เหนียนอีหลานจ้องมองเจินกูกูที่ยืนอยู่ด้านหน้าสวนร้อยสัตว์กับนาง ดวงตาฉายแววตื่นตระหนกไม่สบายใจท่วมท้น นางฉีกยิ้มมุมปาก “กูกู พวกเรา...ไม่ไปแล้วใช่หรือไม่? พวกเรา...มาที่นี่ทำไมหรือ?”
“ไป ต้องไปแน่นอน” รอยยิ้มสายหนึ่งผุดขึ้นบนใบหน้าของเจินกูกู นางเอ่ยตอบคำถามก่อนหน้านี้ของเหนียนอีหลาน และมิเอ่ยอะไรอีก
นางเหลือบสายตามองเหนียนอีหลานอย่างแฝงั์ลุ่มลึก เจินกูกูหันเดินไปยังด้านหน้าประตูหิน มือเริ่มขยับกลไกประตู
เสียงดังปังของประตูหินที่ถูกเปิดออก ภาพด้านในของสวนร้อยสัตว์อันมืดมิด บวกกับสายลมเย็นเยียบที่พัดออกมา ในใจของเหนียนอีหลานพลันสั่นสะท้านและหวาดกลัว
“เชิญคุณหนูใหญ่เหนียนเข้าไปเลยเ้าค่ะ” เจินกูกูกล่าว พลางพยักหน้าเล็กน้อยให้เหนียนอีหลาน รอยยิ้มบนใบหน้านาง ทำให้เหนียนอีหลานคล้ายคนหมดแรง ร่างกายประหนึ่งมีอาการเหน็บชา
“ไม่ กูกู ด้านในนั้น...จะให้คนพักอยู่ในนั้นได้อย่างไร?” เหนียนอีหลานส่ายหน้าตามสัญชาตญาณ สวนร้อยสัตว์...หากข้างในนั้นมีสัตว์ร้ายเล่า ถ้านางเข้าไป มิใช่ว่าเป็การพาตัวเองเข้าถ้ำเสือหรืออย่างไร?
ไม่...ไม่ได้ นางไม่มีทางเข้าไปอย่างแน่นอน
ทว่าในวังหลวงแห่งนี้ ฮองเฮาเป็คนมีอำนาจชี้นกตายชี้ปลายเป็ ทว่านางกลับเป็ดั่งเนื้อบนเขียง ไหนเลยจะมิเข้าใจนาง
“เหตุใดถึงอยู่มิได้เล่าเ้าคะ? ฮองเฮากับคุณหนูเหนียนยวี่ต่างล้วนก็เคยพักอยู่ในที่แห่งนี้มิใช่หรอกหรือเ้าคะ? พวกนางยังมีชีวิตรอดกลับมาได้ ท่านจะไม่ยอมอยู่ได้อย่างไรเ้าคะ?" สีหน้าของเจินกูกูพลันดำมืดในทันที ไม่แม้แต่ไว้หน้าเหนียนอีหลานอีกต่อไป ขยิบตาให้นางกำนัลตรงนั้น “ยังยืนนิ่งงงอะไรอยู่อีก? ยังไม่รีบส่งคุณหนูใหญ่เหนียนเข้าไป”
“เ้าค่ะ กูกู” เหล่านางกำนัลรับคำสั่ง ไม่ชักช้า รีบประคองเหนียนอีหลานเข้าไป แม้เหนียนอีหลานจะไม่ยินยอม ทว่านางในยามนี้ แม้แต่แรงที่จะขัดขืนก็ยังไม่มี ได้แต่ต้องยอมให้พวกนางพาเข้าไปในสวนร้อยสัตว์
หลังจากข้ามประตูหินเข้ามา เหนียนอีหลานพลันรู้สึกหายใจได้อย่างลำบาก พวกนางพานางเดินไปสักพักแล้วหยุดอยู่ข้างนอกกระโจมหลังหนึ่ง เหนียนอีหลานยังมิทันได้ดูสถานการณ์รอบกายชัดนัก พลันถูกผลักเข้าไปในกระโจม เหนียนอีหลานล้มคะมำราบลงไปกับพื้นอย่างอ่อนแรง เสียงของเจินกูกูดังขึ้นมาอีกครั้งจากนอกกระโจม...
“คุณหนูใหญ่เหนียน ท่านพักผ่อนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ให้ดีเสียเถิด ข้างในกระโจมมีของกินอยู่ ด้านหน้าของกระโจมไม่ไกลออกไปนัก เดิมทีคือเขาวงกตป่าพุ่มหนาม เป็สถานที่ที่ไทเฮาเซี่ยวหนิงทรงสร้างขึ้นในยามนั้น จุดประสงค์ในการสร้างก็เพื่อป้องกันสัตว์ร้ายที่อยู่อีกฟากหนึ่งของป่าพุ่มหนาม ทว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ฝ่าาทรงรับสั่งให้เผาป่าพุ่มหนาม เพราะเช่นนั้นจึงไม่มีเขาวงกตแล้ว ย่อมหมายความว่าไม่มีสิ่งใดคอยป้องกันสัตว์ป่าดุร้ายอีกต่อไป เช่นนั้น ท่านควรอยู่ในนี้ อย่าได้ออกมาเดินเพ่นพ่านจะดีกว่า มิเช่นนั้นอาจพบเจอกับอะไรที่ไม่ควรเจอได้ หึๆ...”
เจินกูกูกล่าวพลางหัวเราะออกมาคราหนึ่ง เสียงนั้นทำให้ผู้ที่ได้ฟังหัวใจสั่นเทารู้สึกหวาดกลัว
สัตว์ป่าดุร้ายงั้นหรือ?
เหนียนอีหลานนึกถึงวันที่ไปรักษาาแที่สำนักหมอหลวงคืนนั้น คำพูดที่หมอหญิงนางนั้นเล่าให้นางฟังว่า องค์หญิงจี้เยวี่ยถูกแมลงั์กัดในสวนร้อยสัตว์จนสิ้นพระชนม์ไปในยามนั้น หากพวกนางทิ้งนางไว้ที่นี่ เช่นนั้นผลที่ตามมา...
นางไม่กล้าแม้แต่จินตนาการ
“ไม่ กูกู...” เสียงะโร้องเรียกของเหนียนอีหลานดังออกมาจากกระโจม ทันใดนั้นนางกลับยิ่งได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอกไกลออกเรื่อยๆ นางที่ล้มคะมำอยู่บนพื้น แทบไม่สนใจความเ็ปบนแผ่นหลังและความไร้เรี่ยวแรงของร่างกายตนเอง นางพยายามคลานออกไปข้างนอกอย่างอยากลำบาก ทว่ายามที่เปิดกระโจมออกไป ท่ามกลางแสงยามราตรี นางมิเห็นเงาของพวกนางเหล่านางกำนัลและเจินกูกูอีกต่อไปแล้ว
ในค่ำคืนอันมืดมิด ลมพัดเย็นเยียบ ทุกสิ่งรอบตัวช่างน่าสะพรึงกลัว
“อย่าทิ้งข้า เจินกูกู ได้โปรด พาข้าออกไป...” เหนียนอีหลานอยากจะรีบคลานออกไป ทว่าครั้นนางนึกถึงคำพูดของเจินกูกูที่เอ่ยกับนางเมื่อครู่นี้ นางก็รู้สึกมิกล้า
เสียงดัง ‘ปัง’ ดังขึ้นในอากาศ ซึ่งเป็เสียงของประตูสวนร้อยสัตว์ที่ถูกปิดลง ฉับพลันนั้นในใจของเหนียนอีหลานปานประหนึ่งเถ้าถ่านที่ดับมอด
จะทำอย่างไรดี?
นางที่อยู่ตัวคนเดียวในสวนร้อยสัตว์แห่งนี้ หากมีสัตว์ป่าออกมาเช่นนั้นจริง ชีวิตของนางคง...
ไม่ นางไม่อยากตาย นางยังไม่ได้แต่งงานกับท่านอ๋องมู่ ยังมิได้ขึ้นเป็มู่อ๋องเฟย ทั้งยังมิได้ขึ้นเป็ฮองเฮาผู้สูงศักดิ์ นางจะยอมตายได้อย่างไร?
ท่านแม่เคยเล่าให้นางฟังว่า หมอดูได้ทำนายชีวิตของนางไว้แล้วว่าโดยเนื้อแท้แล้วนั้น นางเกิดมาสูงศักดิ์อย่างมิอาจเอื้อนเอ่ย เพราะเช่นนั้นนางจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่แน่ ไม่มีทาง!
เหนียนอีหลานร่างกายสั่นสะท้าน บอกกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าการอยู่เพียงลำพังในค่ำคืนอันมืดมิดเยี่ยงนี้ นางจึงยังมิอาจยับยั้งความหวาดกลัวในใจได้
“ท่านแม่...” เหนียนอีหลานร้องเรียก ทว่ากลับมิกล้าส่งเสียงดัง ราวกับหวาดกลัวว่าจะเผลอไปรบกวนอะไรเข้า
มิรู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด เหนียนอีหลานยอมแพ้ที่จะดิ้นรน ทั้งยังละทิ้งความหวัง นางที่นอนคะมำอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงนั้น พยายามคลานเข้าไปในตำแหน่งลับตาที่สุดในกระโจม ฉับพลันนั้นนางชนเข้ากับอะไรบางอย่าง เหนียนอีหลานเอื้อมมือออกไปค้นสำรวจโดยมิรู้ตัว
ขา...นั่นขา!
ยังมีใครอยู่ที่นี่อีกงั้นหรือ?
เหนียนอีหลานรู้สึกดีใจมาก ถ้าหากมีคนอยู่ การที่มีสหายเพิ่มขึ้นมาสักคนและอยู่ด้วยกันย่อมดีกว่าเสมอ
ทว่าในชั่วครู่ถัดมา หลังจากนางรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของ 'คน' คนนั้น อย่างละเอียด เหนียนอีหลานกลับรู้สึกใมากจนถอนมือกลับมา
"ตาย...คนตาย...” เหนียนอีหลานถอยห่างออกมาไม่หยุดทันที
คนตาย! ร่างกายแข็งทื่อกับััเย็นะเื เห็นได้ชัดว่าเป็คนตาย!
พินิจกลิ่นที่ลอยเข้ามาอย่างละเอียดนั้นฟุ้งไปด้วยกลิ่นเหม็นหืน
ผู้ใดกัน?
เหนียนอีหลานหวาดกลัวมากเสียจนร่ำไห้ออกมา นางกัดริมฝีปากแน่น จนริมฝีปากแทบจะมีเืไหลซึมออกมา ทั้งชีวิตนี้ นางมิเคยรู้สึกจนตรอกได้มากเท่าวันนี้ ช่างน่าเวทนาอะไรปานนี้
เหนียนอีหลานคิดอยากจะหลบหนี ทว่าสถานการณ์ด้านนอกกระโจม กลับยิ่งทำให้นางมิกล้าออกไป
ข้างนอกมีสัตว์ร้าย ข้างในมีซากศพ ความทุกข์ทรมานอันน่าหวาดกลัวเกาะกินใจนาง นางควรทำอย่างไรดี?
เหนียนอีหลานคลานไปอีกทางอย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งหัวกระแทกเข้ากับกระโจมจึงค่อยหยุด ความเ็ปบนร่างกายบวกกับความหวาดกลัวในใจคอยหลอกหลอนนางแทบทั้งคืน ทำให้เหนียนอีหลานมิอาจข่มตาให้หลับลงได้ จนกระทั่งฟ้าสาง เนื่องจากแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าที่ลอดส่องเข้ามา ทำให้เหนียนอีหลานเห็นร่างไร้ิญญาที่อยู่ตรงมุมกระโจมอย่างแจ่มชัด
“ฟางเหอ…” ดวงตาของเหนียนอีหลานเบิกกว้างอย่างตื่นกลัว เป็ฟางเหอได้อย่างไร?
เหนียนอีหลานจ้องมองใบหน้าอันน่าสยดสยองบนร่างไร้ิญญาของฟางเหอ นางนึกเื่ที่เกิดขึ้นด้านนอกสวนร้อยสัตว์ในคืนนั้นโดยมิรู้ตัว สถานการณ์ที่ฟางเหอปิดประตูหินนั่น นางเองก็รับรู้
ฮองเฮาจงใจ นางจงใจให้ตนอยู่ในนี้ จงใจทิ้งศพของฟางเหอไว้ที่นี่ ฮองเฮายังคงลงโทษนางอยู่!
แต่...แต่นางมิได้ตั้งใจทำร้ายฮองเฮา เป็เหนียนยวี่ ทั้งหมดเป็เพราะเหนียนยวี่!
ถ้ามิใช่เพราะเหนียนยวี่ล่อลวงท่านอ๋องมู่ ถ้ามิใช่เพราะนางเล่นฉินได้ขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ตัวนางคงไม่วิตกกังวลจนถึงขั้นคิดอยากสังหารนางหรอก นางจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนั้นฮองเฮาเองก็อยู่ที่สวนร้อยสัตว์ด้วย?
“เหนียนยวี่ นางสารเลว เ้าทำร้ายข้า!” เหนียนอีหลานกัดฟันแน่น นางจนตรอกอย่างท่วมท้น ใบหน้าที่ซีดเซียวของนางพลันยิ่งดูดุร้ายน่าหวาดกลัว
นางไม่ยอมปล่อยเหนียนยวี่ไปแน่ เหนียนอีหลานจะต้องฆ่าเหนียนยวี่ให้ได้!
ไม่ นาง้าให้เหนียนยวี่ทนทุกข์ยิ่งกว่าความตาย นางจะต้องทำให้เหนียนยวี่ได้ลิ้มรสความรู้สึกเช่นเดียวกับนางในยามนี้ ไม่สิ ต้องลิ้มรสให้มากกว่านางร้อยพันเท่า!
ทว่ายามนี้ นางควรทำอย่างไรดี?
ครั้นนึกถึงสถานการณ์ของตนเองในเวลานี้ เหนียนอีหลานพลันตื่นตระหนก หากความโกรธเกรี้ยวของฮองเฮามิจางหายไป เช่นนั้นจะจัดการกับตัวนางอย่างไร?
อีกด้านหนึ่ง ณ ลานเซียนหลาน ในจวนเหนียน
ในห้องของเหนียนยวี่ บุรุษในชุดสีฟ้าครามเดิมทีที่นั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้ ทันใดนั้นดวงตาคู่นั้นพลันเบิกกว้าง ั์ตาเขาปรากฏร่องรอยความอ่อนล้าแฝงอยู่ในประกายความเฉลียวฉลาด
ตัวหนานกงฉี่เองก็ไม่ได้คาดหวังว่าตัวเขาจะค้างที่ลานเซียนหลานทั้งคืน จุดประสงค์ของเขาคือ้าเฝ้ารอเหนียนยวี่กลับมา เพื่อพบหญิงสาวผู้แสนโชคดีนางนี้ ทว่าดูทีท่าแล้ว...
หนานกงฉี่หรี่ตาลงเล็กน้อย เหนียนยวี่...ผ่านไปราตรีหนึ่งแล้ว นางยังมิกลับมาอีกหรือ?