สองสามวันนี้ยอดขายของหลานเฟิ่งหวงไม่ดีไม่เลวนัก
ฤดูกาลผันเปลี่ยน ถึงเวลาที่ร้านควรจำหน่ายเครื่องแต่งกายฤดูร้อน ทว่าต้องรอเซี่ยเสี่ยวหลานสอบเสร็จก่อนจึงจะสามารถไปรับสินค้าที่หยางเฉิงได้ เซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าปีนี้สีแดงจะเป็ที่นิยม ผลคือสองวันนี้มีลูกค้าหญิงมาสอบถามว่ามีกระโปรงสีแดงหรือเปล่าแล้ว
การคาดการณ์ของเฉินซีเหลียงนั้นถูกต้อง ด้วยการแนะนำสนับสนุนของ 《สมัยนิยม》 รวมถึงนิตยสารสำนักอื่น ฤดูร้อนปีนี้สุภาพสตรีทั่วประเทศจะหลงใหลในเสน่ห์ของ ‘กระโปรงแดง’
โรงงานเสื้อผ้าเฉินอวี่ผลิตกระโปรงสีแดงรูปแบบแตกต่างกันตามคำแนะนำของเฉินซีเหลียง รอแค่ส่งเข้าสู่ตลาดเท่านั้น ฤดูใบไม้ผลิกับใบไม้ร่วงนั้นสั้นมาก ไม่ทันไรก็ผ่านไปเสียแล้ว อันที่จริงธุรกิจเครื่องแต่งกายมี่สุดยอดเพียงสองฤดูกาล นั่นก็คือฤดูหนาวและฤดูร้อน และหนึ่งในนั้นก็ยึดฤดูร้อนเป็่เวลาที่เฟื่องฟูที่สุด ใครใช้ให้แบบเสื้อผ้าฤดูร้อนมีความหลากหลายแถมราคาย่อมเยากว่าเสื้อผ้าฤดูหนาวเล่า!
เฉินซีเหลียงใจดีทีเดียว เก็บสินค้าล็อตแรกไว้ให้เซี่ยเสี่ยวหลานเป็จำนวนมาก
หลานเฟิ่งหวงเหลือเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิไม่เยอะเท่าไรแล้ว ตอนนี้ติดโปสเตอร์กระตุ้นยอดขายโดยลดราคาทั้งร้านแล้วด้วย ส่วนลดไม่ใช่น้อยๆ เสื้อผ้าบางแบบลดถึง 6 เจ๋อ [1] ส่วนใหญ่จะเป็ 7 เจ๋อ เสื้อไหมพรมราคา 40 หยวนหนึ่งตัว ถ้าโชคดีหน่อย ตอนนี้จำหน่ายเพียง 24 หยวน ลดลงตั้งสิบกว่าหยวน!
ส่วนเสื้อผ้าที่ค่อนข้างแพง หลังลดราคาก็สามารถประหยัดเงินได้ยิ่งกว่า
แม้ซื้อเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิเอาตอนนี้จะใส่ได้ไม่กี่วัน แต่ช่วยไม่ได้ที่เสื้อผ้าของหลานเฟิ่งหวงมีชื่อเสียงเลื่องลือในซางตู คนมีเงินย่อมสวมใส่เสื้อผ้าแบบใหม่ล่าสุดได้ั้แ่วางขาย่แรก ส่วนผู้ที่กระเป๋าไม่หนักขนาดนั้น ก็อาศัย่ลดราคาซื้อได้เช่นกัน
การลดราคาสามารถระบายสินค้าในคลังออก เป็ความรู้ทั่วไปด้านการค้าที่พบได้บ่อยมาก สำหรับการจำหน่ายเสื้อผ้าปลีกนั้น คุณขายเสื้อผ้าได้จำนวนมากไม่ได้แปลว่าสุดยอดอะไรเลย เหลือสินค้าค้างคลังน้อยต่างหากถึงจะเรียกว่ากำไรสูง ปัจจุบันการแข่งขันยังไม่ดุเดือดมากนัก มิเช่นนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานคงจะจัดกิจกรรมประเภท ‘ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง’ ไปแล้ว ที่เธอมีหลักการคุณธรรมแบบนี้ ไม่ใช่เพราะเห็นใจกระเป๋าเงินของลูกค้า แต่เป็เพราะว่าสินค้าในคลังของหลานเฟิ่งหวงเองเหลือไม่เยอะแล้ว
งานในร้านไม่ยุ่ง หม่าเวยจึงพักผ่อนได้หนึ่งวัน
เธอมาทำงานในหลานเฟิ่งหวงครบหนึ่งเดือนพอดี หลี่เฟิ่งเหมยคำนวณเงินเดือนให้ด้วยความเบิกบานเป็พิเศษ
ยื่นซองจดหมายที่บรรจุเงินเดือนให้หม่าเวย หลี่เฟิ่งเหมยกล่าวสิ่งที่หม่าเวยอยากได้ยินที่สุดออกมา
“เธอผ่าน่ทดลองงานหนึ่งเดือนแล้ว ตอนนี้เธอคือพนักงานอย่างเป็ทางการของร้านเรา เดือนหน้าจะได้เงินพิเศษด้วยนะ”
หม่าเวยดีใจที่ได้เงินเดือน เมื่อได้ยินว่าตนถูกรับเข้าทำงานต่อยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่!
“เถ้าแก่ ฉันจะตั้งใจทำงานแน่นอนค่ะ!”
หลานเฟิ่งหวงค้าขายดี ่นี้ไม่มีความเสี่ยงจะปิดกิจการด้วย พอหม่าเวยผ่าน่ทดลองงาน ชีวิตก็มั่นคงมากขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ? งานมันหายาก หลานเฟิ่งหวงจ่ายเงินเดือนไม่น้อย ดีกว่าหม่าเวยว่างงานอยู่บ้านโข หญิงสาวเต็มตัวอายุเกือบยี่สิบ ไม่ได้เรียนหนังสือด้วย จะอยู่บ้านว่างงานเฉยๆ ทุกวันได้อย่างไร ครอบครัวหม่าเวยไม่ได้มีเธอเป็ลูกคนเดียว เธอยังต้องเก็บเงินเป็สินเดิมสำหรับแต่งงานให้ตนเองอีก
วันนี้ทั้งจ่ายเงินเดือนและหยุดงาน หม่าเวยแกะซองจดหมายเมื่อกลับมาถึงบ้าน
นับเงินดูแล้ว กลับมีต้าถวนเจี๋ยเกินมาหนึ่งใบ แม้จะบอกว่าเป็่ทดลองงาน สุดท้ายหลี่เฟิ่งเหมยก็ให้เงินพิเศษเพิ่มอีก 10 หยวนอยู่ดี
หญิงสาวไม่ได้คารมคมคาย ทว่าทำงานกระฉับกระเฉงทีเดียว ไม่ถามสิ่งที่ไม่ควรถาม หลี่เฟิ่งเหมยกับหลิวเฟินต่างพึงพอใจในตัวเธอ
ได้เงินเพิ่มมา 10 หยวน หม่าเวยก็เก็บเงินพิเศษนี้ไว้กับตัวทันที และมอบเงินเดือน 40 หยวนให้ครอบครัว นี่ไม่ได้เป็การให้คุณค่าแก่ชายมากกว่าหญิง ไม่ใช่แค่ลูกสาวที่ยังไม่ออกเรือนต้องส่งมอบเงินเดือน ลูกชายที่ยังไม่แต่งงานต้องส่งมอบเงินเดือนไม่ต่างกัน ทั้งครอบครัวต้องร่วมแรงร่วมใจรวบรวมเงินไว้ ถึงจะสามารถเก็บเงินมาจัดงานพิธีการต่างๆ นานาได้ ไม่ว่าจะเป็การสู่ขอสะใภ้ การส่งบุตรสาวออกเรือน งานศพของญาติผู้ใหญ่ในบ้าน งานไหนไม่ต้องจ่ายเงินกัน?
เดือนแรกหม่าเวยก็ส่งมอบเงินมากถึง 40 หยวนแล้ว ทำให้แม่ของเธอดีอกดีใจมาก
ตกเย็นหม่าเวยได้รับประทานซาลาเปาไส้หมูผักกาดขาว มารดาหม่าเวยปลื้มปีติยิ่งนัก
“กลัวว่าร้านค้าเอกชนจะให้ลูกทำงานเปล่าเสียอีก ตอนแรกสัญญาไว้ดิบดี ถึงเวลาจ่ายเงินเดือนก็หาข้ออ้างหักเงิน โชคดีที่จ่ายเงินเดือนลูกจริงแบบไม่หักสักเฟินเดียว!”
เหล่าธุรกิจอิสระขนาดย่อมเพิ่งปรากฏตัวออกมาไม่ถึงสองปีดี เมื่อเทียบกับงานในหน่วยงานแล้วนั้น ไม่ว่าทำงานในหน่วยงานอะไร ผลกำไรดีหรือไม่ ผู้จ่ายเงินเดือนคือรัฐ จะผิดสัญญาได้หรือ?
แต่การทำงานให้ธุรกิจอิสระ อย่าว่าแต่มารดาของหม่าเวยที่กังวล ผู้คนมากมายล้วนมีความหวั่นวิตกกันทั้งนั้น
เงินถืงมือแล้ว ความหวั่นวิตกนั้นถึงจะหายไป
หม่าเวยอดแก้ต่างไม่ได้ “จะหักเงินเดือนได้อย่างไร แม่ไม่รู้หรอกว่าเถ้าแก่เป็คนดีขนาดไหน ตกลงกันว่าจะให้เงินเดือนพื้นฐาน 40 หยวนสำหรับทดลองงานหนึ่งเดือน แต่ให้เงินพิเศษฉันเพิ่มตั้ง 10 หยวนด้วย! แม่ เงินพิเศษ 10 หยวนนั่นฉันเก็บไว้แล้วนะ”
เด็กคนนี้นี่ ส่งเงินเดือนยังหมกเม็ด!
มารดาเธอนึกไม่ถึงว่าจะจ่ายมากกว่าที่ตกลงกันไว้ เถ้าแก่ของหลานเฟิ่งหวงไม่ใช่นายทุนใจดำสินะ?
“ลูกเก็บเงินมากขนาดนั้นไว้ทำอะไรกัน ที่ร้านเลี้ยงอาหารสองมื้อ ข้าวเช้าลูกก็กินที่บ้าน!”
หากเป็เช่นนี้ สวัสดิการของหลานเฟิ่งหวงดีมากจริงๆ มื้อเช้าแค่จัดการตามสบาย ทางร้านดูแลมื้อเที่ยงกับมื้อเย็นให้ทั้งหมด และอาหารการกินของหม่าเวยก็ไม่แย่เสียด้วย รับประทานในร้านอาหารเกือบทุกครั้ง อันที่จริงหม่าเวยอยากตั้งเตาหลังร้านเพื่อทำอาหารเอง ทว่าถูกเซี่ยเสี่ยวหลานสั่งห้ามเด็ดขาด ไม่มีประโยชน์ที่จะประหยัดเงินเล็กน้อยพวกนั้น ร้านเสื้อผ้าออกจะหรูหราชั้นสูง ปรากฏว่าพนักงานมีกลิ่นเขม่าควันเต็มตัวได้หรือ?
บิดาหม่าเวยเคาะโต๊ะ “ให้ลูกเก็บเถอะ คนมันทำงานทำการแล้ว จะเป็ไปได้อย่างไรที่จะไม่พกเงินแม้แต่เฟินเดียวติดตัว เวยเวย พ่อว่าเถ้าแก่ร้านลูกเขาดีทีเดียวเชียว ลูกอย่าี้เีทำงานล่ะ”
บิดาของหม่าเวยเป็หัวหน้าครอบครัว เมื่อเขาเอ่ยปากแล้ว ในที่สุดเงินพิเศษของหม่าเวยก็สามารถเก็บไว้กับตัวเธอเองได้
“เถ้าแก่ใหญ่ใจดี ส่วนเถ้าแก่น้อยไม่ค่อยอยู่ร้าน แต่เธอเก่งสุดยอด ปีนี้จะสอบเกาเข่า ได้ยินว่าผลการเรียนดีมาก...”
หม่าเวยไม่ได้รู้สึกอิจฉา เธอเพียงรำพึงออกมาจากใจจริง
งานของหลานเฟิ่งหวงล้ำค่ามากแล้วสำหรับเธอ และไม่มีใครปฏิบัติย่ำแย่ต่อเธอด้วย เธอขออวยพรให้เถ้าแก่ทั้งสองประสบความสำเร็จ ดำเนินกิจการ ‘หลานเฟิ่งหวง’ ยาวนานสืบไป!
----------------------------------------
ณ เขตเหอตง
ฝานเจิ้นชวนถูกจับกุมไปสิบกว่าวันแล้ว สถานการณ์ระส่ำระส่ายของเหอตงค่อยๆ หยุดนิ่ง อย่างไรเสียก็จับคนที่ควรจับเกือบหมดแล้ว
ตำแหน่งว่างเท่าไรนั้นถือเป็การเปิดโอกาสให้แก่ข้าราชการผู้ทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริตมาั้แ่แรก
กลับกลายเป็ว่าหัวหน้างานของเหลียงปิ่งอันก็พัวพันเช่นกัน เว้นเพียงแค่เหลียงปิ่งอัน คนอื่นต่างถูกจับกุมตามสมควร เขาอกสั่นขวัญแขวนอยู่สิบกว่าวัน น้ำหนักลดลงหลายชั่ง กลับยังยืนหยัดในตำแหน่งงานได้มั่นคง เหลียงปิ่งอันถึงกับงุนงงอยู่พักใหญ่ นี่ถือว่าเขาผ่านพ้นระยะอันตรายอย่างปลอดภัยไร้กังวลแล้วสินะ?
และอีกอย่างหนึ่ง ตำแหน่งหัวหน้าว่างแล้ว เขาที่เป็รองหัวหน้าผู้นี้จะมีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งแทนใช่หรือไม่?
คนเราล้วนละโมบไม่รู้จักพอเพียง เริ่มแรกขอแค่ให้ตนเองไม่ถูกเฉดออกจากตำแหน่ง ตอนนี้เห็นว่าไม่เกิดเื่ร้ายแรง ก็คิดอีกว่าจะฉวยโอกาสจากความโกลาหลเพื่อก้าวหน้า!
รองหัวหน้าเหลียงมั่นคงดุจไท่ซานท่ามกลางความวุ่นวาย คนในหน่วยงานคิดว่าเตรียมพะเน้าพะนอได้ มีข่าวลือว่าเหลียงปิ่งอันจะ ‘ดำรงตำแหน่ง’ เผยแพร่ไปทั่วอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ... เหลียงปิ่งอันคาดเดาไม่ได้ว่าเป็เพราะอะไร ทว่าพอผู้คนพูดกันมากเข้า เขาก็เปลี่ยนมาอิ่มเอมความสุขแทนที่ความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงในตอนแรก
ยิ่งเป็เวลาสำคัญเช่นนี้ ยิ่งต้องระวังกิริยาวาจา เหลียนปิ่งอันถึงขนาดไม่ใช้รถยนต์ของหน่วยงานแล้ว ปั่นจักรยานซอมซ่อทุกวันเพื่อแสดงความซื่อตรงแทน
หลิวฟางหน้าชื่นตาบาน
เคราะห์ร้ายของครอบครัวถูกเก็บกวาดจนสะอาดเอี่ยมแล้ว ครั้งนี้เขตเหอตงมีตำแหน่งว่างลงมากมาย ไม่คิดไม่ฝันว่ากลับเป็โอกาสของเหลียงปิ่งอัน
หากเหลียงปิ่งอันเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำไมเธอต้องกังวลว่าสถานะของตนเองจะถูกคนอื่นในครอบครัวฝ่ายมารดาล้ำหน้าเล่า?!
เชิงอรรถ
[1]折 เจ๋อ คือ หน่วยแสดงจำนวนการลดราคา มาจาก 打折 ซึ่งแปลว่า ลดราคา โดยแบ่งราคาของสินค้าออกเป็สิบส่วน และคำนวณราคาของสินค้าจากอันตราส่วนที่กำหนด มีั้แ่ 1 เจ๋อไปจนถึง 9 เจ๋อ ยิ่งเลขด้านหน้าน้อย แปลว่าลดราคามาก เช่น ลดราคา 4 เจ๋อ หมายถึง คิดราคาเพียง 4 ส่วนจากสิบส่วนของราคาสินค้า หักอีกหกส่วนออก หรือแปลว่าลดราคา 60% นั่นเอง