“ผู้าุโ สิ่งที่ข้า้าจากสำนักยุทธ์ ข้าสามารถพูดตอนนี้ได้หรือไม่?” เย่เฟิงเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิง สายตาของทุกคนต่างพากันนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ นี่ถือเป็ความแตกต่างของผู้ชนะอันดับที่ 1 เขาสามารถขอความ้าจากสำนักยุทธ์ได้หนึ่งอย่าง ไม่แน่ว่ารางวัลชิ้นนี้อาจไม่ด้อยไปกว่ายาปราณคืนชีพ
“ได้แน่นอน เ้าว่ามาเถอะ” ผู้าุโคนนั้นพยักหน้า
“เด็กคนนี้ต้องขออะไรที่มากเกินไปเป็แน่ อย่างเช่นขอให้ตัวเองเป็ศิษย์หลักของสำนักยุทธ์ ไม่ก็ขอเคล็ดวิชาหรืออาวุธที่ทรงพลัง” บางคนคิดในใจ หากเป็พวกเขา พวกเขาต้องคว้าโอกาสเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของตนไว้อย่างแน่นอน
“ข้ามีสหายคนหนึ่ง หลายวันก่อนได้รับาเ็สาหัส เส้นเอ็นกับกระดูกเสียหายรุนแรง ข้าจึง้ายาเม็ดที่สามารถรักษาอาการดังกล่าว ไม่ทราบว่าทางสำนักจะให้ได้หรือไม่?” เย่เฟิงกล่าว ในใจของเขามีเพียงความกังวลที่จะรักษาอาการาเ็ของศิษย์พี่ฉู่หาน และนี่คือเหตุผลที่เขามาเข้าร่วมการทดสอบของหุบเขาเทียนเสวียน
“หมอนี่...” คำพูดของเย่เฟิง ทำให้ทุกคนประหลาดใจอย่างมาก ชายผู้นี้ต้องเป็บ้าไปแล้วแน่ ๆ โอกาสที่จะทำให้ตัวเองรุ่งโรจน์กลับไม่้า กลับกลายเป็ว่าคำขอที่เอ่ยมานั้นคือยารักษาสหายคนหนึ่ง
“หรือว่าที่คนผู้นี้เข้าร่วมการทดสอบของหุบเขาเทียนเสวียน ก็เพื่อสหายคนนั้นที่ได้รับาเ็?” จู่ ๆ ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของทุกคน ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ มีคนไม่มากนักที่จะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อสหาย และให้ความสำคัญกับมิตรภาพเช่นนี้ เย่เฟิงสามารถทำเพื่อสหายได้ขนาดนี้ เห็นชัดเลยว่าเขาเป็พวกมีสัจจะและคุณธรรม
“สหายของเ้าผู้นั้นมีนามว่าอะไร แล้วถูกใครทำร้ายมา?” ผู้าุโคนนั้นก็ประหลาดใจกับคำพูดของเย่เฟิงเช่นกัน ในโลกความเป็จริงและสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน คิดไม่ถึงว่าจะมีคนยอมเสี่ยงชีวิต เข้ารับการทดสอบของหุบเขาเทียนเสวียนเพื่อสหายคนหนึ่งที่ได้รับาเ็
“ฉู่หาน เป็ศิษย์พี่ของข้าเอง เขาถูกกุ่ยเตาทำร้ายที่น้ำตกเทียนเชี้ยน” เย่เฟิงตอบเบาพลางรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะกลัวว่าผู้าุโจะปฏิเสธเขา และด้วยอาการาเ็ของศิษย์พี่ฉู่หานจะรอช้าไม่ได้แล้ว
“ฉู่หาน น้ำตกเทียนเชี้ยนงั้นหรือ?” ฉินเยียนหรานพึมพำเบา ๆ ในสมองของนางพลันปรากฏภาพเหตุการณ์วันนั้นที่กุ่ยเตาทรมานฉู่หานที่น้ำตกเทียนเชี้ยนขึ้น ฉินเยียนหรานจำได้ว่าตอนที่ฉู่หานได้รับาเ็สาหัส เขายังคงสีหน้าท่าทางแน่วแน่ แม้ต้องตายด้วยน้ำมือของกุ่ยเตาก็ตาม เขาก็จะต่อสู้เพื่อศิษย์น้องของเขาอย่างเย่เฟิงให้จงได้
อย่างไรก็ตามฉู่หานคิดว่า ฉินเยียนหรานควรเป็ผู้หญิงของเย่เฟิง ส่วนกุ่ยเตาไม่สมควรได้เข้าใกล้นาง แม้ฉินเยียนหรานจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉู่หาน แต่นางก็ได้รับผลกระทบจากมิตรภาพที่ลึกซึ้งระหว่างเย่เฟิงกับฉู่หานเช่นกัน
เืที่ไหลเวียนภายในกายของฉินเยียนหรานเวลานี้ต้องเดือดพล่านขึ้นมา ในฐานะที่นางเป็สตรี นางดูเหมือนจะััได้ถึงมิตรภาพระหว่างผู้ชายนั้นได้เช่นกัน เพื่อศักดิ์ศรีของเย่เฟิง ฉู่หานไม่แยแสต่อความเ็ปของตัวเอง ส่วนเย่เฟิงที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 ก็ฝ่าฟันอุปสรรคในการทดสอบของหุบเขาเทียนเสวียนเพื่อหาทางรักษาอาการาเ็ของฉู่หาน
คำพูดห้าวหาญของเย่เฟิงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ บรรยากาศเงียบกริบในชั่วพริบตา ราวกับว่ามีเือุ่น ๆ ไหลไปทั่วร่างของทุกคน ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความอบอุ่นนั่นได้จาง ๆ
“จงรับไป ยาเม็ดนี้สามารถรักษาการาเ็ของศิษย์พี่เ้าได้” ดวงตาของผู้าุโคนนั้นสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะโยนยาขวดหนึ่งให้เย่เฟิง พลางพยักหน้าให้เย่เฟิงในใจอย่างลับ ๆ
“ขอบคุณท่านผู้าุโ!” เย่เฟิงเอ่ยขอบคุณผู้าุโคนนั้น เมื่อมียาขวดนี้แล้ว อาการาเ็ของศิษย์พี่ฉู่หานจะต้องหายเป็ปลิดทิ้ง
ผู้าุโคนนั้นพยักหน้าให้เย่เฟิง จากนั้นกล่าวว่า “การทดสอบของหุบเขาเทียนเสวียนสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ทุกคนแยกย้ายกันไปได้แล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้าุโแล้ว สายตาของฝูงชนพลันสั่นไหว ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง แล้วพากันแยกย้าย
“ช้าก่อน!” ในตอนนั้นเองมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้ผู้คนหยุดชะงักและหันไปตามทิศทางของเสียง ก่อนจะเห็นเฉินอ้าวเทียนเดินออกมาท่ามกลางฝูงชน เขายังคงเอามือไขว้หลังไว้ แม้จะเผชิญหน้ากับผู้าุโแห่งหุบเขาเทียนเสวียน ก็ยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง
“ข้าขอบังอาจถามผู้าุโ ท่านใช้อะไรเป็เกณฑ์ตัดสินอันดับหนึ่งของการทดสอบในครั้งนี้?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจทุกคนก็สั่นสะท้าน เฉินอ้าวเทียนกล้ากังขาคำตัดสินของผู้าุโแห่งหุบเขาเทียนเสวียนงั้นหรือ?
“ทำไม เ้าไม่ยอมรับงั้นหรือ?” ผู้าุโคนนั้นหรี่ตาลงเล็กน้อย
“แน่นอน ความสามารถของข้าเฉินอ้าวเทียนเป็ที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกคนในหุบเขาเทียนเสวียน ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาิญญาาที่ทรงพลัง แล้วเหตุใดจึงไม่ได้อันดับที่ 1 ในการทดสอบเล่า?” แววตาของเฉินอ้าวเทียนเผยประกายเฉียบคมขณะถามผู้าุโอย่างตรงไปตรงมา ในสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เกรงว่าจะมีเพียงคนระดับเฉินอ้าวเทียนถึงกล้าทำเช่นนี้ได้
“เ้ากล้ากังขาในการตัดสินของหุบเขาเทียนเสวียนงั้นหรือ? ข้าบอกเ้าได้เลย แม้เฉินเซี่ยงเทียนอาของเ้าจะมาที่นี่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เด็กรุ่นหลังอย่างเ้าก็ยิ่งไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนี้!” แววตาของผู้าุโคนนั้นเผยประกายแหลมคม พลางมีสีหน้านิ่งขรึมแฝงไว้ด้วยความเกรงขาม
เฉินอ้าวเทียนดูเหมือนจะไม่ยอม แต่อีกฝ่ายเป็ถึงผู้าุโที่ปกป้องหุบเขาเทียนเสวียน ฐานะไม่ด้อยไปกว่าเฉินเซี่ยงเทียนอาของเขา เขาจึงไม่กล้าทำตัวอวดดีมากเกินไป
“ไปซะ!” ผู้าุโคนนั้นโบกมือพลางออกคำสั่ง จากนั้นมีพลังที่มองไม่เห็นเข้าปกคลุมร่างเฉินอ้าวเทียน ทำให้เฉินอ้าวเทียนถอยหนีไปอย่างรวดเร็วและสีหน้าก็ต้องบูดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด วันนี้เขาเฉินอ้าวเทียนต้องอับอายขายหน้าเป็อย่างมาก ไม่เพียงแต่ไม่ได้ครองอันดับที่ 1 ของการทดสอบ แต่ยังถูกผู้าุโแห่งหุบเขาเทียนเสวียนตบหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย
“เหตุการณ์ในวันนี้ ข้าเฉินอ้าวเทียนจะจดจำเอาไว้!” เฉินอ้าวเทียนกัดฟันพลางดวงตาฉายแววเยือกเย็น หลังจากทิ้งคำพูดนั้นไว้ก็เดินจากไปพร้อมกับหนานกงหลิงซวง ก่อนจะจากไป เฉินอ้าวเทียนยังปรายตามองเย่เฟิงแวบหนึ่งด้วยสายตาอาฆาต ตราบใดที่มีโอกาส เขาเฉินอ้าวเทียนจะต้องฆ่าเย่เฟิงให้ได้
ผู้คนต่างแยกย้ายกันไป ส่วนเย่เฟิงก็ออกไปจากหุบเขาเทียนเสวียน
“ปล่อยไปแบบนี้ เ้าไม่กลัวคนพวกนั้นจะมาจัดการเ้าหรือ?” ฉินเยียนหรานที่ตามหลังมาเอ่ยถามเย่เฟิง เย่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่างปะไร เมื่อครู่ได้รับยาปราณคืนชีพมาไม่ใช่หรือ? หากใครฆ่าข้า ข้าก็จะฆ่าคนนั้นซะ!”
“ฮู่ว!” ฉินเยียนหรานได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจยาว “เ้านี่นะ ช่างบ้าดีเดือดแท้ ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินเสียเลย!”
เมื่อกล่าวจบ นางเห็นเพียงเย่เฟิงเดินไปต่อ ส่วนนางก็เดินตามหลังเขาไปพลางมองด้วยสายตาขุ่นเคือง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด นางถึงรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเย่เฟิง
“หยุดนะ” ทั้งสองคนเพิ่งออกจากเขตพื้นที่หุบเขาเทียนเสวียน ก็มีหลายเงาร่างมาขวางทางเย่เฟิงและฉินเยียนหรานไว้ คนเหล่านี้คือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 สายตามองมาทางเย่เฟิงก็ยังเผยประกายเย็นะเื เมื่อดูจากเครื่องแต่งกายแล้ว พวกเขามาจากพรรคเทียนจี
“ส่งผลเทียนเสวียนมาและทำลายการบ่มเพาะของตัวเองซะ แล้วพวกข้าจะไว้ชีวิตเ้า!” ชายหนึ่งในนั้นก้าวออกมาพร้อมพลังปะทุออกจากร่าง เขาสั่งให้เย่เฟิงทำลายการบ่มเพาะของตนเองพร้อมกับส่งผลเทียนเสวียนด้วยท่าทีเผด็จการ
“ไปให้พ้น” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็นโดยไม่แม้แต่จะชายตามองคนผู้นั้น จากนั้นเขาเดินไปต่อราวกับไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา
“พูดดี ๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง เห็นทีเ้าคงชอบให้พวกข้าลงมือเอง!” ชายหนุ่มยิ้มเยาะเ็า ส่วนคนที่เหลือเข้าล้อมกรอบเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว มีชายผู้หนึ่งที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 อยู่ใกล้เย่เฟิงมากที่สุดได้ปลดปล่อยการโจมตีที่น่ากลัวออกไป
“ตายซะ!” แววตาของเย่เฟิงเผยประกายเยือกเย็น จากนั้นเขาโคจรทักษะหล่อิญญา ก่อนจะปล่อยหมัดออกไปโจมตีผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น พลันเข้าปะทะกับการโจมตีของอีกฝ่าย ตามมาด้วยเสียงกระดูกหักดังลั่น ด้วยพลังที่ไม่อาจต้านทานได้นั้น ทำให้กระดูกแขนของคนผู้นั้นแตกหักและต้องกรีดร้องอย่างเ็ป ส่วนเย่เฟิงก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเขาได้ ในเวลาเดียวกันมีรังสีดาบส่องประกายขึ้นที่ด้านซ้าย หมายแยกร่างเย่เฟิงออกเป็สองส่วน
“วูบ!” ดวงตาของเย่เฟิงพลันวาวโรจน์ เห็นเขาสะบัดฝ่ามือพร้อมกับมีเสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้น หอกัเงินประกายปรากฏในมือของเย่เฟิงพลางมีพลังหอกที่น่าสะพรึงกลัวไหลผ่านไปทั่วตัวหอก จากนั้นเขาแทงหอกออกไป ก่อนปลายหอกจะทะลุลำคอของคนนั้น
เย่เฟิงยังคงเดินต่อไปข้างหน้าด้วยฝีเท้ามั่นคงราวกับมีท่วงทำนองพิเศษก้องกังวานไปถึง์และโลก หากใคร้าฆ่าเขา เขาก็จะฆ่าคนผู้นั้น คนเหล่านี้จ้องจะแย่งชิงผลเทียนเสวียนของเขา ทั้งยังสั่งให้เขาทำลายการบ่มเพาะของตัวเอง เช่นนั้นเขาก็จะให้คนเหล่านี้ชดใช้ด้วยชีวิต
“สวบ” เมื่อก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว พลังหอกพลันปะทุออกจากร่างเย่เฟิง ผู้ฝึกยุทธ์เ่าั้รู้สึกว่ามีพลังที่น่ากลัวตรึงร่างของพวกเขาไว้ ทำให้พวกเขารู้สึกกลัวขึ้นมา
“ที่ตัวเขามีผลเทียนเสวียน อย่าปล่อยให้หนีไปได้!” มีผู้ฝึกยุทธ์อีกหลายคนทยอยกันมาที่นี่ พวกเขาต่างมองเย่เฟิงด้วยแววตาเย็นะเื และพวกเขามีเป้าหมายเดียวกันคือชิงผลเทียนเสวียนมาจากเย่เฟิง
มีคนจำนวนไม่น้อยเห็นศึกปะทุทางด้านนี้จึงพากันหยุดดู จากนั้นพวกเขาเห็นผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากกำลังปิดล้อมเย่เฟิงเพียงคนเดียว และเห็นศพที่นอนจมกองเือยู่บนพื้น ทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นรัวด้วยความกลัว ลมหายใจพลันถี่กระชั้น
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 เผชิญหน้ากับการล้อมกรอบของศัตรูนับสิบคน ไม่เพียงแต่ฝีมือจะยอดเยี่ยม แต่ยังสังหารคู่ต่อสู้ไปได้จำนวนมาก”
เย่เฟิงกวาดสายตามองกลุ่มที่เพิ่งมาถึง ซึ่งมีหลายคนที่เพิ่งเข้าร่วมการทดสอบของหุบเขาเทียนเสวียน คนเหล่านี้ก็คิดจะชิงผลเทียนเสวียนเช่นกัน
“ฆ่า” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นฉับพลัน ก่อนจะมีการโจมตีนับไม่ถ้วนมาเยือนเย่เฟิงพร้อมกัน ทำให้บริเวณนั้นฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว พลังทำลายล้างก็ยังทรงพลังหมายฉีกร่างเย่เฟิงออกเป็ชิ้น ๆ
ฝีเท้าของเย่เฟิงไม่หยุด พร้อมกับปล่อยหอกออกไป รังสีหอกพลันกลายเป็ลำแสงแห่งความพินาศพ่วงด้วยพลังแห่งอำนาจหอก ตามมาด้วยเสียงดังสวบ หอกเจาะทะลุร่างผู้ฝึกยุทธ์สองคนรวด เืสาดกระเซ็นไปในอากาศ
“โฮก!” ในเวลาเดียวกันมีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นจากทางด้านขวา ก่อนจะเห็นผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งปล่อยิญญาาเสือขาวของตนเองออกมา จากนั้นเสือขาวก็กระโจนออกไปฆ่าเย่เฟิง
ทว่าเย่เฟิงยังคงเฉยชา แม้จะมีคนเป็จำนวนมากตายด้วยน้ำมือของเขา แต่เขาก็ไม่รู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย สำหรับมิตรสหาย เย่เฟิงยอมเสียสละได้ แต่สำหรับศัตรู การสังหารที่โเี้ที่สุดเท่านั้นที่คู่ควร
“ตายซะ” เย่เฟิงแผดเสียงะโ ก่อนที่หมัดอันน่าสะพรึงกลัวจะพุ่งออกไป ตามมาด้วยเสียงดังะเิ ิญญาาเสือขาวแตกออกเป็เสี่ยง ๆ หมัดยังคงพุ่งไปหาคนที่อยู่ด้านหลังิญญาา ทำให้คนผู้นั้นดูหวาดกลัวอย่างยิ่งพร้อมเผยสีหน้าสิ้นหวัง เขาคิดจะหนี แต่ก็สายเกินไป หมัดนั่นกระแทกมาที่หน้าอกและปลิดชีพเขา
ในเวลาเดียวกันมีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งลอบโจมตีเย่เฟิงอย่างเงียบเชียบราวกับภูตพราย คนผู้นี้ไร้รูปไร้เงา กระทั่งไม่มีกลิ่นอาย เห็นชัดว่าเป็ผู้ฝึกเคล็ดวิชาเร้นกายบางอย่าง ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย เขาปลดปล่อยลมปราณออกมา ก่อนปล่อยฝ่ามือแห่งความตายเข้าโจมตีเย่เฟิง
เย่เฟิงตัวสั่นเทาเล็กน้อย แต่กลับไม่เป็อะไร เขาหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเยือกเย็น ราวกับมีคมดาบพุ่งออกมาจากดวงตาของเย่เฟิง พร้อมทะลวงทุกสิ่ง
“ได้ยังไงกัน? เ้าไม่เป็อะไรเลยงั้นหรือ!” ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นอุทานพร้อมมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ ด้วยการโจมตีของตัวเองเมื่อครู่นี้ เขารู้ดีกว่าใคร แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์คนขั้นบ่มเพาะกายาขั้นที่ 9 ก็ทนรับไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย่เฟิงที่อยู่เพียงขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7
แต่เขาหารู้ไม่ว่า เย่เฟิงนั้นฝึกทักษะหล่อิญญาถึงขั้นสุดท้ายจนสำเร็จแล้ว ทำให้พลังกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นการโจมตีทั่ว ๆ ไปจึงมิอาจทำร้ายเย่เฟิงได้
“เกรงว่าชาตินี้เ้าก็ไม่มีทางได้รู้คำตอบนี้ เพราะว่าชีวิตของเ้ากำลังจะจบสิ้นแล้ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้