หลังจากส่งคนของตระกูลซูแล้ว ซูอินก็กลับไปที่ห้องของเธอเพียงลำพัง
เธอเพิ่งจะกลับมาเกิดใหม่ เกิดความคิดความรู้สึกมากมาย ยังมีอีกหลายสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ เธอจึง้าอยู่เงียบๆ คนเดียว
ห้องของเธออยู่ที่ชั้นหนึ่งของบ้าน มีพื้นที่ไม่ใหญ่ คาดว่าห้องนี้ออกแบบมาเพื่อเป็ห้องแม่บ้าน เดิมทีห้องนอนที่สองชั้นบนควรจะเป็ห้องของเธอ ทว่าในตอนที่เพิ่งย้ายเข้ามา อู๋อู๋้าห้องแต่งตัว หลิงจื้อเฉิงซึ่งเอาอกเอาใจภรรยามาแต่ไหนแต่ไร ่ที่ทำการตกแต่งจึงได้ทุบห้องนอนใหญ่และห้องนอนที่สองเปิดเชื่อมกัน ชั้นบนจึงไม่เหลือที่ว่าง เธอจึงต้องย้ายลงมาอยู่ชั้นล่าง
อันที่จริงไม่ใช่ว่าไม่มีห้องอื่นอีก เพียงแต่พวกเขาไม่ยอมให้เธออยู่ พอหลิงเมิ่งกลับมา ก็ได้พักอยู่ในห้องนอนสำหรับแขกชั้นบน เมื่อผลตรวจดีเอ็นเอออก อู๋อู๋ก็ได้ตกแต่งห้องนอนสำหรับแขกใหม่ เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างใหม่หมด
ห้องของซูอินเรียบง่าย แตกต่างจากการตกแต่งสไตล์ยุโรปที่หรูหราของบ้านทั้งหลัง
เมื่อปีก่อนที่ย้ายเข้ามา อู๋อู๋บอกว่าเธอยังเด็ก ไม่จำเป็ต้องฟุ่มเฟือย แค่ทาสีขาวแบบเรียบๆ ก็พอ จากนั้นนำเฟอร์นิเจอร์จากบ้านหลังเก่าเข้ามาไว้ ทำแบบขอไปที
ในขณะนี้ ซูอินนอนอยู่บนเตียงไม้แบบเก่าที่สีเริ่มคล้ำเพราะใช้งานมานาน ตามองเพดาน ผ่านการก่ออิฐอย่างแน่นอน เธอวาดผังห้องนอนสำหรับแขก้าที่ตกแต่งใหม่
สิบปีหลังจากนี้ที่ปฏิบัติต่อเธอเมื่อรู้ว่าไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ก็พอจะเข้าใจได้อยู่หรอก
ทว่าเมื่อสิบหกปีก่อน ทุกคนต่างคิดว่าเธอเป็บุตรที่คลอดออกมาจริงๆ แล้วทำไมท่าทีที่ปฏิบัติต่อเธอจึงแตกต่างจากที่แสดงออกกับหลิงเมิ่งผู้เป็บุตรสาวแท้ๆ ของตนเองเช่นนี้
ซูอินตกอยู่ในความสงสัย
คิดอย่างไรเธอก็ไม่เข้าใจ เธอจึงตัดสินใจหยุดคิดเื่นี้ก่อนเพื่อคิดเื่อื่น
ประการแรก เธอกลับมาเกิดใหม่ได้อย่างไร
ซูอินหวนนึกถึงเหตุการณ์สุดท้ายก่อนที่จะเสียชีวิต
ในตอนนั้นเธอถูกวางยาสลบ และนำตัวออกจากโรงพยาบาลจิตเวชเพื่อไปยังห้องผ่าตัด ถึงแม้ทั้งร่างจะรู้สึกชา แต่เธอกลับครองสติสัมปชัญญะได้อย่างน่าประหลาด เธอไม่เพียงแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าของแพทย์และพยาบาลรวมถึงบทสนทนาได้อย่างชัดแจ๋ว แต่ในเวลานั้นเธอรู้สึกได้ชัดเจนว่ามีมีดที่เย็นเฉียบกรีดลงบนหน้าอก
หน้าอกของเธอถูกแหวกออก แพทย์ที่สวมถุงมือฆ่าเชื้อแล้วได้ััหัวใจของเธอ ในเวลานั้นเธอรู้สึกหมดหวัง
และในตอนนั้นเองเธอก็รับรู้ถึงความอบอุ่นที่ข้อมือ จากนั้นมีเสียงเรียกของพยาบาล แต่เธอไม่สามารถลืมตา จึงไม่เห็นว่ารอบตัวเกิดอะไรขึ้น แต่จากที่ได้ยินเสียง “ตึงตัง” ก็พอจะรู้ว่าในห้องผ่าตัดกำลังวุ่นวาย และั้แ่เหตุการณ์นั้นเธอก็หมดสติ
จนเมื่อเธอฟื้น ก็พบว่าตนเองนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านแล้ว
ซูอินลูบหน้าอกด้านซ้ายของตนเองผ่านเนื้อผ้าบางๆ ใต้หน้าอกที่แบนเล็ก หัวใจที่แข็งแรงเต้นเร็วขึ้น
เธอกลับมาแล้วจริงๆ
แม้จะรู้ดีว่ายังมีปัญหาอีกมากที่ต้องเผชิญ แต่ ณ เวลานี้เธอกลับเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี
เมื่อค่อยๆ รู้สึกสงบลง เธอยกแขนขึ้นมาเพื่อดูข้อมือ สังเกตเห็นชัดเจนว่ามีรอยแผลเป็รูปวงรีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับเหรียญอยู่ที่ข้อมือซ้ายด้านใน รูปร่างคล้ายกับรังไหมของผีเสื้อที่มันอาศัยอยู่ตอนที่ยังเป็หนอน
เมื่อก่อนเธอไม่มีแผลเป็เช่นนี้ อีกทั้งลักษณะรูปร่างของมันช่างคุ้นเคย…
ซูอินลูบคอของตนเองซึ่งสวมเชือกสีแดง ก่อนจะดึงจี้ที่อยู่ด้านในออก
จี้นั้นมีสีคล้ำเล็กน้อย คล้ายกับใบไม้แห้ง บอกไม่ได้ชัดเจนว่าทำมาจากวัสดุอะไร แต่อย่างไรเสียก็ดูไม่มีราคาค่างวด ทว่าบังเอิญจี้นี้มีขนาดและรูปร่างเหมือนกับแผลเป็พอดี
จี้นี้คุณย่าของตระกูลหลิงมอบให้เธอก่อนเสียชีวิต คุณย่าบอกว่า เมื่อตอนคุณปู่ยังเด็กได้มันมาจากนักบวชลัทธิเต๋าที่ผอมแห้งเพื่อแลกกับหมั่นโถวสามลูก ในตอนนั้นนักบวชได้กล่าวว่า นี่คือสมบัติล้ำค่าของลัทธิเต๋า ผู้ที่โชคชะตากำหนดก็จะได้รับของสิ่งนี้ไป
แต่หญิงชรากลับหัวเราะเย้ยหยัน ผ่านไปหลายปี ซูอินยังจำได้ชัดถึงปฏิกิริยาของเธอตอนที่กล่าวถึงสิ่งนี้
“หึ ตาแก่เอาแต่คิดอะไรในแง่ดี หากนี่เป็ของล้ำค่าจริง จะแลกมาง่ายๆ ด้วยหมั่นโถวเพียงสามลูกหรือ ฉันว่าแกถูกนักบวชเฒ่าหลอกเข้าให้แล้ว!”
ในเวลานั้นเธอยังเล็ก ถูกอู๋อู๋นำไปทิ้งไว้ในชนบท ใช้ชีวิตอยู่กับคุณปู่คุณย่า เธอนั่งอยู่บนม้านั่งเล็กๆ หน้าบ้าน มองคุณปู่ที่อดทนไม่ปริปาก คุณย่าชี้นิ้วไปที่ปู่แล้วก็บ่น โดยมีเธอนั่งหัวเราะคิกคัก
แน่นอนว่าเธอเชื่อคำพูดของคุณย่าโดยไม่มีข้อกังขา หากจี้นี้เป็ของล้ำค่าจริง จะต้องนำไปแลกอะไรดีๆ ได้อย่างแน่นอน สาเหตุที่เธอพกมันติดตัวมาหลายปีเป็เพราะความเคยชิน
แต่ในวันนี้เธอกลับสงสัยในคำพูดนั้น
เธอปลดเชือกสีแดงก่อนจะแกะจี้ออกมา จากนั้นใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้หยิบมันขึ้นมาเปรียบเทียบกับรอยแผลเป็ที่ข้อมืออย่างระมัดระวัง
รอยบนพื้นผิวรูปวงรีนั้นมีลักษณะเหมือนกันทุกอย่าง เป็แค่ความบังเอิญงั้นหรือ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ก็เกิดภาพเหตุการณ์แปลกประหลาด จี้นั้นเมื่อประทับลงบนรอยแผลเป็ก็หายไปทันที
ซูอินเหยียดข้อมือ วางจี้ลงไปทั้งอัน เมื่อขอบและมุมเรียบเสมอกัน จี้นั้นก็เหมือนจมลงไปในหนองน้ำ มันค่อยๆ จมลงเล็กน้อย เพียงไม่นานก็ผสานเข้ากับรอยแผลเป็บนข้อมืออย่างแนบสนิท
หลังจากผสานกันแล้ว เบื้องหน้าพลันเกิดแสงสว่าง จากนั้นเธอก็หลุดเข้าไปในสถานที่อันน่าอัศจรรย์
มันเป็พื้นที่ขนาดเท่ากับห้องของเธอ ภาพที่เห็นเป็สีขาวเหมือนกับหิมะ จากนั้นพบว่ามีตาน้ำยุบลงไปราวๆ สามตารางฟุต
ซูอินคุกเข่าลงข้างๆ ตาน้ำ น้ำใสสะอาดจนมองเห็นเบื้องล่างซึ่งมีหินสีดำอยู่ท่ามกลางฟองอากาศ เห็นได้ชัดว่าน้ำตรงนี้เป็น้ำไหล
“น้ำนี่มาจากไหนกันนะ”
เวลาต่อมา ในหัวของซูอินปรากฏคำอธิบายขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ สิ่งนี้คือพรจากพลังโบราณที่เหลืออยู่บนโลกมนุษย์ ผู้ที่โชคชะตากำหนดเท่านั้นจึงสามารถเปิดได้ น้ำนั้นคือน้ำแร่บริสุทธิ์ แรกเริ่มสามารถชุบชีวิตคนตาย ทว่าหลังจากเวลาผ่านมาเนิ่นนาน ผ่านเ้าของหลายชั่วอายุคนจนนับไม่ถ้วน พลังงานของจิติญญาก็ใกล้จะหมด และมีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในวันนี้
เมื่อชาติก่อนซูอินชอบอ่านนวนิยายบนอินเทอร์เน็ต ทำให้เธอตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าตนเองคงเจอกับอีกมิติหนึ่ง
เพียงแต่ดูเหมือนว่ามันจะค่อนข้างธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสนใจนัก
เพื่อที่จะได้รู้ว่ามันเหลือน้อยแค่ไหน เธอจึงคุกเข่าแล้วยื่นมือไปวักน้ำดื่มหนึ่งอึก น้ำแร่นั้นเย็นสดชื่น รสชาติไม่ต่างอะไรจากน้ำเปล่า ทั่วไป เทียบไม่ได้แม้แต่กับน้ำแรู่เาตราหนงฟูที่กล่าวกันว่ามีรสชาติหวานเล็กน้อย
ถึงแม้เธอไม่ควรคิดมาก แต่ก็ดีกว่าไม่คิดอะไรเลย อย่างน้อยก็ถือว่าสามารถนำมาใช้เป็น้ำอุปโภคได้ไม่ใช่หรือ
เมื่อคิดเช่นนั้น ซูอินก็รู้สึกว่าจิตใจสงบลง เธอเดินวนเวียนอยู่ในมิติ พื้นที่ซึ่งมีขนาดใหญ่เพียงฝ่ามือ ใช้เวลาไม่นานเธอก็สามารถเดินจนทั่ว เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีพลังพิเศษอื่นใดอีก เธอก็ออกมา
ซูอินที่เอาแต่มองพื้น จึงไม่ทันสังเกตว่าหลังจากที่ดื่มน้ำแล้ว ปากของเธอรู้สึกสบายขึ้น สดชื่นเหมือนหลังจากที่ได้เคี้ยวหมากฝรั่ง
หลังออกมาจากมิติ เธอมองกองกระดาษข้อสอบซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือแบบโบราณ สุดท้ายก็นึกได้ว่ายังมีการบ้านอีกมากที่ยังทำไม่เสร็จ
่สุดท้ายก่อนสอบเข้ามัธยมปลาย คุณครูแต่ละวิชาต่างก็มอบหมายการบ้านให้ทำไม่จบไม่สิ้น แต่ละวิชาอย่างน้อยก็ต้องมีข้อสอบหนึ่งชุด
เดิมทีซูอินเป็เด็กว่านอนสอนง่าย วันศุกร์เลิกเรียนกลับมาบ้าน เธอมักจะนั่งทำการบ้าน ถึง่วันหยุดเธอก็ทำเสร็จเกือบหมด แต่เมื่อคิดได้ว่าสุดสัปดาห์นี้เธอจะต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ เธอก็ฟุ้งซ่านจนไม่สามารถทำการบ้าน ทำให้มีงานค้างมากมาย
พรุ่งนี้วันจันทร์ ก่อนเข้าเรียนคุณครูจะต้องตรวจดูอย่างแน่นอน เมื่อคิดเช่นนั้นซูอินจึงนั่งลงและเริ่มทำการบ้าน ณ ตอนนั้นเองเธอก็พบปัญหาบางอย่าง
่เวลาห่างกันสิบปี สิ่งต่างๆ ที่อยู่ในตำราเธอคืนครูไปหมดแล้ว เมื่อเจอข้อสอบเข้ามัธยมปลาย หากเป็วิชาภาษาจีน ภาษาอังกฤษ เธอยังพอทำได้ แต่คณิตศาสตร์ เคมี สำหรับเธอแล้วถือเป็สิ่งที่ยากราวกับสาสน์จาก์
ตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจคิดเื่อื่นแล้ว เธอนั่งลงหน้าโต๊ะ และเริ่มพลิกหนังสือทำการบ้านอย่างบ้าคลั่ง