เล่มที่ 2 บทที่ 56
ก่อนที่ผู้คนจะมาถึงก็ได้ยินเสียงจากระยะไกล โดยมีทั้งเสียงะโของแม่นมจิ่น รวมถึงเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกจากบรรดาสาวใช้ สำหรับเสียงคร่ำครวญและเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาของยวี้เอ๋อร์ มู่หรงฉิงเพิกเฉยมันโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม ยามที่เฉินเทียนหยูนึกถึงการกระทำของยวี้เอ๋อร์ที่วางยาพิษเขาและมู่หรงฉิง เขาก็โกรธเคืองอย่างเหลือทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่าตนเป็ชายร่างสูงใหญ่ ร่างกายแข็งแรงของเขายังเ็ปเป็เวลานานถึงเพียงนี้ คิดว่าน้องหญิงของตนที่ร่างเล็กบอบบางคงจะยิ่งเ็ปมากกว่า ไม่เช่นนั้นทำไมแม้แต่ข้าวยังกินไม่ลง?
ยิ่งเขานึกถึงมันมากเท่าไร เฉินเทียนหยูยิ่งโกรธเพิ่มมากขึ้น และเขาก็รีบไปที่ห้องเก็บฟืนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ่นั้นเหล่าสาวใช้ที่เฝ้าประตูสับเปลี่ยนเวรไปกินข้าว จึงมีเพียงชุ่ยเอ๋อร์และสาวใช้อีกสองคนเท่านั้นที่เฝ้าอยู่ แต่ครั้นเห็นเฉินเทียนหยูมาที่นี่ด้วยสีหน้าท่าทางขุ่นเคืองอย่างดุดัน หัวใจของชุ่ยเอ๋อร์ก็สั่นเทา
สีหน้าของคุณชายรองซีดขาว และเส้นเอ็นสีฟ้าปรากฏบนมือที่กำหมัดแน่นทั้งสองข้างของเขา เห็นดังนั้นคล้ายจะรู้ในทันที นั่นเขากำลังจะฆ่าคน
ความคิดนั้นทำให้ชุ่ยเอ๋อร์พลอยรู้สึกสยดสยอง และหลังจากสาวใช้อีกสองคนเห็นลักษณะท่าทางของเฉินเทียนหยู พวกนางก็สงสัยว่าเฉินเทียนหยูคลุ้มคลั่งหรือไม่? พวกนางจึงไม่กล้าแม้กระทั่งเปล่งเสียง และได้แต่ขยับตัวไปด้านข้างด้วยอาการสั่นเทิ้ม ทั้งไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจเสียงดัง
สาวใช้ที่เฝ้าประตูไม่กล้าส่งเสียงใดๆ แล้วนับประสาอะไรกับการขวางทาง ฝั่งปี้เอ๋อร์ที่ตามมาด้วยเห็นเฉินเทียนหยูก้าวเข้าไปในห้องเก็บฟืน นางก็รีบพูดว่า “คุณชายรองช้าก่อน ถ้าคุณชายรองทำร้ายยวี้เอ๋อร์จนเป็อะไรไปจริงๆ คุณหนูคงจะเสียใจอีกหน”
ขณะนี้เป็เวลากินข้าวแล้ว ยวี้เอ๋อร์ได้รับาเ็ นางจะสามารถกินอะไรได้เสียที่ไหน? นางกินได้แค่ข้าวต้มทีละเล็กทีละน้อยโดยมีแม่นมจิ่นป้อนให้ ในใจก็ลอบสาปแช่งจ้าวจื่อซินว่าสมควรตาย แต่ทันใดนั้น นางถึงกับตะลึงพรึงเพริดทันทีที่ได้ยินคำพูดของปี้เอ๋อร์ ก่อนรีบเงยหน้าขึ้น เห็นเพียงเฉินเทียนหยูที่คล้ายกับอาชูร่าในนรกก็มิปาน สีหน้าน่าเกลียดของเขาปรากฏขึ้นต่อหน้า มิหนำซ้ำชายหนุ่มยังกำหมัดแน่น
แม่นมจิ่นเห็นเฉินเทียนหยู มือทั้งสองข้างของนางก็สั่นเทิ้ม ส่งผลให้ชามตกลงบนพื้นเกิดเสียงดังคมชัด “คุณ คุณชายรอง...”
“เ้าออกไปให้พ้น” เฉินเทียนหยูคร้านเกินกว่าจะพูดพล่ามกับแม่นมจิ่น เขาเตะแม่นมจิ่นออกไป และโชคดีที่ในห้องเก็บฟืนแห่งนี้มีหญ้าแห้งอยู่เป็จำนวนมาก แม่นมจิ่นจึงถูกเฉินเทียนหยูเตะล้มลงบนหญ้าแห้ง
หลังจากเฉินเทียนหยูเตะแม่นมจิ่น เขาก็ยกเท้าขึ้นเตะยวี้เอ๋อร์ บ่าวรับใช้ผู้น่าสงสารอ่อนแอปราศจากเรี่ยวแรงถูกเฉินเทียนหยูเตะคราวนี้ นางถูกเตะจนกระเด็นไปที่มุมของกำแพงทันที นางหอบหายใจเบาๆ และนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนพื้นดิน
“บ่าวชั่วร้าย กล้าวางยาพิษข้ากับน้องหญิง ข้าบอกแล้วว่าจะไม่ทุบตีน้องหญิง จะไม่ต่อว่าน้องหญิง จากนี้ต่อไป ข้าจะรักและเอ็นดูน้องหญิง แต่เ้าตัวดี เ้าอาจหาญวางยาพิษน้องหญิง ทำให้น้องหญิงกินข้าวไม่ลง และตอนนี้แม้แต่จะพูด น้องหญิงก็ไม่มีแรง แต่เ้ากลับอยู่ที่นี่มีคนคอยดูแลรับใช้”
เฉินเทียนหยูด่าทอพลางก้าวเท้าไปข้างหน้าสองก้าวด้วยความเกรี้ยวโกรธ จากนั้นเหยียบยวี้เอ๋อร์ด้วยเท้าอีกหนหนึ่งโดยไม่มีความลังเลแต่อย่างใด และการเหยียบยวี้เอ๋อร์ผู้ซึ่งถูกเตะจนวิงเวียนศีรษะและอ่อนแออย่างมากก็ทำให้นางกรีดร้องออกมาในทันที
ทุกคนได้ยินเสียง ‘กร๊อบ’ เพียงสองเสียง ตามด้วยเสียงกรีดร้องของยวี้เอ๋อร์ พิสูจน์ให้เห็นว่า เท้าของเฉินเทียนหยูทำให้กระดูกซี่โครงของยวี้เอ๋อร์หัก
“ก่อนหน้านี้ จ้าวจื่อซินบอกว่าเ้าเป็บ่าวคนสนิทของน้องหญิง ลงโทษเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว แต่น้องหญิงกินข้าวไม่ลง เ้ากลับกินอยู่ที่นี่อย่างสบายใจ” ยิ่งคิดเฉินเทียนหยูก็ยิ่งโกรธเพิ่มมากขึ้น ขาเหยียบซี่โครงที่เพิ่งหักของยวี้เอ๋อร์และค่อยๆ ใช้แรงกดลงเล็กน้อย
“คุณชายรอง คุณชายจะต้องหยุดเดี๋ยวนี้นะ ฮูหยินน้อยเป็ลมแล้ว ถ้าฮูหยินน้อยตื่นขึ้นมาและเห็นยวี้เอ๋อร์ในสภาพเช่นนี้ ฮูหยินน้อยจะต้องไม่พอใจคุณชายรองเป็แน่”
ได้เห็นยวี้เอ๋อร์เ็ป หน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อร่วงหล่น ปี้เอ๋อร์พลอยลอบยิ้มในใจอย่างเ็า แต่อย่างไรเสียนางจำต้องก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเฉินเทียนหยู
หากปล่อยให้เฉินเทียนหยูเหยียบต่อไป กระดูกที่หักจะทำร้ายอวัยวะภายในอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และถ้าเป็อย่างนั้นยวี้เอ๋อร์จะต้องตายโดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ยวี้เอ๋อร์ยังไม่สามารถตายได้ ดังนั้นนางจำต้องหยุดเฉินเทียนหยู
เดิมคิดว่าจะฆ่ายวี้เอ๋อร์ แต่เมื่อได้ฟังปี้เอ๋อร์บอกว่ามู่หรงฉิงเป็ลม เฉินเทียนหยูก็ใและหันหลังกลับไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “เมื่อหลายอึดใจก่อน น้องหญิงยังนั่งอยู่ไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงเป็ลมแล้วล่ะ?”
“ทันทีที่ฮูหยินน้อยได้ยินว่าคุณชายรองกำลังจะฆ่ายวี้เอ๋อร์ ฮูหยินน้อยก็โกรธมาก ขณะที่กำลังจะมาที่นี่เพื่อหยุดคุณชายรอง ฮูหยินน้อยก็ล้มลงกับพื้นเลย ถ้าคุณชายรองรักและเอ็นดูฮูหยินน้อยจริงๆ คุณชายรองรีบกลับไปที่ห้องไปดูฮูหยินน้อยเถอะ ฮูหยินน้อย ฮูหยินน้อย...” ปี้เอ๋อร์เกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่นางจะพูดจบ นางรู้สึกได้ถึงสายลมพัดผ่านเบื้องหน้า ครั้นมองดูอีกหนกลับไม่เห็นเงาร่างของเฉินเทียนหยูเสียแล้ว?
โธ่... แม้ว่าคุณหนูใหญ่จะแต่งงานกับคุณชายผู้โง่งม แต่คุณชายโง่งมคนนี้ก็รักและเอ็นดูคุณหนูใหญ่จริงๆ
หลังจากปี้เอ๋อร์ลอบถอนหายใจ นางก็เหลือบมองยวี้เอ๋อร์ผู้ซึ่งนอนอยู่บนพื้นอย่างเ็ป ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ แต่สีหน้าแปรเปลี่ยนกลายเป็เ็าพร้อมพูดกระแทกกระทั้นส่อเสียด “สมองไม่ฉลาดพอแต่กลับพยายามทำเื่งี่เง่า ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่กำลังคิดอะไรอยู่? คิดไม่ถึงว่าจะขัดแย้งกับฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อหลายอึดใจก่อนยังทะเลาะกับคุณชายรองอยู่เลย และตอนนี้ก็เป็ลมหมดสติอยู่บนเตียง เ้ามันตัวทำร้ายคนอื่น ข้าไม่เห็นว่าเ้ามีดีตรงไหนเลยจริงๆ”
ด้วยการถากถางของปี้เอ๋อร์ ทำให้ยวี้เอ๋อร์มองปี้เอ๋อร์ด้วยความโกรธ แม่นมจิ่นลุกขึ้นยืนทันควันโดยมีแม่นมฟางคอยช่วยประคอง ได้ยินคำพูดต่อว่ายวี้เอ๋อร์ นางก็ตำหนิปี้เอ๋อร์ด้วยสีหน้าขุ่นเคืองทันที “ปี้เอ๋อร์ เ้าอยู่เคียงข้างคุณหนูใหญ่เพียงไม่กี่ปี เ้าจะไปรู้ถึงความจงรักภักดีของยวี้เอ๋อร์ต่อคุณหนูใหญ่ได้อย่างไร? เ้าหยุดพูดจาเลื่อนเปื้อนที่นี่ได้แล้ว”
ด้วยการตำหนิของแม่นมจิ่น ปี้เอ๋อร์กลับแค่มองด้วยสายตาเ็า นางจ้องมองแม่นมจิ่นโดยตรง แม่นมจิ่นถึงกับต้องหลบสายตานั้น หญิงชราจะมีพลังและความน่าเกรงขามเช่นเมื่อครู่ก่อนเสียที่ไหน?
ในจังหวะที่แม่นมจิ่นไม่พอใจปี้เอ๋อร์ที่น่ารังเกียจ จู่ๆ นางก็ได้ยินน้ำเสียงปีติยินดีของเฉินเทียนหยูดังแว่วจากด้านนอกประตู “น้องหญิง น้องหญิงตื่นแล้วหรือ? ปี้เอ๋อร์บอกว่าน้องหญิงเป็ลม ข้ากังวลแทบตายแน่ะ”
เฉินเทียนหยูผู้ซึ่งออกจากห้องเก็บฟืนราวกับลมกระโชกแรง ยังไม่ทันได้กลับห้อง เขาก็เห็นมู่หรงฉิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าวิตกกังวล
เป็ลมหรือ? มู่หรงฉิงประหลาดใจ ครั้นเห็นอาการวิตกกังวลของเฉินเทียนหยู มู่หรงฉิงรู้ทันทีว่าเป็แผนการของปี้เอ๋อร์
“ข้าไม่ได้ฆ่าบ่าวชั่วร้ายคนนั้น ข้าแค่หักซี่โครงของนางเท่านั้น น้องหญิงอย่าโกรธเลย” สีหน้าของมู่หรงฉิงไม่ดีนัก ทำให้เฉินเทียนหยูคิดว่ามู่หรงฉิงหงุดหงิดที่เขาจะฆ่ายวี้เอ๋อร์ จึงรีบอธิบาย
แต่ไม่คาดคิดว่า หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินเทียนหยู มู่หรงฉิงกลับเดินโซเซและเกือบจะล้มลงทันควัน จังหวะนั้นชุ่ยเอ๋อร์ที่มีตาและมือว่องไวจึงรีบเข้าไปประคองมู่หรงฉิง “ท่านพี่... ท่านพี่หักกระดูกซี่โครงของยวี้เอ๋อร์หรือ?”
คำพูดของมู่หรงฉิงประกอบด้วยความเหลือเชื่อ นอกจากความสยดสยองยังผสมด้วยความเ็ปแทบหัวใจสลาย
เฉินเทียนหยูเห็นสีหน้าของมู่หรงฉิงขุ่นเคืองมากขึ้นเรื่อยๆ จึง้าก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อประคอง แต่ต้องใกับดวงตาของนางที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เขาได้แต่วางมือลงตรงหน้านางโดยไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า ท่าทางเหมือนกระทำความผิดแต่ไม่รู้ตัว พลางมองมู่หรงฉิงด้วยความวิตกกังวลอย่างสุดขีด
ขณะนั้นแม่นมจิ่นก็เดินมาถึงด้านหน้าประตูด้วยน้ำตานองหน้า เมื่อเห็นมู่หรงฉิงจึงเหมือนกับการได้เห็นผู้ช่วยชีวิตอย่างไรอย่างนั้น นางพูดพร้อมสะอื้น “คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่จะต้องช่วยยวี้เอ๋อร์... ยวี้เอ๋อร์ถูกคุณชายรองเตะและเหยียบจนเกือบจะตายแล้ว...”
แม่นมจิ่นพูดพลางก้าวไปข้างหน้า ทว่ายังก้าวไปไม่ถึงตัวคู่สนทนากลับถูกเฉินเทียนหยูเหยียดเท้าออกมาเตะทำให้ล้มลงกับพื้นทันที คำพูดที่เหลือก็สะดุดหายไปเช่นกัน
เฉินเทียนหยูโกรธมาก เขายังกังวลว่าจะทำให้น้องหญิงหายโกรธได้อย่างไร แต่เ้าตัวดี เ้ากลับทำลายเื่ที่ดีของข้า
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นเ้าเป็คนที่ครอบครัวของน้องหญิงพาเข้ามาในจวน ข้าจะไม่เมตตาเ้าจริงๆ
จ้าวจื่อซินบอกแล้วว่ายายเฒ่าคนนี้เป็แม่นมของน้องหญิง ตีไม่ได้
จะตีก็ตีไม่ได้ จะด่าก็ด่าไม่ได้แต่ในใจนั้นโกรธเคืองมาก ครั้นเห็นใบหน้าหงุดหงิดระคนขุ่นเคืองของมู่หรงฉิง เฉินเทียนหยูยิ่งกระวนกระวายใจราวกับมดบนกระทะร้อน เขาเงยหน้าขึ้นและมองสภาพแวดล้อมรอบๆ หลังจากเห็นจ้าวจื่อซินด้านหลังมู่หรงฉิง เขาก็รีบสาวเท้าไปข้างหน้าราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิตคนสุดท้าย และพูดด้วยเสียงเบาว่า “น้องหญิงโกรธอีกแล้วหรือ?”
จ้าวจื่อซินชำเลืองมองมู่หรงฉิงที่กำลังแสดงละคร จากนั้นมองเฉินเทียนหยูที่ออกอาการกระวนกระวาย จ้าวจื่อซินหัวเราะในใจ ทุกสิ่งในจักรวาลส่งผลกระทบเชื่อมโยงเป็สายระโยงระยาง งอกใหม่อย่างไม่สิ้นสุด เมื่อมีสิ่งหนึ่ง ย่อมจะมีอีกสิ่งหนึ่งที่จะสามารถปราบปรามมันได้ เช่นขวานที่สามารถปราบคนที่ทำจากไม้ได้
ก่อนประสบอุบัติเหตุ เฉินเทียนหยูคนนี้นิสัยไม่ดีและดื้อรั้น และหลังจากโง่งม เขายิ่งไม่เกรงกลัวต่อกฎข้อบังคับใดๆ มากขึ้นไปอีก โดยไม่คาดคิดเลยว่า เขาจะอยู่ในกำมือของมู่หรงฉิงผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความคิดแปลกประหลาด
เฉินเทียนหยูเอ่ยถาม จ้าวจื่อซินยังไม่ทันได้ตอบ แต่กลับถูกมู่หรงฉิงจ้องเขม็งอย่างดุร้ายก่อนนางจะช่วยประคองแม่นมจิ่นด้วยตัวเอง “แม่นมเจ็บอะไรหรือไม่?”
“คุณหนู บ่าวไม่เป็ไร แต่ยวี้เอ๋อร์ เ้าเด็กนั่นน่าสงสารจริงๆ ถูกกระทืบ กระดูกซี่โครงหักแล้ว...” พูดถึงตรงนี้ แม่นมจิ่นก็ร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจ แม้ว่ามือทั้งสองข้างของนางจะปรากฏเืจากการหกล้มก็ตาม นางกลับไม่สนใจนัก
“แม่นมจิ่น เ้าเป็คนมีขอบเขต แต่ทำไมวันนี้เ้าถึงได้สูญเสียความมีเหตุผลเสียล่ะ” แม่นมจิ่นเปิดปากแต่ละครั้งก็มีแต่ยวี้เอ๋อร์โดยไม่สนใจมู่หรงฉิงเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดแม่นมฟางที่อยู่ด้านข้างจึงทนดูไม่ไหวอีกต่อไป นางก้าวเท้าไปข้างหน้าและช่วยประคองแม่นมจิ่นให้ยืนขึ้นพร้อมพูดเบาๆ ว่า “คุณหนูใหญ่ดีต่อยวี้เอ๋อร์มาโดยตลอด ทุกคนที่สังเกตเห็นย่อมรู้เื่นี้ แต่ถ้าเ้าพูดเช่นนั้นต่อไปอีก มันจะสูญเสียขอบเขตแล้ว ส่วนเื่จะทำอย่างไรนั้น คุณหนูใหญ่ย่อมมีความคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง”
มู่หรงฉิงได้ยินคำพูดของแม่นมฟางอย่างชัดเจน นางพลอยรู้สึกเ็ปที่หัวใจ
แม้กระทั่งแม่นมฟางยังมองเห็นความผิดปกติของแม่นมจิ่น หรือว่าแม่นมจิ่นไม่ใช่แม่นมจิ่นของนางคนนั้นอีกต่อไปแล้ว?
แม่นมจิ่นได้ฟังคำพูดของแม่นมฟาง สีหน้าของนางถึงกับแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย พริบตาต่อมานางก็มองไปทางมู่หรงฉิงพร้อมน้ำตานองหน้า
“คุณหนูใหญ่ บ่าวแค่สงสารยวี้เอ๋อร์ อยู่ด้วยกันเป็เวลาสิบปีแล้วย่อมมีความผูกพัน…”
“ฉิงเอ๋อร์รู้” ความเ็ปในใจไม่อาจพูดให้ใครฟังได้ ได้แต่ระงับความโกรธนั้นและแสดงท่าทีเศร้าโศกระคนหวั่นกลัว “ยวี้เอ๋อร์เป็อย่างไรบ้างแล้ว? แม่รองเฉินให้ยาสมุนไพรแก่ข้าจำนวนมาก ข้ากำลังจะเรียกคนให้มาเอา ก็ได้ยินเสียงนางกรีดร้อง...”
โธ่! ท้องไส้ของข้าหิวมาก ได้โปรดอนุญาตให้เติมเต็มอวัยวะภายในทั้งห้าให้อิ่มก่อนเถอะ
จังหวะที่แม่นมจิ่นกำลังจะพูด แม่นมฟางกลับผลักแม่นมจิ่นอย่างเงียบๆ ก่อนจะฉวยโอกาสพูดก่อน “คุณชายรองดูเหมือนจะถูกปีศาจครอบงำอีกหนแล้ว คุณชายรองพลาดหักกระดูกซี่โครงของยวี้เอ๋อร์แล้ว”
คำพูดของแม่นมฟางในคราวนี้สมเหตุสมผลเป็อย่างมาก เดิมทีเฉินเทียนหยูก็โง่งมและคลุ้มคลั่งเป็ครั้งคราว ถ้าเขาเกิดคลุ้มคลั่งและทำซี่โครงของยวี้เอ๋อร์หัก มันคงช่วยอะไรไม่ได้
นี่เป็การพูดแก้ตัวให้เฉินเทียนหยู แต่เฉินเทียนหยูกลับไม่พอใจ พูดพึมพำว่า “เ้าสิคลุ้มคลั่ง คนในครอบครัวของเ้าคลุ้มคลั่งทุกคนแล้ว”
หลังจากได้ยินคนอื่นพูดเป็การส่วนตัวว่าเขาเป็คนโง่งมจนคุ้นเคยกับมัน เฉินเทียนหยูย่อมไม่สนใจเื่ ‘โง่งม’ เลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้หลังจากได้ฟังแม่นมฟางบอกว่าเขาคลุ้มคลั่ง เฉินเทียนหยูกลับไม่มีความสุขเสียแล้ว
คลุ้มคลั่งเช่นนั้นไม่ใช่คนบ้าหรือ? เขาไม่ใช่คนบ้าเสียหน่อย เขาเป็คนดี เขาดีกับน้องหญิง เขาจะเป็คนบ้าได้อย่างไร?
เฉินเทียนหยูพึมพำอย่างไม่พอใจ มู่หรงฉิงหันไปมองเฉินเทียนหยูด้วยความขุ่นเคืองปราดหนึ่ง แต่เมื่อถอนสายตา ก็ทันได้เห็นชายเสื้อสีชมพูปรากฏและหายวับที่ประตูเรือน
นางเย้ยหยันในใจ แต่ใบหน้าของนางกลับเ็าดุจน้ำแข็ง
ได้เวลาแล้ว พวกเ้าวางกับดักข้า และถึงเวลาที่ข้าจะต้องจัดวางกับดักให้พวกเ้าแล้ว
ถอนสายตาและไม่มองเฉินเทียนหยูที่้าเอ่ยแก้ตัวแต่กลับไม่ได้พูดออกมาในที่สุด จากนั้นนางจึงสาวเท้าเข้าไปด้านใน
เมื่อเข้าไปใกล้ ถึงได้เห็นผิวของยวี้เอ๋อร์เปลี่ยนเป็สีน้ำเงินอมสีม่วง อาจจะเป็เพราะเ็ปมาก ริมฝีปากสีคล้ำของนางจึงสั่นเล็กน้อย ครั้นเห็นมู่หรงฉิงกำลังมองมาที่นาง หยาดน้ำในดวงตาของยวี้เอ๋อร์ก็ไหลทะลักออกมาทันที
“คุณ... คุณหนูใหญ่...”
นางอยากจะยกมือขึ้น แต่สุดท้ายนางก็วางมือลงเบาๆ เนื่องจากอ่อนแรง ยวี้เอ๋อร์ร้องะโเช่นนั้น เปลือกตาของนางถึงกับสั่นด้วยความเ็ป แต่นางแทบไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
มู่หรงฉิงเห็นยวี้เอ๋อร์ก็เย้ยหยันในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ยวี้เอ๋อร์ ใน่เวลาที่เ้าทรยศท่านแม่ของข้า เ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้ด้วย? ขณะที่เ้าลงมือวางยาแม่นมสองคน เ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้? ขณะที่เ้าวางกับดักข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้? เมื่อทำร้ายจื่อเอ๋อร์ทำให้นางต้องโดดเดี่ยวและหมดหนทาง เ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้?