“อาจารย์ตงเลี่ยง มีนามรองโหวอิง เป็อาจารย์ของศิษย์ และเป็สหายร่วมศึกษากับท่าน”
“โหวอิง โหวตงเลี่ยง!” ก้อนน้ำแข็งใแตกเป็เสี่ยง “เขายังมีชีวิตอยู่หรือ? แถมยังมีลูกศิษย์?”
“ใช่ขอรับ” ิหยวนพยักหน้า “ท่านอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังหลงผิดเผลอรับเด็กดื้อคนนี้เป็ศิษย์ด้วยขอรับ”
เผยซูเยี่ยกวาดตามองิหยวนั้แ่หัวจรดเท้าอยู่นานสองนานกว่าจะยอมรับจดหมายไป และไม่ยอมเปิดอ่านเสียที แต่กระดิกนิ้วไปทางิหยวน “เ้า...”
กระดิกนิ้วอีกครั้ง “มาถือนี่ไว้”
“ตามข้ามา”
เวลานี้ิหยวนสับสนมาก หยิบผ้าคลุมตะกร้าลูกแมวไว้แล้วถือพวกมันเดินตามเผยซูเยี่ยออกไป อีกฝ่ายไม่ได้พาิหยวนกลับออกไปทางประตูหน้า แต่ใช้ประตูหลังแทน แม้จะเป็ทางเดินปกติ แต่ิหยวนกลับรู้สึกเหมือนตนเองมาทำเื่ลับๆ ล่อๆ
ยิ่งเดินก็ยิ่งห่างไกลบ้านเรือนผู้คน พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงป่าไผ่ผืนใหญ่หนาทึบ มีทางเดินเล็กๆ ทอดยาวเข้าไปในป่า ซึ่งไม่ใช่ทางเดินที่สร้างขึ้นเป็กิจจะลักษณะ แต่เป็เพียงทางเดินที่เกิดจากการถูกเหยียบย่ำบ่อยๆ กระทั่งถึงเรือนเล็กๆ หลังหนึ่ง เผยซูเยี่ยพาิหยวนเดินตรงเข้าไปข้างในทันที โดยไม่มีการเคาะประตูก่อน
ผ่านประตูหน้าเข้ามาก่อนถึงประตูชั้นในเป็สวนไผ่หนาทึบ มีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้โยก เอนกายหลับตาพริ้มในมือถือพัดใบลานโบกเบาๆ ท่ามกลางสวนไผ่เล็กๆ มีเสียงเก้าอี้โยกไปมา และสายลมแ่เบาพัดผ่าน
เผยซูเยี่ยเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนผู้นั้น เขายังคงหลับตาเช่นเดิม ทว่ากลับคว้าข้อมือผู้มาเยือนมาจับไว้อย่างคุ้นเคย “เหตุใดถึงมาเวลานี้ได้?”
เผยซูเยี่ยยืนตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดึงมือออก “ข้าพาคนมาด้วย”
คนผู้นั้นจึงลืมตาขึ้น และพยายามหยัดกายลุกขึ้นมองิหยวนที่ยืนนิ่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ข้างหลัง
“ทายสิว่านี่คือผู้ใด?”
เผยซูเยี่ยเข้าไปช่วยพยุงเขาลุกขึ้น ิหยวนถึงได้สังเกตเห็นรถเข็นที่จอดอยู่ข้างๆ จึงลังเลว่าตนควรเข้าไปช่วยดีหรือไม่
“ไร้สาระ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”
“ลูกศิษย์ของโหวอิง”
“ว่าอย่างไรนะ?” ร่างของคนผู้นั้นชะงักงันอยู่กลางอากาศทันที เหตุเพราะเขาใเกินไป ผลก็คือคนทั้งสองสะดุดล้มลงกองบนพื้น ทั้งเก้าอี้โยกและรถเข็นก็ล้มเช่นกัน ในตอนนั้นเองคำถามในหัวิหยวนก็ได้รับตำตอบ เขารีบวางตะกร้าแล้วเข้าไปช่วยเผยซูเยี่ยพยุงคนผู้นั้นนั่งบนรถเข็น
คนผู้นั้นยังคงมองิหยวนด้วยสายตาตกตะลึง
“เมื่อครู่เ้าพูดว่าอย่างไรนะ เขาเป็ลูกศิษย์ผู้ใด???”
เผยซูเยี่ยผู้มีสีหน้าเ็าดุจูเาน้ำแข็งอยู่เสมอยกยิ้มน้อยๆ “โหวตงเลี่ยง”
“เขาสาบานแล้วไม่ใช่หรือว่าชีวิตนี้จะไม่รับลูกศิษย์ เพราะมันทั้งยุ่งยากและสร้างความกังวลให้ตนเอง ลูกศิษย์เปรียบเสมือนศัตรูคู่อาฆาต และเขาไม่มีวันเป็อาจารย์ หากชาตินี้เขารับศิษย์ เขาจะเขียนคำว่าโหวอิงกลับหัว” ชายคนนั้นไล่เรียงถ้อยคำที่พอจำได้ก่อนจะหันไปหาเผยซูเยี่ยเพื่อขอคำยืนยัน “เขากล่าวไว้เช่นนี้มิใช่หรือ”
เผยซูเยี่ยจึงพยักหน้าตอบรับพร้อมรอยยิ้ม
“ตอนนี้เขายังใช้ชื่อโหวอิงอยู่อีกหรือ? มิได้เปลี่ยนเป็อิงโหว?”
ิหยวนไม่รู้ว่าตนควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี ก็เขาไม่รู้มาก่อนว่าผู้เป็อาจารย์เคยสาบานไว้เช่นนั้น “ขอรับ ยังใช้ชื่อโหวอิงขอรับ”
“หืม…เ้าจะบอกว่าเขากลืนน้ำลายตนเองอย่างนั้นหรือ? แต่เดี๋ยวก่อน แล้วเ้ามีนามว่าอย่างไร?” คนผู้นั้นหมุนล้อรถเข็นอย่างคล่องแคล่ว
“ศิษย์มีนามว่าิหยวนขอรับ”
“อ๋อ…มาจากตระกูลิในเจียงโจว ข้าก็พอได้ยินมาว่าเขาไปอยู่ที่เจียงโจว” ิหยวนไม่ทันได้อธิบายว่าตนเองไม่ได้มาจากตระกูลิ อีกฝ่ายก็เอ่ยถามเสียก่อน “เ้ามีนามรองแล้วหรือยัง?”
“มีแล้วขอรับ นามว่าไจ้เฉินขอรับ”
“ฟังดูไม่เหมือนโหวตงเลี่ยงเลย ไม่ใช่ว่าเขาชอบทำตัวเป็ตาแก่ปลีกวิเวกหรอกหรือ? เขากลายเป็คนมุ่งมั่นเื่ทางโลกั้แ่เมื่อใด?”
ิหยวนเองก็อดอมยิ้มไม่ได้ ดูเหมือนคนตรงหน้าจะรู้จักโหวอิงเป็อย่างดี “ใช่ขอรับ ตอนนี้ท่านอาจารย์ของข้ายังคงทำตัวเป็ชายชราหาปลา และเขาไม่ได้เป็คนตั้งชื่อรองนี้ให้ขอรับ”
ยังไม่ทันได้เอ่ยถามต่อ เผยซูเยี่ยก็กางผ้าออกแล้วคลุมลงบนขาเขา “ข้างนอกลมแรง เข้าไปข้างในก่อนค่อยคุย”
คนทั้งสามจึงย้ายเข้าไปคุยต่อข้างใน ก่อนหน้านี้ิหยวนสังเกตเห็นเรือนนี้ไม่มีธรณีประตูก็นึกสงสัย แต่ตอนนี้เขารู้เหตุผลแล้ว
เผยซูเยี่ยส่งจดหมายให้อีกคน “จดหมายจากโหวตงเลี่ยงเขียนถึงเ้า”
“เห็นๆ อยู่ว่าเขาเขียนถึงเ้า” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ชายผู้นั้นก็ไม่รอช้าที่จะเปิดจดหมายและอ่านมัน อ่านจบก็เงยหน้ามองิหยวนอีกครั้ง ราวกับยังสงสัยว่าคนตรงหน้ามีความสามารถโดดเด่นอันใดบ้าง “เ้านั่นบอกว่าลูกศิษย์มาศึกษาที่สำนักศึกษาหลวง ให้เราสองคนช่วยดูแลด้วย เอ๊ะ! เขารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่กับเ้า?”
“หากเ้ายังมีชีวิตอยู่ ย่อมต้องอยู่กับข้า” เผยซูเยี่ยพูดหน้าตาย ก่อนจะหันไปก้มหน้าจุดตะเกียง ทำราวกับสิ่งที่เขาพูดมันเป็เพียงประโยคทั่วๆ ไป “และหากข้ายังไม่ตาย เ้าก็ต้องไม่ตาย”
แม้ฟังดูเป็เพียงประโยคธรรมดาๆ ทว่าอีกคนกลับดูเหมือนจะใรีบกุมมือเขาไว้ “ข้าขอโทษ”
เผยซูเยี่ยเหลือบมองเขาด้วยสายตาเ็า “แค่ยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว”
ิหยวนยืนทำตัวไม่ถูกอยู่เงียบๆ ไม่กล้าส่งเสียงขัดจังหวะ
โชคดีที่เขาถูกลืมไม่นานเกินไป ชายผู้นั้นยิ้มให้ิหยวนพร้อมบอกให้เขานั่งลง ซึ่งกลางห้องโถงมีชุดโต๊ะเก้าอี้ตั้งอยู่
“เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือผู้ใด?”
ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ิหยวนคิดในใจไม่กล้าพูดออกมา แต่จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมา “หรือท่านจะเป็คุณชายเซี่ยโหว!”
ทันใดนั้นิหยวนก็นึกขึ้นได้ว่าโหวอิงและิหลานเคยเล่าให้ฟังว่า ในบรรดาผู้มีชื่อเสียงในเมืองหลวงเมื่อยี่สิบปีก่อน มีสหายสองคน คนหนึ่งเก่งบุ๋น คนหนึ่งเก่งบู๊ ผู้คนต่างขนานนามทั้งสองว่า “หยกคู่” ในเมื่อคนหนึ่งคือเผยซูเยี่ย อีกคนก็ต้องเป็เซี่ยโหวเจี๋ย
“ฮ่า!!! เด็กน้อยก็ยังรู้จักข้า” เซี่ยโหวเจี๋ยหัวเราะร่าก่อนจะเงียบไป “ไม่ผิดหรอก ข้าก็คือเซี่ยโหวเจี๋ย เพียงแต่ข้ามิใช่คุณชายอะไรนั่นมานานแล้ว ตอนนี้ข้าเป็เพียงชายแก่พิการ”
ิหยวนได้ยินเขาพูดอย่างนั้นก็สงสารและเห็นใจ อดไม่ได้ที่จะกล่าวปลอบโยน “แม้มีกำแพงกั้น แต่ก็ไม่อาจบดบังความสง่างามได้”
“เ้าเด็กคนนี้มันรู้จักพูดแหะ” เซี่ยโหวเจี๋ยคลี่ยิ้มกว้างพลางจับจ้องิหยวน สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู “เราสองคนกับอาจารย์โหวตงเลี่ยงของเ้านั้นมิตรภาพแน่นแฟ้น เปรียบเสมือนพี่น้องก็ว่าได้ เ้าเป็ศิษย์ของเขาก็ไม่ต่างอันใดกับหลานของเรา เรียกข้าว่าท่านอาเถอะ ในเมื่อเ้าจากบ้านมาไกลถึงเมืองหลวงเพื่อศึกษา ก็ให้คิดซะว่าที่นี่เป็บ้านอีกหลังของเ้า มาหาข้าบ่อยๆ ก็ได้ เหล่าโหวขอให้พวกเราช่วยสอนเ้า ต่อไปบทเรียนในชั้นเรียนก็ให้เขาช่วยสอน แม้ข้าจะไม่สามารถสอนเ้าขี่ม้ายิงธนูได้แล้ว แต่ข้าก็ยังสอนยุทธพิชัยาให้เ้าได้ หากเ้ามีเวลาว่างก็ให้มาที่นี่”
ิหยวนพลันรู้สึกประทับใจเมื่อได้ยินคำพูดเ่าั้ ในใจก็นึกชื่นชมและเคารพนับถือ รีบคุกเข่ากล่าวรับคำพร้อมคำนับทันที “ขอรับท่านอา”
อากับหลานพูดคุยเื่เก่าๆ อยู่นานสองนาน แต่กลับไม่ได้ยินเสียงเผยซูเยี่ยเลย พอเซี่ยโหวเจี๋ยหันไปมองก็เห็นอีกคนยืนอยู่ข้างตะกร้าที่ิหยวนถือเข้ามา ไม่รู้ว่ากำลังลูบสิ่งใดอยู่จึงเอ่ยถาม “นั่นมันสิ่งใด?”
ก้อนน้ำแข็งหน้าแดง เปิดผ้าคลุมตะกร้าออกให้อีกคนดูว่ามีสิ่งใดอยู่ข้างใน และเริ่มเล่าเื่ที่เกิดขึ้นกับเขาก่อนหน้านี้
เซี่ยโหวเจี๋ยหลุดหัวเราะเพราะสุดจะกลั้นไว้ “เหล่าโหวยังจำจุดอ่อนเ้าได้”
เผยซูเยี่ยจ้องเขาตาเขี้ยว
“เอาล่ะ เ้าเลี้ยงพวกมันไว้เถอะ อีกอย่างมันเป็ความตั้งใจของหยวนเก้อเอ๋อร์”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------