“จี๊ดๆ ลูกพี่ ในที่สุดก็คิดถึงข้าเสียทีนะ!”
เสี่ยวเฮยเมื่อปรากฏตัวออกมาก็ส่งกระแสเสียงมาด้วยความน้อยใจอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันมันก็วิ่งตะบึงเล่นบนพื้นทรายพร้อมร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง หลังจากที่วิ่งเล่นอยู่กว่าสิบนาทีอย่างพออกพอใจแล้วก็กลับขึ้นมานอนหมอบอยู่บนร่างของเย่ชิงหาน
“เสี่ยวเฮยข้าใช้ระยะเวลาฝึกฝนไปนานเท่าไร คงสักสองสามเดือนใช่ไหม?” เย่ชิงหานยื่นมือออกไปลูบหัวสุนัขเล็กๆ ของมัน ััอ่อนนุ่มที่มาจากขนมันวาวทำให้รู้สึกสุขสบายเป็อย่างมาก จากนั้นจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวเฮยทำท่าเบ้ปากพร้อมกับกลอกตาขาวมองบนเลียนแบบท่าทางของมนุษย์แล้วจึงส่งกระแสเสียงออกมา “เอ่ออ...ลูกพี่ ท่านนี่จะสุดยอดเกินไปแล้วนะ แม้กระทั่งตัวเองฝึกฝนไปนานเท่าไรแล้วยังไม่รู้ ท่านใช้เวลาฝึกฝนไปครึ่งปีแล้ว!”
“ฮะ! ครึ่งปีแล้วรึ? นี่ข้าไม่รู้จริงๆ นะนี่ จิตใจข้าจดจ่ออยู่แต่การค้นหาวิธีการในการแตกขยายเจ็ดกระบวนท่าเย่หวง ดีนะที่ไม่ได้เสียเวลาไปเปล่าๆ ยังพอมีการพัฒนาขึ้นมาบ้างเล็กๆ น้อยๆ ได้รับประโยชน์กลับมาบ้างอยู่เหมือนกัน!” เย่ชิงหานพูดออกมาเนิบๆ เอานิ้วถูจมูกไปมาพร้อมกับยิ้มขึ้นด้วยความละอายใจ
“พัฒนาเล็กๆ น้อยๆ? ลูกพี่ แกล้งโง่นี้ต้องโดนฟ้าผ่านะ! ท่านรู้ไหมว่าท่านฝึกฝนไปครึ่งปีระดับพลังปราณรบของท่านเลื่อนขึ้นมาถึงระดับขั้นที่สองขอบเขตจ้าวนักรบแล้ว? แต่พวกนี้ยังไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ...ตอนนี้ระดับพลังิญญาของท่านอย่างน้อยคงบรรลุถึงระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบแล้ว!”
คำพูดของเสี่ยวเฮยทำเอาเย่ชิงหานสะดุ้งใขึ้นมาทันที
ใจนกระทั่งลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิในทันที มองดูเสี่ยวเฮยอย่างงุนงงสงสัย จากนั้นรีบทำการตรวจดูสภาพร่างกายภายในทันที
ผ่านไปสักพักเย่ชิงหานลืมตาขึ้นภายในดวงตาล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงและความยินดีอย่างบ้าคลั่งรวมไปถึงความงุนงงสงสัย
“มันเกิดอะไรขึ้น? แก่นแท้พลังตันเถียนของข้าขยายใหญ่ขึ้นมาหนึ่งเท่าตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาสมุทริญญาของข้าขยายกว้างออกไปอีกถึงหนึ่งในสามส่วน นี่...นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ข้าไม่ได้ทำการฝึกฝนพลังปราณรบเสียหน่อยทำเพียงค้นคว้าการแตกขยายกระบวนท่าเพียงเท่านั้นเอง กลับทำให้...กลับทำให้ระดับพลังปราณรบและระดับพลังิญญาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากมายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
เหตุการณ์แปลกประหาดที่เกิดขึ้นทำให้เย่ชิงหานรู้สึกอึ้งไปในทันที นี่มันไม่ต่างจากคนจนที่เคยซื้อหุ้นไว้ร้อยหุ้นเมื่อสิบปีก่อน แต่สิบปีต่อมาพลันพบว่าหุ้นที่เคยซื้อไว้มูลค่าเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งหมื่นเท่า ความรู้สึกที่ได้รับในตอนนี้ของเย่ชิงหานก็ไม่ต่างกัน ทั้งตื่นเต้นดีใจทั้งหวาดหวั่นเล็กน้อยราวกับว่าของสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาฝึกฝนมาได้อย่างยากลำบากอย่างไรอย่างนั้น ทำให้รู้สึกไม่เคยชินและไม่กล้าที่จะยอมรับมัน
ความจริงแล้วเย่ชิงหานไม่รู้ตัวว่าในขณะที่เขาเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาที่ถือกันว่าเป็สภาวะสูงสุดและน่ามหัศจรรย์ของการฝึกยุทธ์นั้น ระดับความเร็วในการฝึกฝนของผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝึกฝนในสภาวะความสงบแห่งิญญาหนึ่งวันจะเท่ากับการฝึกฝนในสภาวะปกติถึงสิบวัน ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือในสภาวะเช่นนี้การโคจรของพลังิญญาจะรวดเร็วยิ่งขึ้นสิบเท่าร้อยเท่า หาไม่แล้วต่อให้เย่ชิงหานทำการค้นคว้ากระบวนท่าเย่หวงอยู่อีกเป็ปีก็ไม่สามารถแตกขยายกระบวนท่าเย่หวงออกมาได้ถึงสามสิบแปดกระบวนท่าเช่นนี้อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาวะความสงบแห่งิญญาชื่อก็สื่อความหมายได้เป็อย่างดีอยู่แล้วว่ามีผลต่อการฝึกฝนพลังิญญาโดยตรง ในสภาวะเช่นนี้ิญญาจะเพิ่มระดับความแข็งแกร่งขึ้นโดยอัตโนมัติ และมหาสมุทริญญาก็จะขยายกว้างขึ้นโดยอัตโนมัติเช่นกัน
อีกทั้งในสภาวะเช่นนี้ร่างกายจะฝึกฝนขึ้นเองโดยอัตโนมัติทำการดูดซับพลังฟ้าดินแล้วเปลี่ยนเป็พลังปราณรบ ซึ่งในขณะที่อยู่ในสภาวะนี้พลังฟ้าดินที่อยู่บนศีรษะและโดยรอบทั้งสี่ทิศจะเข้มข้นขึ้นมากกว่าปกติถึงสิบเท่าร้อยเท่า ดังนั้นระดับความเร็วในการฝึกฝนของเขาย่อมต้องรวดเร็วเป็ธรรมดา ระยะเวลาครึ่งปีที่ค้นคว้าแตกขยายกระบวนท่าอยู่พลังฝีมือกลับเพิ่มพูนขึ้นมาถึงเพียงนี้จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด
เพราะจะว่าไปแล้วสภาวะความสงบแห่งิญญาในประวัติศาสตร์ของเขตปกครองเทพามีเพียงคนเดียวที่เข้าใจและเข้าสู่สภาวะเช่นนี้ได้ คนๆ นั้นอาศัยพลังฝีมือของตนเองเพียงคนเดียวแต่สามารถต่อกรกับปฐมาจารย์บรรพบุรุษของทั้งสี่ตระกูลที่มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่คนได้ คนผู้นั้นก็คือเยว่โห้วแห่งตระกูลเยว่!
“ลูกพี่ท่านอย่าทำท่าทางตกตะลึงอย่างคนโง่อยู่เลย ที่เป็เช่นนี้ก็เพราะท่านเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่าความสงบแห่งิญญาอะไรนั่นแหละ นี่ยังไม่นับว่าน่าใอะไรเท่าไร ท่านรู้ไหมว่าข้าเสี่ยวเฮยผู้นี้ครึ่งปีมานี้ได้รับประโยชน์จากสภาวะนั้นมากเท่าไร ตอนนี้ระดับพลังิญญาของข้าเทียบเท่ามารอสูรระดับแปดแล้ว ความแข็งแกร่งของร่างกายเทียบเท่ามารอสูรระดับเจ็ด ตอนนี้ข้าคนเดียวก็สามารถโจมตีกวาดล้างสัตว์ประหลาดจระเข้พวกนั้นได้อย่างสบาย! แหะๆ!”
เสี่ยวเฮยมองเห็นเย่ชิงหานทำหน้าโง่ๆ ด้วยความงุนงงสงสัย ปากสุนัขเล็กๆ ของมันทำท่าขยับแง่มๆ อยู่สองครั้งอย่างพอใจ จากนั้นพูดเื่น่ายินดีอย่างใหญ่หลวงออกมากระหน่ำใส่อารมณ์เย่ชิงหานอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
“พลังฝีมือเทียบเท่ามารอสูรระดับแปด? ถ้า...ถ้าอย่างนั้นพวกเรารวมร่างกันแล้วใช้วิชาต่อสู้ร่างอสูรก็สามารถสังหารผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้น่ะสิ ใช่ไหม?” เย่ชิงหานถูกคำพูดของเสี่ยวเฮยทำให้ตกตะลึงขึ้นอีกครั้งถึงกับกลืนน้ำลายลงคอไปสองครั้งก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
“แหะๆ ข้าคาดคะเนว่าผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิธรรมดาทั่วไปพวกเราสามารถสังหารได้ในพริบตา! แต่ถ้าระดับพลังิญญาแข็งแกร่งและกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินฝึกฝนได้ล้ำลึกก็คงไม่สามารถสังหารในพริบตาได้!”
คำตอบของเสี่ยวเฮยทำให้ภายในใจของเย่ชิงหานพองโตขึ้นมาอีกครั้ง ตนเองสามารถสังหารผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้? นี่มันแสดงถึงอะไร? เป็เครื่องแสดงให้เห็นว่าตอนนี้ตนเองได้กลายเป็ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งคนหนึ่งอย่างแท้จริงแล้ว ตนเองสามารถใช้สายตาอย่างาาที่มองลงไปยังประชาชน มีคุณสมบัติพอที่จะใช้สายตาเช่นนั้นมองดูเหล่ายอดฝีมือและผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายของเขตปกครองเทพาได้แล้ว!
แม้เขาเองจะเคยสังหารผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิมาก่อนซึ่งก็คือเย่หรงผู้าุโของตระกูลเย่ เพียงแต่นั่นเป็พลังที่น้องสาวใช้ชีวิตแลกมาให้เขาเพียงแค่่ระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นก็หายวับไป แต่ในตอนนี้เขากลายเป็ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง มีคุณสมบัติใช้สายตาอย่างยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งจ้องมองลงมาดูผู้ที่อยู่เบื้องล่างได้อย่างแท้จริง
แน่นอนว่าภายในใจเย่ชิงหานตื่นเต้นดีใจ ทั้งคำสัตย์สาบานที่เคยให้ไว้ต่อหน้าหลุมฝังศพมารดา ทั้งการหนีเอาชีวิตรอดที่เทือกเขารกร้าง ทั้งเหตุการณ์น่าเศร้าสลดที่สวนเมามาย...ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลปรากฏขึ้นมาภายในหัวของเย่ชิงหาน ตนเองได้เติบโตขึ้นมาจนถึงขั้นนี้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตนเองกลายเป็ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว...
แต่ภายในหัวของเขาพลันปรากฏภาพเหตุการณ์บางอย่างขึ้น
ถ้าหากเขาสามารถออกไปจากูเาสุสานทวยเทพแห่งนี้ได้ กลับไปยังตระกูลแล้วจับเย่เจี้ยนชูขึ้นกลางอากาศด้วยพลังฝีมือของตนเองต่อหน้าเย่เทียนหลงและเหล่าผู้าุโทั้งหลายของตระกูล อยากรู้ว่าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นจริงพวกเขาจะเบิกตากว้างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดมากแค่ไหน?
“ฮ่าๆ...ไปเสี่ยวเฮย! พวกเราทะลวงออกไปจากด่านแห่งนี้กัน ไปรับแสงแดดและอากาศบริสุทธิ์พร้อมทั้งย่างเนื้อกินกัน!”
เย่ชิงหานยิ่งคิดยิ่งคึกคักหัวเราะฮ่าๆ ออกมาแล้วะโขึ้นจากพื้นทรายรีบวิ่งพุ่งออกไปยังปากทางเชื่อมต่อในทันที ติดอยู่ภายในมิติคู่ขนานแห่งทะเลทรายนี้มาเจ็ดเดือนแล้ว เขาเริ่มรู้สึกโหยหาดอกไม้ ใบหญ้า และรสชาติเนื้อย่างขึ้นมาเต็มทีแล้ว...
.................................
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
หนึ่งคนหนึ่งอสูรพุ่งเข้าไปยังทิศทางที่ปากทางเชื่อมต่ออยู่ซึ่งถูกรายล้อมไปด้วยฝูงสัตว์ประหลาดจระเข้จำนวนนับไม่ถ้วน แต่ท่าทางของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความผ่อนคลายและสบายอกสบายใจ เสี่ยวเฮยกลายเป็เงาเลือนรางสายหนึ่งรุดหน้าพุ่งนำออกไปก่อน ส่วนเย่ชิงหานติดตามไปทางด้านหลังอย่างไม่รีบร้อน หลังจากผ่านการฝึกฝนมาระยะเวลาหนึ่งรวมทั้งมีประสบการณ์การต่อสู้กับสัตว์ประหลาดจระเข้มาเป็เวลานานจึงรู้จักรูปแบบการโจมตีของเ้าพวกสัตว์ประหลาดนี้ดี เขามีความเชื่อมั่นว่าสามารถบุกฆ่าเข้าไปแล้วบุกกลับออกมาได้อย่าง่ายดาย
“กรรร...”
เงาร่างที่ยโสโอหังของเสี่ยวเฮยเริ่มทำให้พวกสัตว์ประหลาดจระเข้จำนวนนับไม่ถ้วนที่เฝ้าขวางทางอยู่ปากทางเชื่อมต่อโกรธเดือดดาลขึ้นมาทันที ต่อมาพวกมันลุกยืนขึ้นทั้งหมดดวงตาที่แดงก่ำไปด้วยเืจ้องมองมาทางเย่ชิงหาน ไอพลังป่าเถื่อนรุนแรงที่แผ่ออกมาจากพวกมันปกคลุมไปทั่วทั้งอากาศโดยรอบและบริเวณใกล้เคียง
เพียงแต่ที่แปลกก็คือเ้าพวกสัตว์ประหลาดเหล่านี้แม้จะแสดงอาการดุร้ายคล้ายกับจะวิ่งออกมาโจมตี มองดูราวกับจะกินเืเนื้อคนฉันนั้น แต่พวกมันกลับยืนอยู่กับที่ไม่ห่างไปไหน และไม่แม้แต่ที่จะขยับกรงเล็บหรือกระโจนออกมา
“ลูกพี่ เดี๋ยวข้าจะบุกทะลวงเป็กองหน้านำเข้าไปก่อน พวกเราทะลวงด่านนี้ออกไปด้วยกัน!”
เสี่ยวเฮยคึกคักเป็อย่างมากร้องบอกออกมาแล้วพุ่งเข้าไปยังกลางฝูงของสัตว์ประหลาดทันที เย่ชิงหานเห็นดังนั้นไม่กล้าชักช้ารีบกระโจนตามเข้าไปเช่นเดียวกัน
เสี่ยวเฮยราวกับกระบี่ที่แหลมคมฉันนั้น พุ่งปราดเข้าไปวิ่งหมุนวนไปมาโยกซ้ายโยกขวาอยู่ภายในกลางฝูงสัตว์ประหลาดจระเข้ แต่สัตว์ประหลาดจระเข้ที่อยู่ใกล้ๆ ที่โจมตีเข้ามากลับไม่มีตัวใดที่สามารถโจมตีถูกมันได้เลยแม้แต่น้อย แต่กลับเป็กรงเล็บเล็กๆ ที่แหลมคมของเสี่ยวเฮยที่ฟาดออกไปอย่างง่ายๆ ใส่พวกสัตว์ประหลาดที่อยู่ใกล้เคียงจนกระเด็นลอยแตกกระเจิงออกไปทั่วทุกทิศทาง จากนั้นทั้งเกล็ดสีเหลืองและเืสีแดงสดหลายสายที่พุ่งสาดกระเซ็นขึ้นสู่ท้องฟ้า...
ฮะ! เสี่ยวเฮยแข็งแกร่งดุดันถึงเพียงนี้เชียว? เย่ชิงหานแอบตื่นตระหนกขึ้นอยู่ภายในใจ แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่มันบอกว่าความแข็งแกร่งของร่างกายเพิ่มขึ้นมาเทียบเท่ามารอสูรระดับเจ็ดแล้ว ถ้าอย่างนั้นการรับมือกับฝูงสัตว์ประหลาดที่มีพลังฝีมือแค่มารอสูรระดับห้าขั้นสูงสุดก็เป็เื่ที่ง่ายดายเป็อย่างมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้