“ปอเอ๋อร์” เซี่ยเจิงอ้าปาก แต่ชวีเสี่ยวปอกลับส่งสายตาไปหยุดเขาเอาไว้ก่อน จากนั้นจึงรีบพูดออกมาว่า :
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” ชวีเสี่ยวปอถอนหายใจ “ห้ามพูดโดยเด็ดขาด”
“นายรู้เหรอว่าฉันจะพูดว่าอะไรน่ะ? ” เซี่ยเจิงลูบไปที่จมูก
“ไม่รู้” ชวีเสี่ยวปอยักคิ้วด้วยใบหน้าที่สบายๆ “แต่ไม่ว่านายจะพูดอะไร ฉันก็คิดว่าพวกเราต้องทำตามแผนเดิม เนื้อติดกระดูกอ่อนเสียบไม้ และเนื้อแกะผัดใบยี่หร่า พวกเราจะต้องกินข้าวมื้อนี้จนเสร็จเรียบร้อย”
ชวีเสี่ยวปอคนคนนี้นี่นะ จะพูดอย่างไรดี
เซี่ยเจิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่สามารถหาคำที่เหมาะสมออกมาได้ แต่เขารู้ว่าในตอนที่ชวีเสี่ยวปอกำชับเขาให้ยืนอยู่ตรงที่เดิม พร้อมทั้งมองด้านหลังของชวีเสี่ยวปอที่วิ่งไกลออกไป ทันใดนั้นเซี่ยเจิงก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาฟูฟ่องขึ้นมาทันที
และวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือ ไม่ฟัง ไม่ดู และไม่คิดถึงมัน
ชวีเสี่ยวปอช่วยเขาจัดการเรียบร้อยแล้ว
เขาไม่ต้องทำให้ตัวเองลำบากใจ ทั้งยังไม่ต้องพยายามเก็บซ่อนความอับอายของตัวเองเอาไว้ตอนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย
มันไม่ใช่การหลีกหนี
แต่ชวีเสี่ยวปอใช้การปฏิบัติจริงเพื่อบอกกับเขาว่า สิ่งที่น่ารังเกียจเหล่านี้ล้วนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยสักนิด ใช้ชีวิตของเขาให้ดีก็พอแล้ว
ตอนที่ชวีเสี่ยวปอกลับมาถึงบ้านก็เป็เวลาดึกมากแล้ว
ฝีมือทำกับข้าวของเซี่ยเจิงไม่แย่เลยทีเดียว คิดไม่ถึงเลยว่านอกจากเขาจะอบขนมปังอร่อยแล้ว ยังผัดกับข้าวอร่อยอีกด้วย
หลังจากที่ชวีเสี่ยวปออาบน้ำเสร็จออกมา เขาก็พลางลูบท้องกลมๆ ของเขาไปด้วย เขารู้สึกว่าได้กินฟรีเกือบทุกวันเช่นนี้ ต่อให้อ้วนขึ้นมาห้ากิโลก็คงจะไม่เป็ปัญหาอะไร
ถึงแม้ว่าในตอนที่กลับเข้าห้องมาเวินลี่จะกำชับเขาว่าให้รีบแต่งตัวแล้วนอนได้แล้ว แต่ชวีเสี่ยวปอที่ทั้งตัวใส่เพียงแค่กางเกงในตัวเดียวกลับนั่งลงที่หน้าโต๊ะ ก่อนที่จะเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เวินลี่ปรากฏตัวขึ้นมารบกวนเขากลางคัน ชวีเสี่ยวปอจึงจงใจล็อกประตูเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังตรวจสอบให้แน่ใจว่าปลอดภัยและไม่มีปัญหาอะไรเอาไว้ด้วยแล้วเช่นกัน
ทันทีที่เขาเอามือวางลงไปบนแป้นพิมพ์ ชวีเสี่ยวปอก็กลั้นหายใจเอาไว้ทันที ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วเขาจะเล่นเกมได้อย่างราบรื่น แต่ในตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าปลายนิ้วมือของอยู่ดีๆ ก็ควบคุมไม่ได้ขึ้นมา
ชอบเพศเดียวกัน
ชวีเสี่ยวปอกดปุ่ม Enter พร้อมทั้งหลับตาลงไปด้วย แทนที่จะบอกว่าแสงสว่างที่ส่องออกมาจากหน้าจอในขณะที่ทั้งห้องมืดสนิททำให้ชวีเสี่ยวปอรู้สึกแสบตาขึ้นมา สู้บอกว่าก่อนที่ผลลัพธ์จะออกมา เขา้าที่หาเหตุผลบางอย่างเพื่อทำให้เขาผ่อนคลายลงสักพักเสียยังจะดีกว่า
อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจมันเลยแม้แต่น้อย
เพราะถึงยังไงพอเข้าอินเทอร์เน็ต ก็สามารถหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อยู่แล้ว เขาจำได้ว่าเคยเห็นข่าวข่าวหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ในต่างประเทศมีนักแสดงชายอยู่คนหนึ่งไม่เพียงแต่จดทะเบียนสมรสกับแฟนหนุ่มของเขาเท่านั้น ทั้งยังรับเลี้ยงบุตรด้วยกันอีกสามคนอีกด้วย
ให้ตายสิ หยุด
ชวีเสี่ยวปอสะบัดศีรษะ เพื่อดึงความคิดที่หลุดลอยออกไปให้กลับคืนมา คิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย
ชวีเสี่ยวปอขยี้ดวงตา และเลือกที่จะทำสิ่งที่ค้างอยู่ต่อไป
อันที่จริงเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า้าค้นหาผลลัพธ์ให้ออกมาเช่นไร แต่ในใจของเขามักจะบอกเป็นัยๆ อยู่เสมอว่า ถ้าหากเข้าใจมากขึ้นอีกหน่อย เขาก็จะสามารถใกล้ชิดกับเซี่ยเจิงได้มากยิ่งขึ้น
แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ตัวเขาเองสามารถหาคำตอบที่้าได้จากตรงนี้หรือไม่?
เมื่อคิดถึงเื่นี้ขึ้นมา ชวีเสี่ยวปอจึงรู้สึกว่าเหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่วางอยู่บนท้ายทอยของเขา กดทับเอาไว้จนเขารู้สึกเ็ปราวกับว่าเป็โรคกระดูกคอเสื่อมขั้นรุนแรง
“รู้สึกมีอนาคตขึ้นหน่อยแล้วใช่ไหมชวีเสี่ยวปอ !” เขาพึมพำออกมา ถือว่าเป็การให้กำลังใจตัวเอง เพียงแต่ว่าพอเขาดูไล่ไปในแต่ละบรรทัด ล้วนไม่มีเนื้อหาที่ตรงกับคำค้นหาเลยสักนิด ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือมันกลับปรากฏคำที่โจ่งแจ้งออกมาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าหากชวีเสี่ยวปอไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ก่อน เขาอาจจะรู้สึกเหมือนได้หลงเข้าไปในเว็บโป๊เปลือยโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
แต่ยิ่งดูมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมึนมากขึ้นเท่านั้น
ถึงขนาดที่เขารู้สึกว่ามันห่างไกลกับการคาดเดาในใจของเขาอยู่อีกเล็กน้อย แต่สิ่งที่สำคัญก็คือชวีเสี่ยวปอจำไม่ได้เลยสักอย่าง เพราะมันเพียงแค่ผ่านเข้ามาช่วยตอบคำถามไขข้อสงสัยของเขาก็เพียงเท่านั้น
ช่างเสียเวลาเสียจริง
ชวีเสี่ยวปอยกแก้วขึ้นมาดื่มน้ำลงไปอึกใหญ่
เอ๊ะ อันนี้
แฟนหนุ่มที่คบกันมาสิบสองปีกำลังจะแต่งงานแล้ว แต่ไม่ใช่กับฉัน
พูดตามตรง หัวข้อนี้ดูเหมือนว่าจะดึงดูดคนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ในขณะนั้นชวีเสี่ยวปอจึงคลิกเข้าไปดู หัวข้อนี้โพสต์อยู่ในเว็บไซต์พูดคุยซุบซิบเว็บไซต์หนึ่ง ทั้งยังได้รับความนิยมเป็อย่างมาก มีคนมาตอบกลับตั้งหลายพันข้อความ
“มันยากเกินไปที่จะทำความเข้าใจเื่แบบนี้คนเดียว ทั้งยังนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว มีคนอยากจะฟังเื่นี้บ้างหรือเปล่านะ? ขอแจ้งให้ทราบกันก่อนว่าไม่ได้เป็นักเขียนแต่อย่างใด”
“ฉันเป็เกย์”
ชวีเสี่ยวปอสูดหายใจเข้าลึกๆ มองไปยังหัวข้ออีกครั้ง จากนั้นจึงตัดสินใจว่าจะต้องอ่านโพสต์นี้ให้จบ
อันที่จริงเื่ราวไม่ได้ซับซ้อนอะไร คนคนนี้กับแฟนที่เป็ผู้ชายของเขารู้จักกันมาั้แ่ตอนเรียนมัธยมปลาย ในตอนนั้นการเจริญเติบโตของเขาค่อนข้างช้า จึงทำให้ตัวเล็ก บวกกับฐานะทางบ้านที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ เขาจึงมักจะโดนแกล้งอยู่บ่อยๆ แต่ดีที่คะแนนในการเรียนของเขาอยู่ในระดับพอใช้ได้ คุณครูเลยปฏิบัติกับเขาไม่ได้แย่มากนัก แต่ตอนอยู่โรงเรียนเขาก็ไม่กล้าที่จะคบใครเป็เพื่อน จึงทำให้เขาต้องอยู่คนเดียวมาโดยตลอด
“น่าสงสารอยู่เหมือนกันนะเนี่ย” ชวีเสี่ยวปอดูไปด้วยพลางแสดงความคิดเห็นออกมา
ดูเหมือนว่าการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนยังคงมีอยู่มาตลอดไม่ว่ายุคสมัยไหนก็ตาม แล้วเขาคนนี้ก็ได้ตกเป็เหยื่อผู้โชคร้ายของการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนเช่นนี้ ผู้ชายในชั้นเรียนที่ดูเหมือนพวกอันธพาลสองสามคนนี้ไม่รู้ว่าไปสังเกตเห็นเขาได้อย่างไร ทั้งยังพูดอีกด้วยว่าเขาเป็ตุ๊ดเป็แต๋ว
“ตอนนั้นเมื่อผมเปิดกล่องข้าวออกมาในนั้นก็มักจะมีแต่ก้นบุหรี่อยู่เต็มไปหมด บนเก้าอี้ก็เต็มไปด้วยกาวที่มีคนมาทาเอาไว้ ตอนเข้าห้องน้ำผมก็ยังต้องแอบวิ่งไปเข้าห้องน้ำคุณครู เพราะว่าบางครั้งในตอนที่ไม่ทันได้สังเกตก็จะมีคนถีบผมจากทางด้านหลังจมผมตกลงไปในโถปัสสาวะ”
“ให้ตายเถอะ ช่างน่าสงสารเหลือเกิน” ชวีเสี่ยวปออ่านจนรู้สึกใจเจ็บไปด้วยเลย
“ผมคิดอยู่เสมอเลยว่า มอปลายสามปีก็เป็เช่นนี้แหละ มันก็คงไม่นานสักเท่าไหร่หรอก ค่อยๆ ผ่านมันไปให้ได้ก็พอแล้วละ แต่บางครั้งก็กลับรู้สึกว่ารับไม่ได้ อยากตายไปให้สิ้นเื่ เพราะถ้าตายไปแล้วพวกเขาก็คงจะแกล้งผมไม่ได้อย่างแน่นอน”
“ฮ่าฮ่า พวกคุณเดาถูกแล้วละ เป็เขาที่เข้ามาช่วยผม เขาเป็ตัวแทนนักเรียนวิชาภาษาจีน แต่ก็แปลกอยู่มากเลยทีเดียว เพราะว่าที่จริงแล้วคะแนนวิชาภาษาจีนของเขาไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกับเขาเลย ดังนั้นในตอนที่เขามาช่วยผมผมก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน พอตอนหลังผมมาถามเขาว่าทำไมถึงมาช่วย เขากลับไม่ยอมตอบ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาเมาเขาถึงได้พูดออกมาว่า เป็เพราะในตอนนั้นเขาชอบผม เฮ้อ แต่พอมานึกถึงในตอนนี้ก็รู้สึกเศร้ามากจริงๆ ”
เื่ราวหลังจากนี้ก็ค่อนข้างที่จะราบเรียบแล้ว ทั้งสองคนกลายมาเป็เพื่อนสนิทกัน ในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้โดนแกล้งแล้ว จนกระทั่ง่ปิดเทอมภาคฤดูร้อนตอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้า อีกฝ่ายก็มาสารภาพรักกับเขา
“ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ไปคบกับผู้ชาย แต่ในตอนที่เขาถามผมว่าอยากเป็แฟนเขาไหม ผมกลับไม่ลังเลเลยสักนิด ถึงยังไงผมก็รู้สึกว่า ในเมื่อเขาพูดออกมาแล้วแล้วทำไมผมจะต้องไปปฏิเสธด้วยล่ะ? ฮ่าฮ่า แต่พอมาคิดคิดดูแล้ว ตอนนั้นก็ไร้เดียงสาสุดๆ เลย !”
โห สุดยอดมาก
ชวีเสี่ยวปอเลื่อนลงมาเพื่ออ่านต่อ
ทั้งสองคนสอบติดมหาวิทยาลัยที่อยู่ในเมืองเดียวกันได้อย่างราบรื่น ถึงแม้ว่าหลังจากที่เข้าสู่่ทำงานจะทำให้ต้องมีความรักทางไกลกันอยู่พักหนึ่ง แต่พวกเขากลับเอาชนะอุปสรรคเ่าั้ไปได้ทั้งหมด จนในที่สุดพวกเขาก็ได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่เมืองเมืองหนึ่ง
“ราคาของบ้านในเมืองนี้ค่อนข้างแพงเลยทีเดียว ในตอนที่ซื้อห้องแบบหนึ่งห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่นพวกผมทั้งสองคนก็ร้องไห้ออกมาเพราะแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว เขากอดผมพร้อมทั้งพูดว่า ‘พวกเรามีบ้านแล้ว’ แต่พอวันถัดมาดวงตาของพวกเราทั้งคู่ก็บวมแดงจนดูไม่ได้เลย ในวันนั้นพวกเราจึงไม่กล้าไปทำงาน”
“และแน่นอนว่าในตอนนี้เขาได้ย้ายออกไปแล้ว บ้านหลังนี้จึงมีเหลือเพียงแค่ผมคนเดียว ตอนนี้ผมไม่กล้าแม้แต่จะนอนลงบนเตียงหลังนั้นเลยด้วยซ้ำ มันมักจะทำให้รู้สึกว่ามันโล่งเกินไป เพราะถึงยังไงพวกเราทั้งคู่ก็นอนด้วยกันมาตั้งนานหลายปี ฮ่าฮ่า อันที่จริงตอนนั่งที่โซฟาผมก็รู้สึกเศร้า ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนผมก็รู้สึกเศร้าเสียใจไปหมด แต่นอกจากอยู่บ้านแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าตัวผมเองจะไปที่ไหนได้เหมือนกัน”
เมื่อชวีเสี่ยวปออ่านถึงตรงนี้เขาก็เอนตัวพิงไปด้านหลังอย่างเงียบๆ รู้สึกอ่อนระโหยโรยแรงเป็ที่สุด อันที่จริงเขาคนนี้เขียนบทความได้ดูธรรมดาทั่วไปมาก เนื้อหาโดยรวมเป็เพียงแค่การบรรยายเล่าเื่ราวไปเรื่อยๆ ราวกับธารน้ำไหล แต่ความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจของเขานั้นล้วนเป็เื่จริงทั้งหมด
“ผมเห็นว่ามีหลายคนด่าเขาว่าเขาหลอกแต่งงาน เฮ้อ จริงๆ แล้วก็สมควรโดนด่าอยู่หรอก ครอบครัวของเขารู้เื่ความสัมพันธ์ของพวกเรา แต่แม่ของเขาเป็มะเร็ง จึงบังคับให้เขาต้องแต่งงาน”
“ตอนเขาแต่งงานผมตัดสินใจว่าผมไม่ไปจะดีกว่า เพราะต้องให้ซองเขาอีก ฮ่าๆ ฮ่าๆ ผมล้อเล่นครับ”
“ที่จริงแล้วผมก็อยากไปอยู่นะ เพียงแต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาไม่ใช่ผม ในตอนนั้นผมเลยรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารสุดๆ เลย ”
เขาโพสต์มาถึงตรงนี้ซึ่งนับได้ว่าเป็ย่อหน้าสุดท้ายแล้ว และหลังจากที่เขากลับมาโพสต์ใหม่อีกทีในอาทิตย์ถัดไป
“สุดท้ายผมก็ไปงานแต่งงานเขามาแล้ว ในขณะนั้นเขาร้องไห้ ผมเองก็ร้องไห้เหมือนกัน แต่ก็อวยพรให้เขามีความสุข”
ชวีเสี่ยวปอรู้สึกแสบจมูกเป็ที่สุด แม้แต่ดวงตาของเขาก็พร่ามัวไปเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
“มีคนถามผมว่าเสียใจภายหลังหรือเปล่า? อันที่จริงผมก็เคยคิดคำถามนี้ขึ้นมาอยู่เหมือนกัน ถ้าหากไม่ได้เจอเขา หรือถ้าหากตอนนั้นไม่ได้ตอบตกลงเขาไป พวกเราก็คงจะมีชีวิตที่แตกต่างออกไปจากตอนนี้ แต่ถ้าหากย้อนเวลากลับไปในตอนนั้นได้ ผมก็ยังจะตอบรับเขาอยู่ดี เพราะการที่ไม่เคยได้ชอบใครสักคน แบบนั้นสิถึงจะถือว่าเป็เื่ที่น่าเสียดายและน่าเสียใจในภายหลังอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะจำมันได้หรือไม่ก็ตาม แต่ในตอนนั้นพวกเรากล้าหาญเอามากๆ เลยละ”