สำหรับการลอบโจมตีของเฮ่อเหยินอี้นั้น หลงอวี้ได้เตรียมการป้องกันไว้แล้ว เมื่อม่านเหล็กพิชิตมารปรากฏ ก็ได้ต้านรับคมมีดวายุที่ลอบโจมตีทั้งหมดอย่างง่ายดาย
หลังจากนั้น หลงอวี้ก็หันหลังกลับไปปล่อยแก่นสยบฟ้า
พริบตานั้นก็ได้มีแรงกดทับที่ทรงพลังยิ่งกว่าของเฟิงอวิ๋นเมื่อครู่นี้กดทับลงมาจากฟ้า กดทับร่างกายของเฮ่อเหยินอี้ที่ลอบโจมตี ทำเอาเขาหน้าถอดสีไป
“จินตภาพนี่มัน ทรงพลังขนาดนี้เลยเรอะ!”
เฮ่อเหยินอี้ที่เป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษ ย่อมต้องรับรู้ถึงการมีอยู่ของจินตภาพ แต่ว่า เขากลับยังไม่สามารถบรรลุถึงจินตภาพได้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแก่นสยบฟ้าที่หลงอวี้ปล่อยออกมา ร่างกายของเขาก็ราวกับเคลื่อนที่ช้าลง แม้แต่การไหลเวียนของลมปราณในร่างก็ยังช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง
“ศิษย์พี่เหยินอี้!”
หลงอวี้แผดเสียงตะคอก
. “เ้าบอกว่าจะออมมือให้ข้าสามกระบวนท่า แต่กลับลอบกัดเช่นนี้ คิดจะทำร้ายข้าจนถึงแก่ความตายเลยหรือไร?”
เมื่อสิ้นเสียง หลงอวี้ก็ก้าวพริบตาอีกหนึ่งก้าว เคลื่อนตัวประชิดกับเฮ่อเหยินอี้ จากนั้นก็ชกเข้าใส่บริเวณท้องน้อยของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง!
รูม่านตาของเฮ่อเหยินอี้พลันหดลง แม้จะมองเห็นการเคลื่อนไหวของหลงอวี้อย่างชัดเจนและคิดจะป้องกัน แต่ภายใต้การสะกดพลังของแก่นสยบฟ้าแล้ว การเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่อาจตามทันความคิดของตัวเองได้
และวินาทีต่อมา
ผัวะ!
เฮ่อเหยินอี้ส่งเสียงโหยหวน ก่อนจะล้มลงพื้นดังตึง สองมือกุมท้องดิ้นพล่านอย่างทรมาน
ตันเถียนของเขาถูกหลงอวี้ใช้พละกำลังกว่าสองแสนชั่งบดขยี้ทิ้งอย่างง่ายดาย ถูกทำลายวรยุทธ์จนกลายเป็สวะไปแล้ว!
“เ้าคิดจะฆ่าข้า แต่ข้ากลับไว้ชีวิตเ้าหนึ่งครั้ง เ้าควรจะดีใจนะ”
พอหลงอวี้พูดจบก็หันหลังเดินจากไปทันที!
หลังจากเอาชนะเฮ่อเหยินอี้ได้อย่างง่ายดาย หลงอวี้ก็กลายเป็ลูกศิษย์อันดับที่หนึ่งร้อยแปดของลัทธิสยบฟ้า มีสิทธิ์เข้าไปยังูเาหลังหอวิทยายุทธ์เพื่อเลือกวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษมาฝึกได้
ขณะที่เฮ่อเหยินอี้ร้องครวญครางอยู่ที่พื้น ทั่วทั้งลานกว้างพลันเงียบกริบไป
ทุกคนต่างตื่นตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คาดคิดว่าผลการประลองระหว่างเฮ่อเหยินอี้กับหลงอวี้จะออกมาเป็แบบนี้!
แต่เดิมพวกเขาคิดว่าเ้าหลงอวี้มันช่างใจร้อนและอวดดีเหลือเกิน เพิ่งเข้าลัทธิมาเพียงสองเดือนก็จะท้าประลองเลื่อนขั้นเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษ มันต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน แต่ความจริงที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่พวกเขาคิดไว้อย่างสิ้นเชิง
หลงอวี้ไม่เพียงแต่เอาชนะเฮ่อเหยินอี้ได้เท่านั้น แต่ยังทำลายวรยุทธ์ของเฮ่อเหยินอี้ได้อย่างง่ายดาย!
“จู่ๆ ก็ทำลายวรยุทธ์ของผู้อื่นทิ้ง จิตใจช่างต่ำช้า อำมหิตเสียจริง!”
เสียงพูดอันเ็าดังมาจากทางอัฒจันทร์ เป็เฟิงอวิ๋นนี่เอง!
เฟิงอวิ๋นตอนนี้ใช้สายตาเ็าจ้องหลงอวี้เขม็ง พลางพูดอย่างดูแคลน
. “คนอย่างมัน ต่อให้ระดับวรยุทธ์สูงกว่านี้ ก็เป็แค่ตัวกาลกิณีของลัทธิสยบฟ้าอยู่ดี!”
ตอนแรกหลงอวี้ไม่คิดจะสนใจเฟิงอวิ๋น เพราะถึงอย่างไรเขาก็ต้องไปเผชิญหน้ากับมันที่งานชุมนุมตระกูลเฟิงอยู่แล้ว
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของมัน หลงอวี้ก็หันไปมองแล้วตอกกลับไปทันที
“หากเช่นข้าเรียกว่าจิตใจต่ำช้าละก็ แล้วเ้าเฮ่อเหยินอี้ที่คิดจะสังหารข้าแล้วชิงรองเท้าศึกไปเล่าจะเรียกว่าอะไร แล้วเ้าล่ะเฟิงอวิ๋น ก่อนหน้านี้เ้าที่วรยุทธ์ขั้นแปดกลับมารังแกข้าที่เพิ่งจะขั้นห้า ทำร้ายขาขวาของข้าจนสาหัส แล้วยังซัดเข้าที่หน้าอกของข้าอีก อย่างนี้ควรเรียกว่าอะไร!”
เมื่อพูดจบ ผู้คนไม่น้อยที่อยู่รอบๆ ก็พากันมองเฟิงอวิ๋นทันที
จริงสิ ตอนนั้นเฟิงอวิ๋นที่มีฐานะเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษ กลับไปรังแกลูกศิษย์หน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าลัทธิมาได้ไม่กี่วัน แถมยังมีวรยุทธ์เพียงขั้นห้า เขาลงมืออย่างโหดร้ายทารุณ ขยี้ขาขวาหลงอวี้จนาเ็สาหัส แบบนี้ไม่ต่ำช้าอำมหิตยิ่งกว่าหรือ
เ้าเฟิงอวิ๋นยังพูดจาแบบนั้นออกมาได้!
พอเห็นสายตาของผู้คนรอบข้าง เฟิงอวิ๋นก็พูดไม่ออก ได้แต่กล้ำกลืนความโกรธไว้ ขณะเดียวกันความชิงชังที่มีต่อหลงอวี้ก็ยิ่งเพิ่มเพิ่มขึ้น
‘สักวันหนึ่ง ข้าจะทำให้เ้าต้องมาหมอบคลานอยู่ใต้เท้าข้า!’
เฟิงอวิ๋นคิดในใจเช่นนั้น พร้อมแสยะยิ้มชั่วร้าย!
หลังจากปะทะฝีปากกันไปแล้ว หลงอวี้ก็ไม่ได้สนใจเฟิงอวิ๋นอีก เดินกลับมาอยู่ข้างๆ หลิงหานอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่ ตาท่านแล้ว”
หลงอวี้พูดด้วยรอยยิ้ม
แต่จู่ๆ หลิงหานก็หัวเราะ
“ไม่ๆๆ ข้าไม่ต้องประลองแล้ว ตัวข้าในตอนนี้ได้เป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับที่หนึ่งร้อยเจ็ดแล้ว!”
“อ้าว?”
หลงอวี้ประหลาดใจเล็กน้อย
“ข้าไปประลองเลื่อนขั้นั้แ่เมื่อคืน สุดท้ายก็เป็ฝ่ายชนะ”
หลิงหานพูด
“อย่างนี้นี่เอง”
หลงอวี้พยักหน้า คิดไม่ถึงว่าหลิงหานจะอยากเลื่อนขั้นเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษจนอดใจรอไม่ไหว พอทะลวงขีดจำกัดขึ้นสู่วิถียุทธ์ขั้นแปดได้ก็รีบไปท้าประลองกับอีกฝ่ายทันที
แม้จะไม่มีการต่อสู้แบบเปิดเผย แต่ขอเพียงอีกฝ่ายยอมแพ้ การประลองนี้ก็ถือว่ามีผล
“พวกเราไปที่หอผู้าุโพร้อมกันเถิด ไปรับแผ่นตราประจำตัวของลูกศิษย์ระดับพิเศษกันก่อน จากนั้นค่อยไปทีู่เาด้านหลังหอวิทยายุทธ์”
หลิงหานหัวเราะพร้อมกับเดินนำทางไป
หลงอวี้ก็ย่อมต้องเดินตามไปด้วย ส่วนพวกคนที่อยู่ในลานประลองพอเห็นว่าไม่มีอะไรสนุกๆ ให้ดูแล้วก็พากันแยกย้าย
การประลองสองครั้งก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งของเฟิงอวิ๋นนั้นไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว แต่ความแข็งแกร่งของหลงอวี้ ในที่สุดก็ถูกผู้คนนับพันเล่าขานออกไปแบบปากต่อปากอย่างรวดเร็ว
ภายในลัทธิสยบฟ้าก่อนหน้านี้ มีคนที่เคยได้ยินเื่ของหลงอวี้อย่างมากสุดก็แค่หนึ่งถึงสองส่วนจากทั้งหมด
แต่หลังจากนี้ไป ชื่อของหลงอวี้จะถูกร่ำลือจนกลายเป็ที่รู้จักในกลุ่มลูกศิษย์ลัทธิสยบฟ้าเกือบทุกคนอย่างแน่นอน!
สำหรับลูกศิษย์ระดับล่างและระดับสูงแล้ว ลูกศิษย์ระดับพิเศษนั้นเป็แบบอย่างสำหรับพวกเขา อีกทั้งยังเป็เป้าหมายที่พวกเขาพยายามจะเอาชนะให้ได้ สำหรับลูกศิษย์ระดับพิเศษ แม้หลงอวี้จะมีอันดับท้ายสุดคืออันดับที่หนึ่งร้อยแปด แต่หลงอวี้ก็มีสิทธิ์ที่จะเป็คู่ต่อสู้ของเหล่าลูกศิษย์ระดับพิเศษ
......
ลัทธิสยบฟ้า หอผู้าุโ
ลูกศิษย์ทั่วไปไม่ค่อยจะมายังสถานที่แห่งนี้สักเท่าไร เพราะที่นี่คือสถานที่ที่เหล่าผู้าุโนับสิบคนของลัทธิสยบฟ้าพักอาศัยและฝึกฝน หากไม่มีเื่อะไร ที่นี่ถือเป็เขตห้ามเข้า
เพียงแต่ หลงอวี้และหลิงหานที่ได้รับการเลื่อนขั้นนั้น ต้องมาที่นี่เพื่อขอรับตราประจำตัวชิ้นใหม่
ตราประจำตัวของลูกศิษย์ระดับพิเศษผู้าุโทั้งหลายจะรับหน้าที่ดูแลด้วยตัวเอง ไม่ปล่อยให้ลูกศิษย์ดูแลกันเองอยู่แล้ว
“หอผู้าุโของลัทธิเรานั้นมีผู้าุโอยู่ทั้งหมดสิบสามท่าน ล้วนเป็ยอดฝีมือที่สร้างิญญาแท้ได้แล้วทั้งสิ้น มีแค่อัจฉริยะที่ทะลวงขอบเขตวิถียุทธ์ทั้งเก้าขั้นไปได้แล้วเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปยังหอผู้าุโและกลายเป็ผู้าุโของลัทธิได้”
หลิงหานเดินทางไปพลางแนะนำให้หลงอวี้ฟัง
“ผู้าุโของหอผู้าุโนับว่ามีสิทธิ์มีเสียงในลัทธิอย่างแท้จริง เป็เสาหลักของลัทธิเรา เทียบกันแล้ว ผู้าุโระดับผู้คุมกฎนั้น ล้วนเป็คนที่ถูกคัดเลือกจากเหล่าลูกศิษย์ขั้นเก้าที่มีอายุสี่สิบปีแล้วแต่ยังไม่สามารถทะลวงขีดจำกัดขึ้นไปอีกระดับได้ ผู้คุมกฎจะทำได้แค่ดูแลเื่ทั่วไปกับแก้ไขความขัดแย้งระหว่างลูกศิษย์เท่านั้น”
พอฟังคำแนะนำของหลิงหานจบ หลงอวี้ก็นึกถึงฉินเทียนเชวี่ยที่เขาฆ่าไปก่อนหน้านี้ อาจารย์ของมัน ถานอู๋โจวคือผู้าุโระดับผู้คุมกฎนี่เอง
เพียงแต่ระดับพลังของถานอู๋โจวนั้น เหมือนจะเหนือกว่าวิถียุทธ์ขั้นเก้าขึ้นมาเล็กน้อย แล้วทำไมถึงยังเป็ผู้คุมกฎอยู่อีก?
“ศิษย์พี่ ถ้ากลายเป็ผู้คุมกฎแล้ว จากนั้นจู่ๆ ก็สามารถสร้างิญญาแท้ขึ้นได้ คนผู้นั้นจะได้เป็ผู้คุมกฎต่อไปหรือว่าได้เข้าหอผู้าุโ?”
หลงอวี้ขมวดคิ้วถาม
“ก็ต้องเป็ผู้คุมกฎเหมือนเดิมอยู่แล้ว”
หลิงหานตอบกลับ
“เหล่าผู้าุโที่อยู่ในหอผู้าุโล้วนเป็อัจฉริยะมากพร์ทั้งสิ้น เป็ผู้ที่สนับสนุนลัทธิให้เจริญก้าวหน้า หากอายุเกินสี่สิบปีแล้ว แม้จะทะลวงขีดจำกัดของวรยุทธ์ทั้งเก้าขั้นได้ แต่ความสำเร็จในวิถีแห่งวรยุทธ์ของคนผู้นั้นก็เหลือไม่มาก จึงไม่มีสิทธิ์เข้าสู่หอผู้าุโได้อีก”
“เข้าใจแล้ว”
หลงอวี้พยักหน้า
ดูท่าผู้คุมกฎถานอู๋โจวนั่น เพิ่งทะลวงขีดจำกัดได้หลังอายุสี่สิบปี หากเป็เช่นนี้ ถานอู๋โจวก็น่าจะเป็คนที่มีอำนาจที่สุดในบรรดาผู้คุมกฎ
แม้เื่ครั้งก่อนจะผ่านไปแล้ว แต่หลงอวี้ก็อดระแวงไม่ได้
ถึงอย่างไรเขาก็เป็คนลงมือสังหารลูกศิษย์ของถานอู๋โจว อย่างไรก็ต้องเตรียมตัวป้องกันการแก้แค้นของอีกฝ่ายไว้!
ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงป่าไผ่ที่เงียบสงบและงามสง่าผืนหนึ่ง ภายในป่าไผ่ มีหอไม้ไผ่ที่ดูงดงามหลังหนึ่งตั้งอยู่ บนนั้นมีตัวอักษรคำว่า ‘หอผู้าุโ’ เขียนไว้
ด้านหลังป่าไผ่ เป็ูเาลำเนาไพรที่งดงามผืนหนึ่ง น่าจะเป็จุดที่เหล่าผู้าุโทั้งหลายใช้ชีวิตและฝึกฝนกัน
“ศิษย์หลงอวี้ ได้เลื่อนขั้นเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษแล้ว จึงมาขอรับตราประจำตัวขอรับ!”
เมื่อถึงหน้าประตูหอผู้าุโ ทั้งสองก็ได้ทักทายอย่างนอบน้อม
“หลงอวี้ หลิงหาน? พวกเ้าสองคนเองหรือ... แค่กๆ เข้ามาเถิด!”
มีเสียงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งดังมาจากในหอผู้าุโ ฟังดูเหมือนจะาเ็ หลงอวี้และหลิงหานหันมาสบตากันด้วยความประหลาดใจ
ยอดฝีมือของหอผู้าุโได้รับาเ็อย่างนั้นหรือ
ทั้งสองก้าวเท้าเข้าไปด้านใน สภาพภายในหอทำให้พวกเขาตะลึงไปทันที
ภายในหอผู้าุโนั้น มีคนยืนอยู่สิบกว่าคน ทุกคนล้วนมีกลิ่นอายแข็งแกร่งทรงพลัง น่าจะเป็ผู้าุโของหอผู้าุโทั้งหมดไม่ผิดแน่
เพียงแต่ตอนนี้ ผู้าุโทั้งสิบสองคนในหอนั้นกลับมีสีหน้าไม่ดีสักเท่าไร!
‘อ้าว ผู้เฒ่าขาวกับผู้เฒ่าดำก็อยู่ด้วย...’
หลงอวี้เห็นคนรู้จัก แต่ไม่ได้ส่งเสียงทักทาย ถึงอย่างไร ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ที่เขาจะส่งเสียงดังไร้สาระได้
เพียงแต่พอเห็นผู้เฒ่าดำแล้วหลงอวี้นึกขึ้นได้ว่า ผู้เฒ่าดำออกไปตามหาผู้าุโอวี้ไม่ใช่หรือ
แต่ตอนนี้ผู้เฒ่าดำกลับมาแล้ว อย่างนั้นผู้าุโอวี้ล่ะ?
หลงอวี้กวาดตามองไปรอบๆ ในที่สุดก็เห็นชายชราในชุดสีดำผู้หนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ด้านหลังของห้อง
นอกจากผู้าุโอวี้แล้วจะเป็ใครได้อีก?
พอเห็นเช่นนั้น หลงอวี้และหลิงหานก็ใจหายทันที ผู้าุโอวี้กลับมาแล้ว แต่กลับนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ ผู้าุโในตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
“ผู้าุโอวี้ยังมีชีวิตอยู่ พวกเ้านั่งลงเถิด”
เสียงของชายวัยกลางคนเมื่อครู่นี้ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทั้งสองคนเลื่อนสายตากลับมา มองเห็นชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อผ้ามีลายผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่
ในหอผู้าุโ แม้แต่ผู้เฒ่าขาวและผู้เฒ่าดำก็ยังยืนอยู่ แต่ชายวัยกลางคนผู้นี้กลับนั่ง เห็นได้ชัดว่าจะต้องมีฐานะสูงส่งไม่เบา!
“ไอ้หนุ่ม ท่านผู้นี้คือประมุขของลัทธิเรา ประมุขไป๋”
ผู้เฒ่าขาวพูดขึ้น ในที่สุดหลงอวี้ก็รู้ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้เป็ใคร
ประมุขคนปัจจุบันของลัทธิสยบฟ้า ‘ไป๋อวิ๋นจง’!
สมัยที่หลงอวี้ยังไม่ได้เข้าลัทธิสยบฟ้า ตัวเขาที่ยังอยู่ในเมืองอวี้กวนเคยได้ยินนามอันสูงส่งของไป๋อวิ๋นจงมาก่อน เขาเคยเป็ขุนพลใหญ่ในเขตพระราชฐาน รบชนะไปทั่วทุกสารทิศ สังหารข้าศึกมานับครั้งไม่ถ้วน!
ต่อมาได้ถูกไหว้วานให้รับหน้าที่เป็ประมุขของลัทธิสยบฟ้า จึงขึ้นเป็ประมุขของลัทธิจนถึงทุกวันนี้
หลงอวี้มองสำรวจอย่างอดไม่ได้ เมื่อดูจากภายนอกไป๋อวิ๋นจงน่าจะมีอายุราวสามสิบกว่าปีเท่านั้น ผมของเขาสั้น มุมปากทั้งสองข้างไว้หนวดเล็กๆ ถ้าดูจากภายนอกก็มองไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็ประมุขของลัทธิใหญ่ลัทธิหนึ่ง
เพียงแต่บรรยากาศที่มาจากตัวของไป๋อวิ๋นจงนั้น กลับดูทรงพลังกว่าเหล่าผู้าุโเช่นผู้เฒ่าขาวผู้เฒ่าดำอย่างเห็นได้ชัด!
ประมุขท่านนี้ ไม่ใช่ว่าไปทวงถามความยุติธรรมกับลัทธิพันไหมหรอกหรือ หรือว่าไปกลับมาแล้ว?
ทว่าท่าทางไป๋อวิ๋นจงจะได้รับาเ็เช่นกัน หรือจะเสียท่าให้กับลัทธิพันไหม?
พอเห็นว่าหลงอวี้มองสำรวจตัวเอง ไป๋อวิ๋นจงก็เลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้
“ทำไม ข้าดูไม่เหมือนประมุขหรือ”
“จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ ท่านประมุขดูองอาจแก่กล้า ใต้หล้าไร้ผู้ใดเทียบได้”
หลงอวี้รีบพูดทันที
“อย่างนั้นหรือ”
ไป๋อวิ๋นจงได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะอย่างเฉยชา
“เ้านี้ปากหวานเสียจริง แต่ข้าขอถามอะไรเ้าหน่อย สภาพข้าตอนนี้ยังมีตรงไหนที่ดูองอาจแก่กล้าอยู่อีกหรือ”
เขาาเ็สาหัสจริงๆ!
เื่นี้ทำให้หลงอวี้หน้าเสียไปทันที
คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ประมุขของลัทธิที่ไปทวงถามความยุติธรรมจากลัทธิพันไหมยังได้รับาเ็กลับมา
เกิดอะไรขึ้นตอนอยู่ที่ลัทธิพันไหมกันแน่?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้