อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา
เมื่อพิมพิลาถูกนำตัวเข้ามาในคฤหาสน์ ตินน์พาหล่อนมาแนะนำให้รู้จักกับผู้คนในครอบครัวของเขา
ทว่าการแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายในครอบครัวครั้งนี้ ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เพราะว่ามันเป็การแนะนำด้วยภาพถ่ายบานใหญ่ที่ติดไว้ข้างฝาผนังของห้องรับแขก
“นี่คุณปู่รามพ์”
ตินน์เอานิ้วชี้ไปที่รูปของผู้ชายสูงวัย ตัวใหญ่ ผิวสีแทน อายุแปดสิบปี ‘รามพ์’ เป็นายใหญ่ของบ้าน นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ พนักเก้าอี้แกะสลักเป็รูปพญาอินทรี แผ่ปีกโอบชายอีกสามคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง
“คนนี้คือพ่อรอนน์… เป็พ่อของผม”
ตินน์กล่าว จากนั้นก็ชี้มาที่คนถัดมา
“แล้วคนนี้พี่แดนน์… เป็พี่ชายของผม”
ตินน์แนะนำคนที่ยืนอยู่ติดกับตัวเอง
“แล้วเมื่อไรหนูจะได้เจอตัวจริงของพวกเขาคะ”
พิมพิลารู้สึกตื่นเต้น เพราะดูเหมือนว่าอะไรๆ ในคฤหาสน์แห่งนี้จะดูลึกลับไปเสียหมด
“ไม่ต้องใจร้อนแม่สาวน้อย… เดี๋ยวเธอจะได้เจอทุกคนจนครบแน่ๆ”
วันรุ่งขึ้น
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแต่งงานอันเรียบง่ายของชายหนุ่มผู้เกิดในตระกูลที่มี ‘ขนบประเพณี’ แปลกๆ เป็ของตัวเอง ก็มาถึงงานเลี้ยงเล็กๆ ที่ถูกจัดขึ้นในตอนค่ำ
ทว่านอกจากตินน์กับพิมพิลา ก็ไม่มีแเื่คนอื่นๆ หรือญาติพี่น้องของตินน์คนใดมาร่วมงาน จะมีก็แค่สาวใช้ที่คอยเข้ามาดูแลรับใช้
“เอ่อ… แล้วคุณปู่… คุณพ่อ… และพี่ชายของคุณยังไม่มาหรือคะ”
พิมพิลาถามด้วยความสงสัย อันที่จริงยังมีความสงสัยอีกมากมายที่ผุดเข้ามาในหัว นับจากก้าวแรกที่ย่างกรายเข้ามาในคฤหาสน์สีเทาหลังนี้
“อย่าใจร้อน… คืนนี้เธอจะได้เจอพวกเขาทุกคนจนครบ”
ตินน์กล่าว แต่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวหายสงสัย
ในระหว่างงานเลี้ยง
เหตุการณ์ทุกดำเนินไปอย่างปกติ กระทั่งถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ พิมพิลาจึงสังเกตเห็นความไม่ปกติบางอย่าง เมื่อเข้ามาอยู่ด้วยกันในห้องนอนแล้วตินน์ไม่ยอมแตะต้องล่วงเกินหล่อนแม้แต่น้อย ทั้งที่ก็อยู่กันสองต่อสอง และเขามีสิทธิ์โดยสมบูรณ์ ในฐานะสามีของหล่อน
“เกิดอะไรขึ้นคะ… คุณตินน์”
เ้าสาวถามเ้าบ่าวด้วยความสงสัย
“พิมพ์… ”
ตินน์เรียกชื่อภรรยา เขาเดินเข้ามาจับมือหล่อน ยกขึ้นมาจุมพิต กุมไว้แนบอก สวมกอดแแ่แล้วกล่าวประโยคที่ทำให้พิมพิลารู้สึกกลัวกับเื่แปลกๆ ภายในคฤหาสน์สีเทาหลังนี้
“ฉันรักเธอนะแม่สาวน้อย… แต่ตระกูลของเรามี ‘จารีต’ บางอย่างที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็เวลาช้านาน ั้แ่รุ่นปู่ของปู่ของปู่… และฉันต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกเื่นี้กับเธอแต่แรก”
ตินน์ยกมือขึ้นมาเชยแก้มนวลของเ้าสาว คืนนี้พิมพิลาสวยมากจนผู้ชายทุกคนในตระกูลเอ่ยชมเป็เสียงเดียวกัน ว่าตินน์ตาแหลมคม เลือกสะใภ้ได้ถูกใจทุกคนในบ้าน ตอนที่เขาเอาภาพถ่ายของหล่อนมาอวด
“จารีตที่ว่า… มันคืออะไรคะ?”
หัวคิ้วของหญิงสาวชิดเข้าหากันด้วยความสงสัย
“ตระกูลของเราเรียกมันว่า ‘ราคะจารีต’... ”
ถึงเวลาที่ตินน์ต้องบอกความจริงทุกอย่าง
“คืออะไรคะ?”
หัวคิ้วโค้งเรียวชิดเข้าหากัน
“คือประเพณีที่ผู้ชายในตระกูลของเราใช้สะใภ้ร่วมกัน”
ตินน์บอกเื่ที่ทำเอาหัวใจของเ้าสาวหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม หล่อนยกมือขึ้นทาบอก ใแทบช็อกกับเื่ประหลาดในตระกูลนี้
“แต่ที่หนูแต่งงานกับคุณตินน์… ก็เพราะว่าหนูรักคุณตินน์นะคะ”
พิมพิลาบอกเป็นัยว่าหล่อนไม่้าเป็ของคนอื่นนอกจากเขา แต่ประโยคที่ตินน์ตอบกลับมาก็ทำให้หล่อนถึงกับอึ้ง
“ฉันเข้าใจ… ที่ฉันแต่งงานกับเธอก็เพราะว่าฉันรักเธอมาก… และผู้ชายทุกคนในตระกูลนี้ก็จะรักเธอไม่น้อยไปกว่าฉัน… ทุกคนจะยกย่อง เชิดชู ให้เกียรติว่าเธอคือ ‘ยอดสะใภ้แห่งวงศ์ตระกูล’… ”
ตินน์สรุป และมันทำให้ความเจ็บแปลบแล่นร้าวเข้ามาในอกของหญิงสาว
น้ำตาของพิมพิลาเอ่อคลอเบ้ากับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าจะต้องตีความคำว่า ‘ยอดสะใภ้แห่งวงศ์ตระกูล’ ให้เข้าใจง่ายๆ ฐานะของหล่อนก็คงไม่ต่างจาก ‘โสเภณีบำเรอกาม’ เป็ที่ปลดเปลื้องระบายอารมณ์ให้กับผู้ชายทุกคนในคฤหาสน์ลึกลับหลังนี้
