สีหน้าเบิกบานของอู่หยวนจ้าวฉับพลันค้างแข็ง ดวงตาที่เปี่ยมด้วยความสะใจชั่วพริบตากลายเป็ความตะลึงงัน
ศิษย์สำนักเทียมเมฆาชั้นเบิกนภาขั้นสองในดวงตาหวาดกลัวกระบี่นั้นของเสวียนเทียนตรารอยลึกลงในหัวใจของพวกเขา น่ากลัวถึงเพียงนั้น
ผลลัพธ์ที่พลิกตาลปัตรศิษย์สำนักเทียมเมฆาไม่มีใครคาดคิดถึง
อัจฉริยะที่ต่อสู้ข้ามระดับชั้นได้มีน้อยนิดถึงเพียงไหน ทั่วทั้งอาณาจักรเสินเตา ยกนิ้วนับได้
ผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะที่กระบี่เดียวฟันคนที่พลังวัตรสูงกว่าตัวเองสองขั้นจนปลิวพร้อมกับสังหารผู้ที่มีพลังวัตรเท่ากับตนเองหนึ่งคน ไม่ใช่แค่ตอนนี้ในประวัติศาสตร์อาณาจักรเสินเตาก็น้อยราวขนหงส์เกล็ดกิเลน
แต่ตอนนี้ พวกอู่หยวนจ้าวห้าคนดันมาพบเข้าคนหนึ่ง
เดิมทีพบศิษย์สำนักกระบี่์พลังวัตรเพียงชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งอยู่เพียงลำพังในเทือกเขาดงอสูรพวกอู่หยวนจ้าวทั้งห้าคนย่อมคิดว่าพบลาภลอยก้อนใหญ่เข้าแล้วไม่คิดเลยว่ากลับเตะเจอแผ่นเหล็ก แผ่นเหล็กสุดแข็งแกร่งแผ่นหนึ่ง
เมื่อมองแววตาของเสวียนเทียน ศิษย์สำนักเทียมเมฆาชั้นเบิกนภาขั้นสองทั้งสองคนก็ขาอ่อน
อู่หยวนจ้าวหยิบอาวุธที่สะพายไว้บนหลังลงมาเป็กระบองโลหะคู่ยาวราวหนึ่งเมตร ดูแล้วเป็ประกายเรืองรอง งดงามจับตาไม่รู้ว่าหลอมมาจากโลหะชนิดใด ดูแล้วไม่ธรรมดาอย่างมาก
เสวียนเทียนอ่านคัมภีร์ ‘หลอมศาสตรา บทพื้นฐาน’ มาแล้ว รู้จักศาสตราวิเศษเกินกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปมองปราดเดียวก็มองออกว่ากระบองในมือของอู่หยวนจ้าวเป็ศาสตราวิเศษ
ด้วยฐานะของอู่หยวนจ้าวที่เป็สิบศิษย์เอกสำนักในของสำนักเทียมเมฆามีศาสตราวิเศษหนึ่งชิ้นนับเป็เื่ธรรมดา แต่ระดับชั้นของศาสตราวิเศษไม่ได้สูงคงจะเป็ศาสตราวิเศษชั้นนิลระดับล่าง ไม่น่าจะเป็ระดับกลาง
อู่หยวนจ้าวนำหัวท้ายของกระบองทั้งสองท่อนมาเชื่อมเข้าด้วยกันหมุนครึ่งรอบก็กลายเป็กระบองยาวแท่งหนึ่ง หนาเท่าข้อมือ กระบองยาวชี้มาทางเสวียนเทียนความตะลึงงันในดวงตาของอู่หยวนจ้าวเลือนหายไปแล้ว เหลือเพียงท่าทางโกรธเกรี้ยวเอ่ยเสียงดังขึ้นว่า “สำนักกระบี่์นอกจากฉู่เฟิงกลับมีอัจฉริยะที่สู้ข้ามระดับชั้นได้โผล่ขึ้นมาอีกหนึ่งคนพลังวัตรแค่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง ในมือก็มีศาสตราวิเศษชิ้นหนึ่งแล้วเ้ามีคุณสมบัติให้ข้าลงมือ อัจฉริยะ ต้องได้เติบโตถึงจะน่าหวาดกลัวแต่เ้าไม่มีโอกาสเติบโตแล้ว วันนี้จะเป็ปลายทางของเ้า”
ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามความตะลึงงันของอู่หยวนจ้าวไม่ใช่หวาดกลัวพลังของเสวียนเทียน แต่ตกตะลึงกับความสามารถในการต่อสู้ของเสวียนเทียนเมื่อเทียบกับพลังวัตร
ถึงแม้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของเสวียนเทียนจะน่าตกตะลึงผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองสองคนยังไม่ใช่คู่มือแต่อู่หยวนจ้าวยังคงเชื่อมั่นในตัวเองเช่นเดิมว่าสังหารเสวียนเทียนได้ ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามไม่ใช่สิ่งที่พลังประสานระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองสองสามคนจะเทียบได้
อีกทั้งอู่หยวนจ้าวในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามก็นับว่าเป็ผู้มีฝีมือโดดเด่นไม่เช่นนั้นคงไม่กลายเป็หนึ่งในสิบศิษย์เอกสำนักในของสำนักเทียมเมฆา
ศิษย์ในของสำนักเทียมเมฆาผู้ที่อยู่ชั้นเบิกนภาขั้นสามย่อมไม่ได้มีเพียงสิบคน หรือมีเพียงยี่สิบคนอู่หยวนจ้าวสามารถเข้าไปในสิบอันดับแรกได้ย่อมแสดงให้เห็นว่าเขามีประสบการณ์ต่อสู้เอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามเป็อัจฉริยะคนหนึ่งเช่นกัน
เสวียนเทียนมองอู่หยวนจ้าวในดวงตามีเพียงความดูถูก เอ่ยว่า “อู่หยวนจ้าว หากเ้ารับกระบี่ในมือข้าได้สามกระบี่วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตเ้า”
“โอหัง!”
อู่หยวนจ้าวโกรธจัดสีหน้าคล้ำเข้มราวกับสีตับหมู เดือดดาลกล่าวว่า “ต่อให้เป็เติ้งเฟย ศิษย์ในอันดับหนึ่งของสำนักกระบี่์ของเ้ายังไม่กล้าพูดจาเช่นนี้กับข้า”
“ศิษย์ในอันดับหนึ่งกลายเป็เติ้งเฟย?หรือว่าฉู่เฟิงเลื่อนขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสี่กลายเป็ศิษย์หลักไปแล้วหรือ?” ในใจของเสวียนเทียนฉับพลันคิดขึ้นมาแต่เขาย่อมไม่ถกเถียงเื่นี้กับอู่หยวนจ้าว สายตาของเขาเผยจิตสังหารมองอู่หยวนจ้าว เอ่ยขึ้นว่า “เ้าก็ลองดู ในสามกระบี่ข้าจะเด็ดชีวิตเ้า”
อู่หยวนจ้าวสีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาวในใจโกรธเกรี้ยวถึงที่สุด ตะคอกว่า “ไอ้หนู เ้าทำให้ข้าโกรธอย่างที่สุดแล้ววันนี้ข้าจะให้เ้าลิ้มรสความทรมาน ทุกข์สาหัสยิ่งกว่าตาย รับกระบองนี้ของข้าซะ!”
สิ้นเสียง สองเท้าของอู่หยวนจ้าวก็กระทืบพื้นพื้นดินะเื ทั้งตัวราวกับเหยี่ยวถลาจับกระต่าย พุ่งมาหาเสวียนเทียนกระบองยาวศาสตราวิเศษในมืออู่หยวนจ้าวแสงสว่างะเิจ้า เปล่งแสงสว่างบาดตาเหนือสิ่งใดออกมาหนึ่งกระบองโจมตี รัศมีกระบองพุ่งทะยานออกมา ไกลถึงร้อยก้าว ส่องสว่างท้องฟ้ารัศมีกระบองดุจเมฆาคล้อยสายน้ำไหล กวาดโจมตีฟ้ากว้างหนึ่งกระบองโจมตีมาราวฟ้าครามถล่มทลาย
เมฆขาวฟ้าคราม กดทับลงมา เมฆคล้อยสี่ทิศเคลื่อนแปดด้านเหินโจมตี
กระบองเมฆาคล้อยนภาจู่โจม...วิทยายุทธ์ชั้นนิลขั้นกลางวิชาเฉพาะสำนักเทียมเมฆา
อู่หยวนจ้าวผู้นี้มีความสามารถจริงอยู่พอสมควรกระบองที่โจมตีมานี้ต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองสามคนก็ต้องพ่ายแพ้ในพริบตาเทียบกับกระบี่ที่เสวียนเทียนโจมตีสังหารคนหนึ่ง ดันสองคนถอยไปพลังยังแข็งแกร่งกว่าอยู่สามส่วน
กระบองที่โจมตีมานี้ไม่เพียงราวกับเมฆาเคลื่อนสายน้ำไหล ท่วงท่าลื่นไหล พลังยังรุนแรงหาใดเปรียบหนึ่งกระบองโจมตีถึงชั้นฟ้า
แต่เมื่อการโจมตีนี้ตกอยู่ในสายตาของเสวียนเทียนกลับไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรมาก
พูดถึงพลัง แม้ว่ากระบองนี้จะรุนแรงแต่ก็แรงแค่ราวห้าพันชั่ง ยังเทียบไม่ได้กับแรงแขนข้างหนึ่งของเสวียนเทียนโจมตีเลยด้วยซ้ำ
พูดถึงช่องโหว่ แม้ว่ากระบองนี้จะราวเมฆาคล้อยสายน้ำไหลแท้จริงแล้วหาใช่เมฆาคล้อยสายน้ำไหล แต่เป็วิชายุทธ์ที่อู่หยวนจ้าวใช้ออกมาถึงจะมีรูปลักษณ์อย่างนั้น แต่ห่างไกลกับความลื่นไหลของเมฆาคล้อยสายน้ำไหลมากนัก
สำหรับเสวียนเทียนแล้วกระบองที่โจมตีมานี้อย่างน้อยก็มีช่องโหว่สิบสามแห่ง
“ช่องโหว่!”
เสวียนเทียนะโขึ้นมา กระบี่ขุนเขาหนักในมือแทงตรงไปข้างหน้ารัศมีกระบี่พลันปรากฏ พริบตาแผ่พุ่งออกไป
กระบี่นี้ความเร็วถึงขั้นสุดออกทีหลังแต่ถึงก่อน
เคร้ง!
เสียงดังสนั่นดังขึ้น
กระบี่ขุนเขาหนักแทงเข้าที่ศาสตราวิเศษกระบองยาวตรงช่องโหว่แห่งหนึ่ง
กระบองเมฆาคล้อยนภาจู่โจมจำต้องให้ปราณแท้ลื่นไหล พลิ้วไหวราวกับเมฆาเคลื่อนคล้อยถึงจะแสดงพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้
ดังนั้นปราณแท้ชั้นเบิกนภาของอู่หยวนจ้าวจึงไหลเข้ามาในศาสตราวิเศษกระบองยาวระลอกแล้วระลอกเล่าไม่ขาดสายแต่กระบี่นี้ของเสวียนเทียนโจมตีเข้าตรงช่องว่างระหว่างปราณแท้เบิกนภาสองระลอกพอดิบพอดีอู่หยวนจ้าวยังไม่ถึงขั้นทำให้ปราณแท้เบิกนภาเคลื่อนไหวได้อย่างไร้รอยต่อ
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยพละกำลังมหาศาลจนน่าหวาดหวั่นของเสวียนเทียนต่อให้การโคจรปราณแท้เบิกนภาของอู่หยวนจ้าวไร้รอยต่ออย่างแท้จริงเสวียนเทียนก็ใช้แรงบังคับสร้างช่องโหว่ขึ้นมาได้เหมือนกัน
หลังเสียงกึกก้องดังขึ้น พลังมหาศาลสายหนึ่งสะท้อนกลับมาจากศาสตราวิเศษกระบองยาวอู่หยวนจ้าวตกตะลึงปราณแท้เบิกนภาที่โคจรไม่ขาดสายถูกกระบี่เดียวของเสวียนเทียนโจมตีช่องโหว่ฉับพลันไหลย้อนกลับ ทั้งยังแผ่กระจายไปทั่วทิศไม่อาจควบคุมได้
ในพริบตา เมฆาคล้อยกลายเป็เมฆามลาย
เวลาเล่าช้า เวลาจริงเร็ว
ตอนที่เสียงดังสนั่นดังขึ้นศาสตราวิเศษกระบองยาวในมืออู่หยวนจ้าวก็ถูกกระแทกกระเด็นไปด้านข้างปราณแท้เบิกนภาทะลักย้อนกลับไม่อาจควบคุมทั้งร่างสะท้านราวกับถูกค้อนหนักทุกเข้ากลางอกทีหนึ่ง
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ปัญหาเล็กน้อยปัญหาที่แท้จริงก็คือ แม้กระบี่ขุนเขาหนักโจมตีศาสตราวิเศษกระบองยาวออกไปแล้วแต่รัศมีกระบี่ไม่จางลง ความเร็วไม่ลดลง พลังไม่ตกลง ยังคงพุ่งต่อมาข้างหน้าแทงตรงมายังหน้าอกของอู่หยวนจ้าว
ฟึบ!
ตัวกระบี่ยังมาไม่ถึงรัศมีกระบี่ก็พุ่งมาถึงหน้าแผ่นอกของอู่หยวนจ้าวแล้ว
ในใจของอู่หยวนจ้าวตะลึงงันพลังของเสวียนเทียนเหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้ต่อให้เขาเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามก็ไม่อาจต่อกรกับหนึ่งกระบี่ของเสวียนเทียนได้
พลังโจมตีของรัศมีกระบี่ไม่ด้อยไปกว่าตัวกระบี่จริงเลยแม้แต่น้อยพริบตาแทงทะลุเสื้อผ้าของอู่หยวนจ้าว แทงทะลุิัของอู่หยวนจ้าว หากไม่มีปราณแท้เบิกนภาคุ้มครองร่างพริบตานั้นรัศมีกระบี่คงแทงทะลุหน้าอกของอู่หยวนจ้าวไปแล้วร่างของอู่หยวนจ้าวพลิกหลบแล้วพลันพุ่งถอยหลังไป
แต่อย่างไรก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งพริบตาที่พลิกกายนั่นเอง ตัวกระบี่ของกระบี่ขุนเขาหนักก็แทงมาถึงร่างของเขาแม้จะเพียงนิดเดียวแต่ความคมและพลังโจมตีของศาสตราวิเศษชั้นนิลระดับกลางเป็สิ่งที่อู่หยวนจ้าวไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทนทานได้
ร่างของอู่หยวนจ้าวกระเด็นถอยหลัง เืสดกระเซ็นออกมาหน้าอกของอู่หยวนจ้าวมีรอยแผลแห่งหนึ่งยาวประมาณหนึ่งนิ้ว ลึกจนเห็นกระดูก
ปลายกระบี่ของกระบี่ขุนเขาหนักชี้ลง มีเืสดรินไหลเสวียนเทียนยืนอยู่ตรงตำแหน่งที่อู่หยวนจ้าวอยู่เมื่อครู่ พูดขึ้นมาเสียงนิ่ง “กระบี่ที่หนึ่งเ้าก็าเ็แล้วความสามารถของเ้าไม่มากเท่าที่ข้าคิดไว้ ไม่ต้องถึงสามกระบี่สองกระบี่ก็พอเอาชีวิตเ้าแล้ว”
จากน้ำเสียงเรียบนิ่งของเสวียนเทียนรู้สึกถึงจิตสังหารจะเอาชีวิต จิตใจที่เชื่อมั่นในชัยชนะของอู่หยวนจ้าวสั่นคลอนแล้วสิ่งที่ติดตามมาก็คือความหวาดกลัว ถึงแม้ว่าเสวียนเทียนจะพูดด้วยท่าทางสงบ แต่อู่หยวนจ้าวเชื่อมั่นเต็มร้อยเสวียนเทียนไม่ได้โกหก “โจมตีขวางเขาไว้” อู่หยวนจ้าวะโขึ้นมาเสียงดังจับศิษย์สำนักเทียมเมฆาชั้นเบิกนภาขั้นสองทั้งสองคนที่อยู่ด้านข้างไว้ผลักออกมาข้างหน้า
เวลานี้เอง รัศมีกระบี่ขนานพื้นสายหนึ่งก็กวาดมาถึงความเร็วจนถึงขีดสุด ก่อนหน้านั้นแม้แต่เงาก็ไม่ปรากฏให้เห็นพริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่ข้างลำคอของทั้งสามคน
เพลงกระบี่ดับเงา...ไร้ศีรษะ!
สู้นานไปไม่ดีต่อเสวียนเทียน ถ้าหากถูกคนเห็นจากที่ไกลเื่จะเล็ดลอดออกไปได้ ต้องจบศึกให้เร็ว ดังนั้น เสวียนเทียนจึงใช้กระบวนท่าสังหารรุนแรงที่เด็ดชีวิตศัตรูได้แน่นอนของเพลงกระบี่ดับเงาออกมา
เพลงกระบี่ดับเงา แต่เดิมก็เร็วจนไร้เงาเร็วถึงขีดสุด
หลังจากเสวียนเทียนฝึก ‘ปราณเก้าหลอม’ ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น พละกำลังเพิ่มพูนขึ้น แม้ว่าพละกำลังยังไม่เท่าความเร็วแต่ว่าพละกำลังอันแข็งแกร่ง แน่นอนยิ่งทำให้ความเร็วรวดเร็วกว่าเดิม
‘ท่าไร้ศีรษะ’ นี้ ความรวดเร็วของมัน หากไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่มุ่งเน้นด้านความเร็วต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามก็ตอบสนองไม่ทัน
ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ!
เสียงแ่เบาสามเสียงดังขึ้นศีรษะคนสามหัวลอยขึ้นมา ดวงตาของคนทั้งสามมองไปยังร่างไร้ศีรษะสามร่างเบื้องหน้า แววตามีเพียงความหวาดกลัวสัญชาตญาณพยายามจะส่งเสียงกรีดร้อง แต่ปากกลับไม่ฟังคำสั่งทำอย่างไรก็ส่งเสียงออกมาไม่ได้ เพียงชั่วครู่สติก็ดับไป
ตึงๆๆ
หลังจากศีรษะทั้งสามทยอยตกลงมาบนพื้นร่างทั้งสามของพวกศิษย์พี่อู่ถึงล้มลงกับพื้น
ศิษย์สำนักเทียมเมฆาห้าคน หนึ่งาเ็สาหัสหนึ่งโดนผ่าเป็สองซีก สามคนถูกฟันหัวขาด
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”
ตอนนี้เอง เสียงกรีดร้องแหลมก็ดังขึ้นมา
เสวียนเทียนหมุนตัวหันไปมองเป็ศิษย์สำนักเทียมเมฆาที่าเ็สาหัสแต่แรกคนนั้น มีชีวิตรอดมาจนถึงสุดท้ายตอนนี้เขามองเสวียนเทียน แววตามีแต่ความหวาดกลัวร้องะโเสียงดังขึ้นมาด้วยความหวาดหวั่น
ร่างกายของเสวียนเทียนดุจภูตผี ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
“อ๊าก อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่า...อ๊าก...”
เสียงร้องหวาดผวาของศิษย์สำนักเทียมเมฆาคนนั้นเพิ่งดังขึ้นมาก็พลันหยุดลงเสวียนเทียนดับชีวิตเขาในกระบี่เดียว
สังหารศิษย์ในสำนักเทียมเมฆาห้าคนทั้งหนึ่งในนั้นยังเป็หนึ่งในสิบศิษย์เอกของสำนักใน เื่นี้ไม่ใช่เื่เล็กเสวียนเทียนเพียงค้นดูบนร่างของอู่หยวนจ้าวครั้งหนึ่งศพของทั้งห้าคนก็ไม่คิดจัดการ ศาสตราวิเศษกระบองยาวก็ไม่เก็บรีบใช้ก้าวย่างัพยัคฆ์ ออกไปจากที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
“พวกเขาถึงกับเก็บ ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ ได้สามต้นนี่เป็สมุนไพรวิเศษรักษาอาการาเ็ที่ฤทธิ์แรงยิ่งกว่า ‘ยากประสานไขั’ เสียอีกถึงแม้ไม่ใช่สำหรับรักษาเส้นปราณ ใช้กับท่านพ่อไม่ได้ผลมากนัก แต่คงทำให้อาการาเ็ของท่านตากับท่านลุงดีขึ้นไม่น้อยช่างเป็ลาภที่คิดไม่ถึง” ในใจของเสวียนเทียนก็ลอบยินดีพร้อมกับจากมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้