ณ จวนราชครู เมื่อก่อนตอนที่หลัวเลี่ยเข้าๆ ออกๆ พวกคนคุ้มกัน สาวใช้ และคนอื่นๆ ในจวนจะทำความเคารพเขา แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเขาแล้ว แม้ว่าเขาจะเดินผ่าน คนพวกนั้นก็ทำเป็มองไม่เห็น และออกห่างจากเขาทำเหมือนเขาเป็ตัวเชื้อโรค
นี่ก็คือสถานการณ์จริงในตอนนี้
และมันก็แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของพวกเขาเช่นกัน
ความจริงใจเช่นเดียวกับหลิวจื่ออั๋งที่เสี่ยงปกป้องคนรอบกายของหลัวเลี่ย แม้ว่าการที่หลิวจื่ออั๋งทำแบบนี้อาจทำให้ผู้อื่นใช้มันเป็เหตุผลในการโจมตีหอเซียวเหยาได้ นอกจากนี้เขายังต้องแบกรับความเสี่ยงที่หอการค้าฟ้านเทียนอาจจะใช้เื่นี้มาประกาศากับหอเซียวเหยา
ความจริงใจเช่นเดียวกับเสวี่ยปิงหนิง นางไม่พูดอะไรมากมาย ทำเพียงร่วมต่อสู้เคียงข้างหลัวเลี่ย
และยังมีซูชิวเชิง
ซูชิวเชิงรู้เื่ทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้หนีไปไหน เขาทำเพียงรอหลัวเลี่ยอยู่ที่ประตูอย่างนอบน้อม
หลัวเลี่ยรู้สึกว่าเขาโชคดีมากที่เขาได้พบมิตรภาพที่แน่นแฟ้นเช่นนี้จากทั้งสามคน
ความปรารถนาในชีวิตของคนเราก็แค่อยากพบเพื่อนที่จริงใจไม่ใช่หรือ
หลัวเลี่ยประกาศงดรับแขกอีกครั้ง
ในระหว่างการไม่พบผู้ใดนี้ ทั้งซูชิวเชิงและเสวี่ยปิงหนิงคอยปกป้องเขาอยู่ด้านนอก และไม่อนุญาตให้ใครเข้ามารบกวนโดยเด็ดขาด
หลัวเลี่ยที่อยู่ด้านในห้องหยิบตราหยกเชื่อมิญญาระดับสูงออกมาอีกครั้ง
แล้วเข้าสู่โลกแห่งพบจิตั
เขาค้นหารายชื่อนักเวทที่มีชื่อเสียงที่เป็โรคหรือมีการาเ็ร้ายแรงที่ไม่สามารถรักษาได้ในภพจิตั แล้วคัดลอกรายชื่อออกมา จากนั้นก็ให้หลี่เมิ่งและจุ้ยหลิวรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคนพวกนั้น หลังจากอ่านข้อมูลที่ได้รวบรวมมาแล้ว หากพบว่ามีผู้ใดที่ดูไม่ซื่อสัตย์ เขาก็จะคัดรายชื่อผู้นั้นออก จนสุดท้ายเหลือรายชื่อนักเวทอยู่ยี่สิบคน
จากนั้นเขาก็ออกจากโลกแห่งภพจิตั
ครั้งนี้เขาใช้เวลาถึงสามวันเพราะความลำบากในการรวบรวมข้อมูล แต่หลี่เมิ่งและจุ้ยหลิวก็ทำได้อย่างรวดเร็วและพิถีพิถันมาก
หลังจากตรวจสอบสถานะของนักเวทที่เป็โรคหรือมีการาเ็ร้ายแรงที่ไม่สามารถรักษาได้ทั้งยี่สิบคนที่เขาเขียนรายชื่อไว้ซ้ำอีกครั้ง จนแน่ใจว่าคุณสมบัติของคนทั้งหมดตรงตามความ้าของเขาแล้ว เขาก็เรียกแพนด้าน้อยปั้นที่อยู่ในแหวนปีศาจของเขาออกมา
แพนด้าน้อยปั้นซ่อนตัวอยู่ในแหวนปีศาจระดับต้นกำเนิดที่แท้จริง ซึ่งแหวนปีศาจนี้มีประโยชน์มากสำหรับการพัฒนาพลังของมัน ดังนั้นโดยปกติแล้วมันจึงชอบอยู่ในแหวนปีศาจมากกว่าอยู่ข้างนอก
อ่า ไม่เจอกันสองสามวัน แพนด้าน้อยปั้นก็กลายเป็ลูกบอลอีกแล้ว
“ข้าจำได้ว่าเ้าเคยพูดว่า หากเป็การาเ็เพียงเล็กน้อยเ้าจะไม่สามารถรักษาได้ แต่หากเป็การาเ็ที่รุนแรงหรือโรคที่ไม่สามารถรักษาได้ เ้าจะรักษาได้ ใช่หรือไม่” หลัวเลี่ยไม่เพียงจำได้ แต่เขาไม่มีวันลืมว่าเ้าแพนด้าน้อยปั้นนี้เคยหักแขนของเขาเพื่อให้ตัวเองสามารถทำการรักษาได้
“แน่นอน!”
แพนด้าปั้นตัวน้อยภูมิใจในความสามารถของตนเองมาโดยตลอด
หลัวเลี่ยเคาะตรงกระดาษที่เขียนรายชื่อนักเวททั้งยี่สิบคนที่อยู่ตรงหน้าแพนด้าน้อยปั้น “ช่วยดูหน่อยว่าเ้าสามารถรักษาได้ไหม”
ในรายชื่อยี่สิบคนนี้ ตรงข้างหลังของแต่ละรายชื่อมีข้อมูลโรคหรืออาการาเ็ที่รักษายาก และแน่นอนว่าความแข็งแกร่งของทั้งยี่สิบคนนี้ก็โดดเด่นเช่นกัน เพราะทั้งหมดล้วนเป็บุคคลที่มีพลังอยู่ในระดับทลายยุทธ์ขึ้นไป ที่บอกว่าระดับทลายยุทธ์ขึ้นไป ก็เพราะในภพจิตันั้นหากมีพลังในระดับกายทองคำขึ้นไปจะสามารถซ่อนพลังของตนเองได้ ดังนั้นจึงบอกได้เพียงว่าพวกเขามีพลังอยู่ในระดับทลายยุทธ์ขึ้นไป
“เ้าล้อเล่นหรือเปล่า” แพนด้าน้อยปั้นจ้องมาที่เขาแล้วพูดอย่างไม่พอใจ
“เ้ารักษาไม่ได้หรือ?” หลัวเลี่ยเริ่มวิตก
แพนด้าน้อยปั้นกัดฟันแล้วะโว่า “เ้ากล้าดูถูกข้าหรือ ใครบอกว่าข้ารักษาไม่ได้ ข้ารักษาได้ทั้งหมดนั่นแหละ แต่ว่าโรคที่พวกเขาเป็นั้นหนักหนามาก ตอนนี้พลังของข้ายังต่ำอยู่ แม้จะรักษาได้แต่ก็ต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อยหนึ่งถึงสามปี”
ใจของหลัวเลี่ยจมดิ่งลงทันที
แต่ในเวลานี้ก็มีเพียงแพนด้าน้อยปั้นที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุด
“ในรายชื่อนี้ มีคนไหนที่เ้าคิดว่าแม้จะยังรักษาไม่หายขาด แต่ก็ไม่กระทบกับพลังที่แท้จริงของเขาในการต่อสู้บ้างหรือไม่” หลัวเลี่ยถาม
แพนด้าน้อยปั้นใช้อุ้งเท้าของมันชี้ไปที่รายชื่อ “คนนี้ คนนี้ และคนนี้ อืม คนนี้ก็ได้ คนนี้แหละที่มีผลกระทบน้อยหน่อย”
แพนด้าตัวน้อยชี้ไปแปดร้ายชื่อในหนึ่งลมหายใจ
หลัวเลี่ยดูรายชื่อแปดคนนี้อีกครั้ง
เนื่องจากแต่ละคนต้องใช้ระยะเวลารักษานานกว่าหนึ่งปี และในเวลาเดียวกันหากต้องรักษาพร้อมกันแปดคนก็ถือว่าเป็จำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าหากจะรักษาพร้อมกันย่อมไม่เหมาะสม เพราะแพนด้าน้อยปั้นเพิ่งตื่นขึ้นและพลังของมันยังต่ำเกินไป มัน้าเวลาในการฟื้นตัว
ดังนั้นเขาจึงเลือกมาหนึ่งคน
แน่นอนว่าเขาจะเลือกคนที่มีประวัติยอดเยี่ยมที่สุดและโเี้ที่สุด
ประวัติการประลองที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั้นแสดงให้เห็นถึงพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
และความโเี้ที่สุดนี้ เป็เพราะหลัวเลี่ยเกลียดพวกคนที่วางแผนจะฆ่าเขา และหลังจากเสร็จสิ้นการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้น คนพวกนั้นต้องวางแผนฆ่าเขาแน่ ดังนั้นเขาจึงต้องโต้กลับอย่างดุเดือด แน่นอนว่าเขา้าคนที่โเี้ก็เพื่อการนี้
“เช่นนั้นก็คนนี้แล้วกัน”
นิ้วของหลัวเลี่ยแตะลงที่ชื่อหนึ่ง
ปักษาคลั่ง!
ในภพจิตันั้นผู้คนมากกว่าร้อยละเก้าสิบห้าล้วนใช้ชื่อจริง มีเพียงไม่กี่ชื่อที่เป็ชื่อปลอมและหลัวเลี่ยก็เป็หนึ่งในนั้น แต่เมื่อเทียบกับหลัวเลี่ยแล้ว ปักษาคลั่งคนนี้ดูมีความลึกลับมากกว่า ไม่ใช่แค่ไม่รู้ชื่อจริงของปักษาคลั่งเท่านั้น แต่ทุกครั้งที่คนคนนี้ปรากฏตัว เขาก็จะอยู่ในหมอก ไม่มีใครรู้แม้แต่เพศและรูปร่างหน้าตาของคนคนนี้
หลัวเลี่ยเข้าสู่ภพจิตัอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาไม่ได้ขอให้หลี่เมิ่งและจุ้ยหลิวช่วยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปักษาคลั่ง แต่เขารวบรวมมันด้วยตัวเอง ซึ่งถือว่ามีรายละเอียดมาก
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลต่างๆ แล้ว ประสิทธิภาพการต่อสู้ของปักษาคลั่งนั้นไร้ข้อกังขา มันน่ากลัวอย่างยิ่ง และไม่เคยมีใครกังขาในความน่าเชื่อถือของเขา
หลังจากตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้รับการยืนยันว่าปักษาคลั่งจะเข้าสู่สนามประลองัในภพจิตัเพื่อต่อสู้ในทุกๆ สามวัน ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีระบุตัวตนลับ ซึ่งเป็วิธีลับเฉพาะของภพจิตัส่งจดหมายไปยังที่อยู่ของปักษาคลั่งในโลกแห่งภพจิตั
เขาเชื่อว่าอีกไม่นานหลังจากที่ปักษาคลั่งเห็นจดหมายฉบับนี้แล้วคงจะรีบมาหาเขาที่แคว้นจินหลานอย่างแน่นอน เพราะในจดหมายมีข้อมูลพิเศษเกี่ยวกับการาเ็ของปักษาคลั่งที่แพนด้าน้อยปั้นกล่าวถึง ซึ่งเป็ข้อมูลลับที่ไม่มีใครรู้ และยังมีวิธีแก้บรรเทาอาการสั้นๆ อีก หากปักษาคลั่งได้เห็นแล้ว เขาจะต้องรู้แน่ว่ามีวิธีรักษาโรคนี้อยู่จริง
หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว หลัวเลี่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และออกจากภพจิตัอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาไม่ปล่อยให้แพนด้าน้อยปั้นเก็บตัวอยู่ที่ด้านในของแหวนปีศาจต้นกำเนิดที่แท้จริงอีกต่อไป แต่เขาปล่อยให้แพนด้าน้อยปั้นมาอยู่ข้างนอก เพื่อรอให้ปักษาคลั่งมาเห็นในพลังที่แข็งแกร่งของแพนด้าน้อยปั้น
และหลัวเลี่ยก็เริ่มฝึกฝนพลังอย่างจริงจังเช่นกัน
ยังเหลือเวลาอีกประมาณสองเดือนก่อนการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นจะเกิดขึ้น ซึ่งนับว่าเพียงพอสำหรับหลัวเลี่ยในการฝึกฝนเพื่อเข้าสู่ระดับที่เก้า
หลังจากเกิดเื่ตราราชันข่งเชวี่ย ไปจนถึงเหตุการณ์ที่บีบบังคับให้เขาต้องใช้ตราราชันข่งเชวี่ยเพื่อต่อสู้กับหอการค้าฟ้านเทียน ก็ดูเหมือนว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะช่วยฝึกฝนความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจให้เขา ทำให้เขาเข้าสู่สถานะที่จิตใจนิ่งสงบ ไม่หวั่นไหว ไม่มีความคิดฟุ้งซ่านวุ่นวาย และทำให้สามารถนำสติไปทุ่มเทกับการฝึกฝนได้ง่ายๆ
อาจเป็เพราะจิตใจถูกกระทบ ทำให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับวรยุทธ์ และอาจเป็เพราะเแรงกดดันที่มาจากการแทรกแซงการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นของหอการค้าฟ้านเทียนครั้งนี้ ภายใต้แรงกดดันสองอย่างนี้ ทำให้หลัวเลี่ยฝึกฝนพลังได้เร็วขึ้นมากจนเขารู้สึกประหลาดใจ
เดิมทีเมื่อฝึกเคล็ดวิชาั์ถึงระดับที่แปดแล้ว ระดับถัดไปในอีกสองระดับก็ถือว่ายากต่อการฝึกฝนมากขึ้นไปอีก แต่หลัวเลี่ยไม่คาดคิดว่าเขาจะสามารถฝึกฝนทะลวงได้สำเร็จในระยะเวลาเพียงสองเดือน
เขาไม่เคยคิดว่าการฝึกฝนเพียงหนึ่งเดือนจะทำให้เขารู้สึกว่าเขาเข้าใกล้ผู้ฝึกตนระดับที่เก้าแล้ว
ระดับฝึกตนระดับที่เก้านั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว เขาคาดว่าตนเองจะสามารถทะลุผ่านขั้นที่เก้านี้ได้ในอีกยี่สิบวัน
เพียงแต่ไป๋หลี่ชางได้เคลื่อนไหวก่อนที่เขาจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกมีความสุขนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้