“ท่านทั้งสองมาพักหรือทานอาหารขอรับ?”
เ้าของโรงเตี๊ยมหน้าโต๊ะรับแขกที่กำลังคิดบัญชีเอ่ยถามเมื่อเห็นโหยวเสี่ยวโม่กับหลิงเซียวเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
โหยวเสี่ยวโม่ตอบไปว่าข้อแรก เ้าของโรงเตี๊ยมทำหน้าดูแคลน “ขออภัยท่านทั้งสองด้วยขอรับ วันนี้โรงเตี๊ยมเจ็ดดวงดารารับเฉพาะแขกที่มาร่วมการประมูล หากท่านทั้งสองไม่ได้จะเข้าร่วมคงต้องหาที่พักอื่น ต้องขออภัยด้วยขอรับ”
เ้าของโรงเตี๊ยมพูดจาตรงไปตรงมา น้ำเสียงก็ดี แต่หากเจอลูกค้าที่นิสัยอันธพาลคงมีเื่ได้ง่ายๆ ทว่าโรงเตี๊ยมเจ็ดดวงดารามีเ้าของเป็ถึงเ้าเมือง อยากก่อเื่ที่นี่ก็ต้องดูเ้าของเสียก่อน
โหยวเสี่ยวโม่ได้ยินเช่นนี้ ทันใดก็นึกถึงแผ่นป้ายสมาชิกที่เก็บไว้ จึงคลำถุงเก็บของ ป้ายสมาชิกสีดำก็ปรากฏบนมือเขา
เมื่อเห็นป้ายสมาชิกของเขา เ้าของโรงเตี๊ยมอึ้งไปชั่วครู่ รีบพาทั้งสองขึ้นห้องพักชั้นสองอย่างไม่รีรอ
ป้ายดำนั้นถือว่าเป็แขกพิเศษลำดับสอง คนที่จะได้แผ่นป้ายนี้นั้นต้องมีมูลค่าการประมูลมากกว่าห้าล้าน ทั้งสองคนนี้มีป้ายสมาชิกพิเศษลำดับสองแสดงว่าเป็ลูกค้าไม่ธรรมดา
เมื่อทั้งสองหายไปจากหัวบันไดชั้นสอง ผู้คนที่นั่งอยู่ละแวกนั้นก็รู้สึกทึ่งอยู่บ้าง
ไม่เพียงแค่เ้าของโรงเตี๊ยมที่รู้จักป้ายสมาชิกนั่น คนในห้องโถงนั้นต่างก็รู้จัก เพราะส่วนใหญ่เป็คนที่จะเข้าร่วมการประมูลพรุ่งนี้ทั้งนั้น แต่คนที่ได้ป้ายสมาชิกนั้นน้อยมาก
แม้เมืองฮุยจี๋จะเป็เมืองที่เจริญรุ่งเรือง แต่คนที่มาร่วมการประมูลก็ใช่ว่าจะมีฐานะกันหมด ส่วนใหญ่มาเพราะความเลื่องชื่อของมัน บางคนกระทั่งป้ายสมาชิกลำดับสามยังไม่มีปัญญาได้มา
“โธ่เอ๊ย รวยชะมัด ป้ายสมาชิกพิเศษลำดับสองนั้นต้องซื้อขายมากกว่าห้าล้านถึงได้มานี่นา!”
ในห้องโถงมีชายผอมซูบท่าท่างหื่นกระหายมองทั้งสองที่เดินจากไปพลางเลียริมฝีปาก อดไหวที่จะสบถออกมา ท่าทางไม่สบอารมณ์ สายตาอิจฉาริษยา
ประเด็นหลัก คือที่นั่งของฝั่งแขกพิเศษนั้นดีกว่าที่นั่งธรรมดาหลายขุม อีกทั้งยังรับชมการประมูลได้สะดวกกว่า ดังนั้นคนส่วนมากจึงอยากได้ป้ายสมาชิกพิเศษ เสียดายที่ว่ามันมีไว้แค่เพียงคนที่มีอำนาจ หรือสินค้าที่มีราคาค้าประมูลสูงเท่านั้น แต่แค่ป้ายสมาชิกลำดับสามยังต้องสูงถึงสองล้านถึงจะได้มา
เสียงพูดของชายผอมซูบนั้นไม่เบา คนที่นั่งข้างเขาอีกสองโต๊ะนั้นดูจากการสวมใส่เสื้อผ้า ก็รู้แล้วว่ามาด้วยกัน
หนึ่งในโต๊ะที่อยู่ละแวกนั้นมีหญิงสาวที่ดูโดดเด่นอยู่นางหนึ่ง สวมใส่ชุดกระโปรงสีแดงฉูดฉาด รูปร่างสะโอดสะองมีส่วนเว้าส่วนโค้งอยู่ใต้ร่มผ้า ดึงดูดสายตาชายรอบข้างไม่น้อย สายตาพวกนั้นแลดูหื่นเล็กน้อย แต่นางหาได้รู้สึกอะไร จับจ้องมองไปทิศทางที่หลิงเซียวกับโหยวเสี่ยวโม่เดินหายลับไป ใบหน้าสวยยิ้มบางๆ
ผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ข้างกันเห็นท่าทีหญิงสาว จึงเอ่ยถาม “คุณหนู คงไม่ได้สนใจพวกนั้นขึ้นมาหรอกนะ?”
“สองคนนั้นดูน่าสนใจน่ะ” หญิงสาวยิ้มอย่างมีเลศนัย ไม่ได้ปฏิเสธ พลางวางจอกสุราลง
“ถึงจะน่าสนใจแต่ก็หาเื่ไม่ได้ง่ายๆ” ผู้เฒ่าเอ่ยขึงขัง
“ทำไมกันล่ะ?” หญิงสาวถามอย่างสนใจ
“คนที่ถือป้ายสมาชิกอาจดูอ่อนแอก็จริง ไม่น่าพูดถึง แต่ชายที่อยู่กับเขานั้นยากแท้หยั่งถึง ข้าไม่อาจอ่านพลังของเขาได้ อีกอย่างท่านก็เห็นแล้วว่าป้ายสมาชิกพิเศษของเจ็ดดวงดารานั้นไม่ได้ให้ใครง่ายๆ สองคนนั้นน่าจะมีเื้ัอะไรสักอย่าง อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามดีกว่า” ผู้เฒ่าเอ่ยตักเตือน
“ผู้เฒ่าอวิ๋น นี่ท่านกำลังยกผู้อื่น แต่ข่มตัวเองนี่นา” หญิงสาวเบ้ปาก หาได้ใส่ใจกับสิ่งที่ผู้เฒ่าเอ่ยมา
“คุณหนูจะพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก มีคนเก่งกล้าไม่น้อยที่มาร่วมการประมูลครั้งนี้ คนที่มีพลังเหนือกว่าพรรคเซียวเหยาก็ใช่ว่าจะไม่มี อีกอย่างก่อนออกเดินทางท่านประมุขพรรคได้กำชับข้าไว้ว่า ให้ดูแลท่านให้ดี ห้ามก่อเื่กับใครเด็ดขาด” ผู้เฒ่าส่ายหัว
“ชิ” หญิงสาวสะบัดหน้าหนี แต่สายตายังคงจดจ้องทิศทางนั้นอยู่ สายตาฉายแววไม่ซื่อ
ผู้เฒ่าเห็นเช่นนั้น จึงส่ายหัวอย่างระอา
เ้าของโรงเตี๊ยมพาทั้งสองไปยังห้องพักหรูหรา ในห้องนั้นมีสองเตียง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้จัดแจงห้องพักเป็สองห้อง เมื่อเห็นทั้งสองไม่ได้เอ่ยอะไร จึงจากไป
โหยวเสี่ยวโม่เดินเข้าห้อง เมื่อเห็นว่ามีสองเตียงพลันดีอกดีใจ เขานึกว่าจะมีแค่เตียงเดียว ก่อนนี้ที่เขาไม่ได้เอ่ยขอสองห้อง เพราะรู้ว่าหลิงเซียวคงไม่อนุญาต จึงไม่ได้ทำอะไรเองโดยพลการ
หลิงเซียวเดินตามเข้ามา กวาดตามองรอบห้อง หาได้สนใจความรู้สึกดีใจเพราะมีสองเตียงของใครบางคนแต่อย่างใด ถึงอย่างไรตอนนอนก็ลากเขามานอนด้วยกันก็สิ้นเื่
“ศิษย์พี่หลิง ตอนนี้พวกเราต้องคืนกลับเป็หน้าเดิมรึเปล่า?” โหยวเสี่ยวโม่ยืนหน้ากระจก เห็นใบหน้าคนแปลกหน้าของตนที่ปลอมแปลงขึ้นมา
หลังจากทั้งสองคนออกมา เพื่อเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็หลิงเซียวจึงปลอมใบหน้าของทั้งสอง ดังนั้นใบหน้าพวกเขาตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แม้โจวเผิงหรือฟางเฉินเล่อมาอยู่ต่อหน้าก็คงดูไม่ออก
“ไม่จำเป็” หลิงเซียวเดินไปนั่งยังโต๊ะน้ำชา
โหยวเสี่ยวโม่ตามมา จ้องหน้าเขาแล้วถามอย่างระวัง “ศิษย์พี่หลิง ใบหน้าท่านตอนนี้ คือหน้าจริงของท่านงั้นหรือ?”
หลิงเซียวเงยหน้าขึ้นชำเลืองเขาทีหนึ่ง มุมปากโค้งขึ้น “เ้าอยากรู้จริงรึ?”
โหยวเสี่ยวโม่รีบถอยลำ หัวเราะแล้วเอ่ย “หากว่าท่านยินยอมบอกกับข้า…”
แต่ก็จริงอยู่ เขาอยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของหลิงเซียวมาก รู้จักกันมาตั้งนาน เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าหลิงเซียวหน้าตาเป็เช่นไร รู้เพียงว่าเขาชื่อหลิงเซียว ซึ่งคำอ่านคล้ายกับ ‘หลินเซียว’ ดังนั้นจึงไม่กลัวว่าจะเรียกชื่อเขาผิด
“งั้นหรือ…” หลิงเซียวขยับเข้าใกล้เขา มองตาเขาแล้วยิ้ม “งั้นข้าไม่ยินยอม”
โหยวเสี่ยวโม่เบะปาก “…”
ผ่านไปครู่เดียว เด็กรับใช้ของโรงเตี๊ยมก็ยกถาดอาหารหอมกรุ่นมาเสิร์ฟ เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จ โหยวเสี่ยวโม่ก็เรียกเด็กรับใช้มาอีกรอบ ให้เขาเอาขนมหวานหลังอาหารมาสิบอย่าง เพราะเขานึกเื่บางอย่างที่เกือบลืมไปได้
การลงเขาครั้งนี้ เขายังมีอีกเื่ที่อยากทำ นั่นก็คือเก็บสะสมของกิน
ให้เขากินยาทดแทนความหิวตลอด เขาไม่ค่อยชิน นอกเสียจาก่เก็บตัวที่เลี่ยงไม่ได้ เวลาปกติเขาก็ให้ความสำคัญกับอาหารประมาณหนึ่ง แต่โรงอาหารเป็ที่ที่เขาไม่ชอบเท่าไร มีคนพูดมาก อีกทั้งสายตาศิษย์พี่ศิษย์น้องที่จ้องเขาก็หลากหลายเหลือเกิน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าลงเขาครั้งนี้จะซื้อของกินเก็บไว้ในถุงเก็บของ
อาหารในโรงเตี๊ยมเจ็ดดวงดารานั้นเป็บริการฟรี หากเขาไม่เอาเปรียบเสียหน่อยคงรู้สึกผิดกับตัวเองแน่
กระนั้นแล้ว โหยวเสี่ยวโม่จึงให้เด็กมาส่งขนมหวานให้ทุกครึ่งชั่วยาม เมื่อเด็กรับใช้กลับไป เขาก็รีบจัดการห่อของพวกนั้นเก็บไว้ในถุงเก็บของ เพื่อไม่ให้เด็กรับใช้สงสัย เขาตั้งใจทำเศษขนมหล่นตามพื้นบ้าง ให้ดูสมจริงเวลาที่เด็กรับใช้เข้ามาเก็บถาด
เด็กรับใช้คนนั้นถึงขั้นโอดครวญ คนทั้งสองนี่กินจุเหลือเกิน แต่ก็หลงกลโหยวเสี่ยวโม่เสียได้ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าที่เห็นอยู่นั้นคือสิ่งที่ตบตาเขาอยู่
ทั้งหมดทั้งมวลนี้อยู่ในสายตาหลิงเซียว ครั้งแรกที่รู้สึกตะลึง จนเด็กรับใช้ออกไป จึงรีบคว้าเขามาขยี้หัว ขำขันแล้วเอ่ย “ศิษย์น้องเล็ก ทำไมเ้ายิ่งอยู่ยิ่งน่ารักอย่างนี้!”
“โอ๊ย ท่านอย่าทำผมข้ายุ่งสิ” โหยวเสี่ยวโม่พยายามผละตัวออกมาจากเงื้อมมือเขา วันนี้ถูกเขากระเซ้าเย้าแหย่เป็ครั้งที่สอง เขาโมโหขึ้นเรื่อยๆ ทำไมหลิงเซียวชอบขยี้หัวเขานะ
สามทุ่มแล้ว คนส่วนมากต่างก็หลับกันหมดแล้ว โหยวเสี่ยวโม่เดิมทีอยากเรียกเด็กรับใช้เพื่อขอขนมหวานเป็ครั้งสุดท้าย แต่ก็ถูกหลิงเซียวลากไปนอนอย่างเบื่อหน่าย ต่อต้านแต่ก็ถูกพลังของเขากดไว้ ทำให้แผนของเขาที่ตั้งใจนอนแยกเตียงกับหลิงเซียวเป็อันล้มไป
วันถัดมา โหยวเสี่ยวโม่ตื่นขึ้นมาด้วยแสงที่แยงตา อย่างที่รู้กันเมื่อคืนเขานอนอยู่บนตัวหลิงเซียวตามเคย ครั้งนี้เขาตื่นขึ้นล้างหน้าล้างตาอย่างเงียบๆ ใครจะอยากยอมรับว่าตัวเองตื่นขึ้นมาแล้วนอนกอดผู้ชายอีกคนไว้แน่น อีกทั้งเป็ตัวเองที่ไปเกาะแกะเขาด้วย ไม่นิ่งเงียบเห็นทีจะไม่ได้
พอเขาตื่น หลิงเซียวก็ตื่นตาม หลังล้างหน้าล้างตาก็ลงไปพร้อมกัน
อาหารเช้านั้นกินที่โถงกลางชั้นหนึ่ง ท่ามกลางสายตาผู้คน โหยวเสี่ยวโม่จึงได้แต่นั่งกินเงียบๆ โดยไม่ได้แอบหยิบอาหารไป
หารู้ไม่ว่า เมื่อเ้าของโรงเตี๊ยมและเด็กรับใช้เห็นเขาไม่ได้เอ่ยขอขนมหวานก็เบาใจขึ้นมาทันที โชคดีว่าอีกไม่ช้าท่านผู้นี้กำลังจะจากไปแล้วด้วย แม้ว่าโรงเตี๊ยมเจ็ดดวงดาราจะมีบริการอาหารฟรีสำหรับแขกพิเศษ แต่กินจุขนาดนี้ก็รับไม่ไหว หากทุกคนเป็เช่นเขา งั้นหอเจ็ดดวงดาราคงมีอันกิจการล้มละลายแน่
หลังจากที่โหยวเสี่ยวโม่จากไป เ้าของโรงเตี๊ยมนั้นเดินไปส่งถึงด้านหน้า ท่าทีนั้นราวกับว่าพึ่งส่งภาระที่หนักอึ้งอยู่บนบ่าทิ้งไป ร่างกายเบาสบายขึ้นทันตา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้