ฉางผิงโหวถลึงตาใส่บุตรสาว “ทะเลาะอะไรกัน ข้าเรียกว่าการประลอง นังหนูอย่างเ้า ั้แ่เล็กจนโตข้าเคยพูดให้เ้าฟังไปหลายครั้งแล้ว”
เว่ยซื่อไม่พอใจที่ท่านพ่อเรียกนางว่านังหนูต่อหน้าคนอื่นๆ แบบนี้ “ปัญหาคือไม่มีใครอยากประลองกับท่าน ล้วนเป็ท่านที่บังคับคนให้มาประลองด้วย นี่ยังไม่เรียกว่าการหาเื่ทะเลาะอีกหรือเ้าคะ?”
ถูกบุตรสาวพูดเช่นนี้ ฉางผิงโหวก็แค่นเสียงฮึดฮัด เขาหันมาพูดกับกู้เจิงว่า “เมื่อครู่เ้าบอกว่าอยากจะสาดมูลสัตว์ที่หน้าจวนเสี่ยนอ๋องหรือ?”
“เ้าค่ะ” กู้เจิงพยักหน้า
“ดี มีความกล้าหาญ” ฉางผิงโหวยิ่งประทับใจกู้เจิงยิ่งขึ้น
“ขอแค่ไม่ถูกคนจับได้ก็พอเ้าค่ะ” กู้เจิงพูดเสริม
ฉางผิงโหวกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องว่า “เื่นี้เ้าไม่ต้องเข้าไปยุ่ง ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้หลานสาวของข้าเอง เ้าเรียกบุตรสาวข้าว่าท่านแม่ ก็เท่ากับเป็หลานสาวของข้าด้วย วางใจเถอะ ตาไม่มีทางปล่อยให้คนคนนั้นมีชีวิตที่ดีแน่”
“ท่านตาวางแผนจะทำอะไรหรือเ้าคะ?” กู้เจิงเบิกตากว้าง
“ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดอยู่ว่าจะเอาอย่างไรดี แต่เมื่อครู่ได้ยินเ้าบอกว่าจะสาดมูลสัตว์ ข้าฟังดูก็เห็นว่าวิธีนี้ดีนัก ข้าจะไปสาดมูลสัตว์ที่จวนเสี่ยนอ๋องทุกวัน ดูซิว่าต่อไปเสี่ยนอ๋องจะกล้าต่อกรกับพวกเราอีกหรือไม่”
กู้เจิงอยากจะพูดระบายโทสะสักประโยค แต่พอเห็นสีหน้าของนายหญิงเว่ยซื่อ ก็ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมา
“ท่านพ่อ...” เว่ยซื่อกำลังจะเอ่ยปากก็ถูกฉางผิงโหวขัดจังหวะ
“คนที่ถูกรังแกคือลูกสาวของเ้า แล้วเ้าเป็มารดาจะมีชีวิตอยู่อย่างขี้ขลาดเช่นนี้ได้ยังไง? ” ฉางผิงโหวต่อว่าพลางสาวเท้าเดินออกจากห้องโถงไป
เว่ยซื่อรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าเหลือเกิน
กู้อิ๋งกระตุกแขนเสื้อของมารดา “ท่านตาชอบทำอะไรบุ่มบ่ามเสียทุกครั้ง การสาดมูลสัตว์ใส่จวนเสี่ยนอ๋องจะต้องเป็เื่ใหญ่แน่นอน หากฮ่องเต้ทรงทราบเข้าจะทำยังไงล่ะเ้าคะ?”
“ไม่มีใครสามารถโน้มน้าวท่านตาเ้าได้หรอก” เว่ยซื่อมองกู้เจิงอย่างหมดคำพูด “แล้วเ้าล่ะ ทำไมถึงได้ก่อเื่ตามท่านตาไปด้วยเล่า?”
กู้เจิงเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ลูกพูดไปก็เพราะความโกรธเคืองเท่านั้น ไม่คิดว่าท่าตาจะจริงจังเ้าค่ะ”
ตอนมื้อเย็นมีฉางผิงโหวเพิ่มมาอีกคน บรรยากาศก็ยิ่งครึกครื้นมากขึ้น แต่ดูออกว่าฉางผิงโหวไม่ชอบบุตรเขยอย่างกู้หงหย่ง ทุกครั้งที่กู้หงหย่งพูด ฉางผิงโหวก็จะขัดขึ้นทุกครั้ง แต่ฉางผิงโหวกลับชอบหลานเขยทั้งสองคนมาก
ทุกครั้งที่เห็นท่าทางอดทนอดกลั้นของบิดา ในใจกู้เจิงก็มีความสุขไม่น้อย นางอยากรู้นักว่านิสัยเช่นนี้ของฉางผิงโหวจะสั่งสอนบุตรสาวให้สง่างามอย่างนายหญิงเว่ยซื่อได้อย่างไรกัน?
หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ ตระกูลกู้ก็ส่งทุกคนขึ้นรถม้าจากไป
ตอนที่กู้เจิงเข้าไปในรถม้า นางก็เขยิบเข้าไปนั่งชิดกับเสิ่นเยี่ยน พร้อมเล่าเื่ของท่านตาให้เสิ่นเยี่ยนฟัง
ชุนหงขับรถม้าพลางฟังไปด้วย นางอยู่สนทนากับเหล่าคนรับใช้ในห้องครัวตลอด ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้นบ้าง
“ท่านตาดูจะอารมณ์เสียจริงๆ” กู้เจิงเอนกายพิงร่างสามีอย่างมีความสุข “หากท่านตาทำเช่นนี้จะเกิดปัญหาไหมเ้าคะ?”
“เื่นี้ไม่จำเป็ต้องให้ท่านตาลงมือเองหรอก ข้ามีความคิดอยู่แล้ว” เสิ่นเยี่ยนกล่าว
“ความคิดอะไรหรือเ้าคะ?” กู้เจิงเงยหน้ามองเขา
“จำมือสังหารที่ลักพาตัวพวกเ้าได้ไหม?”
กู้เจิงผงกศีรษะ
“ข้าจับได้แล้วเมื่อคืน”
กู้เจิงเบิกตากว้างมองเขา “แล้วยังไงต่อเ้าคะ?”
“สองคนนี้เป็คนที่เสี่ยนอ๋องหามาให้ฟู่ผิงเซียง พวกเราจะส่งเขาคืนกลับไป” เสิ่นเยี่ยนยิ้มบางๆ
“ส่งคืนยังไงหรือเ้าคะ?”
“เ้าบอกว่าจะสาดมูลสัตว์ไม่ใช่หรือ?”
กู้เจิง “...” ตอนนั้นนางแค่พูดระบายโทสะออกมาเท่านั้น
เสียงดอกไม้ไฟดังกึกก้องอยู่บนท้องฟ้า กู้เจิงอยู่ในรถม้าจึงยื่นหัวออกมาดู ดอกไม้ไฟสาดแสงสว่างไสวสวยงาม
“ท่านพี่ พวกเราไปซื้อดอกไม้ไฟมาจุดกันเถอะเ้าค่ะ” กู้เจิงเห็นดอกไม้ไฟสวยขนาดนี้ก็อยากจะจุดกับเขาบ้าง
“ได้สิ”
รถม้าหยุดลง เสียงของชุนหงดังขึ้น “คุณหนู ท่านบุตรเขย ตรงนั้นคนเบียดเสียดกันเยอะแยะเลยเ้าค่ะ”
กู้เจิงแหวกม่านออกไปมอง นางเห็นในตรอกเต็มไปด้วยผู้คน และมีเสียงคนทะเลาะวิวาทดังแว่วมา
“บ่าวเห็นพ่อเฒ่าเสิ่นด้วยเ้าค่ะ” ชุนหงบอก
เสิ่นเยี่ยนมองออกไปทางหน้าต่างรถ “นั่นคือบ้านของสวี่เจา”
“หรือว่าแม่ของเสี่ยวเจาให้กำเนิดบุตรแล้ว ทุกคนเลยมาแสดงความยินดีกันเ้าคะ?” ชุนหงพูดด้วยความยินดี
ถ้ามาแสดงความยินดี แล้วทำไมมีเสียงคนเถียงกัน? กู้เจิงหันไปหาเสิ่นเยี่ยน “ท่านพี่ พวกเราไปดูกันเถอะเ้าค่ะ”
เสิ่นเยี่ยนจูงมือกู้เจิงลงจากรถม้า ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังบ้านของสวี่เจา
เสียงเอะอะโวยวายยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงนั้นฟังดูคุ้นๆ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ กู้เจิงก็แยกออกว่าเป็เสียงของผู้นำตระกูลเสิ่น
เสิ่นเยี่ยนแปลกใจ นิสัยของผู้นำตระกูลเป็ที่รู้กันดีในตระกูลเสิ่น เขาโตมาจนขนาดนี้ไม่เคยเห็นผู้นำตระกูลทะเลาะวิวาทกับใครมาก่อน
“พวกเราแซ่สวี่ ไม่ใช่แซ่เสิ่น ไม่จำเป็ต้องให้พวกเ้ามาสนใจเื่ตระกูลสวี่ของข้า” หญิงชราเ้าของเสียงกระทืบเท้าและชี้ไปยังผู้นำตระกูลเสิ่นพร้อมก่นด่า
“นั่นคือลูกสะใภ้ของเ้า นางคลอดบุตรให้ตระกูลสวี่ของพวกเ้า แต่เ้ากลับฟังคำพูดของหมอดู เ้านี่มันเห็นชีวิตคนเป็เหมือนผักปลาชัดๆ” เคราแพะของผู้นำตระกูลเสิ่นขยับขึ้นลงตามอารมณ์
“ท่านพ่อ ช่วยท่านแม่ด้วยเถอะ เจาเอ๋อร์ขอร้องท่าน ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ตายขอรับ” เด็กเลี้ยงวัวคุกเข่าลงตรงหน้าชายร่างผอมสูงที่มีสีหน้าขมขื่น เสียงขอร้องของบุตรชายทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เขามองไปทางสตรีที่ด่าผู้นำตระกูลเสิ่น “ท่านแม่? ท่านไปเชิญหมอมาเถอะขอรับ”
กู้เจิงได้ยินเสียงเ็ปอ่อนแรงดังมาจากภายในห้อง แม่ของเสี่ยวเจาดูอาการจะไม่ค่อยดีนัก
“เชิญหมออะไร ก็แค่คลอดลูกเท่านั้น ผู้หญิงคลอดเองได้ทั้งนั้น อีกอย่างหมอดูยังบอกว่า ลูกที่ภรรยาเ้าคลอดมาเป็ตัวผลาญเงิน ดูนี่สิยังไม่ทันจะเกิดเลย ข้าก็ต้องเสียเงินแล้ว” หญิงชราพูดเสียงเข้ม
กู้เจิงเหลือบตามองพ่อแม่สามี ใบหน้าแม่สามีฉายแววกรุ่นโกรธ ตอนนี้พอได้ยินถ้อยคำนี้ของหญิงชรา โทสะในใจของกู้เจิงก็ปะทุขึ้นมาเช่นกัน
“เดิมการคลอดบุตรชายหรือหญิงนั้น์เป็ผู้กำหนด อีกอย่างยังไม่ทันคลอดเ้ารู้ได้ยังไงว่าจะเป็เด็กผู้หญิง?” ผู้นำตระกูลเสิ่นไม่เคยเห็นหญิงชราที่ใจดำอำมหิตเช่นนี้มาก่อน
“ไม่กี่วันก่อนหมอดูได้ทำนายไว้ว่าลูกของข้าจะตกน้ำ แล้วเมื่อวานลูกข้าก็ตกน้ำจริงๆ เขาบอกว่าแม่ของเสี่ยวเจาจะให้กำเนิดลูกผู้หญิง ก็ต้องเป็ลูกผู้หญิงแน่นอน” หญิงชรายืนยัน
“ถ้าขืนเ้ายังเป็แบบนี้ต่อไป นางได้ตายไปพร้อมกับลูกแน่” ผู้นำตระกูลเสิ่นถอนหายใจ
“ท่านย่า ท่านย่า” สวี่เจาคุกเข่าให้หญิงชรา เขาร่ำไห้อ้อนวอน “ท่านย่า ท่านไปเชิญหมอมาเถิด ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ตายขอรับ”
“จะร้องไห้ไปทำไม? ก็แค่คลอดลูกเท่านั้น แม่ของเ้าคลอดเ้าออกมาก็ไม่เป็ไรมิใช่หรือ?” หญิงชราทำหน้าไม่ใส่ใจ
มีคนในฝูงชนกล่าวขึ้นว่า “หลีกทางหน่อย ท่านหมอมาแล้ว ท่านหมอมาแล้ว”
หมอสะพายกล่องยารีบเดินเข้ามา ผู้นำตระกูลเสิ่นเห็นดังนั้นก็กำลังจะพาหมอเข้าไปแต่ก็ถูกหญิงชราห้ามเอาไว้ก่อน
“ข้าจะจ่ายเงินให้เอง” ผู้นำตระกุลเสิ่นพูดอย่างโมโห
“เช่นนั้นถ้านางให้กำเนิดบุตรเป็ตัวผลาญเงิน เ้าก็จะเลี้ยงเองหรือ?” รูปลักษณ์ของหญิงชรานั้นไม่เลวทีเดียว ทว่าความเห็นแก่ตัวของนางนั้น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็น่ารังเกียจ
“เ้า?” ผู้นำตระกูลเสิ่นโกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ “ข้าเห็นแก่ความยากจนของตระกูลสวี่ เลยช่วยเหลือพวกเ้าตั้งหลายต่อหลายครั้ง แต่นี่ช่าง...” เขาโกรธจนพูดไม่ออก “เื่ของตระกูลสวี่ของเ้า ข้าไม่อยากเกี่ยวข้องแล้ว?” เขาพูดพลางสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป
พอผู้นำตระกูลเสิ่นจากไป คนอื่นในตระกูลเสิ่นก็จากไปด้วยเช่นกัน คนตระกูลเสิ่นที่มาล้วนเคยช่วยเหลือตระกูลสวี่ทุกคน บางบ้านที่ครอบครัวร่ำรวยหน่อย ก็เอาวัวให้สวี่เจาเลี้ยง และให้เงินในทุกวัน
“ไปกันเถอะ” นายท่านเสิ่นถอนหายใจ และจูงมือภรรยาหมายจะออกไปด้วย
ทว่านายหญิงเสิ่นกลับไม่ขยับเขยื้อน
“เื่นี้พวกเราไปยุ่งด้วยไม่ได้” นายท่านเสิ่นกล่าวเสียงต่ำ “ตระกูลสวี่ตอนนี้งมงายเชื่อถือหมอดู คนเช่นนี้ถ้าเข้าไปยุ่งก็อย่าได้คิดว่าจะมีวันเวลาอันสงบสุขเลย”
กู้เจิงเข้าใจแล้ว หญิงชราเชื่อคำพูดของหมอดูว่ามารดาของสวี่เจาจะต้องคลอดบุตรออกมาเป็ผู้หญิง เลยตั้งใจที่จะให้เด็กคนนี้ตาย กู้เจิงกำหมัดแน่น แต่นางไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่นี้ได้ เหมือนอย่างที่พ่อสามีพูดไว้ มีหญิงชราเช่นนี้ในตระกูลสวี่ ต่อให้นางช่วยคนก็จะช่วยได้แค่่เวลาหนึ่ง จะช่วยไปตลอดชีวิตได้อย่างไร?
นายท่านเสิ่นเห็นคนอื่นๆ ออกไปกันเกือบหมดแล้ว จึงหันมาเร่งให้ครอบครัวตัวเองรีบออกไปบ้าง
กู้เจิงเดินตามพ่อแม่สามีไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เหลือบเห็นหมอชราที่คนตระกูลเสิ่นเชิญมายังอยู่ที่เดิมพร้อมถอนหายใจ เขาไม่ได้เดินจากไป เพียงแต่มองประตูที่ปิดอยู่ด้วยใบหน้าเศร้าสลด