ไม่เหมือนกับเส้นทางที่สบายใจของหลินลั่วหรานเมื่อหลีซีเอ๋อร์ฟื้นขึ้นบนหลังของเสี่ยวจินก็บอกได้ว่าเธออยู่ในอาการสับสนถึงขีดสุด
เป็อย่างที่หลินลั่วหรานคาดเอาไว้ เมื่อหลีซีเอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาอย่างแรกที่เธอคิดจะทำก็คือกลับไปหาหลินลั่วหราน เชือกที่พันอยู่รอบตัวเธอเดิมทีก็เป็อาวุธของเธอเองอยู่แล้วดังนั้นใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็สามารถจัดการกับมันได้
ในตอนที่เธอเอาแผ่นสารหยกขึ้นมาเพื่อดูทางก็พบว่ามีจุดสีแดงปรากฏอยู่พวกเหวินกวนจิ่งทุกคนอยู่ไม่ห่างกับจุดที่เธออยู่เท่าไร...หลีซีเอ๋อร์ดีใจก่อนจะสั่งให้เสี่ยวจินบินตามไปทางนั้น
นานๆ เธอจะฉลาดขึ้นมาสักครั้งเมื่อเห็นว่าโครงกระดูกดำนั้นทำเอาหลินลั่วหรานต้องรีบหนีไป จึงตั้งใจว่าจะพาทุกๆคนไปช่วย “รุ่นพี่หลิน” ด้วยกัน เสี่ยวจินบินตามไป โดยตามจุดแดงๆที่นำอยู่ด้านหน้าตลอด เมื่อหลีซีเอ๋อร์ตาม คนเ่าั้ก็หนีไปจนกระทั่งมาถึงหุบเขาของเหล่าลิงถึงได้ตามทันเธออยากกลับไปช่วยหลินลั่วหรานแต่ก็ไม่ทันแล้ว...
เมื่อเห็นแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว หลีซีเอ๋อร์ก็จับเชือกวิเศษในมือไว้แน่นเธอเป็คนรักสวยรักงามมาก แต่ตอนนี้ใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยฝุ่นควัน และเศษดินพวกคนจีนต่างก็ติดอยู่หน้าแม่น้ำนี่มากว่าสองวันแล้ว
เธอตามมาตลอดทาง จากตอนแรกที่มีบาทหลวงและพวกคนญี่ปุ่นตอนนี้ก็กลายเป็ผีดูดเื บาทหลวง คนญี่ปุ่น มนุษย์หมาป่าต่างก็พากันล้อมนักปราชญ์จีนเอาไว้
บาทหลวงและผีดูดเืนั้นเป็ศัตรูกันอยู่แล้วเื่แบบนี้แม้แต่เหวินกวนจิ่งเองก็ไม่เคยคาดการณ์เอาไว้เมื่อผลประโยชน์อยู่ตรงหน้าคนพวกนี้ก็เข้าโจมตีพวกนักปราชญ์ชาวจีนอย่างไม่สนใจอะไร
“ST หากยื้อเวลาต่อไปแบบนี้ สุดท้ายก็จะไม่มีใครได้อะไรสู้เอาของนั่นออกมาแล้วทุกคนก็ไปด้วยกันมันไม่ดีกว่าเหรอ?” คนที่พูดออกมาคือดาน่าที่เพิ่งเข้ามาเสริมกลางทางที่น่าแปลกก็คือพวกผีดูดเืนั้น เมื่อนับรวมเขาแล้วก็มีเพียงสี่คนและไม่เห็นคริสตัลอยู่ที่นี่ด้วย
เหวินกวนจิ่งส่งเสียงหึในลำคอ โดยไม่ได้สนใจดาน่าเลยแม้แต่น้อย
ชาวญี่ปุ่นที่สวมกิโมโนบ่นพึมพำภาษาญี่ปุ่นออกมา คำพูดของเขาทำเอานักปราชญ์หนุ่มซูอี้เหรินที่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นถึงกับหน้าแดงขึ้นมาด้วยความโมโหเขาหันไปมองหลีซีเอ๋อร์ที่ใสซื่อ ก่อนจะยิ่งโมโหมากขึ้นแต่ก็ไม่ได้แปลคำหยาบคายแบบนั้นออกมาในทันที
คนพวกนี้ส่วนมากอยากเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย ไม่ว่าจะสองสามคน หรือสี่ห้าคน หรือมาคนเดียว เมื่อรวมๆกันแล้วก็มีกว่ายี่สิบสามสิบคน เข้ามาล้อมนักปราชญ์จีนที่มีเพียงเก้าคนถ้าหากเลือกที่จะดึงดันต่อสู้ด้วยแล้วฝ่ายที่น่าจะได้รับความเสียหายก็น่าจะเป็พวกนักปราชญ์จีนดังนั้นเหวินกวนจิ่งจึงอยากใช้ความเร็วในการทิ้งระยะห่างแล้วสลัดพวกเขาทิ้งไปซะ
ถ้าไม่ใช่ว่าเพื่อป้องกันการโจมตีของสัตว์ร้ายที่เล่นงานเกือบตายจนทำให้ดาบบินของเขาพังเสียหายหนักพวกเขาก็คงไม่โดนคนพวกนี้ตามมาได้ทัน... เมื่อนึกถึงแผนที่หนังแกะในถุงจักรวาลใบหน้าของเหวินกวนจิ่งนั้นเต็มไปด้วยความนิ่งสงบพวกเขาคงต้องเลือกดึงดันอย่างสุดชีวิตในเวลาที่จำเป็แล้ว
คนหนึ่งตามคนหนึ่งหนี มีป้องกันก็ต้องมีโจมตีทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้พลังของกันและกันดี
สรุปก็คือ พวกนักปราชญ์จีนเหล่านี้ไม่ได้โจมตีพวกที่เหลือแต่ถ้าคิดจะแย่งแผนที่ไปจากเหวินกวนจิ่งแล้ว เขาเองก็คงไร้หนทางมีชีวิตต่อเพราะไม่ได้เป็พวกเดียวกันจึงเกิดความหวาดระแวงขึ้นและเพราะแบบนั้นพวกเหวินกวนจิ่งเลยไม่ได้รับาเ็อะไร
เสี่ยวจินบินวนอยู่บนหัวของหลีซีเอ๋อร์หลินลั่วหรานเพียงแค่บอกให้มันพาคนคนนี้ไป มันก็ไม่ได้คิดถึงเื่อื่น ดังนั้นจึงได้แต่บินวนอยู่รอบๆอย่างี้เี แต่ถ้าหากหลีซีเอ๋อร์ถูกโจมตีขึ้นมาเสี่ยวจินก็จะขยับปีกพุ่งลงมาช่วยเธอรับมือทำเอาพวกนักปราชญ์เ่าั้พากันเกรงกลัวเวลาจะโจมตีอะไรก็ต้องคอยอยู่ห่างจากนักปราชญ์สาวคนนี้เอาไว้ แต่ว่านักปราชญ์สาวคนนี้ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลยทุกครั้งที่เธอเข้ามาร่วมการต่อสู้ก็ทำเอาคนที่เป็คู่ต่อสู้ถูกเสี่ยวจินสะบัดปีกใส่จนหน้าตาเปรอะเปื้อนไปหมด
เหวินกวนจิ่งนั้นพึงพอใจกับการช่วยเหลือครั้งใหญ่ที่หลีซีเอ๋อร์พามาด้วยมากเมื่อรู้ว่ามันคือพาหนะที่หลินลั่วหรานรับเลี้ยงไว้ ไม่มีนักปราชญ์จีนคนไหนที่ไม่คุ้นตาความฉลาดของเสี่ยวจินก็ยิ่งทำให้พวกเขามั่นใจในความสามารถของหลินลั่วหรานมากขึ้นไปอีก
แต่น่าเสียดายก็คือเ้านายของมันยังไม่มาและก็ไม่รู้ว่าหลินลั่วหรานเป็อย่างไรบ้าง เหวินกวนจิ่งอยากจะกลับไปช่วยแต่ก็ถูกคนพวกนี้ไล่ตาม ถ้าจะไปช่วยหลินลั่วหรานจริงเหมือนเป็การลากปัญหาไปหาเธอเสียมากกว่า!
ความคิดนี้เพิ่งจะไหลเข้ามาในหัวของเหวินกวนจิ่ง อยู่ๆเสี่ยวจินที่บินวนอยู่บนหัวไม่ห่างมากนักก็ส่งเสียงร้องออกมา ปีกทั้งสองขยับขึ้นก่อนจะบินออกไปสู่ท้องฟ้าไกล
ชาวญี่ปุ่นที่ได้แต่อิจฉามานาน เห็นดังนั้นก็ดีใจในที่สุดเ้าอินทรีฉลาดนั่นก็ละทิ้งพวกหมูจีนโง่ๆ พวกนี้ไปได้เสียที อินทรีแบบนี้ช่างไม่เหมาะสมกับชนชาติญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่แบบพวกเขาเลยสักนิด!
คนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า YY มีแรงฮึดขึ้นมาปากไม่อาจปิดเงียบได้อีกต่อไป เขาพูดภาษาจีนที่ไม่ค่อยชัดออกมา “เหวินจวิน ตอนนี้การช่วยเหลือหายไปแล้ว ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ!”
ซูอี้เหรินยิ่งโมโหมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้พูดภาษาจีนได้ก่อนหน้านี้ที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นพูดจาหยาบคายใส่หลีซีเอ๋อร์ก็คงจะตั้งใจสินะ? เขาได้แต่โมโหอยู่ในใจ มือก็กำอาวุธเอาไว้แน่นรอเพียงให้เหวินกวนจิ่งพูดออกมาว่าโจมตี เขาจะเข้าไปหวดไอ้บ้านั่นสักรอบ
แต่ว่า เมื่อได้ยินคนญี่ปุ่นพูดแบบนั้นเขาเองก็อดที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองไม่ได้ อินทรีแสนฉลาดนั่นหลายวันที่ผ่านมานี้ก็อยู่ด้วยกันมาตลอด และได้รับความรักความชอบจากทุกๆ คนแต่ตอนนี้กลับบินห่างออกไป หรือว่าคนญี่ปุ่นพวกนั้นจะพูดถูกแล้ว?
มีเพียงเหวินกวนจิ่งที่ใส่ใจกับอะไรเล็กๆ น้อยๆจนเห็นได้ว่าในแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นใของหลีซีเอ๋อร์นั้นมีความดีใจที่ปิดเอาไว้ไม่มิดซ่อนอยู่ด้วยเขาเปิดปากพูดออกมา “หรือว่าจะเป็...”
หลีซีเอ๋อร์รีบพยักหน้าขึ้นลงจนเริ่มจะปวดขึ้นมา เสี่ยวจินขยับลงมาทำเอานักปราชญ์จากประเทศอื่นต่างพากันตบหน้าตัวเอง สีหน้าของพวกเขานั้นไม่สู้ดีนักเขาไม่คิดอยากจะทำอะไรกับพวกนักปราชญ์จีนพวกนี้อีกแล้ว ถ้าไม่ได้มีข้อตกลงอะไรพวกเขาก็คงเริ่มการโจมตีไปแล้ว
ชาวญี่ปุ่นหัวล้านนั่นพูดจาไม่ดีกับหลีซีเอ๋อร์มาสักพักแล้วเขาแอบขยับมายังด้านหลังของเธอ ก่อนจะเตรียมลอบโจมตีเสียงแผดร้องของเสี่ยวจินดังขึ้น ทำเอาพวกเขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองแต่ยังเห็นว่าเป็ระยะไกลเช่นเดิมและมองไม่เห็นว่าบนแผ่นหลังของมันมีคนที่ดูสูงส่งราวกับเทพอยู่ด้วย!
หลินลั่วหรานนั่งอยู่บนหลังของเสี่ยวจินก่อนจะบินลงมาเมื่อเห็นว่านักปราชญ์จีนโดนรุมล้อมอยู่โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นวัยกลางคนที่หน้าตาหยาบคายสวมชุดกิโมโนคนนั้น เขากำลังจะลอบโจมตีหลีซีเอ๋อร์ที่กำลังต่อสู้อยู่!
หลินลั่วหรานนั้นภายนอกเย็นภายในร้อนเมื่อเห็นว่าคนที่สนิทด้วยถูกทำร้ายก็ง่ายที่จะไวต่อความรู้สึกแม้จะไม่ได้รู้จักกันมานานนักแต่เธอก็รู้สึกว่าหลีซีเอ๋อร์เป็เหมือนน้องสาวคนหนึ่งของเธอเติบโตขึ้นมาในสายตาของเธอ แล้วเธอจะยอมให้คนมารังแกได้อย่างไร?
ด้วยอาการาเ็ของเธอนั้นยังไม่ทันหายดีหากเข้าไปต่อสู้กับพวกคนเ่าั้ ถ้าศัตรูรู้เข้าคงไม่ดีเธอคิดว่าการสู้ด้วยตัวคนเดียวน่าจะดีกว่า ยิ่งจบลงได้เร็วเท่าไรยิ่งดี!
ครุ่นคิดเสร็จ หลินลั่วหรานก็ยืนขึ้นบนหลังของเสี่ยวจินก่อนจะเรียกดาบเจาเจี้ยนออกมา
ดาบเจาเจี้ยนที่บางยาวเปล่งประกายไปด้วยแสงสีฟ้ารูปร่างที่เรียบลื่นทำให้ดูเลอค่า หากเอามาใช้ฆ่าคนก็คงจะเป็อาวุธปลิดชีพที่ดูไม่เข้ากันกับภายนอกเอาเสียเลย...หลินลั่วหรานย้อนกลับไปคิดถึงตลอดทางที่ผ่านมาว่าเธอไม่ได้หยุดที่จะทำความเข้าใจศาสตร์ดาบนั่นเลย มุมปากของเธอก็ถูกยกขึ้น
บริเวณนี้อยู่ด้านข้างของแม่น้ำทรายเหลือง แน่นอนว่าพลังธาตุน้ำต้องมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมพระเ้ากำลังช่วยเธออยู่ชัดๆ!
หลินลั่วหรานรวบรวมพลังเข้ามาที่ตัวดาบอาวุธที่อยู่ในร่างของปิ่นปักผมมุกส่องประกายระยิบระยับออกมามากขึ้นเรื่อยๆตัวดาบปรากฏเกล็ดหิมะหนาและไอเย็นขึ้นมา
ทุกคนถูกพลังจากดาบในมือของเธอพร้อมอินทรีคู่ใจสะกดนิ่งในตอนนั้นทุกคนก็พากันละทิ้งการต่อสู้มีเพียงคนญี่ปุ่นที่กำลังจะลอบโจมตีอยู่เท่านั้นที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเพราะว่าจดจ่อมากเกินไป
เพลงดาบแรกใช้พลังธาตุทำเป็ฐานและกลายเป็ศาสตร์การฆ่าที่อ่อนโยนไร้เสียง...มันมีชื่อว่า “หิมะตก”
ดาบบินที่ประดับไปด้วยไอหมอก เปล่งประกายแสงดาบออกมากลิ่นอายหนาวเย็นกระจายไปทั่ว!
ทุกสิ่งต่างถูกเกาะกุมไปด้วยหิมะ มักจะเป็ในเวลากลางคืน ในขณะที่ไม่มีใครรับรู้เกล็ดหิมะเล็กๆ ก็ค่อยๆ กลายเป็หญ้าหนามใต้ใบไม้
คุณลักษณะของหิมะเดิมเป็ส่วนหนึ่งของน้ำด้วยการฝึกในปัจจุบันของหลินลั่วหราน หากไร้ความช่วยเหลือจากศาสตร์ดาบและดาบบินเธอคงไม่สามารถควบคุม “น้ำ” แบบนี้ได้
หลินลั่วหรานรู้สึกว่า ตอนนั้นพลังธาตุน้ำในแม่น้ำทรายเหลืองได้รวมตัวกันแน่นมันกำลังขยับไปมา ทั้งยังตื่นเต้น และเธอก็เปลี่ยนตัวเองให้เป็ดั่งน้ำกลายเป็หิมะ และตอนสุดท้ายจิตใจของเธอก็ได้เข้าไปยังตัวดาบในมือ ในตอนนั้นเองเธอคือเม็ดพลังธาตุน้ำ เธอคือหิมะที่ใสสะอาด เธอคือศาสตร์ “หิมะตก”คือแสงดาบที่เปล่งประกาย!
ต่างไปจากดาบเจาเสวี่ยที่เป็อาวุธระดับห้าหลินลั่วหรานยังไม่รู้ว่าศาสตร์ดาบธาตุน้ำที่ท่านเทพป๋ายให้เธอมานั้นมันคือศาสตร์ดาบขั้นสูงศาสตร์ของนักปราชญ์ระดับแยกจิตตอนปลายนั้นไม่ใช่สิ่งที่นักปราชญ์มือใหม่ระดับฝึกลมปราณจะคิดได้ถึงเลยแม้แต่น้อย
เธอทำความเข้าใจกับมันมาแค่สิบกว่าวัน นอกจากสิ่งที่แสดงขึ้นในสมองแล้วนี่เป็ครั้งแรกที่เธอใช้มันออกมา พลังของศาสตร์ดาบขั้นสูงเริ่มจะแสดงออกมาในมือของหลินลั่วหรานแล้ว!
ตัวดาบเจาเจี้ยนเปล่งประกายออกมา มันทำให้ผู้คนพากันใไร้ซึ่งเสียงและกลิ่นมีเพียงชาวญี่ปุ่นวัยกลางคนเท่านั้นที่รู้สึกได้ถึงความเย็นบริเวณด้านหลังคอเมื่อลองใช้มือััดู ก็พบว่าเป็ชั้นหิมะบางๆ เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองแสงสว่างจ้าปรากฏขึ้นในสายตา หลังจากนั้น...
หลังจากนั้น เขาก็ไม่มีหลังจากนี้แล้ว!
หลินลั่วหรานตวัดดาบที่ไร้เสียงลง ในตอนที่หิมะโปรยปรายลงมานั้นก็คือตอนที่หัวของชาวญี่ปุ่นถูกผ่าแยกออกเป็สองซีก!
เธอหมุนตัวกลับ แล้วะโลงมาจากหลังของอินทรีอย่างแ่เบาทุกคนในที่แห่งนั้นต่างพากันมองมาที่เธอ ไม่กล้าส่งเสียงอะไรออกมาอีก
ศพของชาวญี่ปุ่นคนนั้นล้มลงอยู่บนทรายข้างแม่น้ำใบหน้าของเขาเต็มไปความสงสัย ดูเหมือนกำลังสงสัยว่าแสงสว่างนั่นคืออะไรแต่ร่างกายของเขากลับแยกออกเป็สองส่วน ไม่อาจให้เขาได้คลายความสงสัยอีกต่อไปร่างที่ถูกผ่าออกนั้น รอบรอยแผลเต็มไปด้วยหิมะขาว ไร้ซึ่งรอยเืแต่ทุกคนกลับรู้สึกว่าฉากที่ไร้ซึ่งรอยเืนี้ ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาจับใจมากเสียยิ่งกว่าการฆ่าที่เต็มไปด้วยรอยเือีก
คนเดียวที่รับรู้ได้คือหลีซีเอ๋อร์เธอไม่รู้ว่าดาบที่ตวัดลงด้านหลังของเธอนั้นทำคนตกตะลึงกันไปทั่วเมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานมาแล้ว เธอก็ยิ่งดีใจก่อนจะรีบพุ่งไปจับชายแขนเสื้อของหลินลั่วหรานเอาไว้ แล้วพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด
“รุ่นพี่ ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว...พวกเขารังแกฉันพี่ต้องสั่งสอนพวกเขาให้ฉันนะ!”
นิ้วเรียวสวยของเธอกวาดชี้ออกไป คำว่า “พวกเขา” ในที่นี้ดูเหมือนว่าจะรวมทุกคนที่ไม่ใช่นักปราชญ์จีนเข้าไปหมด ทุกคนต่างพากันถอยหลังคนที่ขี้ขลาดหน่อยก็ร้องไห้ออกมา
รุ่นพี่? รังแก?!
ยัยนี่ ใครเขารังแกเธอกัน ตรงหน้านี้มีผู้หญิงที่น่ากลัวอยู่สาวน้อย อย่าได้สร้างปัญหาให้นักเลย!