“แม่ก็คิดอะไรตื้น ๆ ” กู้หลานอันส่ายหัว “ถ้าเกิดสามารถพันธนาการเขาไว้ได้ตอนนี้ผมคงไม่มีเวลามานั่งคุยกับแม่อยู่ตรงนี้หรอก เจาเยี่ยไม่ชอบคนหน้าด้านไร้ยางอายผมต้องพยายามลดการมีตัวตนของผมต่อหน้าเขา”
“เป็ไปไม่ได้ ในนิยายบอกไว้ว่าฝ่ายรุกจอมเผด็จการที่สง่างามแต่แสนเ็าล้วนแล้วแต่เหมาะสมกับฝ่ายรับจอมทุ่มทุนไร้ยางอายสุด ๆ เลยไม่ใช่เหรอ? ไหงพอถึงคราวเจาเยี่ยกลับงัดแผนการไม่ออกล่ะ? ” อันนามือยันใต้คางท่าทางครุ่นคิด
“ใครไร้ยางอาย ผมออกจะสำรวมขนาดนั้น” กู้หลานอันโต้แย้งพูดอย่างผิดหวังว่า “อีกอย่างไม่มีหรอกคำว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม สำคัญที่ชอบหรือไม่ชอบมากกว่า” ชาติที่แล้วฉันไม่ได้หน้าด้าน เจาเยี่ยก็ชอบฉันไม่ใช่เหรอ? ชาตินี้ฉันหน้าด้านไร้ยางอาย เขาก็ไม่ชอบฉันไม่ใช่เหรอ?
“ไม่ ๆๆ ความเหมาะสมหรือความชอบมันไปด้วยกันได้ ลูกดูสิสองคนสูงส่งและมีเสน่ห์อยู่ด้วยกัน ยังไม่พูดจาไม่จากันแต่มานั่งด้วยกันแข็งเหมือนซากศพยังไงยังงั้นมันจะคบกันรอดได้อย่างไรจะสามารถทำให้ความรักมันร้อนแรงปะทุเปรี้ยง ๆๆ ขึ้นมาได้อย่างไร? ” อันนาวิเคราะห์ให้ฟัง
“ก็ถูก” กู้หลานอันพยักหน้าเห็นด้วย พลางถามว่า “ตามที่แม่บอก ในเมื่อพวกเราเหมาะสมกัน ถ้าอย่างนั้นทำไมเจาเยี่ยถึงไม่ชอบผม? ”
“นั่นน่าจะเป็เพราะว่าวิธีการของลูกไม่ถูกต้อง” จู่ ๆ อันนาก็เปลี่ยนเป็โหมดที่ปรึกษาทางด้านการทหารที่ดูจริงจังขึ้นมาทันใด “ลูกแม่ แม่จะบอกอะไรให้ หน้าด้านไร้ยางอายก็ต้องมีวิธีการเพียงแต่มันไม่ได้ผลง่ายขนาดนั้น? ”
“วิธีการ? วิธีการอะไร? ” กู้หลานอันนั่งตัวตรงแล้วถาม
“ก็คือการหน้าด้านแบบคลุมเครือ ยกตัวอย่างเช่นลูกกับเขากำลังเดินอยู่ด้วยกัน ลูกจะรุกไปจับมือเขาก่อนเลยไม่ได้ลูกจะต้องเหยียบเปลือกแตงโมสักชิ้น ทำเหมือนลื่นล้ม ให้เขาจับลูกไว้หลังจากนั้นก็อย่าปล่อย...”
“แม่ ชีวิตจริงไม่ใช่ในนิยาย จะไปมีเปลือกแตงโมจากไหนมาให้เหยียบเยอะแยะขนาดนั้นวิธีการที่แม่พูดมาทั้งหมดเนี่ยใช้ไม่ได้ั้แ่แรกแล้วมีแค่คนปัญญาอ่อนที่จะทำแบบนั้นได้” กู้หลานอันรู้สึกท้อแท้ขึ้นมาทันใด
“ลูกโง่รึเปล่า ไม่มีเปลือกแตงโมแต่ก้อนหินใบไม้ต่าง ๆ ก็มีอยู่มั้งแล้วเลือกเหยียบอะไรสักอย่างสิ ตราบใดที่ทำให้ลูกลื่นล้มลงไปได้” อันนาพูดกับกู้หลานอันอย่างเข้มงวด แล้วพูดต่อว่า “ยกตัวอย่างเช่น ตอนเช้าจะออกจากบ้าน ลูกอยากนั่งรถของเขาแต่พูดตรง ๆไม่ได้ ลูกก็ต้องบอกว่าคนขับรถที่บ้านเกิดเหตุขึ้นมาพอดีแล้วลูกก็แกล้งท่าทางเหมือนจำใจต้องมาพึ่ง...”
ถูกแม่ล้างสมองอยู่ทั้งคืน หลังจากนั้น พ่อของเขาก็มาเยี่ยมก่อนที่แม่จะไปก็พูดกับเขาแปลก ๆ ว่าให้เขาระวังคำพูดของหลินเซวียนไว้หน่อยวันที่สองลุกจากเตียง กู้หลานอันรู้สึกหงอยเหงาเศร้าซึมหน่อย ๆ จนกระทั่งหวังเว่ยมาส่งเสื้อผ้าและพาช่างแต่งหน้ามาแต่งหน้าให้เขาเขาก็ยังท่าทางสะลึมสะลือลืมตาไม่ขึ้นอยู่เลย
“หลานอัน คุณอยากจะพักผ่อนต่ออีกสักครู่ไหมผมจะได้เรียกหลิวฉู่มารับช้าหน่อย” เห็นอาการกู้หลานอันไม่สู้ดีหวังเว่ยจึงถามขึ้นมา
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันงีบในรถต่อแป๊บหนึ่งก็ได้” กู้หลานอันพูดจบ ก็จะผล็อยหลับต่อ แต่ทันใดนั้นเขาก็ลุกพรวดขึ้นมา “คุณพูดว่าอะไรนะ? นายจะให้หลิวฉู่ขับรถมารับเหรอ? ”
“ใช่ ทำไมเหรอ? ” หวังเว่ยที่ใผงะไปชั่วครู่ถามขึ้น
“ไม่มีอะไร” กู้หลานอันส่ายหัว ดึงเสื้อผ้าอย่างมีชีวิตชีวาสุดๆ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องเรียกหลิวฉู่มารับแล้ววันนี้จะมีคนไปส่งฉันแล้ว ไปกันเถอะ” พูดจบก็โบกมือให้หวังเว่ยแล้วเดินไปทางประตู ใบหน้ายิ้มร่าตลอดทาง
หวังเว่ยยืนตะลึงอ้าปากค้างจ้องมองกู้หลานอันที่จู่ ๆก็ฮึกเหิมขึ้นมาเป็พิเศษ มีคำว่าเพราะอะไรเป็แสนครั้งวิ่งผ่านใจเขาไป
ทันทีที่เขาออกจากบ้านกู้หลานอันก็เห็นเจาเยี่ยและผู้ชายอีกสองคนที่เดินตามหลังเขากำลังออกจากบ้านใบหน้าถูกแต่งเบา ๆ อย่างประณีตละเอียดอ่อนงดงามเหมือนดั่งภาพทิวทัศน์ที่วาดสะบัดด้วยมือ กู้หลานอันมองเขา ในใจก็พร่ำพูดว่า “ผู้ชายคนนั้นช่างงดงามอย่างไม่มีขีดจำกัดงามจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็คำพูดได้”
“เจาเยี่ย กำลังจะไปร่วมงานพิธีเปิดกล้องเหรอ? ” ถอนสายตาจากใบหน้าของเจาเยี่ยแล้ว กู้หลานอันก็ถามเขาด้วยใบหน้าแดงซ่าน(หวังเว่ยที่อยู่เื้ั : หลานอัน นายเป็ผู้หญิงเหรอ? ทำไมหน้าแดงขึ้นมาแบบนี้? ช่วยสำรวมหน่อยได้ไหม?!!!)
“อื้อ” เจาเยี่ยตอบรับ เมื่อเห็นเขาเป็แบบนั้นเจาเยี่ยก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที ปกติเขามักจะไม่แต่งหน้าไปร่วมงานพิธีเปิดกล้องวันนี้แค่นึกขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน คาดไม่ถึงว่าผลลัพธ์มันจะออกมาดีมาก
“งั้นให้ฉันติดรถไปกับนายด้วยได้ไหม? รถของหลิวฉู่เสียอยู่กลางทางเขากำลังเอาไปซ่อม” กู้หลานอันพูดด้วยน้ำตาคลอหน่วยอยู่หนึ่งวินาที
“อะไรนะ...” หวังเว่ยกำลังจะถามว่ารถเสียั้แ่เมื่อไรแต่กู้หลานอันก็ส่งสายตาที่สามารถทำให้เขาหุบปากลงทันทีมาให้
“โดยทั่วไปดาราจะใช้รถสองคันกันไม่ใช่เหรอ? ” หวังเว่ยที่หุบปากลงแล้วได้ถามกับหลี่เสียวเหม่ยที่ยืนอยู่ข้างหลังเจาเยี่ยกู้หลานอันหรี่ตาและเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็อธิบายว่า “นั่นสำหรับดาราชื่อดังฉันที่เป็คนใหม่ยังไม่ได้รับการดูแลปฏิบัติด้วยความเมตตากรุณาขนาดนั้น”
“ไม่ถูกสิ ไม่พูดถึงว่าตอนนี้นายกำลังได้รับความนิยมสุด ๆแต่พูดถึงฐานะของนาย นั่นมันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขายึดคุณเป็เสาหลักเพื่อยกยอปอปั้นคุณได้แล้วนะ” เหวินเซินเท่อพูดด้วยความแปลกใจ
“นั่น...” กู้หลานอันแย้งไม่ออกก็เลยไม่พูดกับเขาต่อดื้อ ๆ มองเจาเยี่ยด้วยสายตากระวนกระวายใจแล้วพูดว่า “อย่างไรก็ตาม วันนี้ไม่มีคนมารับฉันแน่ ๆ เจาเยี่ยนายก็ให้ฉันไปด้วยคนนะ”
“ไปกันเถอะ” เจาเยี่ยมองเขาเบา ๆแวบหนึ่งแล้วก้าวเดินไป
“เจาเยี่ยนายใจดีที่สุดเลย” กู้หลานอันรีบตามเขาไปแล้วไปเดินเคียงข้างเขา มองเขาตาไม่กะพริบ
“มองทางสิ” เจาเยี่ยชายตามองเขาแต่ดวงตาไม่ขยับมองไปยังเบื้องหน้า
“เกรงใจจัง รบกวนแย่เลยครับ” หวังเว่ยพูดออกมาด้วยความเกรงใจแล้วรีบตามไป เหวินเซินเท่อและหลี่เสียวเหม่ยก็เดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง
พอถึงตึกข้างล่างรถก็มาถึงพอดี หลังจากขึ้นรถ เสี่ยวชุยคนขับรถของเจาเยี่ยก็ยื่นอาหารที่แวะซื้อระหว่างทางให้เจาเยี่ยหลี่เสียวเหม่ยและเหวินเซินเท่อ แล้วก็พูดและยิ้มแหย ๆ ให้กู้หลานอันเขาว่า “ต้องขอโทษด้วยครับ ไม่รู้ว่าจะมีคนมาเพิ่ม จึงไม่ได้ซื้อมาเยอะ”
“ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร” กู้หลานอันโบกมือคนขับรถผงกหัวเล็กน้อยแล้วหันกลับไปขับรถ
“ผมยังไม่หิว คุณกินของผมก็ได้” หลี่เสียวเหม่ยที่มองอยู่พูดขึ้นยื่นของตัวเองให้กู้หลานอัน
“ไม่ต้อง ฉันก็ยังไม่หิว นายกินเถอะ” กู้หลานอันปฏิเสธหลีเสี่ยวเหม่ยก็ถามหวังเว่ยต่อ
“ขอบคุณ แต่ไม่เป็ไร ถ้าให้ฉันแล้วนายก็ไม่ได้กิน ถ้านายอยากให้ฉันจริง ๆเอาเครื่องดื่มของนายให้ฉันก็พอ” หวังเว่ยตอบ
“ได้” หลี่เสียวเหม่ยหยิบเครื่องดื่มยื่นให้เขาแต่มีมือข้างหนึ่งยื่นแทรกเข้ามา
“ยังไงฉันก็ไม่ชอบดื่มน้ำอัดลมอยู่แล้ว ฉันให้เขาละกัน” เหวินเซินเท่อพูดกับหลี่เสียวเหม่ย พูดจบก็ไม่ได้มองหลี่เสียวเหม่ยก้มหน้าก้มตาเริ่มกินอาหารเช้าของตัวเอง
นอกจากเจาเยี่ยทุกคนที่เหลือต่างก็กำลังกินข้าวเช้ากันอยู่กู้หลานอันมองเจาเยี่ยแล้วลูบ ๆ ท้อง “เจาเยี่ยฉันหิวแล้ว”
“เมื่อกี้บอกว่าไม่หิวไม่ใช่เหรอ?” เจาเยี่ยมองเขาแวบหนึ่งแล้วถาม
“เมื่อกี้คือเมื่อกี้ ตอนนี้เห็นพวกเขากิน จู่ ๆ ฉันก็หิวขึ้นมาทันทีเลย” กู้หลานอันกล่าว เจาเยี่ยไม่ได้พูดอะไร แต่เอาข้าวเช้าของตัวเองยื่นให้เขากู้หลานอันรับมา เปิดดูเห็นนมรสหวานอยู่ในนั้นเขาอึ้งอยู่สักพัก หยิบออกมาแล้วยิ้มพลางยื่นถุงนั้นคืนให้เจาเยี่ยและพูดว่า “ฉันเอาแค่อันนี้ก็พอ” พูดจบก็เปิดดื่มไปอึกหนึ่งแล้วพูดอย่างพอใจว่า “เยี่ยมมาก เป็รสชาติที่ฉันชอบเลย” พูดจบมองหน้าเจาเยี่ย “เจาเยี่ย ทำไมนายดื่มนมสดเป็แล้ว ฉันจำได้ว่านายไม่ชอบดื่มนมสดเลยนี่”
“นายรู้ได้อย่างไรว่าฉันไม่ชอบดื่มนมสด? ” เจาเยี่ยมองไปที่กู้หลานอันทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้