เล่มที่ 9 บทที่ 252 ตราหมื่นนทีธาร
ทันใดนั้นเหยียนจ้งก็กระอักเืออกมา แม้ยันต์ไท่หยวนจะไม่ใช่ยันต์คู่กาย แต่มันก็ถูกหลอมรวมเข้ากับรากฐานการบำเพ็ญ เมื่อถูกขวานแดงสะบั้นใส่ จึงถูกพลังย้อนกลับเข้าทันทีจนเกือบกระทบถึงรากฐาน...
ยังดีที่เหยียนจ้งว่องไว หลังจากเห็นขวานแดงกำลังสะบั้นลงมา เขาก็รีบโคจรพลังสลายระฆังทองให้กลับคืนเป็ยันต์ไท่หยวนตามเดิม เพียงชี้นิ้วออกไปเท่านั้น ยันต์ไท่หยวนก็ลอยหายกลับเข้าไปในตัวทันที
และตอนนี้ก็ไม่มีใครสามารถสกัดเวินโหวได้อีกแล้ว หลังจากขวานแดงสะบั้นทำลายระฆัง เวินโหวก็คำรามออกมาเสียงดัง จากนั้นเ้าปลาั์ก็พุ่งตัวออกมา กระทั่งเหล่าศิษย์สำนักเชียนซานถูกชนจนล้มระเนระนาด เพียงครู่เดียว เ้าปลาั์ก็มาหยุดที่เบื้องหน้าหัวัแล้ว...
“ในที่สุด หัวันี่ก็เป็ของข้าแล้ว!” เมื่อสิ้นเสียง เชือกสีเขียวสี่เส้นที่เต็มไปด้วยสายฟ้าสถิตเป็ระยะ ก็พุ่งออกไป ขณะเดียวกันมนต์สะกดทั้งยี่สิบเจ็ดสายก็กำลังส่องแสงระยิบระยับออกมา และนี่ก็คืออาวุธหยางฝูที่แท้จริง...
เมื่อกวาดตามองไป จะเห็นว่าเชือกทั้งสี่เส้นนั้น พลิ้วไหวราวกับมีชีวิตเลยทีเดียว มองเผินๆก็คล้ายกับอสรพิษ เพียงครู่เดียวก็โอบพันหัวัขนาดใหญ่เอาไว้อย่างแ่าเสียแล้ว...
“ลากขึ้นมาเลย!” เมื่อสิ้นคำสั่งของเวินโหว ปลาั์ที่อยู่ใต้เท้าก็ออกแรงดึงขึ้น จากนั้นหัวัขนาดเท่าูเาขนาดย่อมก็ถูกกระชากจนลอยขึ้นมา...
เวินโหวเห็นดังนั้น ก็ดีใจจนเนื้อเต้น...
ขณะที่กำลังจะบงการเ้าปลาั์ให้ลากหัวักลับไปนั้น จู่ๆท้องฟ้าก็พลันมืดมิดลง บรรยากาศรอบด้านอับแสงลงทันที
“เกิดอะไรขึ้น?”
เวินโหวรีบเงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็พบว่ามีตราสี่เหลี่ยมสีดำยาวหลายลี้กำลังเคลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ และตรานี้ก็มีอักขระสี่ตัวสลักอยู่
‘หมื่นนทีธาร!’
เวินโหวเห็นดังนั้นก็ใจนแทบสิ้นสติ
“แย่แล้ว ตราหมื่นนทีธาร!”
และนี่ก็คือ “ตราหมื่นนทีธาร” ซึ่งเป็หนึ่งในสิบสมบัติของสำนักเชียนซานที่มีชื่อเสียงที่สุด!
เมื่อมองไปก็พบว่าเมฆหมอกดำกำลังแพร่กระจายไปทั่วทุกทิศทางแล้ว อีกทั้งยังมีสายฟ้าผ่าลงมาจนเกิดเสียงกระหึ่มดังเป็ระยะ หลังจากที่ตราสีดำลอยต่ำลงมาก็เกิดลมกระโชกแรงขึ้น จนดูราวกับพายุอันน่าสะพรึงกลัว บัดนี้ตราหมื่นนทีธารปกคลุมไปทั่วรัศมีร้อยจ้าง แม้แต่เ้าปลาั์ที่มีพลังหายตัวได้ก็ถูกตราหมื่นนทีธารสะกดนิ่งให้อยู่กับที่...
พอเห็นว่าตราหมื่นนทีธารขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าของเวินโหวก็ถอดสีจนซีดขาวทันที เพราะนี่เป็หนึ่งในสิบสมบัติล้ำค่าของสำนักเชียนซาน หากปล่อยให้มันกดทับลงมาละก็ เกรงว่าต่อให้มีเวินโหวเป็สิบคน ก็ไม่อาจรับมือได้...
‘จบกัน ตายแน่คราวนี้!’
ทว่าขณะที่เวินโหวกำลังสิ้นหวังอยู่นั้น ก็มีก้อนหินสีดำก้อนหนึ่งถูกขว้างเข้ามา เพียงพริบตาเดียว ก้อนหินน้อยๆก็ขยายออกจนกลายเป็ูเาขนาดย่อม จากนั้นก็พุ่งชนเข้ากับตราหมื่นนทีธารอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น...
ชั่วขณะที่เกิดเสียงดังสนั่นนั้น สายฟ้าและเมฆหมอกดำมากมายก็คล้ายกับปุยนุ่นที่ถูกพายุพัด ไม่นานก็กระจัดกระจายหายไป คลื่นพลังสะท้อนไปทุกทิศทุกทาง และนี่ก็คือพลังล่มฟ้าล่มปฐีอย่างแท้จริง แม้แต่ห้วงมิติก็ถูกแรงปะทะจนเกิดรอยแตกร้าว...
“รอดแล้ว!” ชั่วขณะที่สะเก็ดเปลวไฟสาดกระจายออกมา เวินโหวก็รีบบงการเ้าปลาั์ที่สืบสายเืมาจากซวีคงเหยาซึ่งเป็สัตว์อสูราทันที เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ลำตัวที่ยาวนับสิบจ้างของมันก็บิดส่ายไปมาเล็กน้อย ก่อนจะหายเข้าไปในช่องว่างระหว่างมิติ
ซวีคงเหยานั้น สามารถหายตัวไปในห้วงมิติได้นับพันลี้ แต่น่าเสียดายที่เ้าปลาั์กลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ มันทำได้เพียงอาศัยช่องว่างระหว่างมิติ เพื่อหายตัวออกไปได้ไกลสิบลี้เท่านั้น...
‘บ้าเอ๊ย เกือบไปแล้วไหมล่ะ...’
‘ยังดีที่มีศิษย์พี่หลินช่วย...’
หลังจากที่หลุดออกจากรัศมีตราหมื่นนทีธาร เวินโหวก็ยกมือปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก...
บัดนีู้เาสีดำลูกย่อมที่พุ่งชนตราหมื่นนทีธารก็ค่อยๆลอยต่ำลงมา ก่อนจะสลายร่างกลับเป็หินก้อนน้อยปรากฏลงตรงหน้าหลินเฟย...
“ถึงอย่างไรก็เป็เพียงอาวุธหยางฝู...” หลินเฟยเอื้อมมือไปรับหินตงจี๋มา ในตอนนี้พื้นผิวของหินเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวจำนวนมาก แค่ดูก็รู้ว่ากระทบกระเทือนไปถึงรากฐานแล้ว...
‘เป็อย่างที่คิดไว้จริงๆ...’
เพราะหินตงจี๋เองก็เป็เพียงอาวุธหยางฝูเท่านั้น จึงไม่อาจเทียบกับตราหมื่นนทีธารที่เป็หนึ่งในสิบสมบัติล้ำค่าของสำนักเชียนซานได้ แค่สามารถช่วยเวินโหวออกมาได้ ก็ถือว่าดีมากแล้ว หลินเฟยจึงไม่คิดจะคาดหวังอะไรอีก...
อีกอย่าง หากตราหมื่นนทีธารปรากฏออกมาเช่นนั้น ก็แปลว่าผู้าุโจงซานที่ใช้เวลาเจ็ดวันในการบรรลุจิงตัน คงกำลังเข้าใกล้มาแล้ว...
ว่ากันว่าผู้าุโจงเข้าสำนักเชียนซานมานานแล้ว แม้แต่เ้าสำนักคนปัจจุบันยังต้องเรียกเขาว่าศิษย์พี่...
ทว่าผู้าุโจงมีเพียงพร์พื้นๆเท่านั้น หลังจากใช้เวลาร่วมหลายร้อยปีเพื่อฝึกเคล็ดวิชาสัจพิภพโลกา เขาก็ทำได้แค่บรรลุขั้นมิ่งหุนเคราะห์หกเท่านั้น
แต่เ้าสำนักเชียนซานคนปัจจุบันกลับบรรลุเป็ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตัน กระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งเป่ยจิ้ง ต่อให้เป็บรรดาศิษย์น้องที่เข้าสำนักมาทีหลังเกือบสามร้อยปี ก็บรรลุจนถึงขั้นจิงตันกลายเป็ผู้าุโของสำนักเชียนซานไปหมดแล้ว...
‘จะว่าไปก็แปลก...’
ตอนที่ผู้าุโจงเห็นว่าใกล้จะถึงอายุขัยก็ราวกับปลงตก จากนั้นก็ละทิ้งทุกอย่าง ใช้เวลาร้อยปีหลังจากนั้นท่องเที่ยวไปทั่วพิภพหลัวฝู ว่ากันว่าผู้าุโเคยไปทั้งที่รกร้างทางใต้และหุบเขาทางดินแดนตะวันตก นอกจากนี้ยังลือกันอีกว่าผู้าุโจงเคยไปเยือนเขตหวงห้ามที่เป็อันตรายหลายแห่งอีกด้วย หลังจากร้อยปีผ่านไปผู้าุโจงก็กลับมาที่สำนักเชียนซาน...
และตอนนี้เอง ผู้าุโจงก็เหลือเวลาอีกเพียงสิบวันก็จะดับสังขารลงแล้ว แต่บัดนี้ก็ยังมีขั้นบำเพ็ญเพียงมิ่งหุนเคราะห์หกเช่นเดิม...
ผมที่ขาวโพลนนั้น ทำให้เขาดูแก่ชราเป็อย่างมาก
หลังจากที่กลับมาถึงสำนัก ผู้าุโก็ไม่พบใครทั้งนั้น เอาแต่นั่งอยู่บนยอดหุบเขาอวิ๋นไถเป็เวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน กระทั่งคืนวันที่เจ็ด เหนือหุบเขาอวิ๋นไถก็มีตราสีดำที่มีอักขระสี่ตัวสลักไว้ว่าหมื่นนทีธารปรากฏขึ้นมา ครู่เดียวก็มีลูกแก้วสีทองลอยออกมา จากนั้นอักขระจำนวนมากก็ปลิวว่อนไปทั่ว ลำแสงมากมายสว่างเจิดจ้า ส่วนลูกแก้วสีทองก็ล่องลอยอยู่เหนือหุบเขาอวิ๋นไถอยู่นาน กว่าจะลอยลงมาเบื้องล่าง...
ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้าุโจงจะสามารถบรรลุขั้นจิงตันก่อนที่จะดับสังขารเพียงไม่กี่วันเท่านั้น...
จึงทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วเป่ยจิ้งภายในข้ามคืน แม้แต่นักพรตเฒ่าจอมขี้เหนียวแห่งหุบเขาอวี้เหิงของสำนักเวินเจี้ยน ยังออกปากชื่นชมว่าอีกฝ่ายมีปณิธานอันแรงกล้า...
และก็เป็อย่างที่คิดจริงๆ ขณะที่หลินเฟยเงยหน้ามองท้องฟ้า ก็พบว่าตราหมื่นนทีธารกำลังหดเล็กลง ก่อนจะลอยลงสู่มือนักพรตเฒ่าชุดดำคนหนึ่ง...
นักพรตเฒ่าคนนั้นมีรูปร่างผอมแห้ง ทว่าใบหน้ากลับสะอาดหมดจด แววตาก็เป็ประกายดูมีชีวิตชีวา บัดนี้กำลังยืนอยู่บนก้อนเมฆโดยถือตราหมื่นนทีธารไว้ในมือ ทั่วทั้งตัวไม่มีพลังปราณแปรปรวนเลยแม้แต่น้อย แต่กลับให้ความรู้สึกกดดันราวกับถูกูเาขนาดใหญ่กดทับอยู่...
หลินเฟยเห็นดังนั้นก็รู้ทันที ว่าตัวจริงกำลังมาแล้ว...
“ทิ้งหัวัเอาไว้เสีย เช่นนั้นข้าผู้เฒ่าจะปล่อยพวกเ้าไป...” เสียงของนักพรตเฒ่านั้นราบเรียบมาก ทว่าหลินเฟยกลับรู้สึกบาดหูยิ่งนัก จนเืในกายเดือดพล่านเลยทีเดียว...
เพียงเอ่ย ก็มีพลังกดดันตามมาด้วยแล้ว...
และนี่ก็คือพลังของผู้บำเพ็ญขั้นจิงตัน...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------