เมื่อได้ฟังจุนเช่อ เฉินเสาอวี่ก็พูดขึ้นว่า “ข้าไม่ไป” พร้อมมองจุนเช่อที่มีท่าทีไม่เกรงกลัวราวกับเื่ที่เขาพูดเป็เื่จริง เขาเริ่มคิดแล้วว่า จุนเช่ออาจจะเป็ลูกผู้พี่ของหานรุ่ยจริง ขืนตามไปทุกคนก็จะรู้ว่า ตนเองใส่ร้ายป้ายสีหานรุ่ย ชื่อเสียงของตนในหมู่บ้านก็จะต้องเสื่อมเสียเป็แน่
“เ้าต้องไป ข้าจะได้พิสูจน์ว่า ข้าและลูกผู้น้องบริสุทธิ์ เ้าไม่ไปไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเ้าต้องขอโทษพวกเราต่อหน้าทุกคนในหมู่บ้านนี้ และบอกว่า เ้าใส่ร้ายพวกเรา มิเช่นนั้นเื่นี้ไม่จบแน่” จุนเช่อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แปรเปลี่ยนจากความอ่อนโยนก่อนหน้านี้ ซวงเอ๋อร์ผู้นี้ มีพิษสงเยอะเหลือเกิน
เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างรีบพูดกันว่า “มองอย่างไร เฉินเสาอวี่ก็ดูไม่อยากไปกับพวกเขา อย่าบอกนะว่า เขาใส่ร้ายพวกหานรุ่ยจริง ๆ”
“ใช่ ดูเหมือนว่า เฉินเสาอวี่จะใจปลาซิว ไม่กล้าไปพิสูจน์ คิดไม่ถึงเลยว่า เฉินเสาอวี่จะเป็คนเช่นนี้”
“ข้ารู้แต่แรกแล้วว่า เฉินเสาอวี่เป็พวกหลอกลวง พวกเ้าไม่ยอมเชื่อที่ข้าพูด”
“……”
ทุกคนต่างแย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์ เสียงพูดอื้ออึงไปหมด อย่างไรก็ตามตอนนี้มติมหาชนเริ่มเอนเอียงไปทางหานรุ่ย แต่ก็ยังมีบางคนบอกว่า เฉินเสาอวี่ไม่ใช่คนเช่นนั้น อยู่เช่นกัน
เมื่อได้ยินเสียงวิเคราะห์ของคนที่มามุงดูต่างแย่งกันพูด สีหน้าชิงชังของเฉินเสาอวี่ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น หานรุ่ยพูดกับจุนเช่อว่า “ลูกผู้พี่ ในเมื่อเขาไม่ยินยอมที่จะไปกับพวกเรา ข้าก็ไม่้าคำขอโทษจากเขาหรอก แต่ข้าขอจัดการปากเน่า ๆ นี้สักทีเถอะ” เมื่อหานรุ่ยกล่าวจบ ก็พลันถีบเฉินเสาอวี่จนปลิว
จากนั้นก็พูดกับจุนเช่อว่า “ไปกันเถอะ ข้าอยากทำเช่นนี้มาั้แ่แรกแล้ว ได้ถีบมันครั้งนี้ ทำให้ข้าโล่งใจขึ้นมาก” เมื่อกล่าวจบ หานรุ่ยไม่แม้แต่จะชายตามองเฉินเสาอวี่ที่กำลังนอนอยู่บนพื้น พร้อมเดินจากไปอย่างไม่แยแส
“เขาจะไม่เป็อันใดหรือ?" จุนเช่อถาม พอเห็นหานรุ่ยถีบเฉินเสาอวี่ด้วยเท้าเช่นนี้ เขาก็ตะลึง จุนเช่อรู้สึกมาตลอดว่า น้องสะใภ้ของเขาผู้นี้ เป็คนที่ใจเย็น เมื่อมองดูเฉินเสาอวี่ที่นอนกองอยู่กับพื้น จุนเช่อก็รู้สึกเจ็บแทน
“ไม่ตายหรอก ข้าควบคุมพลังไว้แล้ว อย่างน้อยก็คงต้องนอนพักฟื้นอยู่ที่เตียงสัก 10 วัน จนถึงครึ่งเดือน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะฉีกหน้าผู้ใหญ่บ้าน” หานรุ่ยพูดกับจุนเช่อ พลางคิดในใจว่า ยามนี้เป็่เวลาที่ค่อนข้างวุ่นวาย คงไม่ดีแน่ ถ้าจะมีเื่กับผู้ใหญ่บ้าน ปล่อยไปบ้างก็ดี
จุนเช่อพูดด้วยใบหน้าที่มีความสุขว่า “ดีแล้วที่เ้าไม่ฆ่าเขา” จากนั้นเขาก็แสดงความรู้สึกผิดต่อหานรุ่ยและกล่าวว่า “เป็เพราะข้าและจุนฟานแท้ ๆ ที่ทำให้พวกเ้าต้องเหนื่อย ทำให้พวกเ้าต้องรู้สึกเหมือนกำลังถูกมัดมือมัดเท้า ไม่อาจทำอะไรตามใจได้สักเท่าไหร่” ในสายตาของจุนเช่อ เฉินเสาอวี่ก็เป็แค่มดตัวนึง ทั้งที่เป็แค่มด แต่ก็กล้าที่จะทำตัวหยิ่งยโส ถ้าเป็จุนเช่อในอดีต ป่านนี้เขาก็คงจะชกไปสักหมัดแล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็แบบนั้นแล้ว
“ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกท่านหรอก ที่เฉินเสาอวี่ทำตัวยโสโอหังได้ถึงเพียงนี้ สาเหตุก็มาจากพวกเรานั่นแหละ ข้ากับจุนห่าวอดทนกับเื่นี้มาตลอด แต่เฉินเสาอวี่เอาความอดกลั้นของพวกเรามาเป็จุดอ่อน และเริ่มหยิ่งผยองมากขึ้นเรื่อย ๆ” หานรุ่ยกล่าวกับจุนเช่อ เฉินเสาอวี่ไม่เคยมายุ่งจนถึงขีดจำกัดของเขา อย่างน้อยก็แค่ออกมากวนประสาทบ้างเป็ครั้งคราว แต่เพราะเฉินเสาอวี่มาชอบจุนห่าว หานรุ่ยจึงอยากจะฆ่าเขาเสีย ดังนั้นจึงได้ผลลัพธ์อย่างในวันนี้
“หานรุ่ย เ้ารอข้าก่อน ข้าไม่ปล่อยเ้าไปง่าย ๆ หรอก ข้าจะทำให้เ้าเสียใจที่ทำกับข้าเยี่ยงนี้” เฉินเสาอวี่ที่นอนกองกับพื้น ะโไล่หลังหานรุ่ย แรงถีบของหานรุ่ยนั้นไม่ได้เบาเลย เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่หานรุ่ยไม่เดินกลับมา เขาไม่คิดว่าหานรุ่ยจะกล้าทำร้ายเขา นี่เป็ครั้งแรกที่เขาถูกทำร้ายต่อหน้าคนในหมู่บ้าน
“ข้าจะรอแล้วกัน” หานรุ่ยตอบกลับ โดยไม่หันหน้ากลับไป แม้เขาจะไม่ได้หันกลับไปมอง แต่เขาก็พอจะนึกสีหน้าท่าทางของเฉินเสาอวี่ออก เขาไม่้าเห็นใบหน้าอันน่ารังเกียจและเต็มไปด้วยความเกลียดชังเช่นนั้นหรอก
จุนเช่อคิด “...... คิดไม่ถึงว่า ซวงเอ๋อร์ที่มีนามว่า ‘เฉินเสาอวี่’ จะกล้ายั่วยุหานรุ่ยจนเดือดดาลขนาดนี้”
ผู้คนโดยรอบต่างคิดว่า “เฉินเสาอวี่ช่างไร้ยางอาย จิตใจของเขาร้ายกาจยิ่งนัก หานรุ่ยเองก็ช่างดุดันเสียจริง แม้แต่เฉินเสาอวี่ก็ยังกล้าทำร้าย เฉินเสาอวี่คงทำให้หานรุ่ยรู้สึกกระอักกระอ่วนใจจนทนไม่ไหวจริง ๆ สินะ”
