เด็กสาวทั้งสามคนต่างก็มีแผ่นป้ายหยกสีเขียวที่ได้รับมาจากสำนักห้อยอยู่ที่เอวของพวกนาง! เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดอายุน่าจะประมาณสิบห้าย่างสิบหกปี นางทั้งตัวสูงและงดงาม สวมชุดสีเหลืองห่าน ดวงตากลมโตสีดำของนางราวกับอัญมณีสีดำสองดวง กวาดมองไปยังใบหน้าของทุกคน ทุกคนที่สบตากับนางต่างก็รู้สึกราวกับดวงตาของพวกเขาสว่างวาบ!
“ศิษย์พี่ทั้งสามท่าน ผู้เฒ่าทั้งสองท่านนี้ทำร้ายข้า!” เมื่อเห็นว่าคนในสำนักเดียวกันโผล่มา เซียวหลิงอวิ๋นก็ชี้ไปที่หมอยาหวังและผู้จัดการไช่ทันที
เด็กสาวในชุดสีเหลืองชี้นิ้วไปทางหมอยาหวังและผู้จัดการไช่ทันทีประกาศกร้าวอย่างน่าเกรงขาม: “พวกเ้าทั้งสอง อย่าได้คิดหนีไปไหนเชียว!”
เด็กสาวในชุดสีฟ้าทางซ้ายก็มองมาที่เซียวหลิงอวิ๋นด้วยดวงตาราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วงที่ใสสะอาดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นสักพักนางก็หันกลับมาจ้องมองเขาอีกครั้งด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ก่อนที่นางจะดึงแขนเสื้อของเด็กสาวชุดสีเหลือง แล้วพูดกระซิบกระซาบ: “ศิษย์พี่หรูเยียน คะ... คนคนนั้นก็คือเซียว... เซียว...!”
เด็กสาวในชุดสีเหลืองขมวดคิ้ว: “เซียว? เซียวอะไร?”
“เซียวหลิงอวิ๋น!” ในที่สุดเด็กสาวในชุดสีฟ้าก็เอ่ยชื่อของเซียวหลิงอวิ๋นออกมา!
หญิงสาวในชุดสีเหลืองเหยียดนิ้วเรียวยาวของนางออกมา จิ้มหน้าผากของเด็กสาวในชุดสีฟ้าแล้วกล่าว “เ้านี่เป็สาวน้อยที่อยู่ในห้วงความรักจริงๆ ตลอดทางมานี่ก็พูดชื่อเซียวหลิงอวิ๋นมาไม่รู้ตั้งกี่หนแล้ว ตอนนี้ยังเอ่ยชื่อเขาอีก ไม่ต้องห่วง ข้าและอิ่งเอ๋อไม่แย่งเ้าหรอกน่า แต่ยังจะช่วยเ้าขับไล่พวกผึ้งและผีเสื้อทั้งหมดที่ตอมอยู่รอบๆ เ้าหนุ่มเซียวให้ด้วย ข้ารับรอง...!”
บุคคลที่ทั้งสองคนเอ่ยชื่อออกมานั้นก็อยู่ใกล้ๆ พวกนางแท้ๆ ในตอนนั้นเอง ใบหน้าอันงดงามของเด็กสาวในชุดสีฟ้าก็เปลี่ยนเป็แดงก่ำด้วยความเขินอาย รีบพูดขัดอีกคนอย่างเร่งรีบ “ศิษย์พี่ ศิษย์ร่วมสำนักที่ขาหักตรงนั้น ก็คือเซียวหลิงอวิ๋นคนนั้นไงล่ะเ้าคะ!”
ว่าอย่างไรนะ เซียวหลิงอวิ๋นงั้นหรือ? เด็กสาวในชุดสีเหลืองกับเด็กสาวทางขวาต่างก็มองไปที่เซียวหลิงอวิ๋นด้วยรอยยิ้มเจื่อน! ชายคนนั้นเป็สุดยอดอัจฉริยะ ปรากฏตัวขึ้นที่สำนักในรอบหมื่นปีไม่ใช่หรือ? ใครกันจะเก่งกล้าสามารถพอจะหักขาของเขา?
แค่ชายชราที่ไม่มีความหวังจะก้าวไปถึงระดับผู้ใช้พลังิญญาสองคน พวกเขาจะหักขาเซียวหลิงอวิ๋นที่เป็สุดยอดอัจฉริยะผู้ผ่านด่านหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้นคนนั้นได้จริงหรือ? จะเป็ไปได้อย่างไร? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เด็กสาวทั้งสามคนต่างก็พากันตกตะลึง!
เซียวหลิงอวิ๋นซึ่งนั่งอยู่กับพื้นห่างออกไปเพียงสิบเมตรรู้สึกอับอายอย่างยิ่ง! ใครจะคาดคิดว่าสาวสวยทั้งสามคนนั้นจะรู้จักเขา ฟังจากการสนทนาเมื่อครู่ เขาได้รู้ว่ามีสตรีนางหนึ่งที่รู้จักและชื่นชอบในตัวเขาด้วย!
หากรู้แต่แรกว่าจะมีเื่น่าอายเช่นนี้เกิดขึ้น เขาคงเลือกลงมือหักขาชายชราทั้งสองด้วยตนเองไปแล้ว จากนั้นจึงค่อยส่งตัวให้ร้านเชียนตันฟางไปจัดการกับพวกเขาทีหลัง!
หญิงสาวในชุดสีเหลืองเบิกตาโต จ้องมองไปที่เซียวหลิงอวิ๋นโดยไม่กระพริบตา แล้วนางก็ค่อยๆ ถามทีละคำ: “เซียว หลิง อวิ๋น หรือ?”
แม้ว่าราชันเทพแห่งแดนเบื้องบนผู้นี้จะผ่านร้อนผ่านหนาวใน่ชีวิตก่อนหน้ามาอย่างโชกโชน แต่ในเวลานี้เซียวหลิงอวิ๋นแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับดวงตากลมโตดำขลับสดใสของหญิงสาว ทำได้แค่เพียงพยักหน้าอึกๆ อักๆ “ใช่! ศิษย์... “
ก่อนที่คำว่า ‘ศิษย์พี่’ จะเอ่ยออกมาครบ สี่คนก็ร่อนลงมาจากฟ้าเสียก่อน!
ทั้งสี่คนประกอบด้วยผู้จัดการร้านยาเชียนตันฟาง รองผู้จัดการร้าน, เ้าอ้วนพานเสี่ยวปิง และชายร่างอ้วนจ้าวเหวินจัว
หลังจากที่จ้าวเหวินจัวกล่าวคำอำลากับอาจารย์ลุงของเขา เขาก็รีบมุ่งหน้าไปที่ร้านยาเชียนตันฟางทันที เพื่อจัดการเื่หุ้นส่วนยาหยกไหมโลหิตอีกเจ็ดส่วนที่เหลือ ทำให้บังเอิญไปพบกับคนอื่นๆ เข้าพอดี และได้ทราบเื่ของเซียวหลิงอวิ๋นเข้า ผู้าุโจ้าวจึงเรียกสองผู้จัดการของร้านยาเชียนตันฟางมา แล้วพากันเหาะมาที่นี่พร้อมกับเ้าอ้วน!
เฮ้อ ในที่สุดก็มาถึงสักที! เซียวหลิงอวิ๋นผ่อนลมหายใจยาว!
เมื่อผู้าุโจ้าวมาถึง ผู้จัดการไช่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว แม้แต่จะฉีกกระดาษจดตำรับยายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ!
เมื่อทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่กันพร้อมหน้า ซ้ำร้ายเขายังมีตำรับยาติดตัวอีก จึงกลายเป็หลักฐานที่มัดตัวแ่า!
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วก้านธูป เซียวหลิงอวิ๋นซึ่งขาหักจึงได้รับการรักษาด้วยมือวิเศษของผู้าุโจ้าว และเดินเข้าไปหาเด็กสาวในชุดสีเหลืองที่กวักมือเรียกเขาด้วยความรู้สึกผิด!
ดูจากการที่ผู้าุโจ้าวปฏิบัติต่อเด็กสาวคนนี้ด้วยความเคารพ เซียวหลิงอวิ๋นจึงรู้ว่าตัวตนของหญิงสาวคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่! และแน่นอนว่าความรู้สึกผิดของเขานี้ไม่ได้เป็เพราะตัวตนของอีกฝ่าย ไม่ว่าตัวตนของนางจะสูงส่งสักแค่ไหน เขาก็ไม่รู้สึกผิดอะไร เพียงแต่...
“เ้าจงใจหักขาตัวเองหรือ?” เสียงใสกังวานและไพเราะของเด็กสาวในชุดสีเหลืองดังขึ้น
“เอ๋!” เซียวหลิงอวิ๋นรู้สึกสับสน ไม่คาดคิดว่าประโยคแรกของอีกฝ่ายจะเป็เช่นนี้ นึกว่านางจะถามเขาว่าคิดอย่างไรกับสหายสนิทของนางเสียอีก? หรืออาจจะรุกหนักกว่านั้น ยกสหายสนิทของนางให้มาคบหากับเขาเสียเลย?
“อืม ใช่แล้ว” หลังจากตกตะลึงไปสองวินาที เซียวหลิงอวิ๋นก็กลับมาตั้งสติได้ พยักหน้าตอบกลับไป!
“ก็ดีแล้ว แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเ้า... ช่างมันเถอะ พวกเราไปกันเถอะ!” เด็กสาวในชุดสีเหลืองรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกหลังจากที่ได้รับคำตอบ ก่อนจะโบกมือเรียกคนอื่น!
“หืม!” แค่นี้เอง นางเรียกเขาไปหาและพูดแค่ไม่กี่คำก็จบแล้วหรือ! เซียวหลิงอวิ๋นรู้สึกงุนงงอีกหน!
“อย่างไรก็ดี ต้องขอขอบคุณพวกท่านทั้งสามด้วย!” เซียวหลิงอวิ๋นที่พูดไม่ออกเล็กน้อยรีบกล่าวอย่างจริงใจก่อนที่จะจากไป
“ขอบคุณหรือ ขอบคุณที่พวกเราทั้งสามคนให้ความร่วมมือในการเล่นละครฉากนี้กับเ้างั้นหรือ? เช่นนั้นก็ไม่ต้องขอบคุณหรอก พวกเราไม่้าคำขอบคุณจากเ้าเลย หากเป็อะไรที่เ้าควรจะพูดออกมาจากใจจริง ข้าคิดว่ามันควรเป็คำขอโทษมากกว่า เ้าไม่คิดบ้างหรือว่าการกระทำของเ้าเป็การทำให้ข้าและสหายเหมือนเป็ตัวตลก? ไหนจะเื่ที่ข้าพูดถึงคนที่สหายของข้าชอบต่อหน้าเ้าอีก รู้ไหมว่าข้ารู้สึกอย่างไรตอนที่เ้ายอมรับว่าตัวเองคือเซียวหลิงอวิ๋น? หรือเ้ารู้สึกยินดีที่ได้เห็นผู้หญิงทำหน้าเขินอายและกระวนกระวาย? ดังนั้น เ้าควรจะขอโทษพวกเรา ไม่ใช่ขอบคุณ!” เด็กสาวในชุดสีเหลืองหันกลับมา จ้องไปที่เซียวหลิงอวิ๋นพร้อมกับระบายความโกรธและความอึดอัดของนางออกมาในคราวเดียว!
เนื่องด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ทำให้หน้าอกที่อวบอัดและเติบโตเป็อย่างดีกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงในเวลานี้!
ดวงตาของเซียวหลิงอวิ๋นกวาดไปที่หน้าอกซึ่งกำลังสั่นไหวของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว หัวใจของเขาที่ถูกผนึกมานานนับพันปีพลันะโโลดเต้นราวกับกระต่ายตื่นตูมในทันที เขารีบก้มหน้าลงเพื่อระงับความว้าวุ่นในใจ และกล่าวขอโทษออกไปอย่างจริงใจ: “ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ ต้องขอโทษศิษย์พี่ทั้งสามด้วย หากการขอโทษของข้าทำให้พวกท่านรู้สึกดีขึ้นได้ ข้าก็ยินดีที่จะขอโทษเป็หมื่นครั้ง!”
“เป็หมื่นครั้งหรือ นั่นก็ออกจะเกินไปหน่อย หากเ้า้าขอโทษจริงๆ ต่อไปก็ขอให้เ้าทำดีกับลู่ลู่ของข้าให้มากแล้วกัน นางทั้งนิสัยดีและมากความสามารถ ข้าและอิ่งเอ๋อจะเอาใจช่วยพวกเ้าทั้งสองคนนะ!”
เซียวหลิงอวิ๋นถึงกับพูดอะไรไม่ออก ผู้หญิงคนนี้! จนท้ายที่สุดนางก็ยังอยากทำหน้าที่เป็แม่สื่อแม่ชักอยู่ดี!
แต่เมื่อพิจารณาจากประโยคนี้แล้ว ความโกรธของนางก็น่าจะจางหายลงไปบ้าง!
“เช่นนั้น ยาปราณโลหิตขวดนี้ถือเป็สินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ สำหรับศิษย์พี่ทั้งสามที่กรุณาเข้ามาช่วยเหลือ!” เมื่อเห็นว่าความโกรธของอีกฝ่ายเริ่มจางหายไปแล้ว เซียวหลิงอวิ๋นก็ถือโอกาสนี้รีบมอบขวดยาปราณโลหิตที่ผู้าุโจ้าวให้มาทันที!
เ้าหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่จะมีตำรับยาโบราณเท่านั้น ยังมีโอสถวิเศษหลายอย่างที่ศิษย์พี่จ้าวได้รับมาจากเ้าหนุ่มคนนี้ด้วย ยาปราณโลหิตงั้นหรือ ก็ได้ ข้าจะรับไว้ก็แล้วกัน เด็กสาวในชุดสีเหลืองครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยอมรับยาขวดนั้นมาโดยไม่ลังเลใดๆ!
...
ตามกฎแล้ว หลังจากคัดออกจนเหลือหนึ่งร้อยหกสิบคน (เฉพาะศิษย์ระดับกลาง) จากการทดสอบขั้นที่สอง ณ หอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้นแล้ว ก็จะมีเวลาว่างสองวันสำหรับการพักผ่อนและรักษาตัว ก่อนที่จะเริ่มการแข่งแบบแพ้คัดออกในขั้นที่สาม
สองวันที่ผ่านมานี้ นอกเหนือจากการเดินทางไปยังโรงตีอาวุธเพื่อซ่อมแซมดาบใหญ่เหล็กดำแล้ว เซียวหลิงอวิ๋นก็ใช้เวลาที่เหลืออยู่ในห้องของตนเอง เพื่อปรับสภาพร่างกายและจิตใจ เพ่งสมาธิไปที่การฝึกฝน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงวันที่สาม!
การแข่งขันแบบแพ้คัดออกสุดโหดของศิษย์ระดับล่าง ระดับกลาง และระดับสูง ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็ทางการ!
เซียวหลิงอวิ๋นปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับม่านที่เปิดออก!
หลังจากประสบความสำเร็จในการผ่านด่านชั้นที่เก้าของหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้นมาได้ เซียวหลิงอวิ๋นก็ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของตนเองเป็อย่างดี ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาเมื่อเทียบกับบรรดาศิษย์ระดับสูง ก็น่าจะอยู่ในจุดยอดเขาที่มีเพียงไม่กี่คนในสำนัก ส่วนบรรดาศิษย์ระดับกลางแล้ว อย่าว่าแต่ภายในเขตใต้ของสำนักิญญาเมฆาเลย ต่อให้เป็ทุกสาขาของสำนักิญญาเมฆา ก็ไม่มีใครสามารถแย่งเอาบัลลังก์ผู้ชนะที่ตกเป็ของเขาแล้วไปได้!
การต่อสู้กับคนกลุ่มนี้ไม่ต่างอะไรไปจากการแข่งขันระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่! สิ่งเดียวที่น่าสงสัย คืออีกฝ่ายจะสามารถอยู่รอดจากน้ำมือของเขาได้สักหนึ่งถึงสิบกระบวนท่าหรือไม่เท่านั้น!
กติกาในขั้นที่สามนี้จะเป็แบบแพ้คัดออก แม้จะฟังดูง่ายแต่ก็โเี้ ศิษย์หนึ่งร้อยหกสิบคนจะต้องจับคู่กันเพื่อต่อสู้ ผู้ที่ชนะจะได้ผ่านเข้าสู่รอบแปดสิบคนสุดท้าย จากนั้นผู้ที่เข้ารอบแปดสิบคนสุดท้ายก็จะต้องจับคู่กันเพื่อต่อสู้อีก ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเหลือเพียงสิบคนสุดท้าย จากนั้นทั้งสิบคนที่เหลือรอดก็จะต้องมาต่อสู้แบบพบกันพร้อมหน้าทั้งหมด โดยแต่ละคนจะต้องต่อสู้กับอีกเก้าคนที่เหลือ และจะตัดสินอันดับเป็ครั้งสุดท้ายโดยพิจารณาจากอัตราการแพ้ชนะ!
เซียวหลิงอวิ๋นไม่ได้ใส่ใจกับการประกาศของอาจารย์ผู้สอนมากนัก หลังจากที่ถูกเรียกชื่อ เขาก็เดินขึ้นไปรับหมายเลข แล้วเซียวหลิงอวิ๋นก็ตกตะลึงเล็กน้อย เพราะหมายเลขที่เขาได้คือหมายเลขหนึ่ง
กระนั้นเขาก็ตั้งสติได้ในทันทีเช่นเดียวกัน!
แท้จริงแล้วหมายเลขดังกล่าวจะยึดตามผลของการทดสอบรอบก่อนหน้าที่หอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้น! แน่นอนว่าความสำเร็จของเขาในหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้นนั้นก็ไม่มีใครเทียบได้ ทำให้หมายเลขที่เขาได้รับจึงเป็หมายเลข 1 ไปโดยปริยาย! นั่นหมายความอันดับสุดท้าย หรือก็คือหมายเลขหนึ่งร้อยหกสิบ จะกลายเป็คู่ต่อสู้ของเขา!
การจับคู่นั้นง่ายมาก หมายเลขหนึ่งพบกับหมายเลขหนึ่งร้อยหกสิบ หมายเลขสองพบกับหมายเลขหนึ่งร้อยห้าสิบเก้า... หมายเลขแปดสิบพบกับหมายเลขแปดสิบเอ็ด
วิธีการจับคู่เช่นนี้ถือการส่งเสริมให้ศิษย์ทำผลงานออกมาได้ดีในทุกรอบของการทดสอบก่อนหน้า อีกประการคือเพื่อให้แน่ใจว่าลูกศิษย์ที่มีผลการทดสอบที่ดีเยี่ยม จะได้รับโอกาสในการเข้าสู่รอบถัดไปมากขึ้น หรืออาจจะติดสิบอันดับแรกเลยก็ได้
งานประลองขั้นที่สามของทั้งห้าเขตในสำนักจะเริ่มต้นขึ้นพร้อม กัน แต่ที่น่าจับตามองมากที่สุดก็ยังคงเป็กลุ่มศิษย์ระดับกลางของเขตใต้!
บนอัฒจันทร์มีเก้าอี้นอนโบราณถูกจัดวางเอาไว้รอบๆ!
ผู้ที่นั่งอยู่ทั้งสองฟากฝั่งคือหัวหน้าเขตทั้งห้าท่าน หัวหน้าคณะอาจารย์ของแต่ละเขต และที่อยู่เยื้องๆ ตรงกลางมาหน่อยคือเ้าสำนักชื่อ จ้าวเหวินจัว และรองเ้าสำนักอีกสองท่าน ส่วนสองท่านที่อยู่ที่นั่งตรงกลางจะต้องเป็ผู้าุโจากสำนักหลัก ทว่ามีเพียงชายชราร่างสูงเ้าของเคราแพะเท่านั้นที่เผยรูปร่างของตัวเองให้เห็น ในขณะที่ชายชราร่างผอมถูกห้อมล้อมด้วยหมอกควัน จนทำให้ไม่สามารถมองเห็นรูปร่างที่แท้จริงของเขา แม้แต่คนที่อยู่ใกล้ๆ อย่างเ้าสำนักชื่อและจ้าวเหวินจัว ก็ยังไม่สามารถมองผ่านหมอกควันนี้ได้เช่นเดียวกัน
การต่อสู้คู่แรกคือหมายเลขตรงกลางของในแต่ละเขต!
ศิษย์สองคนแรกที่ปรากฏตัวในการประลองในระดับกลางของเขตใต้ซึ่งเป็กลุ่มของเซียวหลิงอวิ๋น คือหมายเลขแปดสิบและหมายเลขแปดสิบเอ็ด
ทั้งสองคนต่างก็มีความแข็งแกร่งพอๆ กัน ทำให้เป็การต่อสู้ที่ดูดุเดือดอย่างยิ่ง แต่ในสายตาของเซียวหลิงอวิ๋นและผู้ที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ นี่ถือเป็การต่อสู้แบบธรรมดาสามัญ ไม่ควรค่าแก่การดูเท่าไรนัก หลังจากต่อสู้ผ่านไปได้ครึ่งชั่วก้านธูป หมายเลขแปดสิบก็จัดการเผด็จศึก เอาชนะหมายเลขแปดสิบเอ็ดมาได้อย่างยากลำบาก กลายเป็ศิษย์คนแรกที่ได้ก้าวเข้าสู่รอบแปดสิบคนสุดท้าย!
ยิ่งการประลองผ่านไปนานเท่าไร ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายก็ดูจะห่างชั้นกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เวลาในการประลองรอบถัดไปสั้นลงเรื่อยๆ จากครึ่งชั่วก้านธูปลดลงจนเหลือเพียงหนึ่งในห้าของชั่วก้านธูปเท่านั้น!
หมายเลขสามสิบเจ็ดพบกับหมายเลขหนึ่งร้อยยี่สิบสี่
ดวงตาของเซียวหลิงอวิ๋นเป็ประกายขึ้นมา เมื่อเขาเห็นเ้าอ้วนพานเสี่ยวปิง!
เ้าอ้วนทำผลงานออกมาได้ดี อยู่ในอันดับที่สามสิบเจ็ดของการทดสอบที่หอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้น!
