เมื่อเผชิญกับความใจร้อนของฮ่องเต้เทียนฮุย หานอวิ๋นซีรู้ว่าต่อให้อธิบายอะไรออกไป มันก็จะกลายเป็ข้อโต้แย้งเท่านั้น และการโต้เถียงกับฮ่องเต้ มีแต่จะทำให้นางหัวเสียเปล่าๆ ไม่ใช่หรือ?
นางลอบมองหลงเฟยเยี่ยที่อยู่ด้านข้างโดยไม่รู้ตัว นางรู้เพียงวิธีล้างพิษและชายผู้นี้ก็รู้ดี อย่างไรก็ช่วยนางพูดสักคำเถอะ
น่าเสียดายที่หลงเฟยเยี่ยยังคงชงชาอย่างสบายๆ โดยไม่สนใจเื่ของนางเลย
หานอวิ๋นซีหัวเราะเยาะตัวเอง นางคิดมากไปจริงๆ ชายผู้นี้จะมาช่วยนางได้อย่างไร เขาแค่ว่างและไม่มีอะไรให้ดูก็เท่านั้น
อธิบายไม่ได้ก็ไม่ต้องอธิบาย หานอวิ๋นซีต้องพยายามรักษาให้ดีที่สุด แม้ว่านางจะไม่สามารถรักษาได้จริงๆ ก็ตาม เช่นนี้ฮ่องเต้ก็คงไม่ฆ่านางแล้วใช่หรือไม่
“ฝ่าา ในเมื่ออวิ๋นซีมารักษาอาการป่วย เช่นนั้นให้อวิ๋นซีตรวจชีพจรของไท่จื่อก่อนเถิด” นางพูดอย่างจริงจัง
นี่เป็คำพูดของนางที่ฮ่องเต้เทียนฮุยกำลังรอคอย “หานอวิ๋นซี อย่าทำให้ข้าผิดหวัง”
แรงกดดันถาโถมเข้ามา หานอวิ๋นซีกพยายามแบกมันไว้ ในไม่ช้าก็มาถึงตำหนักบูรพาพร้อมกับฮ่องเต้และฉินอ๋อง
ทันทีที่มาถึงประตูก็พบว่าการรักษาการณ์นั้นเข้มงวดอย่างมาก มีคนไม่น้อยที่รู้ว่าไท่จื่อมีโรคแปลกๆ แต่เป็โรคแปลกแบบไหนนั้นกลับเป็ความลับที่ยิ่งใหญ่
สำหรับหานอวิ๋นซีแล้ว รู้เพียงว่ามันคือภาวะชีพจรตั้งครรภ์ของสตรี ไม่รู้ว่าตอนนี้อาการของไท่จื่อเป็อย่างไร หลายปีขนาดนี้ไม่รู้ว่าอาการเปลี่ยนไปหรือไม่ นางเองก็ไม่รู้แน่ชัด ทั้งหมดที่รู้ก็คือั้แ่เขาป่วยเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว เขาก็ไม่เคยออกจากตำหนักบูรพาอีกเลย
ไท่จื่อนั้นมีความเฉลียวฉลาดั้แ่เด็ก ทั้งยังเป็ลูกชายคนโตของฮองเฮา มีฐานะที่โดดเด่นและเป็ที่รักของฮ่องเต้ ั้แ่เขาอายุได้สามขวบ ฮ่องเต้เทียนฮุยก็ใช้เวลามากมายในการปลูกฝังเขา
แต่ใครจะรู้ว่าสุดท้ายเขาจะป่วยด้วยโรคประหลาด หากรักษาไม่หาย ฮ่องเต้เทียนฮุยคงต้องพิจารณาเลือกชูจุน[1]องค์ใหม่
เมื่อมีการสถาปนาชูจุนองค์ใหม่ขึ้น ไม่เพียงแต่ต้องใช้เวลาและพลังงานเท่านั้น แต่ยังจะนำไปสู่ข้อพิพาทระหว่างราชสำนักกับฝ่ายค้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเหล่าองค์ชายก็จะต่อสู้กันเอง
อาณาจักรเทียนหนิงอยู่ใน่กำลังพัฒนา ความขัดแย้งภายในเป็สิ่งสุดท้ายที่ฮ่องเต้เทียนฮุย้าเห็น ดังนั้นแม้ไท่จื่อจะป่วยมาเจ็ดปีแล้ว เขาก็มิได้ย่อท้อ และไท่จื่อถูกจำกัดบริเวณ แม้จะนอนอยู่บนเตียงแต่ก็ยังห่วงใยเื่ราชการทุกวันและทราบทุกอย่างดี
เมื่อเดินเข้าไปในตำหนักบูรพา หัวใจของหานอวิ๋นซีก็จมดิ่งลงอีกครั้งเมื่อนางเห็นการป้องกันที่เข้มงวดกว่าข้างนอก
นางอดไม่ได้ที่จะคิดพิจารณาถึงปัญหา สิ่งที่ไท่จื่อต้องทนทุกข์ทรมานไม่ใช่โรคประหลาดอื่นใด แต่เป็ภาวะชีพจรตั้งครรภ์ของสตรีที่เขารู้สึกอับอาย ในแง่หนึ่งนี่เป็ความอัปยศต่อราชวงศ์เทียนหนิงและมันอาจถือเป็สัญญาณของหายนะด้วยซ้ำ
สุดท้ายเมื่อฮ่องเต้ยอมแพ้กับไท่จื่อ ถึงเวลานั้น ผู้คนที่รู้จักโรคประหลาดของไท่จื่อจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
หานฉงอัน กู้เป่ยเยวี่ย...และนางที่กำลังจะเข้าเฝ้าไท่จื่อ
แม้ว่านางจะเป็ฉินไท่เฟย แต่ทัศนคติของฮ่องเต้ในตอนนี้ไม่ได้ถือว่านางเป็คนของราชวงศ์อย่างชัดเจน!
ตลอดทางเต็มไปด้วยความเงียบ เมื่อมาถึงห้องบรรทม ก็จะเห็นว่าไท่เฮาและฮองเฮามาถึงก่อนแล้ว แต่หานฉงอันกับกู้เป่ยเยวี่ยกลับไม่มา เดิมทีหานอวิ๋นซีคิดว่าพวกเขาจะมาด้วย
ดูเหมือนว่าฮ่องเต้เทียนฮุยได้ตัดสินใจมอบภาระนี้ให้กับนางแล้ว
เมื่อผ่านม่านลูกปัดไป ก็จะสามารถมองเห็นเตียงในห้องด้านในที่คลุมด้วยผ้าม่านโปร่งเท่านั้น ไท่จื่อก็คงจะนอนอยู่บนเตียง
ด้วยระยะห่างเท่านี้ ถ้าเกิดเป็พิษละก็ ระบบล้างพิษคงจะเตือนนางแล้ว
หานอวิ๋นซีไม่ได้ยินเสียงเตือนแต่อย่างใด ทว่านางยังคงมีความหวัง รอให้เข้าไปใกล้แล้วจะทำการสแกนร่างกายทั้งหมดอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ
ทันทีที่หานอวิ๋นซีเข้ามา ไท่เฮาก็ดีใจอย่างมาก จับมือนางไว้แน่นด้วยสีหน้าตื่นเต้น ราวกับว่าในตอนนั้นขุนนางเป่ยกงเป็คนออกหมายจับไม่ใช่นาง
“อวิ๋นซี เ้าทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ เดิมทีข้าคิดว่าแม่ของเ้าจากไปแล้ว ดาวนำโชคของข้าก็จากไปด้วย ไม่คิดเลยว่าเ้าจะสืบทอดทักษะทางการแพทย์ของแม่เ้ามาด้วย ดีมาก ดีจริงๆ!”
แม้แต่ทางฝั่งฮ่องเต้ยังอธิบายไม่ได้ แล้วจะนับประสาอะไรต่อหน้าผู้บงการเื้ัท่านนี้ล่ะ? นอกจากนี้ หานอวิ๋นซีไม่เชื่อว่าพวกเขา้าเห็นนางช่วยชีวิตไท่จื่อด้วยความจริงใจ
อย่างไรก็แค่้าโยนปัญหาจากมือของหานฉงอันมาให้นาง และั้แ่นี้ก็จะมีข้ออ้างให้ลงโทษนางได้อีกครั้ง
หานอวิ๋นซีี้เีเกินกว่าจะโต้เถียง จึงยิ้มเพียงเล็กน้อย “ข้าไม่ทราบอาการที่แน่ชัด แต่ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
ในเวลานี้ ฮองเฮาก็ก้าวมาข้างหน้าและจับมืออีกข้างของหานอวิ๋นซี ราวกับว่ารู้จักนางเป็อย่างดี “อวิ๋นซี เ้าอย่าถ่อมตัวอีกเลย ข้าไม่อนุญาตให้เ้ารักษาไม่ได้! หากแม้แต่เ้าก็รักษาไม่หาย เช่นนั้น…เช่นนั้น...”
ขณะที่ฮองเฮากำลังพูด นางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดหน้าและร้องไห้
ฮ่องเต้ที่เห็นเช่นนี้ แววตาก็ดูหมดความอดทนเล็กน้อย “เอาล่ะๆ ฉินหวังเฟย เ้ามากับข้าเถอะ”
“เพคะ” หานอวิ๋นซีพยักหน้า เมื่อเห็นว่าไท่เฮาและฮองเฮาไม่ได้คิดที่จะเข้ามา นางคิดว่าหลงเฟยเยี่ยเองก็คงไม่เข้ามาเช่นกัน แต่ใครจะรู้ว่าชายผู้นี้ที่เงียบมาตลอดนี้กลับเดินอยู่ข้างหน้านาง
ไม่ได้ช่วยนางพูดอะไรสักคำ ขณะนี้ตอนนี้ หานอวิ๋นซีรู้สึกว่ามองชายผู้นี้แล้วรกหูรกตาเหลือเกิน
หานอวิ๋นซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเดินเข้าไปในห้องด้านใน เมื่อเข้าไปข้างในแล้ว นางเห็นคนบนเตียงไม่ชัดเจนสักเท่าไร
เห็นเพียงชายคนนั้นนอนหงายอยู่ใต้ผ้าห่ม เห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเจน ทว่าหานอวิ๋นซีก็รู้ว่าเขาตื่นแล้ว
นี่คือไท่จื่อแห่งอาณาจักรเทียนหนิง หลงเทียนโม่
หานอวิ๋นซีที่กำลังมองก็ได้ยินหลงเทียนโม่พูดว่า “เทียนโม่ไม่สามารถลงจากเตียงได้ เสด็จพ่อและเสด็จอาโปรดให้อภัยข้าด้วย”
หานอวิ๋นซีใเล็กน้อย ตอนแรกนางคิดว่าหลงเทียนโม่จะดูถูกตัวเองและมีอารมณ์รุนแรงมาก แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะมีมารยาทเช่นนี้
ฟังจากน้ำเสียงของเขา แม้ว่าจะอ่อนแรงเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกของคนที่ป่วยมานานเลยแม้แต่น้อย
เจ็ดปีเต็ม เป็เจ็ดปีที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคที่น่าอับอายนี้ การที่เขาไม่พูดหรือขับไล่ผู้คนออกไป มันก็พอเป็เื่ที่ให้อภัยได้
จิตใจของชายผู้นี้ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน? ไม่แปลกใจที่ฮ่องเต้เทียนฮุยจะให้ความสำคัญกับเขามากและไม่เคยยอมแพ้จนถึงตอนนี้
ในฐานะหมอ หานอวิ๋นซีผู้อ่อนไหวััได้ถึงเจตจำนงอันแรงกล้าของเขาที่อยากจะมีชีวิตรอดในทันที นอกจากนี้ หานอวิ๋นซีก็ชื่นชมผู้ป่วยประเภทนี้มาก
เพียงแต่ชายผู้นี้ไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตาเลย อย่างไรก็ตาม ตัวตนของเสด็จอาหญิงก็มีหน้าที่รับผิดชอบเช่นกัน เอาเถอะ หานอวิ๋นซียอมรับว่านางชื่นชมไม่ลงแล้ว
หานอวิ๋นซีนั่งลงข้างเตียงผ่านม่านบางเข้าไป แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “มือ”
หลังจากนั้นไม่นาน หลงเทียนโม่ก็ยื่นมือออกมา ไม่พูดไม่จา เห็นได้ชัดว่าไม่มีความสุขอย่างมากและไม่เชื่อใจหานอวิ๋นซีเช่นกัน
หานอวิ๋นซี้าจะบอกเขาจริงๆ ว่านางเองก็ไม่ได้มีความสุขมากไปกว่าเขาหรอก แต่หลังจากที่หานอวิ๋นซีจับมือแล้ว นางก็ละทิ้งความคิดที่ทำให้ไขว้เขวทั้งหมด และเริ่มจริงจัง
ด้วยความจริงจังของนาง ทำให้ฮ่องเต้เทียนฮุยและหลงเทียนโม่เงียบลง ทั้งคู่ต่างประหม่าเล็กน้อย หลงเฟยเยี่ยเองก็นั่งลงข้างๆ มองไปที่ใบหน้าเล็กของหานอวิ๋นซี โดยไม่รู้ว่าเขากำลังมองอะไรอยู่เช่นกัน
หานอวิ๋นซีไม่ได้จับชีพจรทันที ทว่ากลับเริ่มระบบสแกนเพื่อการตรวจสอบเชิงลึกก่อน น่าเสียดาย ผลที่ได้ทำให้นางผิดหวังเพราะตรวจไม่พบสารพิษ
นางจึงตั้งสมาธิและรวบรวมความคิด จากนั้นจึงเริ่มจับชีพจรอย่างจริงจัง
แม้ว่านางจะเป็หมอพิษ แต่การตรวจอาการต่างๆ นางพอจะทำได้อยู่บ้าง เพียงแต่ไม่เชี่ยวชาญ
การจับชีพจรนั้นง่ายที่สุดและยากที่สุดในเวลาเดียวกัน ทันทีที่นางจับชีพจรของหลงเทียนโม่ ก็เข้าใจเื่ส่วนใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่กล้าที่จะประมาท
มองแวบแรกดูเหมือนจะเป็ภาวะชีพจรตั้งครรภ์ของสตรี
ภาวะชีพจรตั้งครรภ์ของสตรี ในความเป็จริงแล้วไม่ถือเป็ประเภทของชีพจรที่เข้มงวด กล่าวได้ว่า “ภาวะชีพจรตั้งครรภ์ของสตรี” เป็กรณีพิเศษของ “ชีพจรลื่น” ซึ่งใช้ได้กับสตรีเท่านั้น
ในทางการแพทย์แผนจีน ชีพจรของสตรีที่ตั้งครรภ์มักจะเรียกว่า ซีม่าย หากสตรีไม่มีประจำเดือน ไม่มีอาการป่วยและมีชีพจรเหมือนชีพจรลื่น ก็จะพิจารณาได้ว่าอาจจะตั้งครรภ์หรือไม่
ชีพจรลื่น เต้นเป็จังหวะอย่างไหลลื่น เร็ว ลื่น ชีพจรมีความรู้สึกกลมกล่อม
หากมีอาการเช่น โลหิตจาง โรคไขข้ออักเสบ การติดเชื้อเฉียบพลันและมีไข้ในระยะหลัง กระเพาะลำไส้อักเสบเฉียบพลันเรื้อรัง ตับแข็ง ก็จะสามารถเกิดอาการชีพจรลื่นได้เช่นกัน
สิ่งที่หานอวิ๋นซีวินิจฉัยออกมาได้คือชีพจรลื่น เมื่อจับชีพจรดูแล้วและร่างกายของหลงเทียนโม่ไม่มีาแใดๆ
ชั่วขณะหนึ่ง หานอวิ๋นซีก็สับสนเช่นกัน ชีพจรนี้ควรเป็อย่างไร?
หานฉงอันและผู้ดูแลสำนักแพทย์เ่าั้ ต่างจัดชีพจรนี้เป็ชีพจรตั้งครรภ์ของสตรี แล้วนางล่ะ?
คนโบราณไม่เข้าใจความรู้ขั้นพื้นฐาน นางต้องเข้าใจว่า จะมีชายหนุ่มที่ไหนมีมดลูกแล้วให้กำเนิดลูกได้กัน!
แม้ว่าจะมีทฤษฎีทางการแพทย์สมัยใหม่หลายทฤษฎีที่นำเสนอว่าชายหนุ่มก็สามารถตั้งครรภ์ได้ และคลอดบุตรได้ด้วยการผ่าตัด แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ทฤษฎีเท่านั้น
หลงเทียนโม่เป็อะไรกันแน่?
นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็ชีพจรลื่นโดยไม่มีอาการใดๆ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หานอวิ๋นซีก็ปล่อยมือของหลงเทียนโม่
เห็นเช่นนี้ ฮ่องเต้เทียนฮุยก็รีบถามว่า “เป็อย่างไรบ้าง?”
“ฝ่าา เชิญหมอหลวงกู้มาได้หรือไม่?” หานอวิ๋นซีพูดอย่างจริงจัง นางต้องขอคำแนะนำเกี่ยวกับชีพจรนี้
เมื่อได้ยินสิ่งที่หานอวิ๋นซีพูด สีหน้าของฮ่องเต้เทียนฮุยก็แย่มาก “กู้เป่ยเยวี่ยเคยมาดูแล้ว เขาช่วยไม่ได้! สรุปแล้วเ้าเห็นอะไรกันแน่?”
หานอวิ๋นซีที่ไม่กลัวและบอกความจริงว่า “ฝ่าา สภาพชีพจรเป็ชีพจรลื่น ข้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับสภาพชีพจรที่เฉพาะเจาะจงเช่นนี้ จำเป็ต้องตรวจเพิ่มเติมและ้าความขอช่วยเหลือจากหมอหลวงกู้”
“ไม่ใช่ภาวะชีพจรตั้งครรภ์ของสตรีหรอกหรือ?” ฮ่องเต้ใ
หลงเฟยเยี่ยมองมาอย่างจริงจังและรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ในเวลานี้ ไท่เฮากับฮองเฮาก็เข้ามาพร้อมกัน
“ไม่ใช่ภาวะชีพจรตั้งครรภ์ของสตรีงั้นหรือ? ไม่ใช่ภาวะชีพจรตั้งครรภ์ของสตรีจริงๆ ใช่หรือไม่?”
“อวิ๋นซี เช่นนั้นมันคืออะไร? เ้ารีบบอกข้ามาสิ!”
“อวิ๋นซี ข้ารู้ว่าเ้าไม่มีทางทำให้ฮ่องเต้ผิดหวัง ดังนั้นเ้ารีบบอกมาเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น”
…
ไท่เฮาและฮองเฮาตื่นเต้นอย่างมาก ชั่วขณะหนึ่ง หานอวิ๋นซีเกือบจะเชื่อว่าพวกเขาจริงใจแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ จู่ๆ หลงเทียนโม่ก็ยกผ้าห่มขึ้นมา ชี้ไปที่ท้องของตนเองและพูดประชดประชันว่า “ฉินหวังเฟย บอกได้หรือไม่ว่าถ้าไม่ใช่ภาวะชีพจรตั้งครรภ์ของสตรีแล้วมันคืออะไร?”
แม้จะผ่านม่านผ้าโปร่ง หานอวิ๋นซีก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
พระเ้า!
นางเห็นว่าท้องของหลงเทียนโม่นั้นใหญ่มากๆ เหมือนกับคนท้องเจ็ดเดือน!
เอ่อ…
หานอวิ๋นซีดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ ใบหน้าก็ซีดลงทันที นางรู้ว่าเื่นี้ยากลำบากมาก ลำบากสุดๆ ไปเลย!
“แค่ตรวจชีพจรก็ยังมองไม่ออก เสด็จพ่อ ลูกไม่อยากให้นางรักษา” หลงเทียนโม่พูดด้วยน้ำเสียงเ็า เขาเบื่อหานฉงอันแล้ว จะยังไว้ใจลูกสาวของหานฉงอันได้อย่างไรกัน?
แม้ว่าหานอวิ๋นซีจะเป็ฉินหวังเฟย แม้ว่าเสด็จอาที่น่ากลัวที่สุดของเขาอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่เกรงใจ เขารู้ว่าเสด็จอาไม่มีวันมองสตรีผู้นี้
“จับชีพจรผิดหรือไม่?” ไท่เฮารู้สึกผิดหวังอย่างมาก
“ข้าคิดว่าจะมีปาฏิหาริย์ อวิ๋นซี ในตอนแรกเ้ายังไม่เห็นท้องของเทียนโม่! ข้าคิดว่าท่าน...หากแค่จับชีพจรก็ยังไม่รู้ แล้วจะช่วยชีวิตผู้คนได้อย่างไรกัน!” ฮองเฮาพูดแล้วถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า
หลงเทียนโม่ห่มผ้าอีกครั้งและหันหลังให้
เมื่อเห็นสิ่งนี้ คิ้วของฮ่องเต้เทียนฮุยกลายเป็คำว่า “ชวน” เขามองมาที่หานอวิ๋นซีด้วยความโกรธและพูดอย่างเ็าว่า “ใช้วิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ! ลวงโลก! ทหาร...มาพานางไปโบยสามสิบที!”
ไท่เฮาและฮองเฮามองหน้ากันและยิ้มอย่างเ็า ขณะที่หลงเฟยเยี่ยนั่งมองหานอวิ๋นซีอย่างเ็าตลอดเวลา ราวกับว่าสตรีผู้นี้ไม่ใช่หวังเฟยของเขาและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน
ไท่เฮาและฮองเฮาต่างก็รอให้หานอวิ๋นซีร้องขอความเมตตา รอให้ตกลงไปอยู่ในปัญหาและมอบความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้ให้นาง แต่ใครจะรู้ว่าดวงตาของหานอวิ๋นซีที่สั่นไหว เผยให้เห็นถึงความโกรธ
จริงๆ แล้วนาง...จ้องเขม็งไปที่ฮ่องเต้เทียนฮุยด้วยความโกรธ สองมือของนางกำหมัดแน่น ร่างกายที่เล็กกะทัดรัดของนางดูเหมือนจะซ่อนพลังที่อาจะเิออกมาได้ทุกเมื่อ
สตรีผู้นี้้าทำอะไร? นางรู้ใช่หรือไม่ว่าตอนนี้ตนเองกำลังทำอะไรอยู่?
ดวงตาของฮ่องเต้เทียนฮุยเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ นี่เป็ครั้งแรกที่มีคนกล้าจ้องเขาเช่นนั้น!
—----------------------------------
[1] ชูจุน (储君) แปลว่า ว่าที่กษัตริย์