อวิ๋นซีรู้สึกใยิ่ง เ้าคนสารเลวนี่ต้องถูกแมลงลามกกินสมองไปแล้วเป็แน่ เพราะยามนี้ที่นางคิดจะขัดขวางก็เรียกได้ว่า ไม่ทันแล้ว นางรู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ติดตามเขาไปรับชมละครสนุกๆ ที่ว่านั่น นี่จะนับเป็การขุดหลุมฝังตนเองหรือไม่?
รอจนถึงตอนที่คนทั้งสองเหงื่อโซมกาย และตระกองกอดซึ่งกันและกัน อวิ๋นซีก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางหยิกเขาโดยแรงไปทีหนึ่ง “โอวหยางจวินเหยียน เ้าสารเลว ท่านคิดจะทำข้าให้ตายหรือ? ”
จวินเหยียนมองภรรยาที่กำลังเกรี้ยวกราด ก่อนจะแอบถอนใจในใจ “ข้ายินดีตายอยู่เหนือร่างเ้า แล้วจะตัดใจทำเ้าตายได้อย่างไร”
อวิ๋นซีกลอกตา เ้าคนปลิ้นปล้อนนี่ “หากเมื่อก่อนบิดาข้ารู้ว่าท่านเป็คนเช่นนี้ เขาไม่มีทางยอมให้ข้าแต่งกับท่านแน่นอน ตอนนี้ข้ารู้สึกราวกับตนเข้ามาอยู่ในรังของหมาป่าอย่างไรอย่างนั้น” ซ้ำร้ายยังเป็รังของหมาป่าที่บ้ากามอีกด้วย
จวินเหยียนอุ้มนางมุ่งหน้าไปยังถังน้ำพร้อมๆ กับเอื้อนเอ่ยวาจาที่ปลอบประโลมนางไปด้วย “วางใจเถอะ คนในสวนนี้ล้วนเชื่อถือได้ทั้งสิ้น พวกเขาไม่มีทางพูดออกไปหรอกว่า พวกเรากระทำเื่เช่นนั้นกันตอนกลางวันแสกๆ ”
“ท่านยังจะมีหน้ามาพูดอีก ” อวิ๋นซีตีอกเขาแรงๆ ไปหลายที เ้าสารเลวนี่หาเื่ให้ต้องเจ็บตัวได้ตลอดจริงๆ นางขบคิดแล้วก็ยิ่งโมโห ก่อนจะกัดไปที่หน้าอกเขาคำหนึ่ง ชั่วขณะนั้นฝีเท้าของจวินเหยียนก็หยุดลง เขาจดจ้องสตรีที่กัดไม่ปล่อย จากนั้นจึงพูดออกมาประโยคหนึ่งด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “อาซี นี่เ้ากำลังจะเชื้อเชิญข้าอย่างเร่าร้อนหรือ? ”
“ไสหัวไปเสีย” นางดิ้นรน คิดอยากจะลง แต่กลับถูกเขายิ่งกอดแน่นเข้า อวิ๋นซีที่ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ปล่อยให้เขาอุ้มไปยังถังน้ำ ถึงกระนั้นถังน้ำถังนี้ก็ใหญ่มาก แม้จะจุคนเข้าไปถึงสองคน แต่ก็ยังมีพื้นที่เหลืออยู่
หลายครั้งที่เ้าสารเลวนี่มักจะถือโอกาสตอนนางอาบน้ำ เขยิบกายเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ทำเื่เช่นนั้นในถังน้ำจนพอใจ “โอวหยางจวินเหยียน ข้าจะบอกท่านให้นะ หากยังไม่อยู่ให้สงบๆ วันนี้ท่านก็ไปนอนที่ห้องหนังสือเสีย”
เมื่อได้ยินคำพูดโหดร้ายของภรรยา ชั่วขณะนั้นเขาก็กลายเป็เหมือนเด็กน้อยที่ได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจ เบี่ยงกายไปนั่งลงตรงข้ามนาง มองภรรยาด้วยแววตาน่าสงสาร “หากตอนกลางคืนไม่สามารถกอดภรรยาเข้านอนได้ ข้าจะหนาวนะ”
“อย่ามาทำเป็เสแสร้งที่นี่ ท่านคิดว่าข้าคือท่านหรือ จะถูกท่านหลอกง่ายๆ ได้อย่างไร” อวิ๋นซีพูดไปพลาง เช็ดมือตนไปพลาง เมื่อจวินเหยียนเห็นเช่นนั้นก็รีบทำดี ช่วยภรรยาเช็ดตัว
ไม่รู้ว่าเป็เพราะเมื่อครู่นี้กินอิ่มไปแล้วหรือเปล่า ครั้งนี้เขาจึงยอมเชื่อฟังโดยทันที ไม่ได้ขยับทำอะไรมั่วๆ อีกเลย หลังจากที่คนทั้งสองสวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยอย่างปลอดภัยแล้ว เวลาผ่านไปจนฟ้ามืด หวานหว่านก็นำเอ้อนีมาหา เด็กน้อยพูดด้วยสีหน้าไม่มีความสุข “เสด็จแม่ ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าดอกเหมยที่สวนฝั่งตะวันตกบานแล้วจึงได้ไปดู แต่ใครจะรู้ ดอกเหมยตั้งมากมายที่ปลูกไว้ในสวนตะวันตกนั่นจะถูกหลินหลานถิงผู้นั้นเด็ดไปแช่น้ำอาบจนหมดแล้ว”
เมื่อพูดจบ เด็กน้อยก็มีท่าทีราวกับไม่ได้รับความเป็ธรรมยิ่ง โถมกายเข้าไปร้องห่มร้องไห้ในอ้อมกอดของอวิ๋นซี นางชอบดอกเหมยมาก ตอนนั้นเมื่อได้เห็นว่า สวนฝั่งตะวันตกมีต้นดอกเหมย นางก็คิดจะไปพักที่สวนตะวันตกแล้ว แต่เป็อวิ๋นซีที่ทนเห็นลูกไปอยู่ไกลตนเพียงนั้นไม่ได้ จึงคัดค้าน
เดิมคิดจะรอจนดอกเหมยบาน พวกนางก็ค่อยไปเชยชมที่สวนฝั่งตะวันตกสักหน่อย แต่ใครจะไปรู้ว่า ดอกเหมยที่จวนหนิงอ๋องนี้บานค่อนข้างช้า และสองวันมานี้เองที่เพิ่งจะเบ่งบาน ทว่ายังไม่ทันได้ชมก็ถูกคนเด็ดไปเสียก่อนแล้ว
สายตาของอวิ๋นซีมีแววจิตสังหารวาบผ่าน น่าตายนัก คนกล้าทำเพียงนี้เชียวหรือ
“เอาละ ไม่ต้องร้องแล้ว วันพรุ่งนี้แม่จะพาเ้าไปชมดอกเหมยที่ป่าเหมยนอกเมือง” นอกเมืองยังมีหมู่บ้านที่ปลูกดอกเหมยไว้เต็มไปหมดจนถูกขนานนามว่า หมู่บ้านดอกเหมย เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็เฉียวอวิ๋นซี นางต้องเดินทางไปที่นั่นทุกปี ตอนนี้พอมาคิดๆ ดูแล้ว ดอกเหมยที่นั่นคงจะยังบานอยู่เช่นเดิม
เมื่อได้ยินคำของเสด็จแม่ เด็กน้อยกลับไม่ได้มีความดีอกดีใจแม้แต่น้อย นางเบ้ปากพูด “เสด็จแม่ ที่ข้า้าไม่ใช่ไปชมดอกเหมยของผู้อื่น แต่้าไปชื่นชมดอกเหมยของเราในจวนเรา หากท่านไม่ไปเรียกร้องความยุติธรรมจากพวกเขา ลูกก็จะไปเอง” พูดจบ หวานหว่านก็พาเอ้อนีเอ๋อร์ไปยังสวนตะวันตกทันที
อวิ๋นซีเห็นลูกสาวออกไปแล้วก็แอบถอนใจเบาๆ เด็กโง่ แม่จะทนเห็นคนรังแกเ้าเช่นนี้ได้อย่างไร แต่เ้าก็มุทะลุเกินไป ไม่ยอมฟังว่าแม่จะพูดอันใดก็วิ่งไปแล้ว
เมื่อหวานหว่านออกจากสวนที่พำนักของมารดาก็มุ่งหน้าไปสวนตะวันตก นางที่ไปกับเอ้อนีเอ๋อร์ ทุกย่างก้าวที่ก้าวเดินเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดจนดึงดูดสายตาของสาวใช้ไม่น้อย และทันทีที่ไปถึงยังเรือนพักของหลินหลานถิงในสวนตะวันตก นางก็บุกเข้าไป ไม่แม้แต่จะคิดก็พูดออกมา “หลินหลานถิง ออกมาเดี๋ยวนี้”
ท่าทางนางเช่นนี้คล้ายจะเป็เ้าเผด็จการตัวน้อยแสนโอหังที่ถูกตามใจ คนมาะโโวยวายเช่นนี้ หลินหลานถิงที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็คลุมเสื้อกันลมออกมา เมื่อเห็นเด็กน้อยที่ยืนอยู่นอกประตูก็หัวเราะหึหึ พูดว่า “จวิ้นจู่น้อย เรียกหาข้า มีเื่อันใด? ”
“เ้าเด็ดดอกเหมยของเปิ่นจวิ้นจู่จนหมดแล้ว...” สีหน้าของเด็กตัวจ้อยดูน่าเกรงขามเล็กน้อย ถามเสียงเ็า “ใช่หรือไม่? ”
“หากใช่ แล้วจะอย่างไร” หลินหลานถิงพูดด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “คนเช่นข้าชอบดอกเหมยที่บ้านเ้า ก็นับว่าเป็วาสนาของเ้านะ”
โอหังเกินไปแล้ว หวานหว่านทนไม่ไหวจึงก้าวไปด้านหน้า ถีบกายบินไปตบหน้าหลินหลานถิง “ข้าจะบอกเ้าให้นะ ที่นี่คือบ้านของข้า ส่วนเ้า เป็แค่แขกที่มาพักอาศัย ดังนั้น จะทำสิ่งใดก็อย่าได้โอหังให้มากนัก ท่านตาของเ้าจะได้ไม่ต้องขายหน้าอีก”
ในฐานะแขกก็ควรจะรักษามารยาทที่พึงมีของแขก ไม่ขออนุญาตเ้าบ้านก่อนก็ไปเด็ดดอกไม้ของเ้าบ้านเสียแล้ว? คนผู้นี้ทำเกินไปแล้วจริงๆ มิหนำซ้ำยังจะวอนหาเื่ให้โดนสั่งสอนอีก
อันที่จริงหลินหลานถิงเองก็เคยร่ำเรียนวรยุทธ์มานิดหน่อย ตอนนั้นถูกอวิ๋นซีตบหน้าก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้กลับต้องถูกเ้าเด็กอายุเจ็ดขวบตรงหน้านี้ตบหน้าเข้าให้ คนเช่นนางจะกล้ำกลืนความแค้นนี้ลงไปได้อย่างไร คิดๆ แล้วนางก็เคียดแค้นนัก “ข้าจะฆ่าเ้า! ”
เมื่อพูดจบ นางก็ดึงแส้ข้างเอวออกมา ในใจอดไม่ได้ให้ยินดียิ่งที่นับแต่ถูกอวิ๋นซีตบหน้าไปคราวก่อน ตัวนางก็มักจะพกแส้ติดตัวไว้ตลอด ตอนนี้คงถึงคราวให้ได้นำมาจัดการเ้าลูกสาวของนังชั้นต่ำอวิ๋นซีนั่นเสียที หนี้ของแม่ลูกต้องใช้คืนถือเป็กฎธรรมชาติ
ทว่า แส้ของนางยังไม่ทันได้ตวัดลง หวานหว่านก็ร้องจ้าพร้อมกับวิ่งหนีออกไปด้านนอก นางร้องไป ะโไป อย่าตีข้า อย่าตีข้า ทำให้ทุกคนในจวนต่างก็อึ้งงันไป นี่มันเื่อะไรกัน?
เอ้อนีเอ๋อร์เห็นหวานหว่านวิ่งไปแล้ว นางก็หมุนตัวอย่างรวดเร็ว และย้ายไปยังบริเวณที่หวานหว่านยืนอยู่เมื่อครู่แทน ทำให้แส้นั้นฟาดลงบนร่างของนางโดยแรง เด็กน้อยเ็ปจนหน้ายับย่น แต่ก็หาได้มีเวลามาใส่ใจ นางคุกเข่าลงไปทันที แล้วลากขาหลินหลานถิงไว้อย่างเอาเป็เอาตาย “คุณหนูรองหลิน ท่านจะตีหวานหว่านไม่ได้ หวานหว่านเป็ถึงจวิ้นจู่น้อยแห่งจวนอ๋อง การทำเช่นนี้ย่อมหมายถึงว่า ท่านกำลังล่วงเกินเบื้องสูง”
“ไสหัวไป นังชั้นต่ำ” เมื่อพูดจบ หลานถิงก็เตะไปบนร่างเอ้อนีอีกทีหนึ่ง ชั่วขณะนั้นเอ้อนีก็ราวกับว่าวที่สายป่านขาดวิ่น ร่างของเด็กน้อยถลาออกไป หวานหว่านที่กลับมาก็บังเอิญเห็นฉากนี้เข้าพอดี ขอบตาคนแดงก่ำ ก่อนจะพูดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดยิ่ง “หลินหลานถิง! เ้าทำเกินไปแล้ว! ”
หวานหว่านดิ้นรนอยู่สองสามที ด้วยคิดอยากจะสลัดมือของเจิ้นหนานอ๋องที่กำลังกุมมือตนอยู่ให้ออกไป เพื่อจะได้คิดบัญชีแค้นกับหลินหลานถิงเสียเดี๋ยวนี้ ทว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถสลัดมือนี้ให้หลุดได้เลย นางได้แต่จ้องมองสหายรักของตนที่ฟุบลงไปบนพื้นต่อหน้าต่อตา...