เมื่อกล่าวจบ เย่เฟิงเก็บสมบัติในห้องลับที่สามารถเก็บได้เข้าแหวนมิติอย่างไม่เกรงใจ
“หยวนชี่ฟ้าดินรุนแรงเช่นนี้ หากไม่บ่มเพาะพลังสักหน่อย คงเสียของแย่!” เย่เฟิงคิดในใจขณะัักับหยวนชี่ฟ้ารอบ ๆ ตัว
ตอนนี้ร่างกายของเขาฟื้นฟูได้เพียงเจ็ดส่วน ดังนั้นเย่เฟิงจึงตัดสินใจบ่มเพาะพลังที่ห้องลับแห่งนี้ เมื่อรักษาตัวเสร็จ เขาก็จะออกจากเขาเทียนเสวียนและกลับสำนักยุทธ์เทียนเสวียน
“อีกครึ่งเดือนก็จะปลายปี ถึงเวลานั้นงานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็คงเริ่มแล้ว” เย่เฟิงคิดในใจ ขณะนั่งขัดสมาธิบนแท่นหินที่สร้างขึ้นจากหินหยวนในห้องลับ เขาต้องกลับสำนักยุทธ์ภายใน 15 วัน และเวลานี้เขาควรยกระดับพลังของตัวเอง
หากตอนนั้นเย่เฟิงมีพลังเพียงพอ ก็คงไม่ติดกับของจงเทาและมาอยู่ในสถานที่อันตรายอย่างเขาเทียนเสวียนเช่นนี้ แม้เย่เฟิงจะเจอความโชคดีในความโชคร้าย แคล้วคลาดจากอันตราย แต่นั่นก็เป็โชคของเขาและเป็สิ่งที่เขาคว้ามาได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง หากเป็คนอื่นอาจไม่รอดมาจนถึงตอนนี้ ดังนั้นถ้าอยากอยู่ในโลกอันโหดร้ายโดยไม่ถูกใครกลั่นแกล้ง ก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 2 ยังอ่อนหัดเกินไป!
เย่เฟิงค่อย ๆ หลับตาลง เมื่อเริ่มโคจรพลัง หยวนชี่ฟ้าดินภายในห้องลับเริ่มผันผวน ก่อนจะหลั่งไหลสู่ร่างเย่เฟิงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีหมอกสีขาวปกคลุมร่างเย่เฟิง
“วี้ด!” ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด จู่ ๆ มีเสียงหนึ่งดังรบกวนเย่เฟิงขณะบ่มเพาะพลัง เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของโลกจริง แต่เป็วิธีสื่อสารอย่างหนึ่งที่ส่งผ่านไปยังสมองของเย่เฟิง
“เป็ไข่มุก!” เย่เฟิงลืมตาขึ้นฉับพลัน เสียงเมื่อครู่นี้เป็เสียงส่งสัญญาณของไข่มุก
แสงพลันส่องวาบ เย่เฟิงนำไข่มุกออกมาจากแหวนมิติ นาทีนี้ไข่มุกเปล่งแสงสีเขียวอย่างเจิดจรัส ก่อนจะแผ่ปกคลุมห้องลับ ทั้งยังมีพลังอันแกร่งกล้าพวยพุ่งออกมาจากไข่มุก ประหนึ่งน้ำล้นโอ่งจนมีน้ำไหลทะลัก
“หลังจากไข่มุกกลืนกินพลังของซื่อหุน มันก็ถึงจุดอิ่มตัว บัดนี้ได้กลืนกินพลังของหัวหน้าจิ้งจอกขาวไปครึ่งหนึ่ง พื้นที่ในนั้นคงเริ่มจะไม่พอ เห็นทีข้าต้องดูดซับหยดน้ำสีเขียวนี่เสียแล้ว!” เย่เฟิงคิดในใจขณะมองไข่มุกในมือที่เอ่อล้นไปด้วยพลังงานบริสุทธิ์ จากนั้นเย่เฟิงเพียงคิด ก่อนพลังจิตจะเชื่อมกับไข่มุก
“วืด!” นาทีต่อมาได้ยินเสียงดังมาจากตัวไข่มุก จากนั้นมันลอยขึ้นอากาศช้า ๆ ไปที่เหนือหัวของเย่เฟิง ทันใดนั้นพลังแกร่งกล้าปะทุออกจากไข่มุกเข้าปกคลุมพื้นที่ จากนั้นเห็นหยดน้ำสีเขียวออกมาจากตัวไข่มุก ภายในนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังงานมหาศาล เป็ผลึกจากการที่ไข่มุกกลืนกินพลังและกลั่นออกมา
“วืด!” มีเสียงดังมาจากไข่มุกอีกครั้ง หยดน้ำสีเขียวนั่นค่อย ๆ แยกตัวจากไข่มุกและหยดลงที่ศีรษะไหลซึมสู่ร่างเย่เฟิง จากนั้นไหลเวียนไปตามเส้นชีพจร
เพียงพริบตาหยดน้ำสีเขียวนั่นที่อยู่ในร่างเย่เฟิงก็กลายเป็พลังมหาศาล บำรุงหล่อเลี้ยงทุกองค์ประกอบในร่างกาย ทำให้อาการาเ็ภายในหายเป็ปลิดทิ้ง
ในขณะเดียวกัน เพียงระยะเวลาอันสั้น เย่เฟิงััได้ว่าระดับการบ่มเพาะของตัวเองบรรลุขั้นรวมชี่ที่ 3 ทั้งยังเสถียรภาพมากด้วย
“หยดน้ำสีเขียวนี่ยังทรงพลังเหมือนเดิม หลังจากหลอมรวมกับร่างกายก็ทำให้ข้าได้รับประโยชน์อย่างที่ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อน ช่างฝืนลิขิต์ยิ่งนัก!”
เย่เฟิงทอดถอนใจ การทะลวงขั้นพลังได้ในเวลาอันสั้นช่างรู้สึกสดชื่นมาก แต่ถึงจะทะลวงพลังได้หนึ่งขั้น เย่เฟิงก็มิกล้าเกียจคร้านแม้แต่น้อย จากนั้นโคจรพลังเข้าดูดซับพลังอันน่าทึ่งที่แปรเปลี่ยนมาจากหยดน้ำสีเขียว
รอบกายของเย่เฟิงถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีเขียว พร้อมกับมีพลังอันแกร่งกล้าแพร่กระจายทั่วอากาศ
ส่วนภายในร่างกายของเย่เฟิง พลังหยวนไร้ที่สิ้นสุดไหลเวียนตามเส้นชีพจรอย่างต่อเนื่อง และพลังที่ปลดปล่อยมาจากหยดน้ำสีเขียวก็ทรงพลังมากเช่นกัน
ภายในจิตสำนึก ดูเหมือนว่าจิตของเย่เฟิงจะเข้าสู่ห้วงแห่งดาราไพศาล บนท้องฟ้าในห้วงนั้นเต็มไปด้วยดวงดาวส่องแสงระยิบระยับ คล้ายกับมีอำนาจฟ้าดินล่องลอยอยู่ในโลกดารา ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง
จิตของเย่เฟิงล่องลอยอยู่ในโลกดาราอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้และอาบอยู่ท่ามกลางแสงดาว เขาคุ้นเคยกับดวงดาวรอบกายที่เหมือนอยู่ใกล้แค่เอื้อม จิติญญาก็ราวกับถูกยกระดับขึ้น
“ประตูิญญาที่สอง!”
จู่ ๆ เย่เฟิงนึกบางอย่างออก จึงอดรู้สึกดีใจไม่ได้ โลกดารานี้คือที่ที่เย่เฟิงได้ิญญาาเทพัในตอนนั้น และด้วยการช่วยเหลือจากพลังหยดน้ำสีเขียว เย่เฟิงจึงสามารถเปิดประตูิญญาที่สองได้
เย่เฟิงอายุไม่ถึง 16 ปี แต่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 3 และบัดนี้ก็ยังเปิดประตูิญญาที่สองได้ ความรวดเร็วเช่นนี้ เกรงว่าไม่มีใครในอาณาจักรจ้าวเทียบเคียงได้
แม้จะเป็อัจฉริยะที่เก่งกาจที่สุดของเมืองหลวงก็ยังเทียบไม่ติด อีกอย่างิญญาาแรกของเย่เฟิงก็อยู่ขั้นคราม มากพร์เช่นนี้จะมีใครเทียบได้?
จิตของเย่เฟิงล่องลอยอยู่ท่ามกลางโลกดารา ค่อย ๆ ััถึงพลังคุณสมบัติที่แฝงอยู่ในโลกแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง จิตของเขาก็หยุดชะงักและปรากฏประตูดวงดาวที่ด้านหน้า ซึ่งเหมือนกับครั้งที่แล้ว ทุกอย่างช่างดูคุ้นเคยเหลือเกิน
ประตูดวงดาวสะท้อนในดวงตา จากนั้นเหมือนประทับเข้ากับเืเนื้อของร่างเย่เฟิง ขณะเดียวกันภายในร่างกายเขาก็มีประตูบานไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปค่อย ๆ เปิดออก ซึ่งก็คือประตูิญญาที่สองของเขา
เย่เฟิงบังคับจิตเข้าสู่ประตูิญญาที่สอง จากนั้นปรากฏเงาร่างมากมายในสายตาของเย่เฟิง เป็ิญญาาที่ส่องแสงเจิดจ้า
เย่เฟิงขับเคลื่อนจิตเดินไปข้างหน้า ผ่านเขติญญาาขั้นแดง ส้ม เหลือง และเขียว แต่การผ่านสี่ขั้นนี้เย่เฟิงต้องผลาญพลังไปมาก จนกระทั่งจิตของเขามาถึงเขติญญาาขั้นคราม
“ว่าแต่ิญญาาขั้นฟ้าจะทรงพลังสักแค่ไหนกันนะ?” เย่เฟิงคิดในใจ ครั้งนี้เขาจะลองปลุกิญญาาขั้นฟ้า
จากนั้นเย่เฟิงขับเคลื่อนจิตไปข้างหน้าต่อ มุ่งสู่เขติญญาาขั้นฟ้าที่มีระดับสูงยิ่งกว่า
ทันใดนั้นมีแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวเข้ากดทับจิตของเย่เฟิง ส่งผลให้ร่างจริงได้รับแรงกดดันเช่นเดียวกัน
เย่เฟิงกัดฟันอดทน จากนั้นพลังงานที่ถูกแปลงมาจากหยดน้ำสีเขียวกลายเป็แรงผลักดันให้กับเย่เฟิง ทำให้เขาสามารถเดินหน้าไปต่อได้
ด้วยความอดทนและความมุ่งมั่นของเย่เฟิง ในที่สุดจิตของเย่เฟิงก็เข้าสู่เขติญญาาขั้นฟ้า
“วูบ!” ทันใดนั้นแรงกดดันที่ทรงพลังยิ่งกว่ามาเยือนจิตของเย่เฟิง มันทรงพลังกว่าแรงกดดันของเขตขั้นครามหลายเท่า
จู่ ๆ สติของเย่เฟิงเริ่มเลอะเลือน แทบประคับประคองไม่ได้ และเกือบถอนจิตออกจากเขติญญาาขั้นฟ้า
เมื่อเย่เฟิงตั้งมั่นได้แล้วก็ทอดถอนใจ เขามองไปข้างหน้าที่ซึ่งมีิญญาาขั้นฟ้านับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่ในเขตแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล
เย่เฟิงรู้จักข้อบกพร่องของตนเอง เขารู้ว่ายิ่งอยู่ใจกลางของเขตแดนที่ลึกมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องรับแรงกดดันมากขึ้นเท่านั้น ด้วยพลังของเขาในเวลานี้ การที่สามารถเข้าสู่เขติญญาาขั้นฟ้าได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
จากนั้นเย่เฟิงเริ่มขับเคลื่อนจิตไปเลือกิญญาาที่ตนชื่นชอบ
“เต่าเทพ กระเรียนขาว ัคราม...”
ิญญาาเรืองรองแสงสีฟ้าล่องลอยกลางอากาศ ทั้งยังมีแรงกดดันแผ่ออกมาจาง ๆ ราวกับมีรัศมีที่น่าเลื่อมใสศรัทธา ดูศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่สิ้นสุด และไม่ใช่สิ่งที่ิญญาาห้าขั้นแรกจะเทียบเคียงได้