การไตร่ตรองต้องใช้เวลา
ชิงซีหวังว่าตนเองจะทำสำเร็จ
‘เหวินฮวา เ้าคงต้องพยายามมากขึ้นแล้วล่ะ’
ชิงซีไม่ได้ใช้เวลาในจวนของตนเองนานนัก เพราะต้องเร่งเดินทางมายังคุกลับแห่งหนึ่ง
‘ครั้งสุดท้ายที่ข้ามาที่นี่น่าจะเมื่อหลายร้อยปีก่อน’
ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเสมอ
การดำรงตำแหน่งเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่ของอวิ๋นเมิ่งไม่ใช่เื่ง่ายเลย พวกเขามักถูกกำจัดด้วยการสั่งจำคุกและการปะาเก้าชั่วโคตร นางเคยติดคุกสองครั้งเพราะเื่แบบนี้
แย่มาก
คนจากตระกูลโจวช่างน่าสงสารนัก
ยกเว้นโจวยี่หญิงสาวผู้น่ารำคาญคนนั้น
กลิ่นอับชื้นในคุกไม่พึงประสงค์นัก ถ้าเลี่ยงได้นางจะไม่มาที่นี่อีก เดิมทีนางก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างอยู่แล้ว ถึงอย่างไรนางก็เป็ประมุขตระกูลมู่ที่มีธุระต้องจัดการมากมาย
เดิมทีน้ำโคลนไม่ต้องกวนก็ขุ่น ดังนั้นนางไม่จำเป็ต้องมาที่นี่ก็ได้
แต่ถ้าเป็อย่างนั้นนางจะอุ่นใจได้อย่างไร?
นี่คือสถานการณ์ที่หมี่เจียได้ตระเตรียมไว้ให้นาง
แม้ว่านางจะไม่ได้เจอหมี่เจียมานาน แต่นางก็ยังอยากทำสิ่งนี้ให้ดี ท้ายที่สุดนี่คือชะตากรรมที่ถูกมอบให้โดยหมี่เจีย
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังได้ยินมาว่าองค์หญิงแห่งลั่วซานเป็ศิษย์ร่วมสำนักของหมี่เจีย
ศิษย์น้องของหมี่เจียย่อมเป็พี่น้องกับนาง
นอกจากนี้ ลั่วซานยังเต็มไปด้วยความอบอุ่นของครอบครัวซึ่งทุกคนล้วนภักดีและเสียสละ ในฐานะสมาชิกของตระกูลหลวนนางต้องแสดงความเมตตาต่อพวกเขา
ดังนั้นนางจึงจำเป็ต้องมาที่นี่
ความคิดของนางล่องลอยไปไกลกว่า์ทั้งเก้า นางตกอยู่ในภวังค์เสียจนเมื่อก้าวไปถึงส่วนลึกของคุกนางก็ยังไม่รู้ตัว
อดีตเสนาบดีโจวซึ่งเคยอยู่ใต้คนคนเดียวและอยู่เหนือคนนับหมื่นต้องอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย
ไม่มีใครไม่รู้ว่าเขาอยู่ในคุกลับนี้มานานแค่ไหนแล้ว หลังจากอยู่ในที่ที่ไม่มีแสงแดดเป็เวลานาน ร่างกายของเขาซึ่งไม่ได้หนุ่มแน่นอีกแล้วกลับดูแก่เกินกว่าที่ควรจะเป็ไปมาก เสียงหอบหายใจของเขาเหมือนใยแมงมุมกระพือเบาๆ
“เ้าเป็ใคร?”
อดีตเสนาบดีผู้สูงศักดิ์ถามเสียงดัง น้ำเสียงเจือไปด้วยความข่มขู่และแรงกดดันบางอย่าง เขาพยายามทำให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ใกลัว
ชิงซีใช้ปราณเซียนในการกำจัดบรรยากาศที่สกปรกออกไป นางกล่าวว่า “เ้าเป็อย่างไรบ้าง? สนมโจวมอบหมายให้ข้ามาพบเ้า”
โจวเซียงถูกขังอยู่ในห้องขังเพียงลำพัง น่าจะเพราะผู้ลงมือ้าทรมานเขา จึงทำให้เขาพลัดพรากจากครอบครัว ร่างกายและจิตใจของเขาจึงทรุดโทรมลง
เป็ไปได้หรือไม่ที่เย่เซียงจะอยู่เื้ัเื่นี้?
เย่เซียงและโจวเซียงเคยเป็ขุนนางที่รับใช้ฮ่องเต้องค์เดียวกันมาหลายปี เป็ไปได้หรือไม่ว่าระหว่างพวกเขามีความคับข้องใจอยู่ลึกๆ ไม่อย่างนั้นโจวเซียงย่อมไม่ลงเอยด้วยการอยู่ในห้องขัง
การปฏิบัติต่อขุนนางที่มีคุณธรรมเช่นนี้ เย่เซียงจะรับมือกับการติฉินนินทาของคนทั้งแผ่นดินอย่างไร?
ชิงซีมองเข้าไปในห้องขัง
มันลึกจนแสงตะวันส่องไม่ถึง กลิ่นอับชื้นชวนคลื่นเหียนอบอวลไปทั่ว แต่ชายชราตรงหน้ายังคงมีลมหายใจสม่ำเสมอจนน่าแปลกใจ
ทันใดนั้นความคิดแปลกๆ ก็ผุดขึ้นในหัวของชิงซี ‘เป็ไปได้หรือไม่ว่าโจวเซียงเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์?’
ชิงซีใช้ปราณเซียนของนางตรวจสอบโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัว นางค้นพบว่าเส้นลมปราณรวมทั้งเส้นตันเถียนของชายชราผู้นี้ทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์
ทันทีที่โจวเซียงได้ยินคำว่าสนมโจว ม่านตาของเขาก็หดลงเล็กน้อย เขาถามว่า “เสี่ยวยี่เป็อย่างไรบ้าง?”
ชิงซีไม่ตอบ แต่ถามกลับว่า “เ้าเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์ เช่นนั้นเ้าเป็ใครกันแน่?”
รูม่านตาของโจวเซียงหดลงอีกครั้ง เขาไม่ตอบคำถามนาง แต่กลับถามว่า
“เ้ารู้หรือไม่ว่าเมฆหมอกเหนือลำน้ำเซียวเซียงคือสิ่งใด?”
ถ้าอวิ๋นจื่ออยู่ด้วย นางต้องประหลาดใจมากแน่ที่เขารู้จักเพลงนี้
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
เหตุใดหลายคนจึงพูดถึงเพลงเมฆหมอกเหนือลำน้ำเซียวเซียง?
มีสิ่งใดซ่อนอยู่ในเพลงนี้กันแน่?
ชิงซีไม่เข้าใจจริงๆ
ความทรงจำของนางที่มีต่อเพลงนี้คือตอนที่อวิ๋นเซียวพูดถึงมันต่อหน้านาง แต่ก็เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เขาบอกว่าชอบเพลงนี้มาก
เป็ไปได้หรือไม่ว่าโจวเซียงก็เป็คนของอวิ๋นเซียว?
ความคิดมากมายหมุนวนอยู่ในหัวของชิงซี นางเอ่ยปากถามโจวเซียงเบาๆ ว่า “ข้าไม่รู้ว่าเ้าเคยได้ยินคำกล่าวบางอย่างหรือไม่ นั่นคือ ตำหนักในเกิดความเปลี่ยนแปลง วังหลวงตกอยู่ในความระส่ำระสาย หลีกหนีจากความวุ่นวายในโลก เก็บซ่อนปัญหาทั้งหมดไว้ในแขนเสื้อ กลายเป็คณิกาผู้มีชื่อเสียง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็เพียงความว่างเปล่า เมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นว่าประตูเก้าชั้นงดงามจนน่าอัศจรรย์”
โจวเซียงมีท่าทีกระสับกระส่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่น้ำตาของเขาจะไหล “ชายชราอย่างข้ามีชีวิตอยู่ก็เพื่อวันนี้”
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของเขา ชิงซีก็เปลี่ยนใจกะทันหัน
ก่อนที่จะมาพบโจวเซียง นางตั้งใจเอาไว้ว่าจะสอนบทเรียนให้เขา แล้วค่อยไปจัดการโจวยี่เพื่อไม่ให้หญิงสาวผู้น่ารำคาญคนนั้นกำเริบเสิบสานไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม นางกลับค้นพบว่าโจวเซียงอาจเป็หมากตัวหนึ่งของอวิ๋นเซียว
อาจเป็ไปได้ว่าเขาคือหมากลับ
อวิ๋นเซียวมีพร์น่าทึ่งเสียจริง เขาเป็ชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เหมาะกับการวางแผน
หากตำนานอย่างเขายังมีชีวิตอยู่จะวิเศษขนาดไหน?
โจวเซียงตื่นเต้นจนแทบจะคุกเข่า
ชิงซีกล่าวเบาๆ “เ้าไม่จำเป็ต้องทำเช่นนั้น ข้าเป็ผู้แจ้งข่าวขององค์หญิงเหวินฮวา อันที่จริงมีเื่หนึ่งที่ข้าอยากขอคำแนะนำจากเ้า”
ในที่สุดโจวเซียงก็ได้สติ เขากล่าวว่า “โปรดกล่าวมาเถิด”
น้ำเสียงของชิงซีราบเรียบมาก “ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดสนมโจวถึง้าจัดการกับตระกูลซูในเมืองฉินโจวอย่างโหดร้าย”
โจวเซียงหัวเราะทันที
ชิงซีตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงหัวเราะ
แน่นอนว่าจิตใจของผู้คนยากที่จะคาดเดา
โดยเฉพาะจิตใจของชายชราผู้นี้
หากเขาเป็คนของอวิ๋นเซียว เหตุใดเขาถึงหัวเราะหลังจากได้ยินคำพูดของนาง?
คำพูดของนางน่าขบขันตรงไหน?
แท้จริงแล้วเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่?
ชิงซีไม่พอใจเล็กน้อย
ไม่นานโจวเซียงก็หยุดหัวเราะ เขากล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้าสงสัยว่าคงจะมีความเข้าใจผิดบางอย่างเกิดขึ้น เสี่ยวยี่จะไม่มีวันทำเช่นนั้นแน่ หากมีเื่เช่นนั้นเกิดขึ้นจริงก็ย่อมเป็การจัดฉากใส่ร้าย”
โจวเซียงกล่าวอย่างหนักแน่น
ชิงซีไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางควรสงสัยในคำพูดของชายผู้นี้หรือไม่
นางถามอย่างระมัดระวัง “เหตุใดเ้าจึงกล่าวเช่นนี้?”
ใบหน้าของโจวเซียงเปลี่ยนไป มันดูมีความสุขและความเศร้าในเวลาเดียวกัน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “เพราะเสี่ยวยี่รักท่านอ๋องอย่างสุดซึ้ง แม้ว่าข้าจะไม่อยากยอมรับเื่นี้แต่ก็ไม่สามารถห้ามนางได้ อันที่จริงถ้าเสี่ยวยี่ไม่รักเขา นางคงไม่ดื้อรั้นไปหาซูฮองเฮา แต่เสี่ยวยี่ก็เคารพซูฮองเฮามาก นางจึงไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่ ข้ารับประกันด้วยชีวิตของข้า โปรดเดินทางไปเมืองฉินโจวอีกครั้งเพื่อตรวจสอบเื่นี้ให้กระจ่าง”
โจวเซียงกล่าวอย่างหนักแน่น
ชิงซีไม่รู้จะกล่าวอะไร
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามด้วยเสียงแ่เบา “ถ้าเช่นนั้นเป็ไปได้หรือไม่ที่นางเป็ผู้ลงมือแต่เ้าไม่ทราบ?”
น้ำเสียงของนางลังเลมาก นางหวนนึกถึงเื่ราวในอดีต ตอนนั้นการขาดความยับยั้งชั่งใจทำให้นางต้องระเห็จออกจาก์และได้รับความอัปยศอดสูอย่างในปัจจุบัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้