เขาเงยหน้าขึ้นและกวาดตามองเสิ่นม่าน จากนั้นล้วงถุงใบหนึ่งออกมาโยนให้เสิ่นม่าน “ข้าเพิ่งไปซื้อยาแก้ฟกช้ำจากหมอในหมู่บ้าน เอาไปใช้สิ”
เสิ่นม่านรับถุงนั้นไว้อย่างงุนงง
เอิ่ม... สรุปว่าที่เขาออกไปไม่ใช่เพราะโกรธ แต่ไปซื้อยาให้นางอย่างนั้นหรือ? มารดาเถิด นี่สินะคำกล่าวโบราณที่ว่า ทุบด้วยไม้หน้าสาม ฉับพลันก็มอบพุทราจีนหวานให้
นางหันขวับและพุ่งไปหาหนิงโม่ที่กำลังเข้าห้อง
“ข้าดูเหมือนคนที่จะคืนดีง่ายดายเพียงเพราะยาแก้ฟกช้ำหรือ? หนิงโม่! อาหารค่ำของเ้าถูกงด! ข้าจะหักค่าใช้จ่ายประจำวันของเ้า!!”
เสียดายที่หนิงโม่ปิดประตูลงกลอนไปเรียบร้อย ไม่รู้ว่าเขาได้ยินหรือไม่
เสิ่นม่านยังอารมณ์คุกรุ่นเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นป้าจางในหมู่บ้านก็มาเคาะประตูบ้าน
“เสิ่นม่านเหนียง เ้ารีบไปที่ต้นหมู่บ้านเร็วเข้า คังต้าจ้วงทำร้ายหลานชายเ้าเข้าให้แล้ว!”
เสิ่นม่านไม่พูดพร่ำทำเพลง นางเร่งรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมกับป้าจาง
ใจกลางทุ่งหญ้ารกร้าง คังต้าจ้วงกำลังทั้งต่อยทั้งเตะใส่ตัวเด็กน้อย บริเวณรอบๆ มีผักป่าสีเขียวกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ส่วนเสี่ยวหลานกำลังนั่งปาดน้ำตาและมีเืไหลซึมทั่วหน้าผาก
ผู้ชมโดยรอบคือชาวบ้าน บางคนนั่งสูบยาสูบอยู่บนก้อนหิน บางคนก็บ่นว่าคังต้าจ้วงทำไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหลือเสี่ยวตง พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าคังต้าจ้วงผู้นี้ไม่ใช่คนที่น่ายุ่งด้วย
แม้ว่าครอบครัวคังจะเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ แต่ได้ยินว่าก่อนหน้าที่เ้าหนุ่มคนนี้จะอพยพมา มือของเขาเคยเปื้อนเืคนมาไม่น้อย ดังนั้นคนในหมู่บ้านจึงเกรงกลัวคนครอบครัวนี้อย่างยิ่ง
เสิ่นม่านโกรธจัดจนทนไม่ไหว นางผลักกลุ่มคนออก แล้วคว้าเสียมขุดผักป่าขึ้นมาฟาดไปที่หลังของเขาทันใด
พลั่ก!
เสียงฟาดนั้นทำให้คังต้าจ้วงส่งเสียงร้องด้วยความเ็ป เขาหันหลังมาพร้อมกับด่าทอ เห็นเพียงเสิ่นม่านที่จ้องเขาอย่างเยือกเย็นพร้อมด้วยเสียมในมือ
“คังต้าจ้วง อายุปูนนี้ยังกล้ารังแกเด็ก? หน้าไม่อาย!”
“ข้าหน้าไม่อาย?”
หากเปลี่ยนเป็ผู้อื่น เขาคงตรงรี่เข้าไปชกหน้าคนผู้นั้นแล้ว แต่คนผู้นี้คือเสิ่นม่านเหนียง สตรีที่จับเขาทุ่มกับพื้นหลายวันก่อน อาจเพราะมีเงามืดประทับในใจ เขาจึงงแค่ชี้หน้าเสิ่นม่านและใช้วาจาว่าร้ายแทน
“เ้าแสร้งเป็คนดีไปไย? สมัยก่อนเ้ากับโจวชุ่ยหลานขึ้นชื่อเื่ความเหี้ยมในหมู่บ้านเรา ตอนนี้กลับคิดอยากออกหน้าเพื่อหลานชายเช่นนั้นหรือ?”
เสิ่นม่านเพิ่งพาหลานทั้งสองกลับมา คนในหมู่บ้านไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองถูกขายไปอยู่ในหอคณิกา
จังหวะที่คังต้าจ้วงกำลังก่นด่า เสิ่นม่านก็เข้าไปอุ้มเสี่ยวหลานที่นั่งอยู่บนพื้น มือข้างหนึ่งอุ้มเด็กหนักหลายสิบชั่ง ส่วนมืออีกข้างก็ถือเสียม แม้จะใช้แรงเยอะ แต่ต่อหน้าชายร่างกำยำผู้นี้ นางไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย
“โจวชุ่ยหลานหนีไปแล้วอย่างไร เด็กสองคนนี้คือเชื้อสายของสกุลเสิ่น ไม่จำเป็ต้องให้คนนอกอย่างเ้ามาสั่งสอน!”
น้ำเสียงเปี่ยมพลังของนางทำให้เสี่ยวตงที่เดิมทียังหวาดหวั่นเริ่มสงบลง ชั่วพริบตานั้นเขาหันกลับมา พอเห็นสายตาแน่วแน่ของนาง ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจของเขาเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างขึ้น
นี่ใช่ท่านอาที่ทั้งเห็นแก่ตัวทั้งเืเย็นและมักจะทุบตีด่าว่าพวกเขาจริงหรือ? เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของนางตอนนี้ เขากลับรู้สึกทั้งซาบซึ้งจนอยากร้องไห้เหลือเกิน
เสิ่นม่านสำรวจร่างกายของเสี่ยวหลาน าแบนหน้าผากเหมือนถูกโขกกับก้อนหิน แม้ว่าจะมีเือาบจนน่าใ แต่ขณะนี้เริ่มหยุดไหลแล้ว ต้องพาทั้งสองคนไปหาหมอ มิฉะนั้นเกิดแผลเป็ ต่อไปเสี่ยวหลานจะออกเรือนอย่างไร?
นางอุ้มเด็กเพื่อเตรียมไปหาหมอในหมู่บ้าน คังต้าจ้วงรีบถกแขนเสื้อและขวางเสิ่นม่านไว้อย่างหน้าไม่อาย เขายืนขวางนางไว้ราวกับเสาไม้
“หยุดก่อน! หลานสาวเ้าขโมยของของข้าไป ให้นางคืนข้าเดี๋ยวนี้!”
ของอะไร? เสิ่นม่านยังไม่ทันได้พูด เสี่ยวตงก็ะโด้วยความกังวล
“นั่นคือสิ่งที่ท่านพ่อของข้าทิ้งไว้ให้พวกเรา! ไม่ใช่ของของเ้า! เ้าเข้าไปอยู่บ้านสกุลเสิ่น แล้วยังเอาของของพ่อข้าไป! เ้ามันคนหน้าไม่อาย!”
ทันทีที่เด็กน้อยเอ่ยปาก ผู้ใหญ่ที่ดูความคึกคักก็เริ่มกระซิบกระซาบกันขึ้นมาบ้างแล้ว
“หยกชิ้นนั้นคือของสกุลเสิ่น? ข้าว่าแล้วเชียว สกุลคังยากจนอย่างกับอะไรดี จะไปมีเงินซื้อหยกได้อย่างไร? ต้องขโมยมาแน่นอน”
“เ้าไม่รู้อะไร นั่นคือของที่ระลึกหนึ่งเดียวของบุตรชายคนโตสกุลเสิ่นที่เก็บไว้ให้ลูกๆ หลังจากครอบครัวคังเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้นก็ไม่รู้ไปได้มาจากไหน แล้วยังคิดจะเอาไปขายในตำบลอีก ทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ดีที่เสี่ยวหลานตาไวจึงเห็นเข้าก่อน เฮอะ แล้วนี่ยังมาทำร้ายเด็กเสียจน...”
เสิ่นม่านเงี่ยหูฟังจนเข้าใจที่มาที่ไปของเื่ราว จากนั้นพ่นลมหายใจเยือกเย็นออกมา นางหรี่ตามองเ้าเดนมนุษย์ตรงหน้า
“เ้าขโมยของของครอบครัวข้าทั้งยังทุบตีเด็กๆ คังต้าจ้วง ใครมอบความกล้าเช่นนี้ให้กับเ้า?”
“ขโมย?”
คังต้าจ้วงรู้สึกขายหน้าจึงลดเสียงลง “เ้าพูดไร้สาระอะไรกัน? ของชิ้นนี้อยู่กับครอบครัวคัง ย่อมต้องเป็ของสกุลคัง! หากสำเหนียกตนก็รีบคืนหยกมา มิฉะนั้น ข้าจะไปฟ้องที่ว่าการ ถึงเวลานั้นนายอำเภอก็จะมาจับพวกเ้าไปโบยแล้วเอาไปขังด้วยกันทั้งหมด!”
หึ ช่างสมกับเป็นักเลงบ้านนอกหลังเขาจริงๆ เสิ่นม่านเคยเห็นคนไร้ยางอายมากมาย แต่ไม่เคยเห็นคนที่หน้าด้านหน้าทนเช่นนี้
นางวางเสี่ยวหลานลง คังต้าจ้วงพลันชำเลืองเห็นหยกในเสื้อของเสี่ยวหลาน จึงยื่นมือออกมาหมายจะแย่ง แต่ก่อนที่มือจะแตะโดนเสื้อของเสี่ยวหลาน มืออ้วนข้างหนึ่งก็กระชากมือเขาไป วินาทีถัดมาก็จับมันหักดัง ‘กร๊อบ!’ กระดูกของเขาหลุดจากข้อต่อในทันใด
“อ๊าก!”
คังต้าจ้วงส่งเสียงโอดครวญอย่างน่าสมเพชจนก้องขึ้นฟ้า
เสิ่นม่านมีรูปร่างอวบใหญ่ แต่การเคลื่อนไหวค่อนข้างว่องไวและแม่นยำ แทบจะในจังหวะเดียวกัน เท้าข้างหนึ่งก็ยกขึ้นมาถีบชายหนุ่มลงไปในเถียงนา ท่อนขาที่ใหญ่เป็สองเท่าของคนทั่วไปกำลังเหยียบลงบนหน้าของชายหนุ่มเต็มแรง
ชาวบ้านที่มุงดูต่างก็ใอ้าปากค้างไปตามกัน เหตุใดจึงไม่เคยรู้ว่าสตรีผู้นี้แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน?!
นี่มันดุกว่าเสือเสียอีก!
ขณะที่ทุกคนต่างก็เริ่มตั้งคำถามกับชีวิต เสิ่นม่านเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า
“คังต้าจ้วง ครอบครัวเ้าขับไล่ข้ากับต้าเป่าออกมา ข้าไม่ว่า เพียงแต่เ้ากล้ามารังแกเพราะเห็นว่าสกุลเสิ่นเราไม่มีผู้ชาย แล้วยังขโมยของที่พี่ชายข้าเก็บเอาไว้ให้ลูกๆ จากนั้นยังไม่พอ เ้ากล้าทำร้ายคนสกุลเสิ่น เ้าคิดว่าข้าตายไปแล้วหรืออย่างไร?”
คังต้าจ้วงที่โคลนยัดอยู่เต็มปาก ทั้งใบหน้าและริมฝีปากเ็ปจนไม่อาจพูดได้ ยิ่งเมื่อถูกนางเหยียบไว้เช่นนี้จึงได้แต่ส่งเสียงร้องอู้อี้ออกมา
จากนั้น เสิ่นม่านก็ยกเท้าออก คังต้าจ้วงหายใจหอบอยู่บนกองหญ้า เสิ่นม่านเข้าใกล้เขาปุ๊บ เขาก็รีบคลานหนีราวกับเจอผี
“เสิ่นม่าน… ได้ นับว่าเ้าแน่! เื่วันนี้จะไม่จบง่ายๆ!”
“เอาสิ ข้าเองก็อยากดูว่าเ้าจะทำอย่างไรต่อ ทำร้ายหลานข้าทั้งสอง ข้ายังไม่ได้ขอค่ายากับเ้าด้วยซ้ำ...”
เสิ่นม่านเดินไปทางเขาพลางสะบัดแขนขาเตรียมพร้อมลงไม้ลงมือ นางถือคติลงมือก่อนมักได้เปรียบ อีกฝ่ายกลับกลัวจนแทบจะปัสสาวะราด เขารีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งหน้าตั้งหนีไปทางหมู่บ้าน
เท้าวิ่งหนี ปากก็ร้องะโโหยหวน
“ช่วยด้วย! เสิ่นม่านเหนียงจะฆ่าคนแล้ว!”
-----