ภายในโรงเตี้ยมขนาดเล็กมีผู้คนมากมายเบียดเสียดกันไปมา
กูเฟยเยี่ยนยืนอยู่ตรงมุมกำแพงโดยที่จวินจิ่วเฉินยืนประจันหน้ากับนางทางด้านหน้า เขาดันผู้คนที่อยู่ด้านหลังให้เขยิบถอยออกไปครั้งแล้วครั้งเล่าโดยเห็นได้ชัดว่าจงใจเว้นระยะห่างจากกูเฟยเยี่ยน
เขาสูงกว่ากูเฟยเยี่ยนมากกว่าหนึ่งคืบ สายตามองไปที่กำแพงสีขาวโดยข้ามศีรษะของกูเฟยเยี่ยนไป ทางด้านของกูเฟยเยี่ยนนั้นก้มหน้าก้มตาลอบอมยิ้มด้วยความดีอกดีใจ นางมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ได้โกรธนางแล้ว
นางคิดว่าเื่ที่สามารถให้อภัยได้ ที่จริงแล้วในใจเขาคงจะไม่นับว่าเป็เื่ใหญ่ใช่หรือไม่?
ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปชั่วขณะคนที่หลบฝนอยู่ด้านนอกกระโจมก็ได้ผลักดันเข้ามาเบียดเสียดที่ด้านในทั้งหมด ไม่นานก็มีคนเบียดเข้าหากูเฟยเยี่ยนจากทั้งสองข้าง
หมางจ้งรีบมาขวางกั้นทางด้านขวาทันที จวินจิ่วเฉินเขยิบเข้าใกล้แล้วยื่นมือไปยันบนกำแพงเพื่อปกป้องกูเฟยเยี่ยนจากทางด้านซ้าย กูเฟยเยี่ยนนับได้ว่าได้รับการปกป้องอย่างสมบูรณ์
นางรีบเงยหน้าขึ้นมาแล้วกระซิบแ่เบา “ขอบพระทัยเตี้ยนเซี่ยเพคะ”
แม้ว่าจวินจิ่วเฉินไม่สนใจนาง นางก็ไม่ถือสา นางดีใจอยู่คนเดียวแล้วหันไปหาหมางจ้งด้วยแววตาขอบคุณ ทว่าทางด้านเ้านายนั้นยังไม่พูดอะไรออกมาหมางจ้งจะกล้าตอบกลับได้อย่างไร? เขาเผยถึงรอยยิ้มที่ค่อนข้างอึดอัดแล้วหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าควรทำตัวอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้
ในขณะนี้เองจู่ๆ กลุ่มคนด้านหลังก็ได้พรั่งพรูเข้ามา จวินจิ่วเฉินที่ไม่ได้ระมัดระวังก็ได้ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จนทำให้เขยิบเข้ามาใกล้กับกูเฟยเยี่ยน
กูเฟยเยี่ยนตระหนักได้ว่าตนเองต้องถอยหลังไป ทว่าน่าเสียดายที่แผ่นหลังของนางได้แนบชิดไปกับกำแพงและไม่มีทางให้ถอยไปแล้ว ทันทีที่ลมหายใจเ็าและไม่คุ้นเคยของบุรุษปกคลุมลงมานางก็เกิดความตึงเครียด และไม่กล้าขยับเขยื้อน นางกลัวว่าหากทันทีที่ตนเองขยับตัวแล้วมันจะทำให้ััถึงร่างกายพวกเขา แน่นอนว่านางแอบดีใจต่อไปไม่ได้แล้ว แม้ว่าภายในใจจะไม่รู้สึกรังเกียจ ทว่าก็เต็มไปด้วยความตึงเครียดและความขี้ขลาดตาขาว!
ต้องรู้ไว้ว่าภายในบ่อน้ำพุร้อนครั้งที่แล้วที่นางถูกจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยโอบกอดไว้ในอ้อมอกอย่างเนืองแน่น จวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้เมื่อนางนึกขึ้นหัวใจของนางก็ยังคงเต้นแรง สำหรับเหตุการณ์คาดไม่ถึงในศาลต้าหลี่ นางไม่กล้าย้อนกลับไปคิดจนถึงทุกวันนี้ ในครั้งนี้หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เกินความคาดหมายแล้วนะ
เขาคือจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเชียวนะ! เทพบุตรของนาง! ห้ามดูิ่เด็ดขาด!
แม้ว่าในใจของกูเฟยเยี่ยนจะคิดเช่นนี้ แต่นางก็ยังคงตึงเครียดอยู่ดี
เพียงแต่ว่า!
ผ่านไปไม่นานนางก็สมควรตายอีกครั้ง นางควบคุมตนเองไม่ได้และกำลังจะเคลื่อนไหวร่างกาย นางอยากรู้ถึงสีหน้าของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยในตอนนี้มาก เขามีความจำใจ? ความกลัดกลุ้ม? หรือความไม่พอใจและความเบื่อหน่าย? หรือว่า…หรือว่าไม่รังเกียจ?
ในที่สุดนางก็ได้เงยหน้าขึ้นไปแอบมองเขาด้วยความระมัดระวัง
จวินจิ่วเฉินได้แอบใช้แรงยันเท้าไว้สักระยะเวลาหนึ่งแล้วเพื่อป้องกันคนด้านหลังเบียดกลับมาอีกครั้ง ในขณะนี้เขากำลังมองไปทางอื่นด้วยสีหน้าเ็าเล็กน้อยจึงมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ ของกูเฟยเยี่ยน
กูเฟยเยี่ยนไม่กล้าเคลื่อนไหวมากนัก นางทำเพียงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย หญิงสาวมองไม่เห็นสีหน้าของจวินจิ่วเฉินแต่เห็นถึงปลายคางสะอาดเป็เงาวาวของเขา จวินจิ่วเฉินเป็ผู้มีเค้าโครงเด่นชัดและรูปงามเป็อย่างยิ่ง
เมื่อกูเฟยเยี่ยนเห็นเช่นนี้ก็อดใจและละสายตาไปไม่ได้แล้ว นางมองไม่เห็น้าจึงมองลงด้านล่าง เมื่อเป็เช่นนี้หญิงสาวจึงได้พบเข้ากับลูกกระเดือกสุดเย้ายวนของจวินจิ่วเฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ
นางตกตะลึงมาก จากนั้นจึงรีบหลบหลีกสายตาแล้วก้มหน้าลงด้วยหัวใจที่เต้นแรงระรัว
์! นึกไม่ถึงเลยว่านางจะรู้สึกได้ถึงความเย้ายวนของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย!
นางทำอะไรลงไป?
ไม่สิ นางไม่ได้ทำอะไรเลย!
นางแค่คิดเพ้อเจ้อ! แต่นางคิดเพ้อเจ้ออะไรกัน! ไม่ได้นะ!
นางก้มหน้าก้มตาลงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่เพียงพอ จึงรีบหลับตาแล้วพยายามมองข้ามความรู้สึกเมื่อสักครู่นี้ จากนั้นก็ได้ทำการเตือนตัวเองไม่ให้คิดมากและเลิกคิดเพ้อเจ้อ!
์ทราบดีว่าจวินจิ่วเฉินจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรเมื่อได้รู้ว่ากูเฟยเยี่ยนมีความคิดมากมายต่อเขาเช่นนี้ แต่ในขณะนี้เขากำลังใจลอยมองไปที่กำแพงสีขาว
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เวลาก็ค่อยๆ เดินผ่านไปเรื่อยๆ รอบข้างมีเสียงดังครึกโครม แต่ระหว่างนางกับเขาก็ยังคงความเงียบ จนกระทั่งภายในเสียงดังครึกโครมได้มีชื่อของกูเฟยเยี่ยนลอยออกมา จวินจิ่วเฉินกับกูเฟยเยี่ยนถึงได้หันมาสนใจเสียงดังรอบข้าง
ที่แท้ก็มีคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์เื่ของใบประกาศตระกูลฉีกับเฉิงอี้เฟยอีกทั้งยังแสดงความคิดเห็นต่อพวกเขาด้วย นี่มันผ่านไปครึ่งเดือนแล้วนะยังมีคนวิพากษ์วิจารณ์เื่นี้อยู่อีก
กูเฟยเยี่ยนเงี่ยหูตั้งใจฟังด้วยความไม่สบายใจ
บางคนบอกว่านางยั่วยวนจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยแล้ว และจะใช้วิธีการโยกย้ายเพื่ออาศัยอยู่ในจิ้งหวางฝู่ต่อไป
บางคนคาดเดาว่านางจะกลับไปที่ห้องยาสำนักหมอหลวงเพื่อเลื่อนขั้นเป็อาจารย์แพทย์ก่อน จากนั้นค่อยโยกย้ายไปอาศัยที่จิ้งหวางฝู่
บางคนบอกว่าทันทีที่ระยะเวลาสามเดือนมาถึง นางก็จะออกจากห้องยาสำนักหมอหลวงไปเป็หญิงรับใช้ของจิ้งหวางฝู่อย่างเป็ทางการ
แม้กระทั่งมีบางคนคาดการณ์ว่านางมียาเสน่ห์ลึกลับอยู่ในกำมือจึงทำให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเกิดการเคลิบเคลิ้มและหลงใหลจนต้องปกป้องนางในทุกที่!
ที่น่าขันกว่านั้นคือมีคนคาดเดาว่าภายในระยะเวลาสามเดือนนางจะต้องตั้งครรภ์ทายาทของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย แล้วกลายมาเป็พระชายารองแน่นอน…
ที่นี่คือชานเมือง ขนาดชานเมืองยังวิพากษ์วิจารณ์กันขนาดนี้ แล้วภายในเมืองเล่า?
เดิมทีกูเฟยเยี่ยนคิดว่าหลังจากที่พวกเขากลับไปข่าวลือเ่าั้คงจะหยุดไปตั้งนานแล้ว นางคิดไม่ถึงเลยว่ามันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ!
หากเป็เช่นนี้ต่อไปนางยังสามารถคาดหวังให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเก็บนางไว้ได้อีกหรือไม่? ต่อให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย้าเก็บนางไว้ แต่ฮ่องเต้คงจะไม่ยินยอมใช่หรือไม่? เซี่ยเสี่ยวหม่านเคยเตือนนางแล้วว่าฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของราชวงศ์เป็อย่างยิ่ง
ตกลงผู้ที่อยู่เื้ัการสร้างกระแสให้ลุกเป็ไฟคือใครกันแน่! ยังไม่จบไม่สิ้นอีกหรือ?
นางอดไม่ได้ที่จะกระซิบถาม “เตี้ยนเซี่ย คนที่สร้างข่าวลือเช่นนี้ต้องจับมาให้ได้นะเพคะ! การที่ดูิ่ชื่อเสียงของนู๋ปี้เป็เื่เล็ก แต่ดูิ่ชื่อเสียงของเตี้ยนเซี่ยเป็เื่ใหญ่! ”
จวินจิ่วเฉินก้มลงมามองโดยไม่พูดอะไร
กูเฟยเยี่ยนจึงกระซิบแ่เบาอีกครั้ง “เตี้ยนเซี่ย เมื่อพระองค์กลับไปในเมืองแล้วต้องรีบออกใบประกาศเพื่อตักเตือนคนที่อยู่เื้ัเลยนะเพคะ! ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หมางจ้งที่อยู่ด้านข้างก็เกือบจะหัวเราะออกมา ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็เพราะผู้ที่อยู่เื้ัการสร้างกระแสให้ลุกเป็ไฟคือเซี่ยเสี่ยวหม่าน!
ก่อนหน้านี้องค์ชายใหญ่กับฉีอวี้เจตนาแพร่สะพัดข่าวลือ เตี้ยนเซี่ยจึงรับสั่งให้เซี่ยเสี่ยวหม่านไปเติมเชื้อเพลิงใส่ในข่าวลือพร้อมกับเอ่ยถึงเื่ของใบเซียมซีปลอมของวัดต้าฉืออีกด้วย เื่นี้ทำให้ฝ่าาไม่พอพระทัยอย่างมาก ฝ่าาทรงสงสัยในตัวขององค์ชายใหญ่กับฉีอวี้ ทว่าก็ทำเพียงแค่สงสัยเท่านั้น หลังจากนั้นตระกูลฉีกับตระกูลเฉิงก็ได้ออกใบประกาศ แต่เตี้ยนเซี่ยไม่ออกประกาศเสียที ฝ่าาจึงสงสัยว่าเตี้ยนเซี่ยมีใจให้กูเฟนเยี่ยนจริงๆ และได้เรียกตัวเซี่ยเสี่ยวหม่านเข้าไปในพระราชวังเพื่อซักถามอีกด้วย
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหม่านเฉลียวฉลาดมาก!
เขาหาข้อแก้ตัวอันยอดเยี่ยมมาให้เตี้ยนเซี่ยว่าเหตุใดที่เตี้ยนเซี่ยไม่ได้ออกใบประกาศ เป็เพราะ้าตามหาผู้ที่อยู่เื้ัของการแพร่กระจายข่าวลือ ภายใต้การวิเคราะห์ของเซี่ยเสี่ยวหม่านทำให้ฮ่องเต้เชื่อในเื่นี้จริงๆ
ดังนั้นหลังจากที่เซี่ยเสี่ยวหม่านกลับมา จึงทำได้เพียงสร้างกระแสให้ลุกเป็ไฟต่อไปเพื่อโยนความผิดให้ตระกูลฉี
เมื่อค่ำคืนนี้เตี้ยนเซี่ยได้รับจดหมายลับจากเซี่ยเสี่ยวหม่าน ภายในจดหมายเขียนไว้ว่าฮ่องเต้ทรงเชื่อว่าตระกูลฉีเป็ผู้แพร่กระจายข่าวลืออย่างสมบูรณ์แล้ว พระองค์กำลังโกรธมากและ้าลงโทษตระกูลฉี
จวินจิ่วเฉินเห็นใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยความจริงจึงตอบไปว่า “อืม” แล้วเคลื่อนย้ายสายตามองไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
ฝนนี้ตกได้ไม่นานจริงๆ
ผ่านไปไม่นานท้องฟ้าก็ได้สว่างแจ่มใสผู้คนจึงพากันแยกย้ายไป กูเฟยเยี่ยนและคนอื่นๆ ฉวยโอกาสที่ท้องฟ้ายังไม่มืดรีบเดินทางเข้าไปในตัวเมือง
แผ่นหลังของพวกเขาจากไปไกล ในขณะนี้รถม้าที่จอดอยู่ด้านหลังโรงเตี้ยมมาโดยตลอดก็ได้ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป
ภายในรถม้ามีบุรุษสวมใส่อาภรณ์สีม่วงนั่งอยู่ด้านในด้วยความเหนื่อยหน่าย บนฝ่ามือเขาเล่นผลมันฮ่อประณีตสวยงามอยู่หนึ่งคู่ เขาดูแลตัวเองอย่างดีจึงมีความละมุนละไมและความละเอียดอ่อนไม่แพ้ผู้หญิง
คนขับรถม้าเอ่ยขึ้นมา “องค์ชายสาม พวกเราจะเข้าไปในเมืองหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”
เขาหัวเราะออกมาเบาๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงไปด้วยความเหนื่อยหน่ายที่ไพเราะมาก “แน่นอน ในค่ำคืนนี้จวินจิ่วเฉินจะเข้าไปในพระราชวัง ข้าจะไปดูแพทย์หญิงตัวน้อยเสียหน่อย นี่ก็ไม่ได้เห็นนางมาได้สิบวันแล้วสินะ? แอบคิดถึงอยู่หน่อยๆ ”
คนขับรถม้าตอบกลับไปว่า “พ่ะย่ะค่ะ” แล้วเคลื่อนตัวออกไป ทว่าไม่กล้าเข้าใกล้นักเพราะกลัวจะถูกพบ
พวกเขาตามมาั้แ่หุบเขาเสินหนง แต่รักษาระยะห่างให้ปลอดภัยอยู่ตลอด เพราะในครั้งที่แล้วที่องค์ชายสามอยู่ในจิ้งหวางฝู่ พระองค์เกือบจะถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว…