมาจากกระหม่อม
“หลิง…” เจาหยางช้อนตาขึ้นอย่างยินดี แต่กลับถูกปิดปากที่อ่อนนุ่มไว้
ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เจาหยางพลันผลักเขาออก มือข้าหนึ่งชี้หน้าของเขา อีกมือหนึ่งปิดริมฝีปากของตนไว้ ร้อนใจจนกระทืบเท้าไม่หยุด “หลิงจือเซวียน เ้า เ้าถึงกับจุมพิตข้า?”
ต่อให้นางจะดุร้ายเพียงใด จะคลุ้มคลั่งเพียงใด ก็ไม่กล้าทำเื่เช่นนี้กับบุรุษออกมา
เจาหยางเขินอายจนแก้มแดงก่ำ รีบหมุนตัวไม่กล้ามองดวงตาของเขา ที่หน้าอก ตุบตุบ เต้นไม่หยุด ทั้งยินดีทั้งโมโหด้วยความเขินอาย
หลิงจือเซวียนเงยศีรษะ คิดจับไหล่ของนาง คิดไปคิดมาก็ร่วงลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
เขาหัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง ในยามที่ช้อนตาขึ้นมานั้น ในดวงตาก็มีความเ็ปเศร้าสร้อยเพิ่มขึ้นมาบางส่วน “เ้าไม่ชอบให้ข้าทำเช่นนี้กับเ้า?”
น้ำเสียงของหลิงจือเซวียนเ็า ทำให้เจาหยางฟังแล้ว ราวกับกำลังกล่าวว่า หากไม่ชอบเขาไปก็ได้
“ไม่ใช่!” เจาหยางรีบหันกลับมา แต่เมื่อคิดอีกครั้ง นางก็รีบอธิบายอย่างเร่งร้อน หากถูกหลิงจือเซวียนเข้าใจผิดว่า นางเป็พวกสตรีที่ปล่อยตัวไร้ยางอายแล้วจะทำเช่นไร? “ข้า ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น ข้าชอบเ้า เ้าก็รู้ ข้าเพียงคิดไม่ถึงว่าเ้าจะ…กะทันหัน”
“ข้าอยากแต่งงานกับเ้า”
สี่คำที่ง่ายและรวบรัด ตัดคำพูดที่เจาหยางยังพูดไม่จบไปอย่างตรงไปตรงมา
ดวงตาทั้งคู่ของหลิงจือเซวียนมองนางอย่างแน่วแน่ ไม่เห็นการล้อเล่นแม้แต่น้อย
เจาหยางตกตะลึงไปแล้ว
นางไล่ตามหลิงจือเซวียนนั้นเป็เื่ที่รู้กันไปทั่วทั้งเมืองหลวง หลิงจือเซวียนไม่ชอบนาง ก็เป็เื่ที่ผู้คนนำมาพูดเล่นกันหลังกินข้าว พวกเขากระทั่งแปดอักษรก็ยังไม่ได้เหลือบดู บุรุษผู้นี้กลับพูดว่า้าแต่งงานกับนาง?
“หลิงจือเซวียน เ้าไม่ได้แกล้งข้าเล่นจริงๆ ใช่หรือไม่?” เจาหยางถามออกจากปากอย่างระมัดระวัง หัวใจดวงหนึ่งได้แขวนอยู่ที่ทางออกของลำคอแล้ว
“ตัวข้าหลิงจือเซวียน กำเนิดจากหมู่บ้านชาวนา โชคดีอาศัยความสามารถของน้องสาวมาถึงเมืองหลวง และยิ่งมีโชคได้เป็ศิษย์ของอาจารย์จู ข้าไม่มีความสามารถ ไม่มีอำนาจ ไม่มีขุมกำลัง หากโชคดีการสอบเคอจวี่ในฤดูร้อนนี้จะเปลี่ยนทั้งชีวิตของข้า แต่หากโชคไม่ดี ข้าจะยังคงเป็สามัญชนคนธรรมดาที่ไม่คู่ควรกับเ้าตลอดไป แต่ข้าชอบเ้า เจาหยาง บางทีตัวข้าในตอนนี้ยังมิได้รักเ้าอย่างลึกซึ้ง แต่ข้าจะใช้ทุกความสามารถที่มี ไม่ให้เ้าต้องเสียใจ เ้าเต็มใจแต่งให้ข้าหรือไม่?”
ขอเพียงเจาหยางจวิ้นจู่น้อยกล่าวว่า ไม่ เพียงคำเดียว หลิงจือเซวียนคิดว่า เขาจะต้องหันกายจากไปอย่างไม่ลังเล ชั่วชีวิตนี้ไม่มายุ่งกับจอมอัธพาลตัวน้อยแห่งเมืองหลวงอีก
แต่มือทั้งสองของเจาหยางวางอยู่ที่หน้าอก ก้มหน้าอย่างขวยเขิน ดาวตากลับช้อนขึ้นอย่างสุดชีวิต มองดูหลิงจือเซวียน “ข้า ข้าย่อมเต็มใจอย่างแน่นอน”
เสียงของนางเบามาก แต่ข้างทะเลสาบมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น เผชิญกับสายลมเบา เผชิญกับน้ำในทะเลสาบ ส่งความจริงใจทั้งหมดเข้าไปในของเขา
“แต่ว่า แต่ว่าเหตุใดวันนี้ เ้าจึงพูดคำพูดพวกนี้กับข้าอย่างกะทันหัน ใช่เกิดเื่ใดขึ้นหรือไม่?”
มือทั้งคู่ของหลิงจือเซวียนจับไหล่ของนาง ความ้าในดวงตาของเขาราวกับจะกลืนกินนาง “ข้ารีบมาก แต่คำตอบของเ้าสำหรับข้าแล้วก็สำคัญมากเช่นกัน ดังนั้น เ้าจะต้องคิดให้ดี คิดให้ถี่ถ้วนแล้วค่อยตอบข้า เจาหยาง เ้าก็รู้ ข้าไม่มีความสามารถ หลังจากเ้าอยู่กับข้าแล้วก็จะถูกคนวิจารณ์อย่างมากเช่นกัน ข้าจะพยายามปกป้องเ้าอย่างสุดความสามารถ แต่ขอเพียงเ้ารับปากแล้ว ข้าก็จะไม่ให้โอกาสเ้าได้เสียใจอีก ดังนั้น เ้าคิดดีแล้วหรือไม่?”
เจาหยางมิได้กล่าววาจา เพียงแต่เงยศีรษะขึ้น มองเขาอย่างเนิ่นนาน
หล่อ ช่างหล่อเหลาเหลือเกิน อีกทั้งจุมพิตเมื่อครู่ ก็ทำให้นางหวนคะนึงเป็อย่างมาก หวั่นไหวแล้ว
คุ้มแล้ว มิว่าเพราะเหตุใด วันนี้หลิงจือเซวียนจึงได้ผิดปกติเช่นนี้ แต่เขาสามารถก้มหัวยอมรับความในใจของตนได้ ไม่ว่าสิ่งใดก็คุ้มค่าแล้ว
สองมือกอดคอของเขา เจาหยางเขย่งปลายเท้า ส่งริมฝีปากแดงจุมพิตลงเบาๆ ที่ข้างริมฝีปากของเขา จากนั้นนางก็หดคอ ก้มศีรษะลงอย่างเขินอาย หลังจากสูดลมหายใจทีหนึ่ง นางก็เชิดหน้าขึ้นอีกครั้ง มองสำรวจดวงตาของหลิงจือเซวียนอย่างระมัดระวัง “ข้าตอบกลับเช่นนี้ เ้าเข้าใจความหมายของข้าแล้วหรือไม่?”
ภายใต้เปลือกนอกที่เอาแต่ใจนั้น ก็มีหัวใจของสาวน้อยที่อ่อนโยนเช่นกัน
มีอยู่ครู่หนึ่งที่หลิงจือเซวียนรู้สึกผิดอยู่ภายใน เขาพลันรู้สึกว่า ผิดต่อความใสซื่อบริสุทธิ์ของเจาหยางเป็อย่างมาก แต่เจาหยางที่เป็เช่นนี้ ยิ่งมอบความปรารถนาอันแรงกล้าในการปกป้องให้เขา
“เมื่อครู่เ้าทำสิ่งใดกับข้า ทำอีกครั้ง!”
ยากนักที่จะมีคนออกคำสั่งกับนางอย่างเย่อหยิ่งและบีบบังคับเช่นนี้ เจาหยางโมโหเล็กน้อย “ดีเหลือเกินเ้า เ้าถึงกับกล้าออกคำสั่งกับข้า เื่ที่น่าอายเช่นนั้นจะให้ข้าผู้เป็จวิ้นจู่มาทำได้อย่างไร หรือไม่ควรเป็เ้าหรือ?”
“ควรเป็ข้าจริงๆ เพียงแต่ข้ากลัวเ้าจะรับไม่ไหว”
ในตอนที่เจาหยางจวิ้นจู่น้อยยังไม่ทันได้ตอบสนองนั่นเอง หลิงจือเซวียนก็อุ้มนางขึ้นมา เดินไปยังเกี้ยวเสลี่ยงที่ถูกจอดไว้ในป่าลึกอยู่แต่แรกแล้ว