เสียงเ้าอารมณ์ดังขึ้นขัดบทสนทนาของทั้งสอง หลินเมิ้งหยาเงยหน้าก่อนจะได้เห็นเด็กสาวสวมใส่ชุดสีเหลืองไข่ยืนอยู่
เด็กสาวอายุเพียงสิบสี่สิบห้าปี บนผมติดดอกไม้หลายดอก
ขนคิ้วคล้ายกับเยว่ถิง ทว่ากลับดูเป็คนเ้าอารมณ์
เยว่ถิงรีบเข้าไปดึงตัวของน้องสาว ถลึงตาใส่นางหนึ่งครั้งแต่ถึงกระนั้นแววตาก็ยังคงหลงเหลือร่องรอยของความรักและเอ็นดู
“นี่คือน้องสาวของข้าเยว่ฉี เสี่ยวฉี หยาเอ๋อร์คือชายาของท่านอ๋องอวี้อย่าได้เสียมารยาท”
หลินเมิ้งหยามองสำรวจหญิงสาวตรงหน้า รูปร่างผอมบาง แต่หาใช่คนหัวอ่อนไม่
นางมีความร่าเริงสดใสกว่าตนเองหลายเท่า แม้จะเป็เด็กสาวเ้าอารมณ์แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผู้อื่นรู้สึกเกลียด
“ท่านพี่เอ็นดูนางยิ่งกว่าข้ามาก ข้าเป็น้องสาวของท่านนะ!”
ที่แท้เด็กสาวโกรธเคืองเพราะหึงหวงพี่สาวตนเอง หลินเมิ้งหยาแอบยิ้มเหตุเพราะเยว่ถิงเข้ามาพูดคุยกับตนเองอย่างสนิทสนม ดังนั้นเด็กคนนี้จึงไม่พอใจ
“ไร้สาระ มานี่สิ พี่จะพูดกับเ้าสักสองสามประโยค”
เยว่ถิงหัวเราะเป็เชิงขอโทษหลินเมิ้งหยา ก่อนจะดึงร่างของเยว่ถิงไปทางด้านหลัง
ได้สดับรับฟังเพียงสองสามประโยค มิรู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ ขอบตาของเยว่ฉีพลันแดงก่ำ
นางสาวเท้าเล็กๆ วิ่งเข้ามาก่อนจะจับมือของหลินเมิ้งหยาพลางเอ่ยขอโทษ
“ขอโทษเ้าค่ะ ข้าไม่รู้เื่รู้ราวใดๆ เลยพี่หลินอย่าได้โกรธเคืองข้าเลยนะเ้าคะ”
บางทีเยว่ถิงอาจเล่าเื่ราวของนางในสมัยก่อนให้เยว่ฉีฟัง
ดังนั้นเด็กสาวผู้ไร้เดียงสาคนนี้จึงรู้สึกสงสารนางแล้วรีบรุดเข้ามายืนขอโทษขอโพย
คนของสกุลเยว่ช่างแปลกประหลาดนักหญิงสาวทั้งสองล้วนมีจิตใจโอบอ้อมอารี เมื่อเทียบกับหลินเมิ้งหวู่แล้วนางร้ายกาจและไม่มีน้ำอดน้ำทน
“ไม่หรอก อีกไม่นานพวกเราก็จะกลายเป็ครอบครัวเดียวกันแล้วดังนั้นควรจะทำความรู้จักกันไว้ ต่อจากนี้ไปพวกเราไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ดีหรือไม่?”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้เยว่ฉีพยักหน้าลงอย่างเอาเป็เอาตาย
ทว่าหลังจากที่ได้เห็นใบหน้าเ็าของหลงเทียนอวี้ เยว่ฉีพลันส่ายหน้าขยับเข้าไปใกล้หูของหลินเมิ้งหยาพลางกระซิบ
“ท่านอ๋องของท่านแม้จะหล่อเหลา แต่เ็าเกินไปข้าเกรงว่าหากไปแล้วจะต้องเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่น”
เด็กคนนี้น่ารักยิ่งนัก ร่าเริงแจ่มใส ถูกใจหลินเมิ้งหยาเหลือเกิน
“ไม่หรอก ที่ตำหนักของข้ายังมีเด็กสาวอีกหลายคนหากพวกเ้าได้เจอกันสักครั้งจะต้องชอบแน่ๆ”
อุปนิสัยของเยว่ฉีคล้ายคลึงกับป๋ายจื่อไม่มีผิด
แม้จะต้องสู้รบตบมือไม่เว้นวัน แต่ความไร้เดียงสาของป๋ายจื่อยังคงเหมือนเดิม
หากจวนของนางมีเด็กสาวร่าเริงเช่นนี้อยู่ชีวิตของนางคงมีสีสันมากขึ้น
เยว่ถิงและเยว่ฉีอยู่คุยกับหลินเมิ้งหยาอีกสองสามประโยคสุดท้ายต้องจำใจเดินกลับไปยังที่นั่งของตนเอง
เพิ่งสังเกตเห็นว่างานเลี้ยงเช่นนี้ไม่เหมาะแก่การทักทายผู้าุโวันหน้านางจะต้องหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนว่าที่พ่อตาแม่ยายของท่านพี่ให้ได้
หลังจากดื่มเหล้าไปสามจอก บรรยากาศภายในงานครึกครื้นมากขึ้น
เชิญนักร้องนักเต้นรำลงจากเวที งานเลี้ยงยังคงมีเื่สนุกรออยู่
“ถวายคำนับไท่จื่อและฮองเฮาแห่งต้าจิ้นเสี่ยวหวังยังมีอีกหนึ่งเื่ที่้าขอร้อง หวังว่าทั้งสองท่านจะเมตตา”
ฮ่องเต้ิถวายคำนับ อีกทั้งยังเอ่ยวาจาแสดงความเคารพอย่างหาที่สุดไม่ได้
ไท่จื่อและฮองเฮาสบตากันเพื่อส่งสัญญาณผ่านทางสายตาทว่าใบหน้ายังคงเสแสร้งแกล้งทำเป็มิรู้เื่
“เชิญฮ่องเต้ิเอ่ยออกมาเถิด หากเปิ่นกงสามารถทำได้เปิ่นกงจะทำอย่างสุดความสามารถ”
“นี่คือองค์ชายเทียนเป่ย ปีนี้ถึงเวลาอันสมควรแก่การเลือกชายาแล้วดังนั้นเสี่ยวหวังอยากขอลูกสะใภ้จากต้าจิ้นเพื่อแต่งงานกับองค์ชายรัชทายาทของกระหม่อม”
ทันทีที่สิ้นเสียงลง ฮูหยินที่มาร่วมงานล้วนมีสีหน้าท่าทางแตกต่างกันออกไป
ส่วนใหญ่ล้วนรู้สึกเสียใจที่พาลูกสาวสุดที่รักของตนเองมาร่วมงานในวันนี้
หากถูกเลือกแล้วละก็ จะต้องส่งตัวลูกของตนเองไปไกลถึงซีฟานชั่วชีวิตนี้จะได้เจอกันอีกหรือไม่ก็มิรู้ได้
แต่มีบางครอบครัวที่รู้สึกกระตือรือร้นและอยากจะลองดู
ถึงอย่างไรหูเทียนเป่ยก็มีใบหน้าหล่อเหลาอีกทั้งยังเป็ถึงองค์ชายรัชทายาท เขาจะได้ขึ้นครองซีฟานในอนาคตอย่างแน่นอน
หากได้เป็ฮองเฮาก็นับว่าไม่เลว
หลินเมิ้งหยากวาดสายตามองทว่านางกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินเมิ้งหวู่
บางทีนางอาจจะไม่กล้าออกมา เหตุเพราะถูกตบจนหน้าบวมเป่งประหนึ่งหัวหมูก็มิปานหากโผล่หน้าออกมาคงมิวายถูกหัวเราะเยาะ
“โอ้? หากฮ่องเต้ิมีพระประสงค์เช่นนั้นเปิ่นกงก็เห็นดีเห็นงามด้วยเช่นกัน หญิงสาวแห่งต้าจิ้นล้วนเป็คนดีมีคุณธรรมหากฮ่องเต้ิถูกพระทัยหญิงสาวคนใด ขอเพียงเอ่ยออกมาก็พอ”
ทางด้านนั้นกำลังพูดตอบโต้อย่างออกรสออกชาติทว่าหลินเมิ้งหยากลับส่งสายตาเ็าไปทางสองแม่ลูกคู่นั้น
ทั้งที่วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วแต่ตอนนี้กลับพูดจาประหนึ่งมิรู้สิ่งใดมาก่อน
ทว่า ตอนนี้ซ่างกวนฉิงไม่อยู่ที่นี่หลินเมิ้งหวู่เองก็เช่นเดียวกัน หากจู่ๆ ฮ่องเต้ิก็เอ่ยชื่อนางออกมา เกรงว่าจะกลายเป็ที่สังเกตเอาได้
มิรู้ว่าละครฉากนี้จะเป็เช่นไรต่อไป
“เสี่ยวหวังเองก็คิดว่าหญิงสาวแห่งต้าจิ้นล้วนเป็คนดีดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจะเลือกใคร ไม่ทราบว่าฮองเฮาจะช่วยกระหม่อมเลือกได้หรือไม่”
จู่ๆ ฮองเฮาก็กระตุกยิ้ม ก่อนจะเอ่ย
“ในเมื่อเป็เช่นนั้นก็ให้หญิงสาวทุกคนแสดงความสามารถออกมาเหตุผลหลักเพื่อให้ฮ่องเต้ิเลือกชายาให้กับองค์ชายเหตุผลรองเพื่อสร้างความบันเทิงแก่แขกผู้มาร่วมงานไม่ทราบว่าความเห็นนี้เป็เช่นไร?”
ข้อเสนอแนะของฮองเฮา หาได้มีใครกล้าขัดไม่
ดังนั้นเหล่าหญิงสาวที่แต่งหน้าแต่งตัวงดงามจึงเดินตามขันทีออกไปด้านนอกตำหนักหยวนซาน
หลินเมิ้งหยาหลุบตาต่ำ ครุ่นคิดถึงความสามารถพิเศษของหลินเมิ้งหวู่
ซ่างกวนฉิงแต่งงานกับท่านพ่อนานกว่าสิบห้าปีทว่ามีลูกสาวเพียงคนเดียว
ดังนั้นนางจึงถูกดูแลเป็อย่างดีแม่หลินเมิ้งหวู่จะมีอุปนิสัยร้ายกาจทว่าความสามารถในการดีดพิณของนางนับว่าเป็เลิศ
ดูเหมือนฮองเฮาจะไตร่ตรองเื่นี้เอาไว้แล้ว
ผลปรากฏว่าขณะที่เหล่าคุณหนูออกไปเตรียมตัวด้านนอก ร่างของซ่างกวนฉิงพลันปรากฏอยู่ใจกลางตำหนัก
ซ่างกวนฉิงเดินผ่านประตูเข้ามา มิได้ทำตัวเป็จุดเด่นแต่อย่างใด
ใบหน้าเ็า ทว่าสายตาหาได้มองทางหลินเมิ้งหยาไม่
แต่นางกลับมองไปยังฮองเฮาและชายารองสกุลหยางด้วยความโกรธ
หลินเมิ้งหยาหลุบตาต่ำแอบหัวเราะ ดูท่าหลินเมิ้งหวู่น่าจะได้รับาเ็ไม่น้อยเลย สังเกตจากอารมณ์ของซ่างกวนฉิงแล้วนางคงมิพึงพอใจกับการดูตัวของหลินเมิ้งหวู่ในคราวนี้
ทว่าแขนเล็กๆ จะรั้งท่อนขาขนาดใหญ่เอาไว้ได้อย่างไร
หญิงสาวแห่งต้าจิ้นล้วนถูกอาจารย์ของตนเองฝึกฝนมาเป็อย่างดี
แม้จะไม่ค่อยสนใจตำรับตำราเรียน ทว่าพวกนางล้วนมีพร์ในการร้องรำทำเพลง
หญิงสาวที่ออกมาแสดงสองสามคนแรก แม้การแสดงจะไร้ที่ติ ทว่าความสามารถก็ยังอยู่เพียงระดับปานกลางเท่านั้น
ในที่สุดขันทีก็ประกาศชื่อของหลินเมิ้งหวู่แขกในงานต่างพากันให้ความสนใจ
เสียงบรรเลงเพลงชิงหยางดังขึ้น ร่างนวลอนงค์พลางกรีดกรายออกมาช้าๆ
หลินเมิ้งหวู่สวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้าเอาไว้ดังนั้นใบหน้าของนางจึงเผยแต่เพียงดวงตาคู่สวยให้เห็นเท่านั้น
รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ผมตรงยาวพลิ้วไหวตามการเคลื่อนไหวมือและนิ้วสอดประสานขยับขับขานเพลงอันไพเราะออกมาให้ทุกคนได้ยิน
หลินเมิ้งหยาแอบพยักหน้าหญิงสาวในเมืองหลวงแห่งนี้มิมีใครดีดพิณได้ไพเราะอย่างหลินเมิ้งหวู่
ยิ่งเสียงกลองดังระรัวมากขึ้น เท้าของหลินเมิ้งหวู่ก็ยิ่งขยับเร็วขึ้น
ท่วงท่าพลิ้วไหวดั่งผีเสื้อกำลังโบยบินแต่หลินเมิ้งหยาคาดไม่ถึงเลยว่าผีเสื้อตัวนี้กำลังจะบินไปทางเวที
กรีดกรายเยื้องย่างบนเวทีทรงกลม ร่างบางดึงดูดสายตาผู้คนไปไม่น้อย
ทว่า ณ จุดหนึ่งบนเวที มิรู้ว่าเกิดความผิดพลาดอันใด อยู่ๆหลินเมิ้งหวู่พลันสะดุดล้มลง
เสียงร้องเพราะความตื่นตระหนกของทุกคนดังขึ้นร่างบางพลันตกลงจากเวที
หลินเมิ้งหยาแอบแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ หลินเมิ้งหวู่ตัวดีกล้าใช้วิธีนี้เรียกร้องความสนใจกระนั้นหรือ
ตำแหน่งที่นางกำลังจะตกลงไปบังเอิญเป็ตำแหน่งที่นั่งของหลงเทียนอวี้พอดิบพอดี
หากเป็ละครปกติทั่วไป หลงเทียนอวี้จะต้องพุ่งตัวเข้าไปช่วยสาวสวยนางนั้นอย่างแน่นอน
ต่อให้เป็คนแปลกหน้าตกลงมา ปฏิกิริยาแรกของคนทั่วไปควรจะเป็เข้าไปรับร่างของคนที่ร่วงลงจากเวที
น่าเสียดาย ทัศนคติของคนทั่วไปมิอาจใช้ได้กับหลงเทียนอวี้
มือของเขายังคงถือจอกเหล้า สีหน้าเ็าดุจน้ำแข็งสายตามองดูหลินเมิ้งหวู่ร่วงหล่นลงมาตรงหน้าของตนเอง
“ตุบ” เสียงดังขึ้น ร่างของหลินเมิ้งหวู่ร่วงหล่นกระทบพื้น
ขณะเดียวกัน สีหน้าของทุกคนกลับกลายเป็สนอกสนใจขึ้นมา
เสียงพิณอันยอดเยี่ยมกลับกลายเป็เื่น่าขำขันไปในพริบตา
เสียงหัวเราะดังขึ้นสนั่นอีกเพียงนิดเดียวสีหน้าของฮองเฮาก็จะดำมิต่างจากก้นหม้อ
“คุณหนูรองสกุลหลิน ท่านไม่เป็ไรใช่หรือไม่?”
ขันทีคือผู้ที่ตั้งสติได้เป็คนแรก เขารีบวิ่งเข้าไปพยุงร่างของหลินเมิ้งหวู่ขึ้นมา
นางสะบัดมือของขันทีออกด้วยความเขินอายระคนโกรธเกรี้ยวหลินเมิ้งหวู่หันไปมองหลงเทียนอวี้ที่มิได้มีท่าทีใส่ใจแต่อย่างใด
ทำไมกันนะ เพียงเพราะมีชายหนุ่มเข้าไปสนทนากับหลินเมิ้งหยา เขารีบร้อนจนแทบจะวิ่งเข้าไปไล่คนเ่าั้
แต่นางตกลงต่อหน้าเขาอย่างน่าสงสารทว่าเขากลับไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย
ที่แท้ก็้าเรียกร้องความสนใจเช่นนี้สินะ
หลินเมิ้งหยาคลายความสงสัยในใจ ดูเหมือนหลินเมิ้งหวู่จะไม่รู้จักหลงเทียนอวี้เลยแม้แต่น้อย
หากเป็คนที่เขาไม่สนใจ หลงเทียนอวี้มักจะปฏิบัติด้วยอย่างเ็า
ยิ่งไปกว่านั้น หลงเทียนอวี้ไม่มีทางวิ่งเข้าไปหาความวุ่นวายเพิ่มทั้งที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้หรอก
สมน้ำหน้า!
หลินเมิ้งหยารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกทว่าใบหน้ากลับเสแสร้งแสดงความกังวล ส่ายหน้าก่อนจะเลื่อนสายตาไปชื่นชมฟู่จวินของตนเอง
สายตาของหลงเทียนอวี้บังเอิญสบเข้ากับสายตาของนางพอดี
“ทำได้ดีมาก!”
หลงเทียนอวี้ผู้ฉลาดเฉลียวสามารถแกะข้อความผ่านสายตาได้อย่างง่ายดายก่อนจะส่งสัญญาณผ่านทางสายตาตอบกลับเพียงสี่คำ
“นางหาเื่เอง”
เมื่อได้รับข้อความผ่านทางสายตาของหลงเทียนอวี้ หัวใจของหลินเมิ้งหยายิ่งรู้สึกดีมากขึ้นหลายเท่าตัว
แม้หลินเมิ้งหวู่จะแสดงละครฉากพลีกายถวายชีวิตได้อย่างแเี
ทว่าเมื่อยู่ต่อหน้าหลงเทียนอวี้ ความเป็ไปได้กลับกลายเป็ศูนย์
บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็เย็นะเืไท่จื่อรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะเสนอแนะ
“หมู่โฮ้วเอ๋อร์เฉินคิดว่าเราควรจะปล่อยให้องค์ชายรัชทายาทเป็ผู้เลือกชายาด้วยตนเองจะดีกว่าหากพระองค์เจอกับรักแรกพบ หมู่โฮ้วค่อยดำเนินการต่อดีหรือไม่?”
เมื่อแผนการไม่สำเร็จ สุดท้ายจึงเปลี่ยนแผนกะทันหัน
หลินเมิ้งหยาชำเลืองมองหลินเมิ้งหวู่ที่ถูกซ่างกวนฉิงพยุงกลับไปนั่งก่อนจะหันไปมององค์ชายรัชทายาทแห่งซีฟาน
ไท่จื่อร้อนใจมากจนเกินไป มิเช่นนั้นคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
ยับยั้งเสียงหัวเราะในหัวใจ ดูท่าแผนการในครั้งนี้คงจะไม่สำเร็จแล้ว
