บทที่ 1 เถ้าธุลีหวนคืน
มหานครเซี่ยงไฮ้ ฤดูหนาว ปี 2035
สายลมเดือนธันวาคมที่พัดเลียบริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่ คมกริบราวกระบี่น้ำแข็ง มันกรีดผ่านเสื้อโค้ทตัวบางที่เก่าจนซีดของหลินซูเม่ย ทว่าความหนาวเหน็บภายนอกนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความเย็นเยียบที่กัดกิน อยู่กลางใจเธอ
ดวงตาคู่นั้น... ที่เคยเปล่งประกายด้วยความฝันและความทะเยอทะยาน บัดนี้กลับกลวงโบ๋และมืดมน เธอมองข้ามผืนน้ำไปยังฝั่งผู่ตง ที่ซึ่งตึกระฟ้าแข่งกันอวดแสงสีราวกับป่าแห่งแก้วและเหล็กกล้า ที่นั่นคืออนุสาวรีย์แห่งความสำเร็จที่ตั้งตระหง่านอยู่บนซากปรักหักพังของชีวิตเธอ
บนหน้าจอ LED ขนาดมหึมาที่พันรอบตึกเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ ปรากฏภาพของคนสองคนที่เธอเกลียดชังจนเข้ากระดูกดำ
จางเหว่ย และ หลินซูซาน
อดีตคนรักที่เคยร่วมสาบานว่าจะใช้ชีวิตและต่อสู้ฝ่าฟันไปด้วยกัน และน้องสาวต่างมารดาผู้สวมหน้ากากนางฟ้าทั้งคู่ยืนเคียงข้างกันบนเวทีในงาน เลี้ยงฉลองครบรอบ 15 ปีของจินฮุย กรุ๊ปใบหน้าของพวกเขายิ้มแย้มเปี่ยมสุข สาดส่องด้วยแสงแฟลชจากสื่อมวลชนนับร้อย
น้ำเสียงทุ้มนุ่มของจางเหว่ยที่เคยกระซิบคำรักข้างหูเธอ บัดนี้ก้องกังวานผ่านลำโพง สะท้อนความสำเร็จอันจอมปลอมของเขา "ความสำเร็จทั้งหมดนี้ ผมขอยกให้ภรรยาสุดที่รักของผม ซูซาน เธอคือดวงตะวัน คือแรงบันดาลใจ คือผู้ที่อยู่เคียงข้างผมในวันที่มืดมนที่สุด..."
หลินซูเม่ยแค่นเสียงหัวเราะออกมามันแหบแห้งและแตกพร่าราวกับเสียงใบไม้แห้งถูกขยี้ "แรงบันดาลใจงั้นหรือ?" ช่างเป็คำพูดที่น่ารังเกียจสิ้นดี!
แผนธุรกิจพลิกโลกของจินฮุย กรุ๊ป... มันคือลมหายใจและจิติญญาของเธอ คือหยาดเหงื่อและเืทุกหยดที่กลั่นออกมาเป็ตัวอักษร ท่ามกลางคืนที่มืดมิดและดวงตาแดงก่ำที่แทบจะปิดลงด้วยความอ่อนล้า แต่ทุกสิ่งกลับถูก เขา (จางหว่ย) กระชากไปจากมืออย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะนำไปประเคนให้หลินซูซานน้องสาวต่างมารดาผู้สวมหน้ากากนางฟ้าได้อย่างน่าสมเพช เพื่อให้หล่อนได้เชิดหน้าชูตาในฐานะเ้าของผลงานที่มีอนาคตไกลในบริษัท
อาวุธของหลินซูซานคือหยดน้ำตาและท่าทีที่แสนเปราะบาง เมื่อเธอ้าสิ่งใดเธอก็จะคร่ำครวญอ้อนวอนต่อหน้าพ่อและแม่ของเธอ จนพวกเขาสั่งให้เธอ (หลินซูเม่ย) ต้องเสียสละทุกอย่างให้กับน้อง
คำว่าครอบครัวสำหรับเธอ... เป็ดั่งโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น พันธนาการที่กรีดลึกถึงกระดูก
พ่อ... ในสายตาของท่าน เธอเป็เพียงเงาจางๆ ที่ไร้ตัวตน
แม่เลี้ยง... มองเธอคือส่วนเกินที่น่ารำคาญ คือหนามแหลมที่ตำใจอยู่ทุกวัน
น้องสาว...คือนักแสดงจอมเสแสร้งที่รอคอยจะฉกฉวยทุกอย่างที่เป็ของเธอไป
แม้แต่ทุนการศึกษาปริญญาโทที่เธอคว้ามาด้วยความสามารถ? ถูกยัดใส่มือหลินซูซาน
เงินเก็บก้อนแรกที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง? ถูกผลาญด้วยคำว่าเพื่อครอบครัว
กระทั่งผู้ชายที่เธอเคยรักหมดหัวใจ... ก็ยังถูกพรากไป
ชีวิตของเธอถูกผลักไสให้ร่วงหล่นสู่ก้นบึ้งของอเวจีที่ไร้แสง เธอถูกขับออกจากบริษัทที่เธอสร้างมากับมือถูกตราหน้าว่าเป็คนทรยศขายความลับ ให้คู่แข่ง พ่อ...ไม่แม้แต่จะชายตามองเพื่อฟังคำอธิบายใดๆ ทุกคนในบ้านร่วมมือกันผลักไส... ราวกับเธอไม่เคยมีตัวตนอยู่ตรงนั้น และยึดทุกอย่างจากเธอไปจนหมด เธอถูกไล่ออกจากบ้าน...มีเพียงแค่เสื้อผ้าติดตัวออกมาเท่านั้น
ข่าวฉาวโฉ่แพร่สะพัด ไม่มีที่ไหนกล้ารับเธอเข้าทำงาน สองมือที่เคยจรดปากกาพลิกชะตาธุรกิจมูลค่านับล้าน กลับต้องมาแบกหามสัมภาระหนักอึ้งจนแผ่นหลังแทบแหลกสลาย ต้องอดมื้อกินมื้อ ใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนาไม่ต่างจากขอทานไร้บ้าน
ในขณะที่คนทรยศทั้งคู่... กลับเสวยสุขอยู่บนบัลลังก์ที่สร้างจากหยาดน้ำตาและกองเืของเธอ พวกมันหัวเราะเยาะเย้ย โยนเศษเงินให้เธอด้วยความสมเพช และเหยียบย่ำเกียรติยศของเธอจนแหลกสลายเป็ผุยผง
ใช่... ครั้งนั้นเธอล้มลงอย่างหมดท่า แต่ลมหายใจยังเหลืออยู่...
"หาก์มีจริง..." เธอกระซิบกับสายลมที่พัดผ่าน "หากชาติหน้ามีอยู่จริง... ฉันไม่ขออะไรอีกแล้ว... นอกจากโอกาสที่จะได้กลับไปแก้แค้นให้พวกมันมาก้มอยู่แทบเท้าของเธอ... ฉันจะทำให้พวกมันได้รู้จักคำว่านรกบนดิน! ฉันจะฉีกกระชากหน้ากากของพวกมัน! ฉันจะทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็ของฉัน!"
ความคิดสุดท้ายยังไม่ทันจางหาย แสงไฟสว่างวาบก็สาดเข้าตา ร่างกายของเธอรู้สึกเหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนลอยขึ้นไปในอากาศ... โลกทั้งใบหมุนคว้าง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงในความมืดมิด...
ความเงียบ... และความอบอุ่นที่ไม่ได้ััมานาน...
หลินซูเม่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า เพดานสีขาวหม่นที่แตกลายงาเล็กน้อยปรากฏแก่สายตา กลิ่นอับจางๆ ของหนังสือเก่าและไม้ที่ชื้นฝนลอยมาแตะจมูก มันคือกลิ่นที่เธอคุ้นเคย... กลิ่นที่หายไปจากชีวิตเธอนานเหลือเกินแล้ว
นี่มันอะไรกัน? หรือนี่คือโลกหลังความตายที่จำลองเอาห้องนอนเก่าของเธอมาไว้?
เธอพยุงร่างที่รู้สึกเบาหวิวผิดปกติลุกขึ้นนั่ง ความเ็ปจากการถูกรถชนหายไปสิ้น เหลือเพียงความงุนงงสับสน เธอกวาดตามองไปรอบห้อง โต๊ะไม้ราคาถูกที่มุมห้อง โปสเตอร์วงดนตรีไต้หวันยอดนิยมที่เธอเคยคลั่งไคล้แปะอยู่บนผนังปูน และกองหนังสือเรียนวิชาบริหารธุรกิจวางซ้อนกันอยู่
ทุกอย่าง... เหมือนกับห้องนอนของเธอเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยน
หัวใจของเธอเริ่มเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง เธอยกมือขึ้นมาดู... ผิวพรรณเรียบเนียน นิ้วมือเรียวยาวปราศจากรอยแผลเป็และหนังด้านจากการทำงานก่อสร้าง นี่ไม่ใช่มือของหญิงวัยสี่สิบที่ผ่านมรสุมชีวิตมาอย่างโชกโชน!
สัญชาตญาณบางอย่างสั่งให้เธอกระโจนลงจากเตียง วิ่งไปที่กระจกเงาบานเล็กที่แขวนอยู่บนผนัง
ภาพที่สะท้อนกลับมาทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
ใบหน้าของหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ ผมยาวสลวยสีดำขลับ ดวงตากลมโตที่ยังคงฉายแววดื้อรั้นและความฝัน แม้จะมีความสับสนฉายชัดอยู่ก็ตาม... นี่คือตัวเธอเอง... หลินซูเม่ยในวัย 20 ปี!
"เป็ไปไม่ได้..." เธอพึมพำเสียงสั่น คว้าโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดดูหน้าจอ
วันที่ 15 พฤษภาคม 2013
วินาทีนั้น โลกทั้งใบของเธอก็หยุดหมุน น้ำตาที่ไม่เคยไหลรินมานานนับสิบปี บัดนี้กลับทะลักออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างอย่างไม่อาจควบคุม
ราวกับ์ยังมีตา... หรือบางทีอาจเป็เพราะคำอธิษฐานสุดท้ายก่อนสิ้นใจของเธอได้ส่งไปถึง
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง โลกที่เห็นหาใช่ขุมนรกอันมืดมิด แต่คือภาพอดีตที่ยังไม่แปดเปื้อนด้วยการทรยศ
เธอได้ย้อนกลับมาแล้ว... กลับมาสู่จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมทั้งหมด
ที่นี่...คือหนึ่งปีก่อนที่จางเหว่ยจะ่ชิงจิติญญาและขโมยแผนธุรกิจของเธอไป
ที่นี่... คือหนึ่งปีก่อนที่หลินซูซานจะเริ่มถักทอแผนการร้ายเพื่อทำลายชีวิต
และครั้งนี้...เธอจะไม่ใช่แค่ผู้สร้างที่ถูกหักหลังแต่จะเป็ผู้กุมโชคชะตาของตนไว้ใน มือแต่เพียงผู้เดียว
เสียงหัวเราะดังออกมาจากลำคอของเธอ มันเริ่มจากเสียงคิกคักเบาๆ ก่อนจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งสะท้านไปทั้งห้อง เธอกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ดวงตาที่ชุ่มด้วยน้ำตาบัดนี้กลับลุกโชนไปด้วยเปลวไฟแห่งการล้างแค้นอันเย็นเยียบ
"จางเหว่ย... หลินซูซาน... พวกแกได้ยินไหม?" เธอกระซิบกับเงาของตัวเองในกระจก "เกมกระดานนี้... ฉันขอกลับมาเล่นใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้... กฎทุกข้อฉันจะเป็คนกำหนดเอง!"
ในเมื่อเธอรู้อนาคตทุกย่างก้าวแล้ว... ความรู้นั้นก็คืออาวุธที่ร้ายกาจที่สุดในโลก!
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ เงินทุน การแก้แค้นต้องใช้เงิน และเธอรู้ดีว่าขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 2013 กำลังรอให้คนไปขุดค้นอยู่
"บิตคอยน์!"
ในยุคนี้ สกุลเงินดิจิทัลยังเป็เื่ตลกสำหรับคนส่วนใหญ่ เป็เพียงของเล่นของเหล่าโปรแกรมเมอร์ แต่เธอรู้ดีว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ราคาของมันจะพุ่งทะยานไปจนถึงระดับที่คนธรรมดาไม่อาจจินตนาการได้
หลินซูเม่ยเช็ดน้ำตาทิ้งอย่างรวดเร็ว สีหน้ากลับมาเรียบเฉยและเ็า เธอเปิดคอมพิวเตอร์เก่าๆ ของเธอขึ้นมา ค้นหาข้อมูลบัญชีธนาคารของตัวเอง... เงินเก็บทั้งหมดจากการทำงานพิเศษและเงินปีใหม่ที่สะสมมา มีอยู่ราวๆ สองหมื่นหยวน มันอาจจะดูไม่มาก แต่สำหรับบิตคอยน์ในราคานี้... มันมากเกินพอที่จะเป็ทุนตั้งตัว
ขณะที่เธอกำลังจะโอนเงินทั้งหมดไปยังแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับน้ำเสียงที่เธอไม่มีวันลืม
"ซูเม่ย อยู่ในห้องรึเปล่า? พี่เองนะ"
จางเหว่ย!
หัวใจของหลินซูเม่ยกระตุกวูบ ความเกลียดชังพวยพุ่งขึ้นมาจนแทบสำลัก เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ สะกดกลั้นอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้ แล้วปรับสีหน้าให้เป็ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
"เข้ามาสิ ประตูไม่ได้ล็อก"
จางเหว่ยในวัยหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นจอมปลอมที่เธอเคยหลงใหล เขายังคงดูดีเหมือนในความทรงจำ แต่แววตาที่ฉายแววละโมบนั้น เธอในชาตินี้มองเห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
"กำลังทำอะไรอยู่เหรอ?" เขาชะโงกหน้ามาดูจอคอมพิวเตอร์
หลินซูเม่ยรีบสลับหน้าจอไปยังเว็บข่าวการเงินอย่างรวดเร็ว "ดูข่าวเศรษฐกิจนิดหน่อยน่ะ มีอะไรรึเปล่า?"
จางเหว่ยทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย "เอ่อ... คือ... พอดีพี่มีโปรเจกต์ที่อยากจะทำกับเพื่อนๆ น่ะ แต่ยังขาดเงินทุนอีกนิดหน่อย... ไม่มากหรอก แค่สองหมื่นหยวน พอจะให้พี่ยืมก่อนได้ไหม? รับรองว่าถ้าสำเร็จเมื่อไหร่ จะรีบคืนให้พร้อมดอกเบี้ยเลย"
มาแล้ว... หลินซูเม่ยแสยะยิ้มในใจ นี่คือจุดเริ่มต้นที่เขาเริ่มหยั่งเชิงขอยืมเงินเธอก่อนจะขโมยความคิดของเธอไปทั้งหมด ในภายหลัง ชาติก่อนเธอรีบโอนให้เขาอย่างไม่ลังเลด้วยความรักที่โง่งม
แต่ชาตินี้... ฝันไปเถอะ!
เธอหันเก้าอี้กลับมาเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง เอียงคอเล็กน้อย ดวงตาจ้องลึกเข้าไปในตาของเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่เย็นเยียบไปถึงไขกระดูก
"สองหมื่นหยวน... เงินก้อนนี้... มีค่าเกินกว่าอนาคตที่มองไม่เห็นของนายเยอะ"
รอยยิ้มของจางเหว่ยแข็งค้างไปทันที เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดไป "ซูเม่ย... พูดอะไรของเธอ? ล้อเล่นใช่ไหม ปกติเธอไม่เคยพูดแบบนี้นะ"
"ใบหน้าของฉันดูเหมือนคนมีอารมณ์ขันหรือเปล่าล่ะ?" หลินซูเม่ยเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง "เงินทุกหยวนที่ฉันหามาได้ ฉันจะใช้มันกับการลงทุนที่มีหลักประกันและเห็นผลตอบแทนชัดเจน โปรเจกต์ที่เลื่อนลอยและอยู่บนความฝันของนาย... ขอโทษนะ ฉันไม่สนใจจะเอาเงินไปทิ้ง"
จางเหว่ยหน้าเปลี่ยนสีจากขาวเป็ซีด จากซีดเป็เขียว เขาทั้งอับอายและโกรธ "ซูเม่ย! เธอพูดแรงเกินไปแล้วนะ! เราเป็อะไรกัน? เงินแค่นี้เทียบกับความสัมพันธ์ของเราไม่ได้เลยนะ!"
นี่คือไม้ตายที่เขาชอบใช้เสมอมา... การอ้างถึงความสัมพันธ์
หลินซูเม่ยหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ดวงตาของเธอฉายแววเหยียดหยันอย่างไม่ปิดบัง
"ใช่... เทียบไม่ได้เลย" เธอหยุดเว้นจังหวะ ให้คำพูดลอยเข้าไปทิ่มแทงหัวใจของเขาช้าๆ "เพราะเงินก้อนนี้มันมีค่า... ส่วนความสัมพันธ์ของเรา... มันไร้ค่าสิ้นดี"
"หลิน! ซู! เม่ย!" จางเหว่ยตวาดลั่น ความสุภาพอ่อนโยนที่เสแสร้งไว้หลุดลอกออกจนหมดสิ้น
"เธอพูดบ้าอะไรออกมา! คิดว่าตัวเองเป็ใคร!?"
"เงินทุกหยวนที่ฉันหามาได้ ฉันจะใช้มัน… เพื่ออนาคตของฉันเท่านั้น"
น้ำเสียงของเธอหนักแน่นและเย็นเฉียบราวกับมีดคมกริบที่กรีดผ่านอากาศ จางเหว่ยชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนฝืนหัวเราะกลบเกลื่อน "เธอพูดเหมือนไม่เชื่อใจกันเลยนะ"
"ถูกต้อง" เธอตอบทันทีโดยไม่ลังเล แววตาไม่มีความอ่อนโยนหลงเหลืออยู่แม้เพียงเศษเสี้ยว
"เพราะฉันเรียนรู้แล้วว่า ความไว้ใจ… เป็สิ่งฟุ่มเฟือยที่สุดสำหรับคนโง่"
ท่าทีที่เด็ดขาดและเ็าของเธอ ทำให้จางเหว่ยถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่เคยเห็นหลินซูเม่ยในมุมนี้มาก่อน นี่ไม่ใช่ลูกเป็ดขี้เหร่ที่เดินตามเขาต้อยๆ และพร้อมจะให้ทุกอย่างที่เขาร้องขออีกต่อไปแล้ว เขามองเธอด้วยสายตาสับสนระคนโกรธ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ จางลง เหลือเพียงเงาของความไม่พอใจที่วาบขึ้นในดวงตา เขาจ้องเธอครู่หนึ่งราวกับ้าอ่านความคิด แต่หลินซูเม่ยกลับเพียงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ หยิบเมาส์ขึ้นมา และหันสายตากลับไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนไม่มีเขาอยู่ในห้อง
ความเงียบแผ่ปกคลุม จางเหว่ยเม้มปากแน่น ก่อนเอ่ยสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบไม่แพ้กัน "งั้นพี่ไม่รบกวนแล้ว" จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปและกระแทกประตูปิดเสียงดังสนั่น
ปัง!
เมื่อประตูปิดลงหลินซูเม่ยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยรอยยิ้มนี้เต็มไปด้วยความมั่นใจ และความลับที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ หลินซูเม่ยปล่อยลมหายใจที่กลั้นไว้ออกมา มือที่วางบนตักสั่นระริกเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะความสะใจที่ได้ปลดปล่อยความอัดอั้นออกมาเป็ครั้งแรก
เธอไม่เสียเวลาอีกต่อไป หันกลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว นิ้วมือที่เคยสั่นเทา บัดนี้กลับมั่นคงและรวดเร็ว เธอทำตามขั้นตอนที่จำได้จากอนาคต โอนเงินสองหมื่นหยวนทั้งหมดเข้าสู่แพลตฟอร์มซื้อขายบิตคอยน์
[การทำธุรกรรมสำเร็จ]
ข้อความยืนยันปรากฏขึ้นบนหน้าจอ มันไม่ใช่แค่การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล แต่มันคือการซื้ออนาคตบทใหม่ของเธอ!
หลินซูเม่ยเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แล้วมองเงาของตัวเองในจอดำมืดอีกครั้ง แววตาที่เคยสับสนและเ็ป บัดนี้เหลือเพียงความมุ่งมั่นอันแหลมคมดุจใบมีด
หลินซูเม่ยคนเก่าได้ตายไปแล้วพร้อมกับลมหายใจสุดท้ายที่ริมฝั่งหวงผู่... ผู้ที่นั่งอยู่ตรงนี้ คือฟีนิกซ์ที่เพิ่งจะกางปีกออกจากกองเถ้าถ่าน...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้