บทที่ 17 แผนรีดไถอันแยบยล
ยอดเขาศาสตราวุธ
ภายในสำนักหลอมอาวุธ อากาศร้อนและเย็นปะทะกัน เสียงตีเหล็กดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน
เหอหงเฟิงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาแล้วกล่าวทันทีว่า
“ผู้คุมกฎฝูถู ท่านรีบไปเถอะ ผู้าุโซางอู่บอกว่าถ้าไม่เห็นท่านภายในหนึ่งเค่อ นางจะบุกมายอดเขาศาสตราวุธ!”
เมื่อสิ้นเสียง เหงื่อก็ไหลโซมกายชายฉกรรจ์ร่างกำยำที่เปลือยท่อนบนในสำนักหลอมอาวุธ พวกเขาดูเหมือนจะนึกถึงความทรงจำอันเลวร้ายบางอย่างขึ้นมาได้ ทั้งหมดหันกลับไปมองชายร่างั์ใหญ่ดุจหอเหล็กที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“หืม?”
ฝูถูสีหน้ากระตุกสองครั้ง ก่อนที่มือเขาจะคลายออก ทำให้ค้อนหลอมเหล็กหลุดร่วงลงพื้น
“เกิดเื่อันใดกันแน่?”
ผู้าุโหานเฮ่อตบโต๊ะลุกขึ้นยืนพลางตวาดอย่างโกรธเคือง
“บังอาจนักที่เรียกผู้คุมกฎของยอดเขาศาสตราวุธมาพบตามอำเภอใจ แถมยังพูดจาโอ้อวดว่าจะบุกขึ้นมาเช่นนี้! หรือนี่เป็การดูถูกว่ายอดเขาศาสตราวุธไม่มีผู้คนแล้ว!”
เหล่าชายร่างกำยำต่างพากันก้มหน้าลง ทำทีเป็กำลังยุ่งวุ่นวาย
“ฝูถู เ้าไปก่อนเถอะ!”
“ขอรับ ท่านผู้าุโ”
ฝูถูสีหน้าเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง ก่อนจะเดินออกจากสำนักหลอมอาวุธไป หานเฮ่อจึงหันไปถามเหอหงเฟิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า
“ผู้คุมกฎเหอ เื่ราวเป็มาอย่างไรกันแน่?”
“ศิษย์ของผู้คุมกฎฝูถู ประลองกับศิษย์สายตรงคนใหม่ แล้วก็...”
เมื่อผู้าุโหานเฮ่อได้ฟังจบก็โกรธจัด ศิษย์เก่าไปหาเื่ประลองกับศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามานี่น่ะหรือ? ช่างเป็เื่ไร้ยางอายสิ้นดี! ทำไปแล้วยังไม่พอ ยังดันแพ้อีก คราวนี้แหละแย่แน่!
ซางอู่คนบ้าเืนั่น ขนาดไม่มีเหตุผลยังหาเื่ได้ถึงสามส่วน ตอนนี้มีเหตุผล จะไม่ยิ่งร้ายกาจไปกันใหญ่หรือ!
“จริงสิ เมื่อครู่เ้าบอกว่าหลี่โม่บังคับให้หวังฮ่าวใช้ปราณภายในด้วยหรือ?”
“ใช่แล้วครับ ที่จริงหวังฮ่าวแอบใช้ไปก่อนหน้าแล้วเพียงน้อยนิดเท่านั้น แต่พอเสียเปรียบวิชาหมัดหกประสานขั้นชำนาญ ก็เลยโมโหจนขาดสติ”
หานเฮ่อลูบเคราสีขาวแซมเทาของตน ดวงตาฉายแววความกังวลจนกระตุกไม่หยุด
วิชาหมัดหกประสานขั้นชำนาญ!
เปิดเส้นชีพจรภายในได้ภายในหนึ่งวัน!
เพียงสองข้อนี้ หลี่โม่ผู้นั้น แม้จะไม่เทียบเท่าอิ๋งปิง ก็คงไม่ต่างกันมากนัก บันไดประเมินพร์คนไม่เคยพลาดจริงๆ คุณสมบัติพิเศษของเด็กผู้นั้น อาจจะแสดงออกทางความสามารถด้านวิชาการต่อสู้ ทำให้มีความก้าวหน้าอย่างก้าวะโถึงเพียงนี้
ศิษย์ดีเด่นเช่นนี้ ดันไปอยู่ภายใต้การดูแลของซางอู่ หากแค่เรียนรู้วิชาการต่อสู้ก็ยังพอว่า แต่ถ้าเรียนรู้สันดานบ้าๆ ของผู้หญิงคนนั้นไปด้วยล่ะก็... หานเฮ่อคิดแล้วก็ปวดหัวตุบๆ
โถงประลองยุทธ์
เมื่อฝูถูเดินเข้ามา เขาก็เห็นศิษย์ของตนติดอยู่ในกำแพง ไม่รู้เป็ตายร้ายดีอย่างไร ส่วนซางอู่นั่งไขว่ห้างอยู่บนที่นั่งอาจารย์อย่างไม่เกรงใจ พลางจิบชาอย่างสบายอารมณ์
เขาสูดลมหายใจลึก พยายามระงับความโกรธแล้วกล่าวว่า
“ผู้าุโซาง ไม่ทราบว่าท่านทำอะไรศิษย์ข้าถึงได้สาหัสปางตายถึงเพียงนี้?”
ซางอู่เลิกคิ้วขึ้น เสียงดังกว่าเขาเสียอีก
“มันเป็ฝ่ายลงมือก่อน!”
พลางพูด นางก็ยกแขนของหลี่โม่ขึ้น ชี้นิ้วไปที่รอยฟกช้ำบนฝ่ามือของเขาแล้วกล่าวว่า
“หากข้ามาไม่ทัน ศิษย์สุดที่รักผู้มีพร์ยอดเยี่ยมของข้าคงถูกศิษย์ของเ้าบีบคอจนตายไปแล้ว”
หลี่โม่ไอเล็กน้อย พยายามดึงมือกลับ แต่ก็ดึงไม่หลุด
‘ไม่นะ ท่านอาจารย์ รอยฟกช้ำบนมือของข้ามันเกิดจากการที่ข้าต่อยเขาต่างหาก’
‘ถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิด รอยนี้คงหายไปเองแล้วด้วยซ้ำ’
ฝูถูใช้พลังเคลื่อนย้ายกลางอากาศ ดึงหวังฮ่าวออกมาจากกำแพง เมื่อป้อนยาฟื้นฟูให้ไปหนึ่งเม็ด เขาก็หันกลับมากล่าวว่า
“นี่เป็เพียงการประลองของศิษย์ร่วมสำนักเท่านั้น ผู้าุโซางอู่ ท่านทำเกินไปแล้ว หวังฮ่าวมีหน้าที่ชี้แนะวิชาหมัดให้ศิษย์ใหม่ บางทีเขาอาจจะเพียงแค่ถ่ายทอดวิชาหมัดเท่านั้น”
“ประลองงั้นรึ? มันถึงกับใช้ปราณภายใน นั่นก็ยังเรียกว่าเป็การชี้แนะอีกหรือ?”
ซางอู่กล่าวพลางวางถ้วยชาลงอย่างแรงด้วยความไม่พอใจ
“เสี่ยวโม่ เ้าว่ากฎสำนักชิงเยวียนของเราว่าอย่างไรบ้าง?”
“ผู้ที่ทำร้ายศิษย์ร่วมสำนักจนาเ็สาหัสหรือถึงแก่ชีวิต สามารถถูกสังหารได้ทันทีในที่เกิดเหตุ”
หลี่โม่กล่าวเสริมในเวลาที่เหมาะสม
“ไอ้เศษสวะ! สำนักมีแกไว้ทำไมกัน!”
ฝูถูกว่าว่าหวังฮ่าวที่หมดสติด้วยความโกรธจัด
รังแกศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาได้เพียงวันเดียว ยังต้องใช้ปราณภายในอีกหรือ? คราวนี้แหละแย่แน่! หมวกแห่งการทำร้ายศิษย์ร่วมสำนักถูกสวมทับลงมาแล้ว ต่อให้ฟันหักก็ต้องกลืนเืลงท้อง!
ท่ามกลางความโกรธ เขากวาดสายตาไปยังชายหนุ่มข้างกายซางอู่ หวังฮ่าวมีฝีมือเพียงใดเขาย่อมรู้ดี แต่ไม่ใช้ปราณภายในแล้วยังเอาอีกฝ่ายไม่ลงเช่นนั้นหรือ?
“ถ้าอย่างนั้น... ก็ขอขอบคุณผู้าุโซางที่ช่วยอบรมสั่งสอนศิษย์ของข้า ข้าขอตัวลา”
ฝูถูแบกหวังฮ่าวขึ้นบ่า แล้วตั้งใจจะเดินออกไป แต่ยังไม่ทันเดินได้สองก้าว เขาก็ถูกพลังกดดันไว้จนขนคอลุกชันขึ้นมาทันที
“ยอดเขาศาสตราวุธของเ้า ยังคงติดหนี้คำอธิบายให้ข้าอยู่”
ซางอู่ถ่มใบชาจากปากลงในถ้วยด้วยสีหน้ารังเกียจ
“นำเหล็กเย็นมาให้ข้าหนึ่งหมื่นชั่ง, ทองคำแดงหนึ่งพันชั่ง, และเหล็กบริสุทธิ์สิบชั่ง! หากขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียว เ้าก็อย่าหวังว่าจะเดินออกจากประตูนี้ได้เลย!”
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง นี่มันเท่ากับผลผลิตสิบปีของยอดเขาศาสตราวุธเลยนะ แม้แต่ผู้าุโหานเฮ่อก็อาจจะไม่มีปัญญาหามาได้
เห็นได้ชัดว่าเส้นเืที่หน้าผากของฝูถูผุดขึ้นมาจนปูดโปนพลางกล่าวว่า
“มันจะเกินไปแล้ว! ซางอู่! เ้าอย่าได้มารังแกกันมากเกินไปนัก!”
“แล้วจะทำไม!”
พลังร้อนระอุแผ่กระจายออกไป ทำให้ผู้คนในที่นั้นแทบหายใจไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็ความรู้สึกผิดพลาดหรือเปล่า แต่หลี่โม่รู้สึกเหมือนได้เห็นดอกบัวดอกหนึ่งผลิบานในเปลวไฟจากอาจารย์สาวงามของเขา มันลุกโชนราวกับจะไม่มีวันมอดดับ
พลังของฝูถูลดลงทันที หากเป็ผู้อื่น เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายคงไม่กล้าลงมือในสำนัก แต่ซางอู่คนบ้าเืผู้นี้ หากคลุ้มคลั่งขึ้นมา แม้แต่เ้าสำนักก็ยังต้องยอมให้ถึงสามส่วน
หลี่โม่เกิดปัญญาขึ้นมาทันที จึงรีบไกล่เกลี่ยแล้วกล่าวว่า
“ผู้คุมกฎฝูถูเป็เพียงผู้ดูแลยอดเขาศาสตราวุธเท่านั้น จะให้เขานำของมากมายขนาดนั้นมา ก็คงหามาให้ไม่ได้หรอกขอรับ ศิษย์เองก็ไม่ได้าเ็อะไรมากนัก เช่นนั้นก็... ขอค่าเสียหายให้น้อยลงหน่อยได้ไหม?”
ซางอู่แค่นเสียงเ็าพลางกล่าวว่า
“ก็จริงอย่างที่ศิษย์ว่า เช่นนั้นศิษย์ว่าอยากได้ค่าเสียหายแบบไหนถึงจะพอใจเล่า?”
หลี่โม่ไอเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “เตรียมพู่กันและหมึก!” เขาใช้พู่กันตวัดเขียนลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็เขียนรายการสิ่งของออกมาได้หนึ่งชุด
ฝูถูมองดู สิ่งที่เขียนไว้ส่วนใหญ่เป็เหล้าดีที่ซางอู่ชอบดื่ม และของมีค่าจิปาถะอื่นๆ อีกเล็กน้อย แม้จะต้องเสียเงินจำนวนมาก แต่ก็ไม่เกินจริงเหมือนเมื่อครู่
“มารับที่ยอดเขาศาสตราวุธได้เลย”
เมื่อเห็นอาจารย์และศิษย์ร่วมมือกันบรรเลง ฝูถูสีหน้าแปรเปลี่ยนไปมา สุดท้ายก็ต้องกล้ำกลืนความเ็ปไว้
“เออ! แบบนี้สิถึงจะถูกทาง ทำไมไม่ทำั้แ่แรกก็ไม่รู้!”
พลังกดดันของซางอู่พลันหายไปในพริบตา รอจนฝูถูแค่นเสียงเ็าจากไป นางก็หน้าบานยิ้มแย้มขึ้นมาทันที กอดศิษย์สุดที่รักของนางอย่างแรงจนศีรษะของเขาจมหายไปในทรวงอกของนางด้วยความดีใจ
หากให้หลี่โม่บรรยายรูปร่างของซางอู่ในตอนนี้ เขาคงจะบอกว่ามันช่างน่าอึดอัดเสียจริง และหากถามว่าหลี่โม่กำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้... เขากำลังคิดว่าไม่น่าแปลกใจเลยที่แฟนสาวที่เคยคบกันในชาติที่แล้วชอบตบต้นขาเขาอย่างแรงบ่อยๆ
“สมกับเป็ศิษย์ของข้า เรียนรู้ความสามารถของข้าไปได้ถึงสามส่วนแล้ว”
“ท่านอาจารย์ ท่านแบ่งให้ข้าบ้างได้หรือไม่?”
หลี่โม่เรียกร้องส่วนแบ่งด้วยความเขินอาย
“หืม?” ซางอู่ตื่นตัวในทันที แววตาที่มองศิษย์รักไม่เหมือนมองลูกชายที่แสนดีอีกต่อไปแล้ว
“หนึ่งต่อเก้า”
“ท่านอาจารย์ ท่าน้าแค่นี้เองหรือ?”
“หนึ่งส่วนของเ้า เก้าส่วนของข้า”
หลี่โม่กล่าวอย่างจนใจว่า “ที่จริงข้าแค่้าเนื้อสัตว์วิเศษ เอามาปิ้งย่างกิน...”
“เนื้อย่าง?”
ซางอู่ดวงตาเป็ประกายแล้วถามว่า “เ้าทำอาหารเป็ด้วยหรือ?”
“แน่นอนขอรับ ในแคว้นจื่อหยาง ข้าบอกว่าข้าคืออันดับหนึ่ง ไม่มีใครกล้าบอกว่าเป็อันดับสอง”
มีเครื่องปรุงสมัยใหม่ในมือ ก็ต้องมั่นใจขนาดนี้สิ!
เขาเพิ่งพูดจบ ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกยกตัวขึ้น จากนั้นภาพรอบกายก็เริ่มพร่าเลือนและถอยร่นอย่างรวดเร็ว หลี่โม่แทบจะอาเจียนออกมา ไม่กี่อึดใจเขาก็รู้สึกถึงพื้นดินอีกครั้ง
ที่นี่ที่ไหนกัน?
เมื่อได้ยินเสียงตีเหล็กดังขึ้น หลี่โม่ก็กวาดสายตามองไปรอบข้างอย่างสับสน สิ่งที่เห็นคือถ้ำขนาดมหึมา ที่มีแสงเย็นเยียบส่องประกายอยู่ลางๆ ด้านซ้ายและขวาของถ้ำมีแม่น้ำสองสายไหลไปตามทางน้ำเข้าสู่ลานด้านใน สายหนึ่งร้อนระอุ อีกสายหนึ่งเย็นเฉียบ และกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กำลังตีเหล็กก็ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ในลานนั้น
“ที่นี่คือ...”
“นี่คือถ้ำเทพศาสตรา มีมาั้แ่ก่อนที่สำนักชิงเยวียนของเราจะก่อตั้งเสียอีก”
ซางอู่อารมณ์ดี จึงอธิบายให้ศิษย์ใหม่ฟังเล็กน้อยว่า
“ข้างในนั้นมีแต่เศษเหล็กเก่าๆ ที่ข้าเคยได้จากนักฆ่าของหอสายฝนเมื่อหลายปีก่อน ดาบของมันก็ถูกโยนทิ้งไว้ในนั้น ได้ยินเฒ่าหานเฮ่อพูดว่าอะไรนะ ‘บำรุงด้วยพลังสังหารของอาวุธ’”
พลังสังหารของอาวุธเช่นนั้นหรือ?
หลี่โม่รู้สึกตื่นเต้นในใจ ถ้าอย่างนั้น ถ้ำเทพศาสตรานี้ ก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดีเยี่ยมสำหรับการฝึกวิชากายาศาสตราสังหารอย่างนั้นหรือ?
“ฮึ่ม! เศษเ่าั้ไม่ใช่แค่เศษเหล็กธรรมดา ซางอู่ เ้าอย่าได้ดูิ่บรรพบุรุษของยอดเขาศาสตราวุธของข้า!”
ผู้าุโหานเฮ่อแบกมือไพล่หลัง ใบหน้าบึ้งตึง
ซางอู่ไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับเขา ยื่นมือออกไปแล้วกล่าวว่า
“ของล่ะ?”
“ฮึ่ม! ฝูถู!”
เมื่อสิ้นเสียง ฝูถูก็ลากรถม้าคันหนึ่งออกมา หลี่โม่คาดเดาในใจว่า นี่คงเป็สิ่งที่ผู้คุมกฎที่ชื่อฝูถูเบิกจากยอดเขาศาสตราวุธมาให้ จึงเตรียมได้เร็วขนาดนี้ ของที่ขนมาล้วนเป็สิ่งที่อาจารย์สั่งให้เขาขอมา ดูเหมือนว่านี่จะเป็การวางแผนมานานแล้ว เลือกแต่ของที่หามาได้ง่ายๆ...
ซางอู่หรี่ตาอันงดงามของนางลง พร้อมรอยยิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอกที่ขโมยปลาได้สำเร็จ
“เฒ่าหานเฮ่อ นานๆ ทีเ้าจะยอมง่ายๆ เื่นี้ถือว่าจบกัน”
[ยินดีด้วยเ้าสำนัก ท่านได้ลงทุนสำเร็จ การร่วมมือกับซางอู่ในการรีดไถ]
[ผลตอบแทนการลงทุน: สุราน้ำแข็งอัคคีสามไห]
[ผลตอบแทนการลงทุน: ยาชำระจิตหกอักษรสองขวด]
[ผลตอบแทนการลงทุน: เหล็กบริสุทธิ์สิบชั่ง]
.......
[ยาชำระจิต: มีฤทธิ์ทำให้จิตใจสงบ สามารถระงับความคิดฟุ้งซ่านได้ในระดับหนึ่ง แต่ละเม็ดออกฤทธิ์ได้สองชั่วยาม สามารถรับประทานได้มากสุดวันละหนึ่งเม็ด การรับประทานเกินขนาดจะทำให้กิเลสตัณหาจางลงและอาจสูญเสียความเป็มนุษย์]
[เหล็กบริสุทธิ์: เหล็กหนึ่งหมื่นชั่ง มีเนื้อบริสุทธิ์เพียงหนึ่งตำลึง อาวุธทั่วไปหากผสมเพียงเล็กน้อยก็สามารถตัดเส้นผมขาดได้ เป็วัสดุสำคัญสำหรับการสร้างเทพศาสตรา]
หลี่โม่ก็มีความสุขมากเช่นกัน ไม่คิดเลยว่าการช่วยอาจารย์รีดไถจะถูกนับเป็การลงทุน คุ้มค่าสุดๆ! นี่อาจไม่ใช่รางวัลที่ดีที่สุดของเขา แต่เป็ครั้งที่คุ้มค่าที่สุดอย่างแน่นอน มูลค่าของรางวัลที่ได้รับนั้น เกินกว่าที่อาจารย์รีดไถมาทั้งหมดเสียอีก
“หึๆ ข้าไม่ยอมแพ้ทั้งคนทั้งศึกหรอก หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น ซางอู่ เ้าแพ้แล้วก็อย่าได้เบี้ยวสัญญาก็แล้วกัน”
ผู้าุโหานเฮ่อแค่นเสียงเ็า
สิ่งที่เขาพูดคือเื่ที่ทั้งสองคนพนันขันต่อเื่ลูกศิษย์ เดิมพันนั้นมีค่ามากกว่าทรัพย์สินในรถม้าคันนี้มากนัก ไม่สิ มันประเมินค่าไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะให้โอกาสเ้า... แพ้”
ซางอู่ยิ้มพลางยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น แล้วคว่ำลง
หลี่โม่ “...........”
“ท่านอาจารย์ ท่านเอาความมั่นใจมาจากไหน?”
ถ้าจำไม่ผิด มู่หรงเซียวมีกายาัคำราม ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็อัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบสิบปีของแคว้นจื่อหยาง ถ้าไม่มีอิ๋งปิง มู่หรงเซียวคงเป็อันดับหนึ่งของศิษย์รุ่นนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้าุโหานเฮ่อมั่นใจขนาดนี้ คงเป็เพราะสายเืกึ่งอสูรนั้นเป็แน่ จุดเด่นของกึ่งอสูรคือการมีต้นทุนพลังที่สูงมาก ศิษย์ของเขามีกายากึ่งอสูร และสายเืนั้นยังเอนเอียงไปทางัน้ำ ที่ขึ้นชื่อเื่ความแข็งแกร่งของร่างกาย อีกทั้งยังฝึกวิชาฝึกกายภายใต้การแนะนำของเขา ทำให้ดึงเอาความสามารถของตนออกมาได้อย่างเต็มที่ ตอนนี้ แค่พละกำลังทางกายภาพก็สามารถยกหินั์น้ำหนักหมื่นชั่งได้แล้ว
หลี่โม่ในอนาคตอาจจะไปได้ไกลมาก แล้วจะอย่างไร? การประลองเก้ายอดเขาใกล้เข้ามาแล้ว ในระยะสั้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเอาชนะมู่หรงเซียวได้
“ฮึ่ม! ก็แค่มาถล่มถ้ำเทพศาสตราเท่านั้นเอง...”
ซางอู่เบะปาก สุดท้ายก็ไม่ได้พูดคำว่า “ศิษย์ข้าก็ทำได้” ออกมา
อาวุธในถ้ำล้วนเป็อาวุธสังหาร หากแยกออกมา อาจจะไม่เท่าไหร่ แต่หากถูกจัดเรียงเป็ระบบ มันก็สามารถทำร้ายผู้คนจากระยะไกลได้ ยิ่งไปกว่านั้น อาวุธบางชิ้นที่เคยสังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน ยังคงมีจิตสังหารอันน่าตกตะลึงที่สามารถครอบงำจิตใจคนได้ การเข้าไปในนั้นจึงเป็การทดสอบทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง แม้แต่นางเองก็ยังไม่สามารถลงไปถึงชั้นล่างสุดของถ้ำเทพศาสตราได้
“ผู้าุโหานเฮ่อ ไม่ทราบว่าถ้ำเทพศาสตรานี้ บุคคลภายนอกจะเข้าไปได้หรือไม่ขอรับ?”
“หืม?”
หานเฮ่อชะงักการดื่มชา
ซางอู่ก็แอบส่งสายตาให้ศิษย์พลางคิดในใจว่า ‘ศิษย์โง่ เราไม่จำเป็ต้องสู้ทุกเื่นะ...’
หานเฮ่อกวาดสายตามองแล้วกล่าวว่า:
“เข้าได้ก็จริง แต่ข้าแนะนำให้เ้าคิดให้ดีเสียก่อน”
ในถ้ำ นอกจากมู่หรงเซียวแล้ว ที่เหลือล้วนเป็ศิษย์ระดับปราณภายในขึ้นไป เป็เพราะร่างกายแข็งแกร่งโดยกำเนิด ส่วนคนอื่นสามารถใช้ปราณภายในป้องกันตัวเองได้
“ข้าจะลองบริเวณรอบนอกดูก่อน หากไม่ไหว ก็จะไม่ฝืนตัวเองขอรับ”
หลี่โม่กล่าวด้วยแววตาที่มุ่งมั่น ซึ่งเป็คำพูดที่บอกกับทั้งสองคน
หานเฮ่อส่ายศีรษะในใจพลางคิดว่า ไม่แปลกใจเลยที่พอเข้าโถงประลองยุทธ์ก็เกิดความขัดแย้งกับผู้อื่น พอวิชาการต่อสู้ก้าวหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ก็ลืมตัวไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ พยายามที่จะเอาชนะผู้อื่นไปเสียทุกเื่ จิตใจเช่นนี้ ปล่อยให้เจอความยากลำบากบ้างก็ดี
“เข้าไปได้ แต่รับผิดชอบความปลอดภัยเอง หากเกิดเื่อะไรขึ้นมา เ้ากับศิษย์ของเ้าก็อย่ามาโทษข้าล่ะ”
“ขอบพระคุณขอรับ”
หลี่โม่ประสานมือ แล้วมองอาจารย์ของเขา ซางอู่หรี่ตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบกระดิ่งเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อแล้วกล่าวว่า
“หากทนไม่ไหว ก็เขย่าแรงๆ สองครั้งนะ”
นี่คือกระดิ่งรวมใจ เมื่อกระดิ่งหนึ่งถูกเขย่าอย่างแรง กระดิ่งอีกอันก็จะดังขึ้น ตราบใดที่ไม่ได้อยู่ห่างกันถึงพันลี้ ก็มีผล
ผู้าุโซางที่ดูเหมือนจะห้าวหาญ แต่ที่จริงแล้วก็ไม่้าให้ศิษย์รักของนางาเ็จริงๆ
“ขอบพระคุณขอรับท่านอาจารย์”
เมื่อรับกระดิ่งมาแล้ว หลี่โม่ก็เดินไปยังหน้าถ้ำเทพศาสตรา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้