เฟิงอวี้ไม่ได้เดินบนถนน แต่กลับลากอวี๋มู่ปีนออกทางหน้าต่าง ะโไปบนหลังคา แล้วเหยียบแผ่นกระเื้ัคา ก่อนจะเดินตรงไปทางย่านคึกคักที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหนานเซียง
พลังของเขาในเนื้อเื่ไม่ได้กล่าวถึงอย่างละเอียด การเดินเหินไต่กำแพงอย่างตอนนี้คงเป็เคล็ดลับเล็กน้อยที่เขาทำได้อย่างสะดวก
อวี๋มู่ถูกอีกฝ่ายคว้ามือไว้ เขามองดูใบหน้างามของนักบวชน้อยกับหัวโล้นๆ ของอีกฝ่าย แม้ยังอยากขัดขืนสักหน่อย แต่ก็จำใจเอ่ยออกไป “ใต้เท้าเฟิงอวี้ ตอนนี้การแต่งกายของท่านไม่เหมาะสมที่จะไปโรงโสเภณี พวกเขาเห็นการแต่งกายของท่านเช่นนี้คงไม่ยอมให้ท่านเข้าไปแน่…”
นายเป็นักบวชนะ!! มีจิตสำนึกสักหน่อยจะได้ไหม!! ไปทำอะไรที่โรงโสเภณีกันเล่า!!
“อา ข้ารู้แล้ว” เฟิงอวี้มองเขาแวบหนึ่ง พร้อมกับยกยิ้มหนึ่งที “ดังนั้นพวกเราต้องแอบเข้าไป ปีนดูอยู่บนชายคาก็พอแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร? ”
“…”
นายเป็นักบวชที่ละจากทางโลกแล้วนะ!! ทำไมต้องแอบทำเื่ไม่ถูกศีลธรรมแบบนี้ด้วย!!
อวี๋มู่เข้าใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรคืนนี้ก็ต้องไปโรงโสเภณีแน่นอน
เขาถูกกำหนดแล้วว่าต้องซวยอย่างแน่นอน
หากว่านักบวชน้อยนี่รู้เื่ราวทั้งหมด ความบริสุทธิ์ที่เขาเฝ้าปกป้องมาตลอดระยะเวลาสองปีต้องสูญเสียเป็แน่
ทว่า บางที ก็ไม่ได้มีอะไร…
ถึงอย่างไรเขาก็เป็ิญญา อีกทั้งร่างกายนี้ก็ไม่ใช่ของเขาอยู่ดี อย่างมากก็แค่อับอาย แค่ทนเอาเดี๋ยวก็ผ่านไป
ในขณะที่เขากำลังเตรียมตัวเตรียมใจให้ตัวเอง ฝ่ายเฟิงอวี้ก็ลากเขามาถึงโรงโสเภณีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหนานเซียง——หลังคาของหอวังแดง
เมื่อหยุดยืนนิ่ง อวี๋มู่ก็รู้สึกว่าิญญาทั้งร่างนั้นสั่นสะท้านเบาๆ เขามองไปตรงประตูทางเข้าที่มีชายหนุ่มยืนอยู่ ความทรงจำที่ไม่ใช่ของเขาไหลทะลักเข้ามาในหัว
ก่อนหน้านั้นระบบเคยบอกกับเขาว่าิญญาพิศวาสที่เขามาสิงร่างนั้นเดิมเป็โสเภณีอันดับต้นๆ ของหอนางโลม ต่อมาก็พบรักกับคุณชายตระกูลใหญ่ หลังจากถูกไถ่ตัวออกไป คุณชายก็ป่วยเสียชีวิต ทำให้เขาตรอมใจตายจนกลายเป็ิญญาพิศวาส
ที่อวี๋มู่เลือกจำเื่ราวเหล่านี้ไว้ เพียงเพื่อหลังจากนั้นจะได้แกล้งแสดงละครกับคุณชายเศรษฐีที่กลับชาติมาเกิด ทำให้เฟิงอวี้เหลือคะแนนความประทับใจเป็ศูนย์
แต่เ้าระบบบอกว่าคุณชายที่กลับชาติมาเกิดก็คือตัวเอกของเื่อย่างองค์ชายเก้าเฟิงฉี่ เขาจึงล้มเลิกแผนการนี้ไป
ตอนนี้เขากลับจับพลัดจับผลูกลับมายังหอวังแดงที่ร่างเดิมเคยเป็อันดับต้นๆ ทั้งยังได้ความทรงจำของร่างเดิมกลับคืนมา…
ทำไมถึงบังเอิญเช่นนี้?
“อวี๋มู่ กำลังคิดอะไรอยู่หรือ? ใจเหม่อลอยเชียว? ” เฟิงอวี้ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้เขา แล้วจูบเขาหนึ่งที ก่อนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “คงไม่ใช่เพราะกลัวว่าสิ่งที่ตัวเองโกหกไว้กำลังจะถูกเปิดเผยหรอกนะ? ”
อวี๋มู่ได้สติ เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนั้น ปากก็พะงาบ แล้วรีบเอ่ยโดยเร็ว “ใต้เท้า ข้าไม่ได้หลอกลวงท่านจริงๆ ”
ยังจะปากแข็งอีกหรือ
เฟิงอวี้รู้สึกสนุก จึงเขี่ยฝ่ามือของอวี๋มู่ แล้วเขยิบเข้าใกล้ข้างใบหูของเขาก่อนจะกระซิบเสียงต่ำ “เ้าว่าข้างใต้กระเบื้องที่พวกเรากำลังยืนอยู่ จะมีคนกำลังทำเื่เร่าร้อนอะไรกันหรือไม่? เหมือนกับคืนนั้น ที่ริมทะเลสาบ เื่เ่าั้ที่ข้าทำกับเ้า…ใช้ขา…”
“…”
ใครก็ได้ มาเอาเ้านักบวชลามกนี่ออกไปที!
อวี๋มู่ทนรับไม่ได้อีกแล้ว!
น่าอับอาย น่าอับอายเหลือเกิน!
ใบหน้าเขาร้อนผ่าว เบือนหน้าหนีแล้วเห็นรถม้าคันหนึ่งที่กำลังจอดเทียบหน้าหอวังแดง เมื่อเปิดม่านออก ก็ปรากฏเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าอันหล่อเหลากำลังยืนขึ้นบนล้อเกวียน เหมือนจับความรู้สึกได้แล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองบนหลังคา ประจวบเหมาะสบตาเข้ากับอวี๋มู่
เด็กหนุ่มยืนตะลึงอยู่ที่เดิม ราวกับว่าไม่เชื่อภาพที่ตัวเองเห็น ต่อจากนั้นก็ยืนตัวตรง ปล่อยพลังวิชา แล้วเหาะเหินขึ้นมาบนหลังคา จนมายืนอยู่ตรงหน้าอวี๋มู่
“สามีอวี๋! เป็เ้าจริงๆ ด้วย! ”
เด็กหนุ่มมีท่าทางตื่นเต้นใอย่างมาก ั์ตามีน้ำตาคลอ พลางกุมมืออีกข้างของอวี๋มู่ แล้วเอ่ย “เ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาที่หอวังแดงแห่งนี้ทุกวี่วัน ก็เพื่อจะได้พบเ้า? เทียนซือบอกว่าเ้ายังมีห่วงไม่จางหายในหลายปีมานี้เพียงเพราะรอข้า ตอนนี้ในที่สุดก็ได้พบ…”
“เ้าเป็ใคร? ” เฟิงอวี้ขัดคำพูดเขาขึ้น แล้วคว้ามืออวี๋มู่ที่เด็กหนุ่มจับไว้คืนกลับมา แล้วเข้าขวางอยู่ระหว่างทั้งสองคน ด้วยสีหน้าไม่ได้มีไมตรี
เขาขมวดคิ้วแน่น และแววตาจรดอยู่บนตัวเด็กหนุ่ม
เขาไม่รู้ว่าทำไมคนคนนี้ถึงทะลวงคาถาพรางกายของตัวเองมาได้ แต่รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกับตัวเองน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกัน
พลังต้องเก่งกาจถึงระดับหนึ่ง แล้วยังรับรู้ถึงกลิ่นอายได้
เด็กหนุ่มกับเขานั้นมีกลิ่นอายจากสายใยเดียวกัน นี่ทำให้เขาแอบรู้สึกหงุดหงิดใจ
เด็กหนุ่มถูกเขาผลักออก แต่กลับไม่ได้โกรธเคือง พอรับรู้ว่าตัวเองนั้นเสียมารยาท เขาก็จัดการกับอารมณ์ตัวเอง แล้วจึงเอ่ย “ข้าน้อยองค์ชายเก้าแห่งราชวงศ์เฟิง”
พระเอกในเื่นั้นแตกต่างกับเฟิงอวี้ที่เคียดแค้นชิงชัง เฟิงฉี่นั้นเป็คนซื่อตรง รอบกายมีคนยินยอมเป็มิตรสหายติดตามเขามากมาย และใจกว้างมาโดยตลอด ตอนนี้ก็เผยสถานะของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ได้แฝงความหลอกลวงใดๆ
อวี๋มู่ที่ไม่ทันได้มีโอกาสพูดจา เมื่อได้ยินอีกฝ่ายแนะนำตัวเสร็จ ก็ถึงกับตะลึงไปเลย
ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้?
ก่อนหน้านั้นเขาคิดกับระบบแล้วว่าจะอยู่ให้ห่างจากอีกฝ่าย แล้วทำไมเขาถึงมาหาเองถึงที่กัน?
อีกอย่างทำไมพอขึ้นมาก็จำเขาได้ทันที??
อีกฝ่ายแน่ใจได้อย่างไรว่าจำิญญาไม่ผิดตน?
อวี๋มู่มองดูสีหน้ามืดมนของเฟิงอวี้ แล้วรู้สึกสันหลังเย็นวาบ
เขาแทบจะเดินออกมาจากด้านหลังของนักบวชน้อยเอง จากนั้นก็เอ่ยกับเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ขออภัย ท่านจำิญญาผิดตนแล้ว ข้าไม่ใช่สามีอวี๋อะไรนั่น และข้าก็ไม่รู้จักองค์ชายเก้าอะไรด้วย”
“เป็ไปไม่ได้” เพียงแต่พระเอกกลับไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์ชี้เป็ชี้ตายเช่นไร ทั้งยังหยิบยันต์ข้างในอกออกมา เห็นเพียงภาพวาดบนนั้นที่ส่องแสงประกาย เด็กหนุ่มทำใบหน้าจริงจัง “สามีอวี๋ เ้าจำข้าไม่ได้จริงหรือ? เ้าดูสิ นี่คือยันต์ที่เทียนซือให้ข้ามา เขาบอกว่าหากพบกับเ้า ยันต์นี้จะส่องแสงสีแดง อีกอย่างข้าแน่ใจว่าข้าจำไม่ผิดคนแน่ เ้าก็คือสามีอวี๋…”
แววตาของเขาจ้องมองอวี๋มู่อย่างอ่อนโยนและล้ำลึก ก่อนจะเอ่ย “เ้าคือสามีอวี๋ของข้า”
เมื่อสิ้นเสียง ทันใดนั้นลำคอของเขาก็ถูกเฟิงอวี้คว้าหมับไว้ เล็บแหลมคมที่ยืดออกมาทิ่มเข้าเนื้อหนังละเอียดอ่อน นักบวชน้อยเอียงศีรษะ แล้วยิ้มกับเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายถึงขีดสุด
“คำพูดของเ้าเมื่อครู่ข้าไม่ชอบฟังอย่างมาก”
เขากำมือแน่น ั์ตากลายเป็สีแดงเข้ม จิตสังหารแปรเปลี่ยนเป็พลัง จนทำเอาอวี๋มู่ที่อยู่ข้างๆ ยังรู้สึกหายใจลำบาก ไม่ต้องเอ่ยถึงเฟิงฉี่ที่กำลังถูกเขาเพ่งจิตสังหารอยู่เบื้องหน้าตรงๆ
เฟิงฉี่สีหน้าเริ่มเขียวคล้ำ สองมือคว้ามือของเฟิงอวี้ ก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ตรงปานกลีบดอกไม้ที่สวยงามตรงระหว่างคิ้ว ทันใดนั้นก็เหมือนคิดอะไรออก
เขาเอ่ยปนสงสัย “พี่สาม? เ้าคือเฟิงอวี้? ”
ในบรรดาองค์ชาย เฟิงฉี่อยู่ลำดับที่เก้า ส่วนเฟิงอวี้อยู่ลำดับที่สาม ที่เขาเรียกขานพี่สามนั้นถูกต้องแล้ว
แต่เห็นได้ชัดว่า ลำพังความสัมพันธ์ทางสายเือันเปราะบางแค่นี้ไม่อาจทำให้เฟิงอวี้ยอมปล่อยเด็กหนุ่มที่ทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีคนนี้ได้
เฟิงฉี่เองก็รับรู้ได้ว่าเฟิงอวี้นั้นหมายอยากจะฆ่าตัวเองจริงๆ เขาจึงรีบเอ่ยถาม “พี่สาม…ปี ศาจร้ายในตัวท่านถูกกำ กำจัดแล้วไม่ใช่หรือ? ”
ทว่ามืออีกข้างกลับแอบอ้อมไปด้านหลังเพื่อจะบีบยันต์จับิญญาให้แหลก เพื่อนำข่าวที่เฟิงอวี้ยังคงเป็สิ่งอันตรายให้พระราชวังทราบ!
กระนั้น ขณะที่อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จแล้วนั้น ก็มีเงามือเข้าเกี่ยวพันมือของเขาไว้ พร้อมกับแย่งยันต์เล็กๆ นั้นไป ก่อนที่เขาจะทำลายมัน แล้วยื่นมาตรงหน้าของเฟิงอวี้
เขาเล่นยันต์จับิญญาในมือ ก่อนที่นักบวชน้อยจะพึมพำออกมา “ทำอย่างไรดี อยากฆ่าเ้าเหลือเกิน…”
เื่ราวพวกนี้เกิดขึ้นเหมือนสายฟ้าแลบ อวี๋มู่ได้ยินคำพูดของเฟิงอวี้ ก็รีบกระตุกชายเสื้อเขา ในขณะที่กำลังจะเอ่ย ก็เห็นเฟิงอวี้หันหน้ามาทางตัวเองเสียก่อน
นักบวชน้อยแววตาเปลี่ยนเป็สีแดงเข้ม ทั้งร่างเขาเห็นได้ชัดว่าเหมือนปีศาจ ก่อนจะเอ่ย
“อวี๋มู่”
อวี๋มู่รีบรวบรวมสติเพื่อฟังเขา
“เ้าพูดความจริงสิ เ้าไม่รู้จักเขาจริงหรือ? ”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
-
