วันที่สองปลายยามโฉ่ว[1] ซ่งอี้เฉินตื่นแต่เช้า โดยมีเว่ยหรูไห่คอยรับใช้เปลี่ยนอาภรณ์
ทว่าวันนี้เว่ยหรูไห่คล้ายลังเลไม่ค่อยอยากพูดจาสักเท่าใด
เขาสังเกตเห็นบางสิ่งพลางแย้มยิ้มเบาๆ “ไม่เอาไหน ปกติเื่ที่ต้องพูดก็ไม่เคยปิดบังมาก่อน เหตุใดวันนี้จึงไม่กล้าพูดออกมา?”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ทูลฝ่าา คุกหลวงเพิ่งรายงานมาว่าลี่เจาอี๋ตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ”
ครรภ์เดือนกว่าแล้ว! เนื่องจากนางไม่สบายจึงตรวจพบขณะอยู่ในคุกหลวง
เหยียนอู๋อวี้จำได้ว่าเมื่อวานนี้ขณะลี่เจาอี๋ถูกคนรับใช้ของนางเองกล่าวหาจึงถูกขังไว้ในคุกหลวงนั้นเมื่อยามโฉ่ว วันนี้นางตั้งครรภ์และออกมาได้อย่างสง่าผ่าเผยก็เป็ยามโฉ่วเช่นกัน ตอนที่พ่ายแพ้เป็ยามโฉ่วและตอนที่ประสบความสำเร็จก็เป็ยามโฉ่วพอดี
ทายาทในตระกูลเชื้อพระวงศ์มีค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว ดังนั้นสนมที่ตั้งครรภ์จะไม่ถูกจำคุกในคุกหลวงอีก อย่างไรก็ตาม มีคนรู้สึกว่าตำหนักอีหลานไม่ค่อยเป็มงคลจึงแนะนำให้เปลี่ยนตำหนัก
ด้วยหลักเหตุและผลแล้ว หากเจาอี๋กลายเป็นายหญิงผู้มีอำนาจในตำหนัก ก็ควรจะได้รับพระราชทานตำหนักถึงจะถูก
ทว่านางผู้นี้กลับถูกส่งไปที่เหยียนอู๋อวี้ บอกว่าเป็คำขอร้องของเซียวซิ่งเสวี่ยเอง
เจาอี๋นางหนึ่งร้องขอที่จะอาศัยอยู่กับเป่าหลิน แสดงให้เห็นว่าเป็การลดสถานะตัวเองลงเพื่อไม่เข้าไปแย่งยิงอำนาจในตำหนักหลัง
มีเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่านี่คือความคิดที่ตระกูลเซียวเสนอมา
ยามนี้ในวังหลวงเซียวซิ่งเสวี่ยและเหยียนอู๋อวี้ควรจะอยู่เป็ฝ่ายเดียวกันมากกว่า
“ที่นั่นอยู่สุขสบายดี ทุกสิ่งทุกอย่างของกินของใช้ต้องผ่านมือเ้า” นางรู้ว่านี่คือการรวมพลังกันเพื่อผ่าน่เวลาที่ยากลำบาก ทว่านางเองรู้ดีว่าหากเกิดความผิดพลาด นางก็ไม่อาจหลีกหนีความรับผิดชอบได้เช่นกัน
ป้าโฉ่วรับคำสั่งโดยนั่งลงอยู่ข้างเตียง พลางค้นหาชุดนางกำนัลด้านใน
ปกติแล้วซ่งอี้เฉินมีนิสัยหวาดระแวง หากเขาเห็นนางสวมชุดนางกำนัลของวังหลวง จะต้องตรวจสอบจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน ซึ่งเกรงว่าอาจเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย ดีกว่าทำตามนิสัยของเขา เริ่มจากนิสัยหวาดระแวงและความสงสัยของเขาแล้วค่อยคลี่คลายข้อสงสัยร่วมกัน เช่นนี้กลับทำให้รอดพ้นได้ง่ายกว่า
“ไทเฮาตกรางวัล...…”
ได้ยินการตกรางวัลแบบไม่ค่อยชัดเจนนัก อีกทั้งของขวัญจากตำหนักต่างๆ ทยอยส่งมา คำยกยอหลากหลายเพียงฟังก็ทำให้หูตาพร่ามัววิงเวียนศีรษะยิ่งนัก
เรือนด้านข้างค่อนข้างครึกครื้น ส่วนเรือนหลักกลับเงียบสงบ เหยียนอู๋อวี้อ่านหนังสือที่อยู่ในมืออย่างไม่คิดสนใจสิ่งอื่น
ทว่าใจนั้นกลับไม่อยู่ที่หนังสือเล่มนี้
วิธีการโยนความผิดที่เงอะงะ และโง่เขลาเช่นนี้ ฮวารั่วซีทำให้ทุกคนเชื่อได้อย่างไร?
มันแปลกเกินไป?
ทันใดนั้นพลันมีเสียง ‘เพล้ง’ ดังขึ้นไม่ไกลมากนัก
นางเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าครุ่นคิดและเห็นว่าป้าโฉ่วทำบางสิ่งในมือตกอย่างไม่ตั้งใจ
มีความคิดหนึ่งลอยเข้ามาในหัวของนางและถูกเก็บซ่อนไว้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเื่ทุกอย่างต้องพบกับลี่เจาอี๋จึงจะรู้เื่
ความครื้นเครงที่เรือนด้านข้างดำเนินต่อไปจนถึง่บ่าย ส่วนเรือนหลักที่เงียบสงบนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทว่ามองเผินคล้ายจะกลมกลืนกัน จนกระทั่งได้ยินเสียงะโขึ้นมาว่า “ฮ่องเต้เสด็จ”
เมื่อได้ยินว่าฮ่องเต้เสด็จมาที่นี่ ลี่เจาอี๋จึงรีบตรวจดูใบหน้าของนางว่าการตกแต่งใบหน้าขาดตกบกพร่องหรือไม่
นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างกระซิบเสียงอ่อนโยนว่า “สนมทรงตั้งครรภ์ของฝ่าา ฝ่าาต้องทรงเสด็จมาดูแลสนมท่านแน่นอนเ้าค่ะ”
ใบหน้าที่งดงามของลี่เจาอี๋พลันเปลี่ยนเป็สีแดงระเรื่อพลางเอ่ยตำหนินางกำนัลเสียงต่ำ ทว่าหัวใจกลับเต็มไปด้วยความคาดหวัง
น่าเสียดายที่ยิ่งมีความหวังมากเพียงใดก็จะผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น คล้ายฮ่องเต้จะทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ เพราะทรงไม่สนพระทัยลี่เจาอี๋แม้แต่น้อย กลับเดินตรงเข้าไปในเรือนใหญ่เสียอย่างนั้น
เหยียนอู๋อวี้หมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือ จนไม่ทันสังเกตเห็นว่าซ่งอี้เฉินกำลังเดินเข้ามาใกล้
เมื่อนางรู้ตัว นางก็อยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนแล้ว
“วันนี้มีงานต้องสะสางจึงมาสายนิดหน่อย อวี้เอ๋อร์เสวยอาหารหรือยัง?” น้ำเสียงของเขายังคงเหมือนเดิมและความอ่อนโยนในแววตาก็ไม่เคยลดลงเลย
ท่ามกลางการชิงไหวชิงพริบ เขาไม่เพียงจงใจแต่งตั้งให้เจาอี๋มีสถานะต่ำกว่าเหยียนอู๋อวี้เท่านั้น ทว่ายังแสดงออกถึงความเอาใจใส่และความโปรดปรานมากกว่าอีกด้วย
นางรู้ดีว่าเป้าธนูนี้กำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญแล้ว
ในขณะเดียวกันลี่เจาอี๋ที่อยู่ในเรือนด้านข้างโกรธมากเสียจนทำถ้วยชาในมือแตก
การที่นางตั้งครรภ์ก็คงเพียงแค่ได้รับการปล่อยตัวเท่านั้น แม้กระทั่งความอัปยศและความยากลำบาก ก็ไม่อาจแลกมาซึ่งความสงสารจากคนผู้นั้นได้แม้แต่น้อย?
ความเกลียดชังหยั่งรากลึกในใจนาง
เหยียนอู๋อวี้ไม่รู้เื่ราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือนด้านข้าง ทว่านางเพียงแค่นอนแอบอิงร่างที่บอบบางนั้นอยู่ในอ้อมกอดของซ่งอี้เฉิน
“ให้ข้าดูหน่อยว่าหนังสือที่เ้าอ่านเป็หนังสือประเภทใด” เขาหยิบหนังสือจากมือของเหยียนอู๋อวี้แล้วอ่านเสียงแ่เบา
น้ำเสียงไม่ดังทว่าสามารถทำให้ผู้ที่ฟังอยู่นั้นได้ยินอย่างชัดเจน
เมื่ออ่านถึงเื่ราวที่น่าสนใจ เขาจะหยอกล้อเหยียนอู๋อวี้สองสามคำ ทั้งสองพูดคุยกันอย่างออกรส
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ถึงเวลาจุดตะเกียง เขาจึงสั่งให้นางกำนัลส่งอาหารไปให้ลี่เจาอี๋
เหยียนอู๋อวี้เลือกสํารับอาหารด้วยตัวเอง ทว่าก่อนจะออกไป นางกังวลว่าจะถูกวางแผนใส่ร้าย จึงให้คนไปตามหมอหลวงและหลังจากตรวจสอบแล้ว จึงส่งอาหารไปที่ห้องของเซียวซิ่งเสวี่ย
เดิมทีซ่งอี้เฉินจะบอกว่านางไม่ควรระมัดระวังมากนัก ทว่าเมื่อขบคิดเกี่ยวกับเื่นี้ เกรงว่าจะมีคนยืมมีดฆ่าคน เขาจึงไม่เอ่ยอันใดมากนัก
แม้จะระมัดระวังมากแล้ว ทว่าในคืนนี้กลับยังคงมีเื่บางอย่างเกิดขึ้น
กลางดึกขณะที่เหยียนอู๋อวี้นอนหลับสนิท จู่ๆ ด้านนอกพลันมีเสียงนางกำนัลงร้องะโออกมา
“ลี่เจาอี๋มีอาการปวดท้องและมีเืออกเล็กน้อยเ้าค่ะ”
เสียงนี้ได้ปลุกเหยียนอู๋อวี้จากการหลับสนิทให้ตื่นขึ้นทันที
ทันทีที่นางลืมตาขึ้นก็พบกับดวงตาที่หมองคล้ำของซ่งอี้เฉิน
ในเสี้ยวนาทีนั้นเอง นางเกือบจะคิดว่าเขาโกรธอย่างยิ่ง
เพิ่งตรวจพบว่าตั้งครรภ์ กลับถูกผู้อื่นทำร้ายอีกแล้วใช่หรือไม่?
เชิงอรรถ
[1] ยามโฉ่ว หมายถึง เวลาประมาณ 01.00-03.00 เป็การนับ่ยามแบบจีนในสมัยโบราณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้