เล่มที่ 1 บทที่ 16 แร่เสวียนอิง
ถึงแม้จะมีอสรพิษปักษาจำนวนมาก แต่ตลอดทาง ทั้งคู่กลับไม่เจออันตรายใดๆ ต่อให้ตอนที่เผชิญหน้ากับฝูงอสรพิษปีศาจนับร้อย พวกมันก็แค่แลบลิ้นขู่เสียงดังฟ่อๆแล้วจากไป...
‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’
ในขณะที่คิดไม่ตกอยู่นั้น ซ่งเทียนสิงก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่หลินเฟย อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนศิษย์น้องคนนี้เป็เพียงคนแปลกหน้าเท่านั้น พอคิดดูดีๆแล้ว ั้แ่ตอนอยู่ที่หอดาบ เ้านี่ก็ดูเปลี่ยนไป ตอนแรกก็ใช้เคล็ดกระบี่พิสดารเอาชนะกระบี่พิฆาตเซียนมารของเขา ตอนนี้ยังพาเขาข้ามผ่านเหล่าปีศาจในผาปากเหยี่ยวได้อย่างง่ายดายอีก เหมือนว่าทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากัน ก็เหมือนกับได้เห็นหลินเฟยในด้านใหม่ๆทุกครั้งไป...
เขาเอาแต่คิดเรื่อยเปื่อยไปตลอดทาง ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงส่วนลึกของผาปากเหยี่ยวเสียที ด้านหน้าเป็เหวลึกนับพันจ้าง ส่วน้าเป็รังอสรพิษปักษาที่เรียงรายกันอย่างแน่นขนัด มองเผินๆมีลักษณะราวกับรังผึ้งขนาดมหึมา การอยู่ในสถานที่เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็ซ่งเทียนสิงหรือว่าหลินเฟย ก็อดที่จะกลั้นลมหายใจไม่ได้ เพราะพวกเขารู้ดีว่าที่นี่เป็จุดที่อันตรายที่สุด หากผิดพลาดขึ้นมา ปีศาจนับหมื่นเ่าั้จะพากันแห่ออกมาจากรัง อย่าว่าแต่ผู้บำเพ็ญขั้นจู้จีทั้งสองคนนี้เลย ต่อให้เป็ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันสองคน ก็อาจถูกขย้ำกลายเป็เศษเนื้อได้ในพริบตา
“อย่าอยู่ห่างข้าเกินหกฉื่อ*เด็ดขาด...” หลินเฟยกำชับซ่งเทียนสิง
(*ฉื่อ หมายถึง 10 นิ้ว)
ความจริงเขาก็ไม่อยากใส่ใจความเป็ตายของซ่งเทียนสิงนักหรอก
แต่ช่วยไม่ได้ ที่นี่คือผาปากเหยี่ยว เป็รังของเหล่าอสรพิษปักษา หากซ่งเทียนสิงมาตายอยู่ที่นี่ กลิ่นคาวเืจะทำให้ปีศาจนับหมื่นตัวคลั่งขึ้นมาได้ หากเป็เช่นนั้น เกรงว่าไอมรณะน้ำพุเหลืองเล็กน้อยแค่นี้ จะไม่อาจกลบเกลื่อนอำพรางได้อีก...
ยังดีที่ซ่งเทียนสิงเชื่อฟังเขาอยู่ตลอดทาง
ทั้งคู่พยายามเบามือเบาเท้า ย่องอยู่ใต้รังเหล่าปีศาจ...
บางครั้งก็มีอสรพิษปักษาบินเฉียดผ่านไป เสียงกระพือปีกดังอยู่ข้างหู หลายครั้งที่ลิ้นแดงสดของพวกมันเกือบจะแตะโดนใบหน้าของซ่งเทียนสิง เขาใจนใบหน้าถอดสี แต่เพราะเขาจำคำเตือนของหลินเฟยได้ขึ้นใจ จึงไม่ส่งเสียงใดๆตลอดทาง...
เป็เช่นนี้อยู่สองชั่วยามเต็มๆ ในที่สุดก็ข้ามผ่านจุดนั้นมาได้ พื้นที่ตรงหน้าดูโล่งขึ้นกว่าเดิม มีเพียงผาหินสูงชันสลับซับซ้อน ในที่สุดก็พ้นเขตผาปาเหยี่ยวมาได้...
“ออกมาได้เสียที...” ซ่งเทียนสิงถอนหายใจยาว ใบหน้าที่ขาวซีดเพราะหวาดกลัวอสรพิษปักษาก็เริ่มจะมีสีมากขึ้น
ในขณะที่คิดว่าตนเองจะได้หมดเคราะห์หมดโศกเสียทีนั้น หลินเฟยที่อยู่ด้านหน้ากลับยกมือขึ้น “ เงียบก่อน ”
“หื้อ?”
“นี่มันผิดปกติ” ต่อให้ทั้งคู่ออกจากผาปากเหยี่ยวมาได้แล้ว หลินเฟยก็ยังคงขมวดคิ้วแน่น เพราะรู้สึกเหมือนกำลังมองข้ามบางอย่างผ่านไป...
‘มองข้ามอะไรไปนะ?’
คิดทบทวนอยู่นานก็ยังไม่ได้คำตอบ...
‘เอาเถอะ ไม่คิดแล้ว ออกจากที่นี่ก่อนแล้วกัน’
ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากเรียก ก็พบว่าซ่งเทียนสิงที่เอาแต่ตามติดอยู่ข้างหลัง กลับหยุดนิ่งั้แ่เมื่อใดไม่รู้...
“เป็อะไรไป?” หลินเฟยรู้สึกเย็นวาบภายในใจขึ้นมาทันที ซ่งเทียนสิงดูผิดปกติไป สองตาเอาแต่มองไปยังเบื้องหน้าที่อยู่ห่างออกไป สายตาดูเหม่อลอย ไม่รู้ว่าไปเห็นอะไรเข้า ใบหน้าเปลี่ยนสลับไปมาเดี๋ยวก็ซีดขาวเดี๋ยวก็เป็สีหน้าปกติ ทั้งยินดี ทั้งหวาดกลัว บางครั้งก็มีท่าทีละโมบปะปน...
หลินเฟยรู้สึกประหลาดใจจึงมองตามเข้าไป ในตอนนั้นเองถึงได้รู้ว่าที่หน้าผาเบื้องหน้า มีแสงสีฟ้าสายหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่...
ลำแสงนั้นดูนิ่มนวลและโปร่งใส ราวคลื่นน้ำที่สาดกระทบ ต่อให้อยู่ห่างออกไปนับสิบเมตร ทั้งคู่ก็รับรู้ได้ถึงไอเวทเข้มข้นที่แพร่กระจายออกมา
“แร่เสวียนอิง?” หลินเฟยรู้สึกเย็นวาบในใจ ตามตำนานที่ว่าไว้ “สถานที่ที่มีไอหยินเสวียนอิงเข้มข้น มักจะมีแร่เสวียนอิงซ่อนอยู่” แร่เสวียนอิงเป็แร่ที่เต็มไปด้วยไอหยิน เป็สิ่งที่มีธาตุเย็นเข้มข้นแต่กำเนิด หากตกอยู่ในมือปรมาจารย์หลอมอาวุธ อย่างน้อยๆ ก็จะสามารถสร้างอาวุธชั้นดีออกมาได้หนึ่งชิ้น ก่อนหน้านี้ก็ยังรู้สึกแปลกใจ เหตุใดถ้ำเสวียนปิงที่มีไอหยินเข้มข้น ถึงไม่พบแร่เสวียนอิงปรากฏ ที่แท้ก็อยู่ที่นี่เอง...
‘ช้าก่อน..’.
‘ไม่ใช่สิ!’
‘เมื่อครู่นี้ตอนที่ลอดใต้ผามา ทำไมถึงััไอเวทที่รุนแรงเช่นนี้ไม่ได้กันนะ?’
เมื่อคิดได้ดังนั้น ใบหน้าของหลินเฟยเปลี่ยนสีทันที
‘มิน่าล่ะ ถึงรู้สึกเหมือนมองข้ามอะไรไป!’
“หนีเร็ว!”
หลินเฟยรีบเรียกซ่งเทียนสิง ในขณะที่กำลังถอยห่างจากหน้าผานั้น ก็พบว่าซ่งเทียนสิงมีท่าทีแปลกไป สองตาเริ่มแดงก่ำ ลมหายใจก็แปรเปลี่ยนเป็ถี่กระชั้นขึ้น ยังไม่ทันที่หลินเฟยจะห้ามปราม ศิษย์สายตรงของสำนักเวิ่นเจี้ยนคนนี้ ก็สะบั้นลำแสงกระบี่พร้อมกับพุ่งไปยังแสงฟ้านั่นเสียแล้ว...
“บัดซบ!”
ทุกครั้งที่ซ่งเทียนสิงสะบั้นกระบี่ กระบวนท่ากระบี่พิฆาตเซียนมารจะถูกหยิบมาใช้ได้เป็อย่างดี ท่ามกลางลำแสงกระบี่สีแดง มีภาพยมบาลปรากฏขึ้นมา ทันใดนั้นแรงกดดันก็แพร่กระจายออกไป กระบวนท่านี้เยี่ยมยอดยิ่งกว่าตอนประมือกันที่หอดาบ ชั่วพริบตาเดียวลำแสงสีแดงก็วาดผ่านไปไกลนับสิบเมตร อยู่ห่างจากแร่เสวียนยิงเพียงแค่เอื้อมเท่านั้น...
ทว่า...
ในตอนนั้นเอง อยู่ดีๆก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมด้วยอสรพิษปักษามากมายที่บินทะยานเนืองแน่นอยู่เต็มท้องฟ้า ราวกับตาข่ายสีแดงั์
ไม่ทันใดซ่งเทียนสิงก็ถูกดึงร่างเข้าไป ฝูงปีศาจนั้นมีปีศาจออย่างน้อยห้าร้อยตน ไม่มีลางบอกเหตุใดๆล่วงหน้า รู้ตัวอีกทีก็ทะยานบินขึ้นมาจากลำแสงสีฟ้านั่นเสียแล้ว
ในฐานะศิษย์สายตรงสำนักเวิ่นเจี้ยน ปฎิกิริยาอย่างแรกของซ่งเทียนสิงถือได้ว่าเป็ความเด็ดเดี่ยว แม้แต่หลินเฟยเองก็ไม่อยากจะเชื่อ ต่อหน้าอสรพิษปักษานับร้อยที่ราวกับตาข่ายั์สีแดงเช่นนี้ ซ่งเทียนสิงที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นก็ไม่ล่าถอยออก แต่กลับบุกโจมตีไปข้างหน้าอีก กระบี่ในมือสะบั้นเกิดเป็ลำแสง ด้วยใจที่สู้ไม่ถอย เขาดีดตัวพุ่งทะยานเข้าต้านรับเต็มแรง...
ไม่นานก็เห็นเพียงหมอกควันแดงที่แพร่กระจายไปทั่ว อสรพิษปักษานับสิบดาหน้าเข้ามาไม่หยุด ชั่วพริบตาเดียวปีศาจเ่าั้ก็แตกกระจาย เืเนื้อสาดกระเซ็นไปทั่ว ไม่ต่างกับฝนโลหิตอย่างไรอย่างนั้น...
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับจำนวนอันมหาศาลนั่นแล้ว อสรพิษปักษาไม่กี่ตนที่ตายไป ช่างเล็กน้อยนักราวกับโยนก้อนหินลงในทะเล ไม่เกิดผลอะไรแม้แต่น้อย แม้หยาดฝนโลหิตจะดูน่ากลัวเพียงใด แต่พริบตาต่อมาเหล่าอสรพิษปักษาอีกจำนวนมากก็มุ่งหน้าเข้ามาไม่หยุด ตาข่ายั์เคลื่อนใกล้เข้ามา โดยไม่ชะลอความเร็วแม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือ...
การตายของเหล่าอสรพิษปักษา ทำให้ลำแสงกระบี่ของซ่งเทียนสิงอ่อนกำลังลง ถึงจะดูไม่มาก แต่ก็เป็ประโยชน์กับเหล่าปีศาจที่ไล่ตามมา ในขณะที่หมอกโลหิตะเิออกนั้น อสรพิษปักษาหลายตนก็มาถึงด้านหลังของซ่งเทียนสิงเสียแล้ว
ซ่งเทียนสิงเองก็ว่องไวพอ ขณะที่อสรพิษปักษากำลังจะเข้าใกล้ เขาก็วาดกระบี่ปรากฏเป็ลำแสงเข้าต้านทันที
แต่ช่างน่าเสียดายที่ไม่ทันการเสียแล้ว...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้