หลังจากถามทางจากสมาชิกตระกูลเสี่ยว หลี่ชิงหยุนเดินไปหยุดตรงหน้าห้องของเ้าเมือง "ท่านเ้าเมืองเสี่ยว หลี่ชิงหยุนขอเข้าพบ"
"เข้ามา" เสียงตอบรับจากเสี่ยวหยงดังขึ้น
"ขอรบกวนด้วย" หลี่ชิงหยุนเปิดประตูเข้าไปด้านใน
เสี่ยวหยงมองไปที่หลี่ชิงหยุนที่เพิ่งเข้ามา "เ้ามีธุระอะไรหรือ?"
หลี่ชิงหยุนประสานมือและก้มหน้าอย่างสุภาพ "ท่านเ้าเมือง ข้า้าทราบเื่ราวบางอย่าง"
"ไม่ต้องเป็ทางการนัก... ฉินเอ๋อร์อยู่ที่ไหน?" เสี่ยวหยงโบกมืออย่างไม่เป็ทางการ เขารู้อยู่แล้วว่าลูกชายของเขารู้จักกับหลี่ชิงหยุน หลี่ชิงหยุนไม่จำเป็ต้องคำนับเขาทุกครั้งที่เจอกัน
หลี่ชิงหยุนยิ้มอย่างสุภาพ "เมื่อครู่นี้ข้าได้ประลองดาบกับเขาเล็กน้อย ตอนนี้เขากำลังเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกฝน"
"โอ้?" เ้าเมืองมองไปที่หลี่ชิงหยุนอย่างสนใจ เขาสังเกตเห็นว่าหลี่ชิงหยุนไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนแม้หลังจากการฝึกกับเสี่ยวฉิน เื่นี้แปลกสำหรับเขามาก
ไม่มีเยาวชนในรุ่นเดียวกันที่สามารถเอาชนะเสี่ยวฉินได้ในการประลองดาบ ไม่ต้องพูดถึงว่าหลี่ชิงหยุนเพิ่งอายุ 15 ปีเท่านั้น
แต่หลี่ชิงหยุนที่อยู่กับดาบมากว่าสองร้อยปีจะพ่ายแพ้ให้กับเสี่ยวฉินได้อย่างไร?
"เอาล่ะ มานั่งเถอะ เ้าอยากรู้อะไร?" เสี่ยวหยงเชิญให้หลี่ชิงหยุนนั่งตรงข้ามกับเขา
"ข้าอยากทราบเื่ราวเมื่อห้าปีก่อนเกี่ยวกับผู้าุโฉางเหอ" หลี่ชิงหยุนจำเป็ต้องรู้ในเื่นี้ สิ่งนี้จำเป็สำหรับเขาว่าจะดำเนินแผนการต่อไปอย่างไรในอนาคต
อีกทั้งบางทีมันอาจจะเป็เื่ที่ป้าซินหยานกังวลมาโดยตลอด
เมื่อได้ยินชื่อนี้ใบหน้าของเสี่ยวหยงดูมืดมนทันที แต่ไม่นานเขาก็ถอนหายใจยาว "เอาล่ะ เื่นี้ไม่เสียหาย ข้าจะเล่าให้เ้าฟัง…" จากนั้นเ้าเขาก็เริ่มเล่าที่มาของการต่อสู้เมื่อห้าปีก่อนให้หลี่ชิงหยุนได้ฟัง
การต่อสู้เมื่อห้าปีก่อนไม่ได้เป็าเต็มรูปแบบอย่างเมื่อสิบปีก่อน พวกเขาใช้เพียงแค่ผู้ฝึกตนระดับลมปราณฟ้าเท่านั้น อีกอย่างมีคำสั่งให้ตระกูลขุนนางห้ามมีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้
เหตุผลเพียงเพราะพวกเขา้ายึดครองบ่อโลหิตที่อยู่แถบคั่นชายแดนระหว่างราชวงศ์โม่และราชวงศ์หยุน
บ่อโลหิตเป็บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีข่าวเล่าลือว่าหากใครลงไปแช่ในบ่อโลหิต พลังทางกายภาพจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว บ่อโลหิตสามารถขัดเกลากระดูกและกล้ามเนื้อของผู้ฝึกฝนให้มีความแข็งแกร่งได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แน่นอนว่าการต่อสู้ครั้งนั้นเป็การแย่งชิงทรัพยากรระหว่างสองราชวงศ์
เพื่อลดความสูญเสียที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับ พวกเขาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลรองระดับสองไปต่อสู้ในแต่ละรอบ ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมดสิบรอบ
ฉางเหอนั้นมีความเชี่ยวชาญในศึกาขนาดใหญ่ เขาไม่ถนัดในการต่อสู้แบบเดี่ยว แต่ครั้งนี้เป็เื่แปลกที่ผู้าุโของตระกูลฉางได้ลงความเห็นให้ฉางเหอไปต่อสู้แบบตัวต่อตัวในรอบแรก
เห็นได้ชัดว่าฉางเหอไม่สนใจและปฏิเสธที่จะต่อสู้แบบนี้ แต่ด้วยการบีบคั้นของผู้าุโหลายคน เขาจึงจำเป็ต้องต่อสู้ในศึกครั้งนี้อย่างช่วยไม่ได้
ทักษะง้าวของฉางเหอถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ในตอนนั้นมาก ฉางเหอสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้วยการบ่มเพาะเพียงแค่ระดับกลางเท่านั้น
การต่อสู้เป็ไปได้ด้วยดีและมีท่าทีว่าฉางเหอจะได้รับชัยชนะ แต่จู่ๆในโอกาสสุดท้ายเขาก็มีอาการที่แปลกไป นั่นคือการเคลื่อนไหวในจังหวะสุดท้ายของเขาหยุดชะงักอย่างกะทันหัน แม้จะเป็เพียงเสี้ยววินาที แต่ศัตรูจะปล่อยให้โอกาสเช่นนี้หลุดรอดได้ไปอย่างไร? ศัตรูได้โจมตีฉางเหออย่างรุนแรงใน่เวลาสุดท้ายนั้นพอดี
ฉางเหอพ่ายแพ้ให้กับหัวหน้าตระกูลหลานจากราชวงศ์หยุน แต่มันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้แต่เขาก็ยังไม่เสียชีวิตในทันที
หลังจากการต่อสู้จบลงทั้งสิบคู่ ราชวงศ์หยุนก็ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นโดยไม่มีข้อกังขา สุดท้ายบ่อโลหิตจึงตกเป็ของราชวงศ์หยุนั้แ่นั้นเป็ต้นมา
แต่แล้วเมื่อการต่อสู้จบลงจริงๆ ฉางเหอก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุ แพทย์ของตระกูลขุนนางได้วินิจฉัยไว้ว่าฉางเหอมีาแที่สาหัสเกินไปจึงไม่สามารถทนพิษาแได้ไหว...
เมื่อฟังจนจบหลี่ชิงหยุนขมวดคิ้วขึ้นมาโดยพลัน "แพทย์ตระกูลขุนนาง?"
[เป็ไปไม่ได้ที่ผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณฟ้าจะเสียชีวิตด้วยเหตุเล็กๆน้อยๆนี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณฟ้าต้องมียาฟื้นฟูอยู่กับตัวกันทุกคน]
[บางทีป้าซินหยานอาจจะรู้เหตุผลเื้ัอยู่แล้ว]
"นั่นคือเื่ราวเมื่อห้าปีก่อน ั้แ่วันนั้นฉางเป่ยลี่ผู้าุโลำดับที่หนึ่งจึงต้องเข้ารับตำแหน่งผู้นำแทนฉางเหอที่เสียชีวิตไป" เสี่ยวหยงถอนหายใจเฮือกใหญ่
เื่ราวนี้มีหลายอย่างไม่สมเหตุสมผล การบีบคั้นของผู้าุโและการหยุดชะงักอย่างกะทันหันของฉางเหอ และสุดท้ายเขาตายเพราะทนพิษาแไม่ไหว ทุกอย่างมีจุดให้น่าสงสัยมากมาย
แม้แต่สหายที่เคยร่วมต่อสู้ครั้งนั้นยังกล่าวไว้ว่า าแของฉางเหอนั้นอาจจะหนักแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะทำให้เขาเสียชีวิตได้
"เป็ไปได้ไหมว่านี่เป็การสมรู้ร่วมคิดของหัวหน้าตระกูลฉางคนปัจจุบัน?" หลี่ชิงหยุนมองไปที่เสี่ยวหยงด้วยสายตาที่จริงตัง เขาสงสัยว่าฉางเป่ยลี่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของฉางเหอในครั้งนี้
เสี่ยวหยงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม "พูดตามตรง ข้าไม่สามารถคิดถึงผู้อื่นได้อีกต่อไปนอกจากฉางเป่ยลี่ เพราะก่อนหน้านั้นทั้งสองคนแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลกันมาช้านาน แต่ภายใต้การนำของฉางเหอ ชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์ของตระกูลฉางนั้นพุ่งสูงขึ้นทุกครั้งที่เขาออกไปรบ แน่นอนว่าฉางเป่ยลี่ไม่มีโอกาสที่จะได้เฉิดฉายหากฉางเหอยังคงเป็หัวหน้าตระกูลอยู่"
"ฉางเป่ยลี่..." ดวงตาของหลี่ชิงหยุนกลายเป็เ็า ชายผู้นี้อาจเป็ผู้อยู่เื้ัการตายของฉางเหอ
จากนั้นหลี่ชิงหยุนนั่งฟังเกี่ยวประวัติและความรุ่งโรจน์ของฉางเหอในาแต่ละครั้งจากเสี่ยวหยง ไม่นานเขาก็ถอนหายใจ "วีรบุรุษเช่นนี้ กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่เป็ธรรม... โลกใบนี้ช่างโหดร้ายจริงๆ"
"คนดีอยู่ได้ไม่นาน แต่คนเลวที่เกลื่อนกลาดกลับมีชีวิตที่ดี" หลี่ชิงหยุนส่ายหน้า ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามในหัวข้อที่ยังค้างคาใจ "แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าแพทย์ของตระกูลขุนนางนั้นมาจากตระกูลใด?"
"มันคือตระกูลเล่ย!" เสี่ยวหยงกัดฟันพูดอย่างไม่เป็ธรรมชาติ แม้ว่าเขา้าทวงคืนความยุติธรรมให้กับฉางเหอ แต่หากสิ่งนี้เกี่ยวกับตระกูลขุนนาง ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้อีกต่อไป
"ตระกูลเล่ย? เป็พวกมันจริงๆ!" ดวงตาของหลี่ชิงหยุนกลายเป็สีแดงจางๆ ออร่าเจตนาฆ่าของเขากำลังถูกระบายออกมาโดยไม่รู้ตัว
[นี่คงเป็สาเหตุที่ทำให้ป้าซินหยานต้องออกมาจากตระกูล]
[ตระกูลเล่ยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้!]
หลี่ชิงหยุนพยายามสงบสติอารมณ์และถามต่อ "แล้วผู้าุโฉางเหอมีญาติทางสายเืในตระกูลฉางบ้างหรือไม่?"
เสี่ยวหยงตอบอย่างเชื่องช้า "ตระกูลฉางนั้นเกิดจากชายคนเดียวนั้นคือหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนซึ่งเป็บิดาของฉางเหอ อีกทั้งฉางเป่ยลี่เองก็เกิดมาจากพ่อคนเดียวกัน เพียงแต่คนละแม่เท่านั้น หากจะนับสายเืจากแม่เดียวกัน มีเพียงแค่ผู้าุโที่สี่และที่ห้าเท่านั้นที่มาจากสายเืที่ตรงกันกับฉางเหอ"
"ข้าเข้าใจแล้ว" หลี่ชิงหยุนลูบคางอย่างครุ่นคิด เขากำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการเื่นี้อย่างไรดี
จากข้อมูลที่ได้รับจากกู่ซินเหลียน ตระกูลฉางนั้นมีผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณฟ้าถึงสี่คน นี่ไม่ใช่เื่ง่ายที่หลี่ชิงหยุนจะลงมือทำอะไรบางอย่างโดยที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง
"เ้าหนู ให้ข้าเตือนเ้าไว้อย่าง... อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม เื่นี้เกี่ยวข้องกับตระกูลขุนนางทั้งสอง หากพลาดพลั้งชีวิตของเ้าอาจจะจบไม่สวย" เสี่ยวหยงไม่ลืมที่จะเตือนหลี่ชิงหยุนด้วยความหวังดี
"เ้าเฒ่า เกิดปอดแหกอะไรขึ้นมา!?" จู่ๆหยวนเหลียงที่นั่งด้านข้างอย่างสงบก็ตะเพิดออกมา
"เฒ่าหยวน แม้ว่าพวกเราจะเป็เ้าเมือง แต่พวกเราก็ไม่สามารถหาความยุติธรรมให้กับทุกคนได้" เสี่ยวหยงกัดฟันพูดอย่างไม่เต็มใจ เขาต้องคำนึงถึงผู้คนในตระกูลเสี่ยวของเขาด้วย เขาไม่สามารถเป็ศัตรูกับตระกูลขุนนางถึงสองตระกูลได้ เพราะยังมีสมาชิกตระกูลเสี่ยวอีกมากที่เขาต้องรับผิดชอบอยู่เื้ั เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่อยากให้ตระกูลเสี่ยวเดือดร้อนไปด้วย
เสี่ยวหยงไม่สามารถแกว่งเท้าหาเสี้ยนได้จริงๆ
ตระกูลเล่ยอาจจะเป็ผู้อยู่เื้ั แต่ตระกูลหนานกงเองก็เป็ผู้ปกครองตระกูลฉาง ด้วยอำนาจจากสองตระกูลขุนนาง แค่เขตเสี่ยวเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถรองรับความโกรธจากสองตระกูลได้
เหตุการณ์ที่เสี่ยวหยงเล่าไปเมื่อครู่นั้น หยวนเหลียงไม่เคยรับรู้มาก่อน เพราะเขาไม่ได้ออกจากที่พักของเขาั้แ่ 50 ปีที่แล้ว แต่หลังจากที่ฟังจากการสนทนาของเสี่ยวหยงและหลี่ชิงหยุน เขาพอจะเข้าใจสถานการณ์ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในขณะนั้น
"แล้ว...เ้า้าอะไรอีกหรือไม่?" เสี่ยวหยงหันไปถามหลี่ชิงหยุน
หลี่ชิงหยุนนึกขึ้นมาได้พร้อมถามอย่างสงสัย "ท่านเ้าเมืองแล้วคนทั้งสี่ที่ถูกจับก่อนหน้านี้ถูกคุมขังอยู่ที่ใด?"
"พวกเขา...เมื่อครู่นี้ฉางเป่ยลี่ได้สังหารพวกมันไปแล้ว" เสี่ยวหยงส่ายหัว เขาเองก็สอบปากคำทั้งสี่คนแล้ว แต่เขาไม่ได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับตระกูลฉางเลยแม้แต่น้อย
"ฉางเป่ยลี่...ช่างเป็ชายที่ระมัดระวังตัวจริงๆ" หลี่ชิงหยุนพึมพำ
[ไม่คาดคิดว่าฉางเป่ยลี่จะโเี้และระวังตัวถึงเพียงนี้]
[เช่นนั้นข้าจำเป็ต้องไปสืบหาข่าวจากตระกูลฉางเท่านั้น]
หลังจากคุยกับเสี่ยวหยง จู่ๆหลี่ชิงหยุนก็หันไปหาหยวนเหลียง "ผู้าุโ ข้าขอรบกวนท่านบางอย่างได้หรือไม่?"
"เ้า้าให้ข้าไปสังหารพวกมันหรือไม่? หาก้าฆ่าคนไหนแค่บอกมา พวกมันเป็แค่ไก่ในสายตาของข้าอยู่แล้ว" หยวนเหลียงมองไปที่หลี่ชิงหยุนด้วยสายตาที่จริงจังพร้อมพูดอย่างเย่อหยิ่ง
เมื่อได้ยินมุมปากของหลี่ชิงหยุนก็กระตุก
หยวนเหลียงกอดอกอย่างภาคภูมิใจ "มีอะไรก็ว่ามา ข้ายังติดหนี้บุญคุณเ้าอยู่"
หลี่ชิงหยุนตัดสินใจและกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ "ข้า้าให้ท่านปรุงยาระดับ 7 ให้ข้า"
"ห๊ะ!? แค่นี้เองหรือ?" หยวนเหลียงไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลี่ชิงหยุนจะขอเื่ง่ายๆแบบนี้
มีผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณลึกซึ้งเป็หนี้บุญคุณ หากหลี่ชิงหยุน้าให้เขาไปสังหารใครบางคน หยวนเหลียงจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน
แต่หลี่ชิงหยุน้าเวลาพอสมควรกว่าที่เขาจะปรุงยาระดับ 7 ได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้ทางลัดจากหยวนเหลียง แต่หลังจากนี้ทั้งสองคนจะไม่เป็หนี้บุญคุณกันอีกต่อไป
สิ่งที่หลี่ชิงหยุน้าโดยเร็วที่สุดในขณะนี้คือการทำให้พ่อของเขาหายดี แม้จะแลกกับความโปรดปรานของปรมาจารย์ระดับลมปราณลึกซึ้งมันก็คุ้มค่า
อีกอย่างเขาไม่้าที่จะยืมมือใครเพื่อเข่นฆ่า! เขา้าสะสางปัญหาทั้งหมดด้วยมือของเขาเอง!
หลี่ชิงหยุนหยิบบางอย่างออกมาจากแหวนเก็บของ "ไม่ต้องกังวล มันเป็เพียงแค่เม็ดยาระดับ 7 ขั้นเริ่มต้นเท่านั้น ข้าจะบอกวิธีการกลั่นและขั้นตอนทั้งหมดให้กับท่านเอง"
"มันคือเม็ดยาอะไร?" หยวนเหลียงมองไปที่กระดาษในมือของหลี่ชิงหยุนอย่างไม่กระพริบตา เขารู้สึกสงสัยว่าชายหนุ่มผู้นี้มีสูตรยาระดับ 7 อีกมากแค่ไหน แม้แต่สูตรยาระดับ 7 ก็ไม่นับว่าเป็อะไรเลยสำหรับหลี่ชิงหยุน เขาสามารถเอาสูตรยาระดับสูงเช่นนี้ออกมาได้ราวกับว่าเป็กะหล่ำปีในตลาด
หลี่ชิงหยุนยื่นสูตรยาให้กับหยวนเหลียงโดยตรงพร้อมกับอธิบาย "มันมีชื่อว่าเม็ดยาัคลั่ง ในความเป็จริงยาเม็ดนี้มีสรรพคุณในการขยายเส้นลมปราณให้กว้างขึ้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในชั่วขณะ แต่พ่อของข้าโดนทักษะต้องห้ามบางอย่างเข้า มีเพียงแค่ยาที่มีส่วนผสมของแก่นแท้เืัเท่านั้นที่จะลบล้างออกไปได้"
และอีกอย่างเม็ดยาัคลั่งนี้ยังสามารถช่วยขยายเส้นลมปราณที่ตีบตัน ซึ่งเป็เม็ดยาที่ดีที่สุดในการรักษาหลี่หยุนเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย
เส้นลมปราณของหลี่หยุนเฟิงนั้นเต็มไปด้วยฉีจากัซากศพแน่นอนว่ามันจะกัดกร่อนพลังฉีอย่างต่อเนื่องจนกว่าเืัซากศพจะถูกชำระล้างออกไป
"เอ๊ะ!? ทักษะต้องห้าม...เืั—" หยวนเหลียงมองไปที่หลี่ชิงหยุนอย่างไม่เชื่อ "เป็ไปได้ไหมว่าพ่อของเ้าเคยต่อสู้กับนิกายัโลหิตมาก่อน?"
"ผู้าุโ ท่านรู้จักนิกายัโลหิตได้อย่างไร?" หลี่ชิงหยุนไม่คาดคิดว่าหยวนเหลียงจะรู้จักทักษะที่เป็เอกลักษณ์ของนิกายัโลหิตด้วย
หยวนเหลียงตอบกลับ "เ้าหนู เ้าอาจจะไม่รู้ ในอาณาจักรเซวียนนี้แม้ว่าจะมีเพียงแค่สี่ราชวงศ์ แต่จริงๆแล้วยังมีสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งถูกเรียกว่า【เมืองศักดิ์สิทธิ์】และตั้งอยู่ที่กึ่งกลางระหว่างสี่ราชวงศ์ และเมืองศักดิ์สิทธิ์ก็ประกอบไปด้วยมหาอำนาจที่นำโดยนิกายทั้งเจ็ด"
"มีข่าวลือว่านิกายทั้งเจ็ดนี้เป็เพียงแค่สาขารองจากอาณาจักรที่สูงกว่าเท่านั้น" หยวนเหลียงอธิบายอย่างต่อเนื่อง
"เจ็ดนิกายที่ยิ่งใหญ่?" หลี่ชิงหยุนพึมพำกับตัวเองเบาๆ
หยวนเหลียงยังคงกล่าวต่อไป "หากไม่มีคำเชิญจากจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีทางที่เข้าสู่เมืองศักดิ์สิทธิ์ได้ ที่แห่งนั้นเปรียบเสมือนภาพลวงตา คนในไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป และคนนอกเองก็ไม่สามารถสุ่มเข้าไปในเมืองได้เช่นกัน"
"แล้วนิกายทั้งเจ็ดนั้นมีไว้เพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่?" หลี่ชิงหยุนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น นี่อาจจะเป็ข้อมูลสำคัญที่เขาต้องใช้ในอนาคต
หยวนเหลียงยิ้มและตอบกลับ "จุดประสงค์ของเมืองศักดิ์สิทธิ์คือขยายอำนาจและคัดเลือกเยาวชนที่มีพร์เพื่อส่งไปฝึกฝนในอาณาจักรที่สูงกว่า อีกทั้งผู้นำของทั้งเจ็ดนิกายสาขารองนั้นไม่ใช่ชนพื้นเมืองของอาณาจักรเซวียน แต่เป็ผู้ที่ถูกเลือกมาจากนิกายที่ยิ่งใหญ่อีกที... และยังมีผู้ที่อยู่เหนือว่าผู้นำนิกายทั้งเจ็ดทั้งสาขาหลักและสาขารอง ชายผู้นั้นถูกเรียกว่าผู้พิพากษา ซึ่งดำรงตำแหน่งในฐานะผู้ควบคุมกฏเกณฑ์ภายในเมืองศักดิ์สิทธิ์และนิกายทั้งเจ็ด"
"เมืองศักดิ์สิทธิ์? เหตุใดข้าไม่เคยได้ยินเื่นี้จากภายในราชวงศ์เลย?" หลี่ชิงหยุนยิงคำถามอย่างต่อเนื่อง
หยวนเหลียงยิ้ม "ผู้คนจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยุ่งกับการเมืองและราชวงศ์ หากผู้ใดฝ่าฝืนมีเพียงแค่การปะาจากผู้พิพากษาเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ แต่จะเป็กรณีพิเศษหากผู้าุโจากนิกาย้าออกมาตามหาเยาวชนที่มีพร์ด้วยตัวเอง"
"ส่วนเหตุผลเ้าน่าจะรู้ดี เพื่อคงความสมดุลไว้สำหรับอาณาจักรเซวียน หากนิกายขนาดใหญ่นั้นออกมาสู่ราชวงศ์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเกิดการนองเืครั้งใหญ่จากการเลือกฝ่ายอย่างแน่นอน"
ดวงตาของหลี่ชิงหยุนสว่างขึ้นโดยไม่รู้ตัว นี่คือความรู้ใหม่ของเขาจริงๆ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่านิกายที่ยิ่งใหญ่มีสาขาอยู่ที่อาณาจักรเซวียนด้วย
"เดี๋ยวก่อน! ท่านบอกว่าเมืองศักดิ์สิทธิ์มีทั้งหมดเจ็ดนิกาย ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่ามีนิกายใดบ้าง?" หลี่ชิงหยุนยังคงถามหยวนเหลียงต่อไป
เขาจำได้ว่าเมื่อเขาอายุ 50 ปีในชีวิตที่แล้ว เมื่อเขาขึ้นไปที่อาณาจักรนภาผ่านเส้นทางแห่งเมฆ เขารู้จักเพียงหกนิกายที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น มันมีนิกายที่เจ็ดั้แ่เมื่อใด?
หยวนเหลียงไม่รังเกียจที่จะบอกเกี่ยวกับเื่นี้ "นิกายแรกเ้าน่าจะรู้จักอยู่แล้ว มันคือนิกายัโลหิต, นิกายนกกระเรียนหิมะ, นิกายดาบหยก, นิกายหมื่นพิษ, นิกายจันทราสีคราม, นิกายูเาทองและนิกายหุ่นเชิดิญญา"
"นิกายจันทราสีคราม..." หลี่ชิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจำไม่ได้ว่าเคยมีนิกายชื่อนี้อยู่ที่อาณาจักรนภา แล้วนิกายนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่?
"เอาล่ะ ตอนนี้เ้าจำไม่เป็ต้องรู้เื่นี้มากนัก ไว้เมื่อเ้าแข็งแกร่งเพียงพอ เ้าสามารถไปที่นั่นได้อย่างแน่นอน พร์ของเ้านั้นถือว่าแข็งแกร่งมากในรุ่นเดียวกัน ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานพวกผู้เฒ่าจากทั้งเจ็ดนิกายอาจจะออกมาเพื่อคัดเลือกหาสาวกจากทั้งสี่ราชวงศ์" หยวนเหลียงเป็หัวหน้าสมาคมการแพทย์ในสาขาราชวงศ์โม่ แน่นอนว่าสาขาหลักของสมาคมการแพทย์นั้นตั้งอยู่ที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจึงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคนอื่นๆ
"แล้วสมุนไพรที่เ้าเตรียมไว้มีกี่ชุด?" เมื่อหยวนเหลียงอ่านสูตรยาเม็ดยาัคลั่งจบ เขาก็หันไปถามหลี่ชิงหยุน
"เอ่อ... ข้ามีเพียงแค่ชุดเดียวเท่านั้น" หลี่ชิงหยุนเกาแก้มอย่างเขินอาย โดยปกติแล้วการกลั่นยาระดับสูงจำเป็ต้องมีสมุนไพรอย่างน้อยสามชุดเพื่อป้องกันการผิดพลาดระหว่างปรุงยา
แต่ด้วยทักษะปรุงยาของหลี่ชิงหยุน เขา้าใช้เพียงแค่ชุดเดียวเท่านั้น ถ้าหากให้หยวนเหลียงปรุงยาเม็ดัคลั่งบางทีเขาอาจจะล้มเหลวได้ อีกอย่างแก่นแท้เืัที่เป็ส่วนผสมหลักของยาเม็ดนี้ยังหายากมาก
เมื่อฟังคำพูดของหลี่ชิงหยุน ใบหน้าของหยวนเหลียงกระตุกโดยไม่รู้ตัว
"เ้าหนู เ้ากำลังล้อเล่นกับข้าหรือไม่?" หยวนเหลียงแทบจะสาปแช่งใส่หลี่ชิงหยุนทันที ด้วยสมุนไพรแค่ชุดเดียวเขาไม่สามารถรับประกันได้ว่ามันจะสำเร็จ
"ผู้าุโ อย่าโกรธเลย ข้ามีวิธีการบางอย่าง แค่ชุดเดียวก็เกินพอแล้ว" หลี่ชิงหยุนโบกมือให้สงบสติอารมณ์เมื่อเห็นว่าหยวนเหลียงกำลังจะบ้า
"ฮึ่ม! มันคืออะไร?" แม้ว่าหน้าตาของหยวนเหลียงจะดูไม่พอใจ แต่ในใจของเขานั้นกลับเริงร่าด้วยความปิติยินดี
[เ้าหนูนี่มีความลับมากมาย บางทีข้าอาจจะลองขอสูตรยาระดับ 7 อื่นๆดู]
[ข้าอาจจะได้ของดีและวิธีการบางอย่างจากเด็กคนนี้ด้วยก็เป็ได้]
หลี่ชิงหยุนยื่นแหวนเก็บสมุนไพรให้กับหยวนเหลียง จากนั้นเขาหยิบม้วนคัมภีร์บางอย่างออกมา "ผู้าุโ นี่คือทักษะปรุงยาที่ข้าใช้มาโดยตลอด ท่านควรเรียนรู้มันเสียก่อน ข้ามั่นใจว่าหากท่านเรียนรู้ทักษะนี้จนบรรลุ ท่านก็ไม่จำเป็ต้องใช้สมุนไพรหลายชุดอีกต่อไป..."
หลี่ชิงหยุนอธิบายสรรพคุณยังไม่ทันจบ จู่ๆหยวนเหลียงก็ฉกม้วนคัมภีร์ไปอ่านทันที
ใครบ้างจะไม่้าปรุงยาด้วยสมุนไพรแค่ชุดเดียว? แค่คิดเช่นนี้น้ำลายของหยวนเหลียงก็ไหลออกมาด้วยความโลภ
หลังจากอ่านจบหยวนเหลียงหัวเราะออกมาเสียงดัง "ฮ่าๆๆๆ! เ้าแน่ใจหรือว่าข้าสามารถเรียนรู้มันได้?" หยวนเหลียงถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เขากลัวว่าหลี่ชิงหยุนจะกลับคำพูด
หลี่ชิงหยุนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เขามองว่าเื่นี้ไม่เสียหาย เพราะเขาเคยให้ทักษะนี้กับหยวนชางไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหยวนเหลียงไม่รู้มาก่อน
"ยอดเยี่ยม! เ้าเฒ่าเสี่ยว ขอยืมพื้นที่ฝึกฝนของเ้าหน่อย" หยวนเหลียงแทบจะรอไม่ไหวเมื่อได้อ่านทักษะนี้ เขา้าเรียนรู้ทักษะทันที
"ตามใจเ้า—" เสี่ยวหยงพูดไม่ทันจะจบ ทันใดนั้นหยวนเหลียงก็หายตัวไปจากห้องนี้ทันที
ทิ้งให้หลี่ชิงหยุนและเสี่ยวหยงมองหน้ากันและพูดไม่ออก
จากนั้นไม่นานหลี่ชิงหยุนก็ขอตัวจากไป และออกมาจากห้องทำงานของเสี่ยวหยงเพื่อไปสอดแนมตระกูลฉางต่อ
. . .
~ ห้องโถงตระกูลฉาง ~
"ผู้าุโ" ห้องโถงขนาดใหญ่ปรากฏร่างของชายชราผู้หนึ่งกำลังก้มหน้าทักทายชายอีกคนที่อยู่ตรงข้ามกับเขาอย่างถ่อมตน ผู้ที่ทักทายคือหัวหน้าตระกูลฉางคนปัจจุบันฉางเป่ยลี่
โดยไม่คาดคิดว่าชายอย่างฉางเป่ยลี่จะก้มหน้าลดตัวทักทายชายตรงหน้าอย่างสุภาพเช่นนี้
ตรงข้ามกับฉางเป่ยลี่ปรากฏรูปร่างเงาที่สวมชุดคลุมสีดำ บนหน้าของเขาประดับด้วยหน้ากากสีม่วง เรือนร่างของเขาไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนราวกับว่าเขาเป็เพียงแค่หมอกจางๆเท่านั้น
ชายผู้นี้เป็หนึ่งในชายลึกลับที่หลี่ชิงหยุนเคยพบเจอมาก่อน!