บทที่ 11
วันเวลาได้เดินทางผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงแค่กะพริบตาไม่กี่ครั้งท้องฟ้าที่เคยสดใสในยามเช้า ตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็สีดำปกคลุมไปทั่ว พร้อมทั้งหมู่มวลดาวและดวงจันทร์ก็ได้ลอยขึ้นจนอยู่กลางหัวของเหล่าผู้คนที่ยังคงไม่หลับนอน
ในโรงพิมพ์ของสำนักพิมพ์เป่ยจิง เสียงการทำงานของเครื่องจักรที่ใช้สำหรับตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ได้ดังก้องไปทั่วทั้งอาคาร เหล่าคนงานที่ทำงานในรอบเย็นต่างก็อยู่ประจำจุดต่าง ๆ เพื่อรับหนังสือพิมพ์แต่ละหมวดที่เพิ่งตีพิมพ์เสร็จและนำมารวมกันเป็ฉบับเดียวกันก่อนนำไปส่งตามร้านค้าต่าง ๆ
“เอาล่ะ เสี่ยวฉีนายไปบอกคนอื่น เดี๋ยวเดินเครื่องพิมพ์อีกรอบก็กลับบ้านได้แล้ว นายเองก็กลับบ้านแล้ว ไม่ต้องรอกลับพร้อมฉันหรอก ”
เสียงแหบของชายร่างใหญ่ที่ผมขาวไปทั้งกล่าวออกมาพร้อมตบกระเป๋ากางเกงของตัวเองก่อนที่จะหยิบซองบุหรี่ยี่ห้อจงหวา (1) ออกมา
“ได้ครับ แล้วกล่องหนังสือพิมพ์ที่จะไปส่งที่บ้านคุณ จะให้ผมขนไปไว้ที่บ้านก่อนไหมครับ คุณจะได้ไม่ต้องแบกกลับไปเอง ”
เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวฉีตอบรับคำของเหล่าเถี่ยที่เป็หัวหน้าพร้อมวางกองหนังสือพิมพ์ที่ถูกมัดไว้อย่างดีลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ ๆ
“ไม่ต้องหรอก วันนี้ฉันขับรถยนต์มา เดี๋ยวฉันขนกลับไปเอง นายเองก็รีบกลับได้แล้ว ป่านนี้แล้วเมียนายคงรอนายจนเก้อแล้วมั้ง ”
เถี่ยฮ่าวหรือเหล่าเถี่ยที่ได้ยินคำถามของเสี่ยวฉีก็ปฏิเสธออกมาทันที ทำให้เสี่ยวฉีที่ได้ยินคำพูดของผู้ที่เป็หัวหน้าก็ยิ้มออกมาแบบเขิน ๆ แล้วกล่าวตอบกลับไปว่า
“ไม่หรอกครับเหล่าเถี่ย ก่อนออกมาทำงานผมก็เมียผมไว้แล้วว่าไม่ต้องรอ ให้พาลูกนอนก่อนได้เลย อีกอย่างผมเองก็มีกุญแจสำรองอยู่กับตัว ไม่รบกวนเธอหรอกครับ ”
เมื่อเห็นท่าทีเขินอายของเสี่ยวฉีที่กำลังพูดถึงภรรยากับลูกที่อยู่ที่บ้านก็หัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วพูดออกมาว่า
“ไอ้เด็กนี่ !แต่งงานจนมีลูกหนึ่งแล้ว ยังทำตัวเป็คู่รักข้าวใหม่ปลามันไปได้ รีบ ๆ ไปบอกเพื่อนนายตามที่ฉันสั่งได้แล้ว ส่วนนายก็รีบกลับไปเถอะ อย่างน้อยก็เปลี่ยนมือเลี้ยงลูกกับเมียก็ได้ ให้เมียนายได้พักสบาย ๆ บ้าง ”
เสี่ยวฉีที่ได้ยินคำพูดที่แกมหยอกของเถี่ยฮ่าวก็หัวเราะออกมาเบา ๆ จากนั้นก็หยิบกระเป๋าของตนเองแล้วเดินจากไปทันที
“จริงสิ !เหล่าเถี่ย ได้ยินมาว่าเล่มเล็กของฝ่ายวรรณกรรมได้ลงนิยายเื่ใหม่แทนที่ของเซียวตงที่หยุดพักรักษาตัว เห็นเพื่อนผมที่อยู่ฝ่ายนู้นบอกว่า ถานติงที่เป็บ.ก.ใหญ่ของคอลัมน์หนึ่งพันเื่ราวแดนั ถึงกับออกปากชมไม่หยุด ระหว่างรอเครื่องเดินระบบพิมพ์ คุณลองอ่านฆ่าเวลาดูก่อนก็ได้ ”
ทันทีที่กล่าวจบเสี่ยวฉีก็เดินจากไปทันที ทิ้งไว้เถี่ยฮ่าวที่ยืนมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่เดินจากไปก่อนที่จะส่ายศีรษะช้า ๆ ด้วยความระอาใจก่อนที่จุดบุหรี่ที่อยู่ในมือ
จริง ๆ แล้วเื่ที่เสี่ยวฉีพูดมานั้น ตัวของเถี่ยฮ่าวเองก็ได้ยินผ่านหูมาบ้าง เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายงานที่เขาดูแล ตัวเขาคร้านที่จะสนใจมันมากนัก
ไม่ใช่เพียงแค่ผลงานชื่อดังของเซียวตง มันยังรวมถึงผลงานจากนักเขียนในยุคสมัยนี้ ในสายตาของคนที่ทำงานด้านสื่อมาเกือบ 15 ปีอย่างเถี่ยฮ่าว มันไม่คู่ควรให้ใส่ใจจริง ๆ
นับั้แ่ความขัดแย้งทางการเมืองได้เกิดขึ้นเมื่อ 40 ปีก่อน งานในด้านวรรณกรรมภายในประเทศก็ได้หยุดการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด ผลงานเขียนชั้นดีที่คู่ควรในการเสียเวลาในการอ่าน โดยความคิดเห็นส่วนตัวของเถี่ยฮ่าวนั้น มันมีเพียงแค่ผู้ที่ได้รับการยกย่องจากสมาคมวรรณกรรมจนถูกเรียกกันอย่างกว้างขวางว่า ‘7 ปรมาจารย์ ’ ที่คู่ควรเสียเวลาในการอ่าน ซึ่งแต่ละคนก็การันตีว่าด้วยผลงานที่ถูกตีพิมพ์หลายล้านเล่มและวางขายไปทั่วประเทศ
และด้วยสายตาที่มีมุมมองเช่นนี้เองทำให้ข่าวการเปลี่ยนตัวคนเขียนคอลัมน์หนึ่งพันเื่ราวแดนัที่กำลังเป็ที่พูดถึงในกลุ่ม เถี่ยฮ่าวไม่ได้รู้สึกว่ามันมีอะไรที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก
“แต่ข่าวปากต่อปากก็ช่างเหลือเกินจริง ๆ คนที่ถูกเรียกว่าบ.ก.ปากะุอย่างพี่ถาน จะกล่าวชมนิยายจากเด็กรุ่นใหม่ง่าย ๆ คนพวกนี้ก็กล้าแต่งเื่แต่งราวจริง ๆ”
เถี่ยฮ่าวที่นึกถึงคำพูดเสี่ยวฉีก่อนจากไปก็ส่ายศีรษะออกมาอีกครั้งพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างระอาใจกับข่าวลือที่แพร่ออกมาเกี่ยวกับถานติงที่เป็รุ่นพี่ของตน
ตัวเขาที่เข้ามาทำงานหลังถานติงไม่กี่เดือน ย่อมรู้ดีว่าถานติงคนนี้ได้รับฉายาบ.ก.ปาะุเพราะการคอมเมนต์งานที่ตรงไปตรงมา แถมคำพูดที่ออกจากสหายผู้นี้ยังเรียกได้เป็คำที่เจ็บแสบจนทำให้หลายคนในฝ่ายวรรณกรรมและฝ่ายข่าวร้องไห้มาไม่น้อย การที่บอกว่ามีนักเขียนหน้าใหม่เขียนงานจนทำให้ถานติงออกปากชมมาได้ ให้เถี่ยฮ่าวไปเชื่อว่าพรุ่งนี้โลกจะถล่มเสียยังดีกว่า
“เหล่าเถี่ย การพิมพ์รอบสุดท้ายอาจใช้เวลาหน่อยนะ พอดีเครื่องพิมพ์มันมีปัญหานิดหน่อย แต่แก้ไขได้แล้ว กำลังจะเริ่มพิมพ์อีกครั้งแล้ว ”
ระหว่างที่เถี่ยฮ่าวกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองพร้อมกับบุหรี่ในมือ เสียงะโจากฝั่งเครื่องพิมพ์ก็ดังขึ้นมา ทำให้เถี่ยฮ่าวกลับมามีสติอีกครั้งแล้วะโตอบกลับไป
“โอเค ๆ!เหล่าซ่ง เช็คหน้ากระดาษดี ๆล่ะ เสียเวลาหน่อยไม่เป็ไร ขอแค่อย่ามีข้อผิดพลาดก็พอ ”
เสียงะโตอบรับกลับมาเมื่อเถี่ยฮ่าวได้พูดจบพร้อมกับเสียงเครื่องจักรที่เริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง จากนั้นเถี่ยฮ่าวที่ดับบุหรี่ไปแล้วก็ยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูแล้วคำนวณเวลาอยู่ในใจ ก่อนที่จะหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาจากนั้นก็เริ่มอ่านมันฆ่าเวลารอระหว่างรอ
“หื้ม ! ใช้กลยุทธ์พาดหัวล่อให้คนเข้าไปอ่านงั้นเหรอ ?แถมยังใช้วาทะแบบเดียวกับเมื่อ 40 ปีก่อนใน่ความขัดแย้งที่ผ่านอีกด้วย ใครเป็คนตรวจให้ผ่านกัน ”
เถี่ยฮ่าวกล่าวออกมาเมิ่อเห็นพาดหัวของหมวดวรรณกรรม ใบหน้าที่มีริ้วรอยก็มีความสงสัยพาดผ่านออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะตัวเขาไม่คิดว่าบ.ก.ใหญ่ของฝ่ายวรรณกรรมจะใช้วิธีนี้ในการดึงความสนใจคนอ่าน
ความตั้งใจของเถี่ยฮ่าวคือข้ามเนื้อหาในหมวดนี้ไปเลย เพราะว่าการใช้กลยุทธ์ดึงดูดเช่นนี้ ในสายตาของเขา การใช้กลยุทธ์ตีหัวเข้าบ้านแบบนี้ แสดงว่าเนื้อหาข้างในมันไม่สามารถดึงคนให้สนใจมากพอ แต่เมื่อตัวเขาลองอ่านพาดหัวที่เขียนหน้าหนึ่งอีกครั้ง ประโยคที่ว่า ‘นกกระจอกที่เห็นดาษดื่นทั่วทุกที่ เป็ตำนานของผู้ที่รักชาติที่ไม่มีทั่วแผ่นดิน ยินดีสละตนหวังว่าปิตุภูมิอันแสนบอบช้ำจะรุ่งโรจน์ในวันข้างหน้า ’ มันทำให้เืของความรักชาติพลุกพล่านออกมาไม่น้อย
“ไหน ๆ ก็ต้องรอเครื่องพิมพ์ทำงานให้เสร็จ ลองอ่านดูสักหน่อยละกัน ”
เถี่ยฮ่าวกล่าวออกมาเบา ๆ พร้อมพลิกหน้ากระดาษไปตามที่พาดหัวได้บอกไว้จากนั้นก็เริ่มอ่านคอลัมน์หนึ่งพันเื่ราวแดนัทันที
‘เดือนมีนาคม ปี 1940 รัฐบาลวังจิงเว่ยที่มีญี่ปุ่นสนับสนุนได้ถูกจัดตั้งขึ้นพร้อมกันนั้นกองทัพญี่ปุ่นตั้ง "หน่วยกิจการพิเศษ" ขึ้นมากวาดล้างจับกุมเหล่าผู้ต่อต้าน โดยให้ ปี้จงเหลียง อดีตนายทหารก๊กมินตั๋งผู้แปรพักตร์ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ
เฉินซิน สายลับพรรคคอมมิสนิสต์แฝงตัวอยู่ข้างกายปี้จงเหลียงมาโดยตลอด แม้จะอยู่ในดงศัตรู เขาก็ไม่เคยสิ้นแรงศรัทธายอมเสี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อช่วยเหล่าผู้มีอุดมการณ์ขับไล่ญี่ปุ่น เฉินซินต้องตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตหลายต่อหลายครั้ง แต่ด้วยไหวพริบอันฉับไวและมันสมองอันเฉียบคมของเขา เฉินซินสามารถเอาตัวรอดได้แทบจะทุกครั้ง ’
เมื่ออ่านเื่ย่อจบ คิ้วของเถี่ยฮ่าวก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
ไม่ใช่นวนิยายศิลปะการต่อสู้ แต่เป็นวนิยายสืบสวนสอบสวน?
แถมภูมิหลังของนิยายก็ไม่ใช่ยุคโบราณแบบที่นักเขียนสมัยนี้นิยมกัน แต่ใช้ประวัติศาสตร์จริงใน่ 40 ปีที่ผ่านมาเป็ฉากหลัง
ดูแล้วนักเขียนที่เรียกตัวเองว่า ‘ฮองซู ’ มีความกล้าหรือบ้าบิ่นที่ตัวเถี่ยฮ่าวเองไม่อาจทราบได้ เพราะการวางภูมิหลังแบบนี้เท่ากับว่าเป็การฉีกขนบธรรมเนียมการเขียนนิยายเลยทีเดียว
ในยุคสมัยที่นวนิยายอิงประวัติศาสตร์นิยมใช้พื้นหลังเป็ยุคสมัยศักดินาและได้รับความนิยมต่อนักอ่าน ทำให้สิ่งเหล่านี้เป็บรรทัดฐานของนักเขียนที่คิดจะเขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์ การที่มีนวนิยายที่ใช้ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ถึงร้อยปี ถือว่าเป็การกระทำที่บ้าบิ่นเป็อย่างยิ่ง เพราะถ้าหากว่านวนิยายเื่นี้ล้มเหลว สำนักพิมพ์ก็เตรียมรับแรงกระแทกจากเหล่านักอ่านที่จะส่งจดหมายมาด่าได้เลย
“ช่างเถอะ ไม่ใช่เื่ของฉันที่จะสนใจเื่ผลกระทบพวกนั้น ตอนนี้ฉันแค่อ่านมันฆ่าเวลาเท่านั้น ”
เถี่ยฮ่าวกล่าวกับตัวเองเบา ๆ พร้อมทั้งจุดบุหรี่ขึ้นมาอีกมวนแล้วเริ่มอ่านเนื้อในหน้าหนังสือพิมพ์ทันที
“ไอ้หยา !ครอบครัวที่ไม่ได้เจอกันนาน รู้ตัวอีกทีก็เป็สายลับใหญ่ที่ทำงานให้กลับพรรค แถมตอนนี้กลับถูกจับเพราะคนทรยศในกลุ่มเสียแล้ว ”
“หื้ม !เฉินเซินไม่สามารถฆ่าคนได้งั้นเหรอ เพราะมีแผลทางใจใน่าชายแดน แบบนี้มันจะทำงานยากกว่าเดิมสิ เพราะถ้าทางพรรคมีคำสั่งให้ลอบสังหารใครขึ้นมา มันจะเกิดความผิดพลาดได้ง่าย ”
“ภารกิจเร่งด่วนตอนนี้คือการตามหาสายลับที่ใช้ชื่อว่า ‘นกกระจอก ’ แถมไอ้เวรปี้จงเหลียงก็ไม่ได้ไว้ใจสหายของตัวเองแม้แต่น้อย แถมยังตีสองหน้าแสร้งเป็คนรักพวกพ้องอีกต่างหาก ดูแล้วถ้าเดินเกมพลาดสักครั้งคงจบไม่สวยแน่ ”
คำกล่าวพวกนี้ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากปากของเถี่ยฮ่าวั้แ่ที่เริ่มอ่านตัวนิยายไปเพียงไม่นาน ความคิดที่คิดว่าเป็การอ่านฆ่าเวลาได้หายไปในพริบตาและถูกดึงดูดเข้าสู่โลกของนิยายอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังลุ้นไปกับภารกิจของเฉินเซินที่เป็สายลับของพรรคคอมิวนิสต์ที่ต้องเอาตัวรอดไม่ให้ถูกจับได้ และต้องหาทางช่วยญาติเพียงคนเดียวของตัวเองให้รอดจาการปะาชีวิตของประเทศอีกาดำ
แถมความสัมพันธ์ก็ยิ่งยุ่งเหยิงเข้าไปใหญ่ เมื่อฝ่ายก๊กมินตั๋งได้ส่งสายลับเข้ามาเพื่อหาคำสั่งลับของประเทศอีกาและสายลับคนนั้นก็คือคนรักเก่าของเฉินเซิน
ทุกเื่ราวและแผนการในการเอาตัวรอดต่าง ๆ ทำให้เถี่ยฮ่าวที่ดำดิ่งไปกับโลกของนิยายขั้นสุด จนบุหรี่ที่ถูกจุดไว้เพื่อสูบแก้ง่วงไม่ได้ถูกนำเข้าปากแม้แต่ครั้งเดียว แต่ตัวของเถี่ยฮ่าวกลับตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
“เวรเอ้ย ! ผีผีคือลูกของสหายอำมาตย์ แสดงว่าผีผีก็เป็หลานแท้ ๆ ของเฉินเซินนะสิ !ตลอดเวลาที่ผ่านเฉินเซินแทบไม่รู้เื่เลย ”
“เส้นทางหลบหนีเป็ไปตามแผนของเฉินเซิน แบบนี้การพาสหายอำมาตย์หลบหนีไปใช้ชีวิตก็เป็ไปได้แล้วนะสิ สมแล้.. เวรเอ๊ย !มีมือปืนซุ่มอยู่งั้นเหรอ สหายอำมาต์ถูกยิงเข้าจุดสำคัญ ”
เสียงร้องโวยวายของเถี่ยฮ่าวดังขึ้นมาเรื่อย ๆ ตลอดเวลาที่อ่านนวนิยายแต่เมื่อเขากวาดสายตาอ่านไปยังบทบรรยายที่สหายอำมาตย์ถูกยิงจากมือปืนที่ซ่อนตัวอยู่ ทำให้ตัวเขาอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา
“หื้ม !? ”
เถี่ยฮ่าวส่งเสียงออกมาด้วยความสงสัยเมื่อพบว่าบทบรรยายเมื่อครู่เป็บรรทัดสุดท้ายของนวนิยายในคอลัมน์หนึ่งพันเื่ราวแดนั และไม่มีเขียนบอกว่าให้ไปอ่านต่อที่หน้าไหน แต่เขียนให้ไปติดตามต่อในฉบับหน้า ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อครู่ได้กลายเป็ความหงุดหงิดในทันที
เวรเอ๊ย !
เื่ราวกำลังเข้มข้นแต่กลับตัดจบแบบนี้ พวกบ.ก.กล้าให้ผ่านได้ไงกันวะ !
ไอ้ฮองซู ไอ้คนเลวเอ๊ย !
.................................................................................................................................................................
เชิงอรรถ
1.ยี่ห้อบุหรี่จีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้